เธอแค่เดินไม่มองทาง แต่เขากลับมองว่าเธอเป็นสก๊อยสิบแปดมงกุฎตั้งใจเดินให้รถเฉี่ยวเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับเขา แต่หารู้ไม่ว่าเธอคือลูกสาวเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดัง
View More“กรี๊ดด!! มิเรย์ระวัง”
สามสิบนาทีก่อนเกิดเหตุ… “เย้!~” เสียงเชียร์สนั่นทั่วสนามแข่งรถ เมื่อลัมโบร์กีนีสีฟ้าครามวิ่งด้วยความเร็วแสงเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่หนึ่งอย่างหวุดหวิด “เชรด สุดยอดหวะ ชนะขาดรอยเลย สมกับที่เป็นพี่กู” ‘เจเดน’ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อุทานออกมาพร้อมกับออกท่าทางแสดงความดีใจ เมื่อ ‘เจโรม’ พี่ชายฝาแฝดซิ่งรถเข้าเส้นชัยด้วยความเร็วแสง ในสนามแข่งรถซุปเปอร์คาร์ “เหยียบคันเร่งไม่ตก จริง ๆ เลยว่าไหมดรีม”สิ้นเสียงนุ่มนวลของ ‘เทียน่า’ สาวสวยสุภาพพูดเพราะก็มีสาวสวยอีกคนในกลุ่มพูดตอบกลับ “อือ แต่เสียดาย ที่มิเรย์ไม่มาด้วย ไม่ครบแก๊งเอาซะเลย” ‘ดรีม’ สาวสวยสุดแซ่บตอบกลับเทียน่าและพูดถึงเพื่อนอีกคน ที่มีนิสัยขี้รำคาญคนหน่อย ๆ ชอบนอนติดแหง็กอยู่เพ้นท์เฮ้าส์วันหยุด ไม่ค่อยอยากจะพบปะผู้คน “เทียน่ามึงโทรตามมันที บอกว่าไอ้โรมแข่งรถชนะ จะได้ไปฉลองกัน”ดรีมออกคำสั่งกับเทียน่าสาวหมวยที่นิสัยสุภาพเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม เพราะรู้ดีว่าเทียน่าพูดกับมิเรย์แล้วมิเรย์ใจอ่อนยอมออกมาแน่ “จะดีเหรอดรีม เทียน่าจะไม่โดนด่าแน่นะ” “ไอ้เชี่ย!!” สิ้นคำถามของเทียน่าไม่กี่วินาที ดรีมก็อุทานขึ้นเสียงหลงดวงตาโตตกใจ เมื่อมองไปขอบสนาม เห็นเจโรมเซตามแรงชกจากฝั่งคู่แข่ง “นี่มันขี้แพ้ชวนตีนี่หว่า” เจเดนแผดเสียงอย่างไม่พอใจ สองขายาวรีบวิ่งแจ้นไปหาพี่ชายฝาแฝด “มึงโทร.. โทรศัพท์ โทร”ดรีมพูดไปชี้โทรศัพท์เทียน่าไปด้วยความร้อนรน เพราะตอนนี้ขอบสนามเดือดเป็นไฟแล้ว ทั้งเจเดนและเจโรม วิ่งพุ่งเข้าซัดกับฝั่งคู่แข่งอย่างกับหมากัดกัน ด้านเทียน่าเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบจับโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาปลายสายด้วยความร้อนรนไม่ต่างกัน (ฮัลโหล) “ระ เรย์! เรย์! เรย์มาสนามแข่งรถเดี๋ยวนี้เลย”ริมฝีปากอวบอิ่มของเทียน่าพูดลุกลิ้ลุกลนทันทีที่ปลายสายกดรับ (ว่าไงเทียน่า มีอะไรเหรอ) ‘เรย์ มิเรย์’ หรือ คาทาฮาชิ มิเรย์ สาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย นี่แหละคือสาวสวยหน้าเหวี่ยง