ในคุกหลวงเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและเงียบสงัด เสียงฝีเท้าของทหารที่เดินเข้ามานั้นดังแหวกอากาศที่เงียบงัน ทำให้ทุกสายตาต่างหันมาจับจ้อง เมื่อทหารยกมือชี้ไปที่ห้องขังที่ตั้งอยู่ลึกสุดในคุกหลวง นั่นคือห้องที่ใช้สำหรับคุมตัวผู้ที่ต้องโทษร้ายแรงกุ้ยเฟยชวีหยาที่ถูกคุมตัวมานั้นถูกมัดมือและล่ามเท้าอย่างแน่นหนาใบหน้าแสดงอาการหวาดวิตกและหมดอาลัยตายอยาก ชวีหยาเองไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ก้มหน้านิ่งและไม่พยายามจะดิ้นรนหลีกหนีการจับกุมใดๆ แม้ภายในใจนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเสียใจทหารสองคนเดินเข้ามาข้างๆ เสียงตะโกนดังออกมาจากทหารที่นำชวีหยาเข้ามา "ข้าได้รับคำสั่งจากองค์ชายรองอวี่หรง ให้คุมตัวกุ้ยเฟยมาที่คุกหลวงจนกว่าฝ่าบาทจะมีคำสั่ง เปลี่ยนแปลง"ชวีหนยายิ้มหยัน“ไม่ต้องห่วงข้าก็ไม่ได้คิดจะหนีไปไหนหรอก...ก็แค่รู้สึกเหมือนว่าชีวิตนี้มันไร้ค่าก็เท่านั้นไม่มีใครให้ห่วงและไม่มีใครห่วงข้า”“หุบปาก แล้วเข้าไปข้างในเสีย” ทหารคนหนึ่งสั่งเสียงดังชวีหยาไม่ตอบอะไรเพียงแค่ก้าวเข้าไปในห้องขังมืดๆ ท่ามกลางความเงียบ ทุกอย่างที่เห็นคือผนังห้องขังที่สกปรกและมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนทหารหนึ่งในนั้นเ
เสียงฝีเท้าของคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องไต่สวน ทุกคนในห้องเงียบกริบ รอฟังสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นถัดไป องครักษ์ที่รีบเร่งมาพบหยางลี่ ถือห่อยาที่ถูกค้นพบมาในมือ สายตาของเขามีแววหลากหลายระหว่างความกังวลและความร้อนรนจากสิ่งที่เขาพบ"ฝ่าบาท..."องครักษ์แล้วยื่นห่อยาให้กับหยางลี่ด้วยท่าทีเคารพ ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง "ห่อยานี้ค้นพบในตำหนักเย็นของกุ้ยเฟยซวีหยา ข้าพบมันหลังจากที่ได้ทำการค้นหาตามคำสั่งขององค์ชายรองอวี่หรง"ทุกสายตาจับจ้องไปที่ห่อยาเล็กๆ ในมือขององครักษ์ผู้นั้น หยางลี่เพียงแต่ยกมือให้เขาวางห่อยาลงบนโต๊ะ ก่อนจะมองไปที่ทุกคนในห้อง"ซวีหยา อย่างนั้นหรือ" เสียงของหยางลี่ดังก้องไปทั่วห้อง เขาจับจ้องไปที่องครักษ์และถามเสียงเย็นชา "เจ้าแน่ใจนะว่าเจอสิ่งนี้ในตำหนักเย็นของซวีหยา"ผู้คุมพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ขอรับ... ข้าทำตามคำสั่งและได้ทำการค้นหาทุกซอกมุมจนพบสิ่งนี้..."คำพูดขององครักษ์ทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบไปชั่วขณะ ทุกคนหันมามองหน้ากันและกัน สีหน้าของหลายคนเริ่มไม่สบายใจ เพราะทุกคนรู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างไทเฮากับกุ้ยเฟยซวีหยา หลังจากที่ไทเฮาทรงสั่งลงทัณฑ์ให้กุ้ยเ