นิสัยขี้รำคาญคนหน่อย ๆ ของกลุ่ม “เจเดม กับ เจโรม โดนอีกฝั่งซัดให้น่วมเลย ที่สนามแข่งรถ XX” (อือ แล้วเป็นยังไงบ้าง?) น้ำเสียงงัวเงียของมิเรย์พูดต่อ ก่อนจะใช้มืออีกข้างขยี้ดวงตาเฉี่ยว พลางหันมองเวลานาฬิกาตั้งโต๊ะ ท่าทางเฉื่อย ๆ ราวกับว่าคุ้นชินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “มาที่สนามแข่งรถเดี๋ยวนี้เลยนะเรย์ เทียน่ากับดรีม รนไปหมดแล้ว ทำอะไรไม่ถูก”เทียน่าสาวเรียบร้อยคนเดียวของกลุ่มกำชับให้มิเรย์รีบมาสนามแข่งรถอีกครั้ง (อือ ๆ เดี๋ยวรีบไปนะ) ด้านมิเรย์เมื่อเอ่ยตอบเพื่อนจบก็ยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม บิดขี้เกียจ แล้วก้าวขาเรียวเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวขาวสะอาดเข้าห้องน้ำ เพื่อจัดการอาบน้ำแต่งตัว แล้วขับรถมาหากลุ่มเพื่อนที่สนามแข่งรถ “เชี่ยเอ้ย เจ็บชิบหาย”เจเดนบ่นกระปอดกระแปด นิ้วชี้พลางแตะแผลเลือดไหลซิบที่มุมปากขวา หลังจากวิ่งเข้าไปปะทะกับอริช่วยพี่ชายตัวเอง “แพ้ แม่งไม่ยอมรับว่าแพ้อีก”เจโรมบ่นพรึมพำ นัยน์ตาคมสีสวยก็พลางมองคู่อริฝั่งตรงข้ามอย่างคาดโทษ นี่เป็นครั้งแรกที่เจโรมโดนกลุ่มนี้ท้าแข่ง เคยได้ยินแต่คนเตือนว่าแก๊งนี้ถ้าแพ้แล้วชอบโวยวาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นจริง “ขี้แพ้ชวนตีสมกับคำล่ำลือจริง ๆ พวกมึง” “เป็นไง เลือดกลบเลยซิ”ทันที่สาวหุ่นเพรียวอย่างมิเรย์เดินกอดอกเข้ามาถึงเรียวปากสีหวานก็เอ่ยถามเพื่อน ตาเฉี่ยวคู่สวยก็พลางมองเจเดนและเจโรม “โอ๋โห กว่าจะมาได้ ไม่รอให้สนามแข่งรถปิดก่อนล่ะ”ด้านดรีมเมื่อเห็นมิเรย์จึงพูดประชดตามสไตล์สาวปากแซ่บ ก่อนจะหันไปจัดการถุงน้ำแข็งที่วางอยู่ข้าง ๆ “อ้าวเหรอ ได้นะ”แต่เมื่อมิเรย์ได้ยินเช่นนั้นก็ทำท่าทางเดินหันหลังกลับทำทีเป็นไม่แคร์คำพูดที่เพื่อนพูดประชดประชันเพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากออกมาแต่แรก แต่ทว่า… “พวกกูประชดค่ะ”ดรีมรีบสวนควันตอบมิเรย์ มือพลางหยิบน้ำแข็งใส่ผ้าเช็ดหน้าผืนบางยื่นให้เจโรมเพื่อประคบหางคิ้วที่ฟกช้ำดำเขียว “วันหยุดไม่คิดจะออกจากห้องเลยว่างั้น ไม่คิดจะมาหาเพื่อนฝูงเลย” “แล้วนี่รออะไร ทำไมไม่กลับกัน รอให้พวกมันมารุมกระทืบอีกรึไง”มิเรย์จิ๊ปากหมุนตัวกลับไปถามกลุ่มเพื่อนขณะหน้ายังคงเหวี่ยง ๆ เช่นปกติ มือเรียวสวยพลางก็ยกขึ้นเสยผมยาวสลวย “ยังกลับไม่ได้อ่ะดิ ขอดูรุ่นพี่แข่งก่อน ถ้ามึงดูฝีมือพี่เขานะ กูว่ามึงต้องชอบแน่ กูเคยฝึกกับพี่เขาครั้งที่ไปญี่ปุ่น อย่างชอบ”ทางด้านเจเดนเมื่อได้ยินมิเรย์ถามจึงรีบเปลี่ยนเรื่องเบนความสนใจให้มิเรย์หายอารมณ์เสียเพราะแอบรู้มาว่าเพื่อนชอบดูรถแข่งเหมือนกัน แต่ติดแค่ว่าวันนี้เป็นวันหยุด “ใคร แล้วอีกนานไหม” “ไม่นาน อีกไม่เกินยี่สิบนาที อยากให้มึงดูพี่เขาขับจริง ๆ” “อือ ๆ งั้นเดี๋ยวเดินลงไปซื้อของกินก่อนแล้วกัน กูหิว”เรียวปากสีหวานบอกกับกลุ่มเพื่อน พร้อมกับชี้นิ้วโป้งกลับไปด้านหลัง เพราะนี่ก็เวลาเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ส่วนเทียน่าเมื่อได้ยินมิเรย์บอกกับเจเดนเช่นนั้น เธอจึงอาสาไปซื้อของกินเป็นเพื่อนมิเรย์ สองสาวสวยมิเรย์และเทียน่าเดินไปลานจอดรถของสนามแข่งเพื่อจะออกไปซื้อเบอร์เกอร์ร้านใกล้ ๆ ในระแวกนั้นเพื่อกินรองท้อง แต่ในระหว่างที่กำลังเดินไปรถเทียน่าก็ชวนคุยเพราะกลัวว่ามิเรย์จะโกรธที่เธอโทรกวน “เรย์ ไม่โกรธเทียน่าใช่ไหม ที่เทียน่าโทรไปกวนตอนนอน”เทียน่าเอ่ยถามมิเรย์เสียงใสแววตาฉายความวิตกกังวล ที่เทียน่าถามแบบนั้นเพราะเทียน่ารู้ดีว่ามิเรย์ไม่ชอบให้ใครโทรกวนเวลานอนหรือวันหยุด “ไม่โกรธหรอก นี่ก็บ่ายสามแล้ว”ด้านมิเรย์เองก็รับรู้และเข้าใจว่าที่เพื่อนโทรหาคงเพราะอยากให้เธอออกมารวมกลุ่มกันสนุก ๆ ในวันหยุด เลยไม่ถือสาอะไร บวกกับสายที่โทรไปเป็นเทียน่าแล้ว เธอก็ด่าไม่ลงจริง ๆ “จริงนะมิเรย์” “จริงสิ จะโกรธทำไมเล่า ใครจะโกรธเทียน่าลง”มิเรย์ฉายรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าพริ้มเพราให้กับเทียน่าก่อนจะเอ่ยพูดต่อเสียงใส “ก็ไม่รู้สิกลัวเรย์โกรธไง” “วันนี้จอดรถไกลหน่อยนะ คนเยอะหาที่จอดรถไม่ค่อยได้ เดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว”มิเรย์พูดเปลี่ยนประเด็นพร้อมกับจับมือเทียน่าเพื่อจะข้ามถนนด้วยความประมาทไม่ทันจะมองว่ามีรถกำลังวิ่งแล่นมา บรึ้น~ บรึ้น~ “กรี๊ด!!! มิเรย์ระวัง”7 ผ่านไป“แม่คะ โตขึ้นมิลินขอเป็นนักแข่งรถเหมือนลุงเก็นได้ไหมคะ”เสียงเด็กหญิงมิลินเอ่ยถามคนแม่อย่างไร้เดียงสา หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนอินเตอร์กับคนเป็นพ่อ ด้านมิเรย์เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยพูดก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามมิลินต่อ“พ่อพาไปสนามแข่งรถมาเหรอคะ”มิลินเมื่อได้ยินมิเรย์เอ่ยถามเช่นนั้นจึงตอบไปตรง ๆ “ใช่ค่ะ คุณพ่อพามิลินกับแพนเตอร์แวะไปสนามแข่งรถมา รถซิ่งมากค่ะคุณแม่ แพนเตอร์ก็ชอบ”สิ้นเสียงไร้เดียงสาของสาวน้อยมิลินมิเรย์จึงไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นศรีอัมพรจึงเดินมารับมิลินไปเล่นด้วยที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านเห็นมิเรย์ตาแข็งใส่ ก็พอจะเดาได้ว่าลูกสาวตัวแสบน่าเล่าเรื่องที่เขาพาตนกับน้องชายไปสนามแข่งรถมาบ้างแล้ว“คิดถึงแม่จัง กอดหน่อย”“นี่แหน่ แม่บอกพ่อแล้วใช่ไหม ว่าอย่างเพิ่งพาลูกเราไปสนามแข่งรถ ลูกเราอายุยังน้อย”มิเรย์พูดตำหนิแม็กซ์เวล ขณะใบหน้าพริ้มเพราก็หันไปมองลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นกับศรีอัมพรในห้องนั่งเล่น“พอดีพ่อรีบเอาของไปให้ไอ้เลอร์และไอ้เก็นมัน ขอโทษน๊า ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ”ไม่เพียงแค่พูดร่างสูงยังกอดอ้อนมิเรย์พร้อมกับหอมแก้มฟอดให
วันเวลาผ่านไปเกือบปีตอนนี้มิเรย์กับแม็กซ์เวลก็ยังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยมีแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ อย่างมิลินอยู่ด้วยไม่ห่างกาย“พ่อ อาบน้ำให้ลูกยัง”เสียงของมิเรย์เอ่ยถามแม็กซ์เวลในขณะที่กายหนาเดินอุ้มมิลินขึ้นมาบนห้องชั้นสอง“อาบแล้วครับแม่ แต่กว่าจะอาบเสร็จก็นานเลย”เนื่องจากมิลินชอบเล่นน้ำ การอาบน้ำเด็กวัยสิบเอ็ดขวบจึงเป็นเรื่องยาก หากไม่ถูกตามใจก็จะงอแง แต่มิเรย์และแม็กซ์เวลก็จะเลี้ยงแบบมีเหตุไม่ตามใจลูกอะไรมาก เว้นแต่หากมิลินอยู่กับย่าและยายก็จะโดนตามใจมากเป็นพิเศษ“แล้วแม่กลับมานานยัง ทานข้าวยังครับ”“ยังเลย ฝากพ่อดูลูกก่อนนะ เดี๋ยวเค้าอาบน้ำแป๊บนึงแล้วจะมาเปลี่ยน อยู่กับพ่อก่อนนะคะเดี๋ยวแม่มาอุ้มนะมิลินคนสวยของแม่”ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นว่ามิเรย์เข้าไปอาบน้ำ จึงพามิลินนั่งเล่นของเล่นต่อในห้อง เหลือบสายตาคมมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่ม จากนั้นแกรก…“แม็กซ์ แม็กซ์ เอามิลินมาให้แม่”“มีอะไรแม่”“เอามา เอามิลินมา มาเลี้ยงเอง”ศรีอัมพรเอ่ยพูดกับลูกชาย ขณะขาก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วหลอกล่อมิลินไปกับเธอ ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นแม่ทำเช่นนั้นก็รู้สึกงงไม่น้อย กระทั่ง..“วันนี้มิลิน