บรรยากาศยิ่งเคร่งเครียดขึ้น อวี่หรงที่นั่งเคียงข้างพี่ชายขมวดคิ้วแน่น ตวัดสายตามองเสี่ยวหยูอย่างไม่วางใจ ขณะที่เสี่ยวหนี่ที่นั่งอยู่ใกล้หยางลี่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล มองไปยังเซียหยากับเสี่ยวหยูสลับกันหยางลี่ทอดถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทั้งสองต่างยืนยันว่ามิใช่ฝีมือของตน เช่นนั้น…คงต้องค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมให้กระจ่างกว่านี้ มิอาจตัดสินเพียงคำพูดได้”เสียงทุ้มดังสะท้อนในห้อง ทุกผู้คนต่างสะดุ้งเล็กน้อย ความกดดันถาโถมเข้ามาหนักหน่วงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะจี้เหวินที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด แววตาสั่นระริกแต่ต้องพยายามฝืนใบหน้าให้เรียบนิ่ง กลัวว่าความลับที่แท้จริงจะถูกเปิดโปงออกมาในไม่ช้าทันใดนั้น เสียงองครักษ์ดังขึ้นจากหน้าประตู “ฝ่าบาท! กระหม่อมพบหลักฐานใหม่พ่ะย่ะค่ะ”ทุกสายตาหันไปทันที องครักษ์ผู้นั้นคุกเข่าลงแล้ววางกล่องไม้เล็กๆ ไว้บนพื้นตรงหน้าหยางลี่ ก่อนเปิดออกเผยให้เห็น เศษห่อยาสีหม่น ที่มีผงขาวติดอยู่บางส่วนเสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วทั้งท้องพระโรง อวี่หรงลุกพรวดขึ้นยืน สีหน้าดุดัน “นี่มันห่อยาที่พบในห้องเครื่องมิใช่หรือ”องครักษ์พยักหน้ารับ “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อย
ค่ำคืนนี้ในห้องมืดของตำหนักส่วนตัว จี้เหวินก้มตัวเข้ามาใกล้หยางชินอวี้ ดวงตายังคงวาววับราวกับพยายามชั่งใจความเสี่ยงทุกวินาที“พระสนมเพคะ…ข้าจะเล่าให้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าได้โยนความผิดไปยังเซียหยาแล้ว กับนางในห้องเครื่องที่ชื่อเสี่ยวหยูคนนั้น แต่ยังมีความกังวลใจอยู่มาก ข้าเหมือนตัวคนเดียวและต้องแก้ตัวเพียงลำพัง พรุ่งนี้ฝ่าบาทจะเสด็จมาไต่สวน” จี้เหวินพูดเสียงแผ่ว “หม่อมฉันเห็นควรให้พระสนมไปที่นั่นด้วย แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ฝ่าบาทเห็น จะได้ไม่ถูกสงสัย และพระสนมควรจะช่วยยืนยันว่าข้าอยู่ที่ตำหนักกุ้ยฮวาไม่ได้ไปทำเรื่องร้ายแรงแบบนั้นที่ไหน”หยางชินอวี้หลุบตามองพื้น สีหน้าเงียบสงบ แต่ในดวงตาแฝงความคิดลึกซึ้งคล้ายรอคอยการตัดสินใจ“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้พาดพิงถึงข้า”“จี้เหวินไม่กล้าแล้วที่ผ่านมา เงินทองที่พระสนมให้มาก็ไม่น้อย และพระสนมเองก็ดูแลข้าอย่างดีมาตลอด” ถึงจะพูดแบบนั้นทว่าภายในใจนั่นเล่าต่างออกไป“ก็ได้…ข้าจะไปฟังคำไต่สวนด้วยตัวเอง” เสียงทุ้มต่ำตอบพลางฝ่ามือกำแน่น ความเงียบในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความกดดันจี้เหวินพยักหน้าเบาๆ รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแต่ก็ยังระวังทุกก้าวหวังว่าการแส