เมื่อมิเรย์เข้าไปในห้องคลอดแม็กซ์เวลก็นั่งเก้าอี้แทบไม่ติด นั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีร่างสูงโปร่งก็ต้องยันตัวลุกเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น ขณะใจก็ยังคงห่วงลูกกับมิเรย์ไม่หลุดด้านมิเรย์เมื่อเข้ามาถึงห้องคลอดก็ยิ่งปวดถี่เพิ่มมากขึ้นจนต้องร้องไห้ระบายความเจ็บออกมาโดยไม่อายพี่ ๆ พยาบาลและหมอตาล เมื่อหมอตาลเห็นว่ามิเรย์ปวดมาก จึงประสานงานไปยังวิสัญญีแพทย์มาทำการบล็อกหลังให้มิเรย์คลายความเจ็บปวดเมื่อบล็อคหลังเสร็จเรียบร้อยพยาบาลจึงให้มิเรย์เอาขาขึ้นขาหยั่ง จากนั้นก็ทำการคลุมผ้าปราศจากเชื้อตรงหว่างขามิเรย์อีกคราก่อนจะก้มลงตัดแผลฝีเย็บ จากนั้นหมอตาลก็สั่งให้มิเรย์เบ่ง..“คุณแม่เบ่งค่ะ อื๊ดด~”มิเรย์ออกแรงเร่งสุดกำลังแรง ขณะลมหายใจก็ร้อนพราวหายใจออกมาถี่รัว“เบ่ง อึบ..”“อื๊ด..โอ๊ย หมอตาล”“อีกนิดนึง ๆ”สิ้นเสียงที่หน้าตื่นเต้นของหมอตาล พยาบาลจึงตะโกนขึ้น“คลอดแล้วค่ะ 16:15 น. ทารกเพศหญิง”พูดจบพยาบาลที่พูดขึ้นก็ก้มลงจดอะไรบางอย่างลงไปในเอกสาร ด้านหมอตาลเมื่อมิลินออกมาลืมตาดูโลกแล้วจึงรีบอุ้มมิลินเข้าไปให้มิเรย์ดู แต่ในระหว่างที่มิเรย์ได้เห็นคนแปลกหน้าที่เธออยากเจอน้ำใส ๆ ก็ไหลออกจากตาสองข้างด้วยควา
หลายวันผ่านไปเกือบเหลืออีกเพียงสามสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ศรีอัมพรเองก็เห่อหลานใช่เล่นกดสั่งของเตรียมคลอดมาไว้เต็มบ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งไซมัสเขมมิกาและเก็นชิ ยอมทิ้งงานเพื่อบินกลับมารอรับขวัญหลานสาวที่ใกล้จะลืมตาดูโลกในอีกเร็ววันด้วยความตื่นเต้นกันถ้วนหน้า“รีบ ๆ เข้ามาจัดเลย ไว ๆ”เสียงของศรีอัมพรออกคำสั่งกับพนักงานราวห้าหกคนเสียงดังให้รีบขนของลงจากรถคันใหญ่เข้าในบ้านหลังโต จนทำให้ร่างบางที่นอนหลับกลางวันสะดุ้งตื่นกับเสียงที่รบกวนมิเรย์เมื่อได้ยินจึงใช้มือขยี้ดวงตาพลางยันตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งงัวเงีย จากนั้นก็ลุกเดินไปแหวกม่านดูว่าเสียงคนกำลังทำอะไร“เฮ่อ ปวดหลังจัง”ร่างบางเอ่ยพูดพร้อมกับใช้มือพยุงท้องโต ๆ ขณะมือที่ว่างอีกข้างก็จับกระดูสันหลังเอนตัวคลายความปวด สักพักก็เดินหมุนตัวกลับมาที่เตียงนอนนุ่มด้านแม็กซ์เวลเมื่อรู้ว่าใกล้กำหนดคลอดของมิเรย์เข้ามาเรื่อย ๆ ก็ไปทำงานแค่เพียงครึ่งวันแล้วกลับบ้าน เนื่องจากกลัวว่ามิเรย์จะคลอดก่อนกำหนด มิเรย์เดินกลับมานั่งที่เตียงไม่นานแม็กซ์เวลก็เปิดประตูห้องเข้ามา“วันนี้แม่อยากให้เธอย้ายลงไปอยู่ชั้นล่าง ท้องโตมากกลัวเดินขึ้นลงลำบาก ไหนจะเท้าบว