"ข้าน้อยจี้เหวิน…ได้ยินนางกำนัลบางคนกระซิบกัน ว่าเครื่องเสวยบางจานฮองเฮาทรงใส่พระทัยมาก ทำด้วยพระหัตถ์เองทุกขั้นตอน ข้าน้อยไม่กล้าสงสัยไม่กล้าพูด…แต่หากพวกท่านอยากรู้ความจริง คงต้องตรวจสอบอาหารของฮองเฮาอย่างละเอียด"คำพูดนั้นดังเหมือนสายฟ้าฟาด ทุกคนในห้องหันขวับมามองด้วยสายตาแปลกใจ บางคนถึงกับตะลึงอ้าปากค้างอวี่หรงจ้องลึกไปที่จี้เหวิน ดวงตาเข้มกดดันจนจี้เหวินหายใจติดขัด มือเย็นเฉียบไปหมด แต่ในใจกลับหัวเราะ ข้าเพียงโยนความสงสัยออกไป คนที่ต้องเผชิญแรงกดดันแทนข้า…ก็คือเสี่ยวหนี่เสียงตวาดขององค์ชายรองอวี่หรงดังสะท้อนก้องไปทั้งห้อง "จี้เหวิน เจ้าบังอาจนัก กล้าโยนความผิดให้ฮองเฮาอย่างนั้นหรือ"ร่างเล็กสะท้านเฮือก จี้เหวินก้มหน้าจนแทบติดพื้น ตัวสั่นงันงก ปากอ้าพะงาบไร้เสียง คำแก้ตัวใดก็พลันหายวับราวควันไฟเพียงกำมือแน่น หวังให้แรงสั่นสะท้านนี้หยุดลงเสียทีทว่าโชคชะตากลับไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ …"ฝ่าบาท องค์ชายรอง พวกกระหม่อมเจอของสิ่งหนึ่งขอรับ""องค์ชาย! พบห่อยาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"ทุกสายตาหันขวับไปยังแถวเครื่องปรุงที่ตั้งเรียงรายอยู่ ร่างองครักษ์สองนายรีบแบกไหใบใหญ่เดินออกมาวางกลางห้อง ตรง
ห้องครัวตำหนักเหยียนหลิงเต็มไปด้วยความเงียบงันผิดปกติ เหล่านางในที่เคยคุยเจื้อยแจ้วต่างก้มหน้างุดเมื่อคนขององค์ชายรองอวี่หรงเดินเข้ามาทีละก้าว ดวงตาแหลมคมกวาดมองไปรอบๆ พร้อมกับบันทึกทุกคำตอบลงในสมุดไม้ไผ่การสอบสวนเริ่มต้นขึ้นทีละคน เสียงถามสั้นๆ ตอบสั้นๆ ตะล่อมทีละคำเพื่อหาความจริง "เจ้าอยู่ตรงไหนในยามที่ไทเฮาเสวย" "ข้าเพียงยกถาดผลไม้เจ้าค่ะ" "มีใครเห็นเจ้าหยิบจับสิ่งใดแปลกไปหรือไม่" "ไม่มีเจ้าค่ะ" “แล้วพวกเจ้ามีใครเห็นคนต้องสังสัยหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะพวกเราไม่พบใครทั้งนั้นข้าเองมัวแต่สารวนงานครัวจึงไม่ได้สังเกตใครในวันนั้น” เสี่ยวอี้พูดดังๆเวลาผ่านไปนานนับชั่วยาม แต่ทุกคำตอบก็ยังคงเป็นปกติไร้พิรุธ ใบหน้าของนางในทั้งหลายมีเพียงความหวาดกลัว ไม่ปรากฏร่องรอยความผิดอวี่หรงที่ยืนพิจารณาอยู่ด้านข้างค่อยๆ ขมวดคิ้วแน่น เมื่อค้นห้องครัวเกือบจะหมดทุกซอกมุมก็ยังไม่พบสิ่งที่ดูผิดแผก เมื่อสอบสวนใกล้จะเสร็จสิ้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากมุมห้อง เป็นนางในผู้ตัวเล็ก นิสัยตรงไปตรงมาคนหนึ่งที่ยกมือขึ้นลังเล “องค์ชายรอง…ข้าน้อยมีเรื่องสงสัย และมีเรื่องจะเรียน"สายตาทุกคู่หันไปจับจ้อง นางในคนนั้น