“ทำเป็นปากหวานตลอด”ไม่พูดเปล่า มือเรียวบางยังจับคางแม็กซ์เวลส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นมิเรย์ทำเช่นนั้นจึงยิ้มหวานพลางเอ่ยถามน้ำเสียงปกติออกไป“จะอาบน้ำตอนไหน อาบน้ำได้แล้วมั้ง”เนื่องจากเข้าสู่เดือนที่แปดท้องมิเรย์โตมากจนไม่สามารถทำความสะอาดตัวได้ทั่วถึง แม็กซ์เวลจึงมีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้เพิ่ม เขินก็เขินแต่จะทำไงได้..“อาบเลยก็ได้จะได้เตรียมตัวลงไปทานข้าวเย็นกัน”เมื่อเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกมิเรย์จึงเอ่ยตอบไปอย่างไม่ขัด พูดจบร่างบางก็ยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับพยุงท้องโต ๆ ของเธอเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อถอดชุดเดรสออก“มานี่เดี๋ยวลองทำนี่ให้ดู ไปอ่านเจอมาเขาบอกจะสบาย”ร่างสูงโปร่งเดินดิ่งมาหาร่างบางที่กำลังจะถอดชุดเดรสลงตะกร้า จากนั้นก็โอบเอวมิเรย์จากด้านหลังแล้วพยุงท้องของเธอขึ้น ทว่าร่างบางกลับตกใจ“จะทำอะไร ทำได้เหรอ”“ทำได้ อยู่เฉย ๆ เขาบอกว่าจะชวนให้หายปวดหลังได้ด้วยนะ”ไม่เพียงแค่พูดแม็กซ์เวลยังวางมือหนาลงเบา ๆ พยุงท้องโต ๆ ของมิเรย์ขึ้นต่อ มิเรย์เมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร ขณะดวงตาคู่สวยก็มองว่าแม็กซ์เวลจะทำอะไรต่อแล้วสิ่งที่ทำมันดีจริงไหม ทว่าสิ่งที่แม็กซ์เวลทำมันทำให
ช่วงค่ำของวันของวันหลังจากทั้งคู่เดินลงไปทานข้าวเสร็จ ก็พากันกลับมาห้องนอนมิเรย์เองก็ไม่ลืมที่จะกินยาบำรุงแล้วเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินมานั่งลงเตียงนอนนุ่มเตรียมตัวเข้านอน ทว่าก่อนนอนก็ยังคงต้องเปิดเพลงในตัวจิ๋วฟังพร้อมทั้งเปิดไฟฉายส่องกระตุ้นพัฒนาการ“ฉันขอทำนะ เธอทาออยโลชันไปยัง”“ทาแล้ว”พูดจบแม็กซ์เวลก็หยิบไฟฉายมาส่องที่หน้าท้องกลม ๆ ของมิเรย์เพื่อกระตุ้นการมองเห็นของเจ้าจิ๋วในครรภ์ ขณะที่เจ้าจิ๋วที่อยู่ในครรภ์เมื่อโดนไฟฉายส่องก็ดิ้นถีบท้องมิเรย์ใหญ่“แรงดีจริง ๆ เธอจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร”“ฉันอยากตั้งชื่อว่ามิลิน นายคิดว่าไง”“มิลิน ที่แปลว่าฉลาด ใช่ไหม”แม็กซ์เวลพูดพร้อมกับแสดงท่าทางใช้ความคิด ขณะมือหนาก็ยังส่องไฟฉายกระตุ้นพัฒนาการต่อ ทางด้านมิเรย์เมื่อได้ยินแม็กซ์เวลพูดเช่นนั้นจึงพูดต่อ“อือหึ นายรู้ความหมายได้ยังไง”“ก็ฉันฉลาดไง”สิ้นเสียงทะเล้นของแม็กซ์เวล มิเรย์จึงเบ๊ปากมองบนขึ้นด้วยความหมั่นไส้กับความมั่นในครั้งนี้ ก็จริงอย่างที่แม็กซ์เวลพูดนั่นแหละ จากนั้นทั้งคู่ก็เล่านิทานให้ลูกน้อยฟัง“สรุปนายโอเคไหม? ที่ฉันจะตั้งชื่อลูกชื่อมิลิน”“โอเคสิ เธอว่าไงฉันก็ว่างั้น”ริมฝี
Comments