“ท่านพ่อกับคุณชายใหญ่ของท่านถูกฆ่าตายที่ชายแดน ตระกูลหม่าถูกกล่าวหาว่าก่อกบฏ ฮึก…นายหญิง คุณชายเล็กและคนอื่นๆ ถูกจับตัวไปและจะถูกประหารในวันพรุ่งนี้”
View Moreตั้งแต่จำความได้ “หม่าหนิงเซียน” ก็ถูกเลี้ยงมาโดยแม่นมในหมู่บ้านทุรกันดารห่างจากเมืองหลวงประมาณห้าสิบลี้ ตัวนางนั้นไม่เคยพบผู้เป็นบิดามารดา พี่ชายและน้องชายของนางที่รับรู้ผ่านแม่นม
ตั้งแต่เล็กจนถึงบัดนี้นางอายุครบยี่สิบหนาว นางไม่เคยสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว ไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรักจากพ่อแม่ที่เด็กสาวคนหนึ่งสมควรได้รับ แต่ว่าแม่นมยังคงบอกเสมอว่าท่านพ่อและท่านแม่รักนางอย่างมาก นางที่รู้อย่างนั้นก็ยังปลอบใจตัวเองว่าสักวันพวกท่านจะมาหานางบ้าง
แต่อย่างน้อยในตอนนี้นางยังมีแม่นมที่คอยห่วงนาง คอยเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมราวกับนางเป็นลูกสาวคนหนึ่ง
“คุณหนูเจ้าค่ะ…ฮึก..คุณหนู…” ลี่หลินหรือแม่นมของหนิงเซียนวิ่งเข้ามาในบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างของหญิงชราสั่นไปตามแรงสะอื้น
“แม่นมเกิดอันใดขึ้น ท่านเป็นอันใด” หนิงเซียนเห็นท่าทางของลี่หลินก็รู้สึกใจหาย นางลงไปประคองลี่หลินที่ทรุดลงพื้นขึ้นมา
“นายท่านกับคุณชายใหญ่…” ลี่หลินเอ่ยไปพลางสะอื้นไป
“ท่านพ่อกับพี่ใหญ่เกิดอันใดหรือ” หนิงเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น นางสังหรณ์ใจว่าสิ่งที่ลี่หลินรับรู้มามันจะทำให้นางเสียใจไปชั่วชีวิต
“ท่านพ่อกับคุณชายใหญ่ของท่านถูกฆ่าตายที่ชายแดน ตระกูลหม่าถูกกล่าวหาว่าก่อกบฏ ฮึก…นายหญิง คุณชายเล็กและคนอื่นๆ ถูกจับตัวไปและจะถูกประหารในวันพรุ่งนี้” ลี่หลินพยายามเอ่ยประโยคที่นางไม่อยากจะพูดออกมามากที่สุด แต่นางก็ต้องพูดเพื่อให้คุณหนูของนางได้รับรู้
หนิงเซียนทีได้ยินอย่างนั้นก็ตัวชาไปทั่วร่าง หัวใจดวงน้อยแตกสลาย น้ำตาไหลรินออกมาพร้อมกับความเจ็บปวด
กรี๊ด!!
เหตุใดพวกท่านจึงทิ้งข้าเร็วขนาดนี้ ข้าไม่ดีตรงไหน ข้ารอวันที่ท่านพ่อท่านแม่มาหาข้าอยู่นะ ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้
“ไม่จริงใช่ไหม มันไม่จริงใช่ไหมแม่นม ท่านโปรดบอกข้าที” หนิงเซียนหันไปหาลี่หลินด้วยความหวัง หวังว่าลี่หลินจะโกหกนางเท่านั้น ไม่จริงใช่ไหม
“……” ลี่หลินไม่ตอบ แต่กลับดึงหนิงเซียนเข้ามากอดแทน นั้นทำให้หนิงเซียนร้องไห้หนักเข้าไปอีก ลี่หลินไม่ได้หลอกนาง เรื่องที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
ทั้งสองกอดกันร้องไห้จนตัวโยน เสียงร้องไห้ราวกับกำลังจะขาดใจดังก้องไปทั่วบริเวณ ทำให้รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเสียใจเพียง มันไม่ง่ายเลยที่ต้องจัดการความรู้สึกเมื่อรู้ว่าคนทั้งครอบครัวกำลังจะตาย
ได้โปรด…สวรรค์ได้โปรดขอให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงได้ไหม ขอให้ทุกคนยังอยู่ได้หรือไม่ ได้โปรด
ตลอดทั้งคืนนางนอนร้องไห้ในอ้อมกอดของลี่หลิน นางไม่สามารถทำใจได้เลย จนนางเผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้าภาวนาให้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ไม่เกิดขึ้นจริง
“คุณหนู…คุณหนูตื่นเถิดเจ้าค่ะ” เสียงเรียกของลี่หลินทำให้เปลือกตาบวมเป่งหลังจากร้องไห้มาทั้งคืน ลืมตาขึ้นมา
“ฮึก…ท่านพ่อท่านแม่” ทันทีที่นางเห็นดวงตาที่แดงก่ำของลี่หลิน น้ำตาที่เหือดแห้งก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“คุณหนูเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ เราจะไปหานายหญิงกันเจ้าค่ะ” ลี่หลินประคองหนิงเซียนขึ้นทั้งน้ำตา แม้แต่นางเองก็ยังทำใจไม่ได้เลย
“อืม…ไปหาท่านแม่กัน” ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว นางเองก็อยากเจอท่านแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ชีวิตนี้นางจะไม่ได้เห็นใบหน้านั้นอีก
เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองก็แต่งตัวกันออกจากบ้านมุ่งไปขึ้นเกวียนวัว หน้าหมู่บ้านเพื่อไปยังเมืองหลวง ในทุกๆ ครั้งที่หนิงเซียนออกจากบ้านนางต้องคลุมผ้าปิดหน้าผากของนางไว้ ไม่ให้ผู้ใดรู้ว่านางมีปานรูปดอกบัวสีแดงที่กลางหน้าผาก
ระหว่างเดินทางหนิงเซียนก็ยังคงใจลอย นึกถึงหน้าท่านพ่อท่านแม่และบรรดาพี่น้องของนาง จนลี่หลินที่เห็นท่าทางของหนิงเซียนก็นึกสงสารไม่น้อย นางจึงพยายามเข้มแข็งให้หนิงเซียนรู้ว่ายังมีนางอยู่ข้างๆ
เกือบสองชั่วยามในที่สุดพวกนางก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง ขาเรียวยาวเงยมองกำแพงสูงสถานที่ ที่ครอบครัวนางเคยอยู่ ไม่สินับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคงไม่ใช่แล้ว
แม้ว่านางจะพยายามเข้มแข็งเพียงใด แต่พอนึกถึงเรื่องราวที่เดียวกับครอบครัวของนางน้ำตามันก็ไหลรินทุกที หัวใจดวงนี้มันแตกสลายเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว
ลี่หลินประคองหนิงเซียนเดินเข้าไปในตัวเมืองที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของไปมาอย่างมีความสุขแต่กลับนางนั้นไม่ใช่ ลี่หลินพาหนิงเซียนเดินตามทางมาเรื่อยๆ จวบจนมาถึงกลางเมือง มาหยุดที่หน้าจวนหนึ่ง น้ำตาของนางไหลลงมาอีกครั้งเมื่อนางเห็นภาพตรงหน้า
ภาพจวนที่งดงามที่สุดในวันวาน ถูกไฟเผาไหม้จนไม่เหลือโครงเดิม สถานที่ที่นางเรียกว่าบ้านบัดนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
“ไอ้พวกบัดซบ”
“ดีแล้วที่จับพวกมันไปประหาร”
“เลวสิ้นอะไรดี”
“ขอให้พวกมันไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลย” ระหว่างนั้นชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างด่าสาปแช่งด่าไปถึงบรรพบุรุษของนางทั้งยังปาของเน่าเสีย สิ่งปฏิกูลในจวนของนางอีก มันทำให้นางทนไม่ไหว หมายจะไปต่อว่าคนพวกนั้นที่กล้ามาด่าครอบครัวของนาง แต่ลี่หลินก็รั้งร่างของหนิงเซียนไว้ทั้งน้ำตา ก่อนจะพาหนีออกจากผู้คนพวกนั้น
“ไม่เอาเจ้าค่ะคุณหนู ไม่ทำอย่างนั้นเจ้าค่ะ” ลี่หลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“ท่านห้ามข้าทำไม ฮึก…ท่านไม่เห็นหรือว่ามันด่าพวกเรา ด่าท่านพ่อ ด่าคนในตระกูลของเราที่อุตส่าห์ยอมสละเลือดเนื้อเพื่อที่จะให้พวกมันมีผืนแผ่นดินอยู่” หนิงเซียนมองมาที่ลี่หลินอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดถึงปล่อยให้พวกนั้นย้ำยีหัวใจของนางได้เช่นนี้
“เชื่อนมเจ้าค่ะ คุณหนูเชื่อนมเถิดเจ้าค่ะ นายท่านคงไม่อยากเห็นคุณหนูโดนพวกนั้นทำร้ายหรอกเจ้าค่ะ” ลี่หลินพยายามเกลี้ยกล่อมให้หนิงเซียนใจเย็นหลง หากหนิงเซียนเกิดวู่วามไปมันคงไม่เกิดผลดีอย่างแน่นอน
หนิงเซียนทรุดตัวลงอย่างหมดเเรง ซบหน้าลงกับอกของลี่หลินร้องไห้ออกมา มันอัดอั้นในใจตัวนางไม่สามารถทำอันใดได้เลย ตัวนางไม่สามารถช่วยครอบครัวของนางได้แม้แต่คนเดียว
เสียงกลองดังกังวานทั่วเมือง ทำให้หนิงเซียนหันไปตามทิศทางของเสียง พลางหันมามองที่ลี่หลินอีกครั้ง นางเห็นลี่หลินพยายามกลั้นที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
“มันถึงเวลาแล้วใช่หรือไม่” หนิงเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“……” ลี่หลินไม่ตอบแต่พยักหน้าให้กับหนิงเซียนแทน
“ไปพวกเรา ไปดูไอ้พวกที่กล้าทรยศต่อผืนแผ่นดิน”
“ไปข้าก็อยากเห็น ว่าน้ำหน้าอย่างพวกมันเหตุใดถึงกล้าก่อกบฏ”
“ใช่ๆ ฆ่าล้างตระกูลพวกมันไป แคว้นของเราจะได้เจริญขึ้น”
“ใช่ๆ พวกมันช่างเนรคุณแผ่นดินเสียจริง”
คำด่าทอมากมายที่คนพวกนั้นเอ่ยออกมาหนิงเซียนได้ยินมันทุกคำ สะท้อนไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ครอบครัวนางทำผิดขนาดนั้นเลยหรือ เหตุใดจึงสาปแช่งกันขนาดนี้
“ไปกันเถอะเจ้าค่ะคุณหนู” ลี่หลินประคองหนิงเซียนขึ้น กระชับผ้าคลุมหัวของหนิงเซียนให้สนิท เเล้วเดินตามคนพวกนั้นไปอย่างช้าๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น…ในตำหนักของหนิงเซียนต่างวุ่นวายตามหาหมอหลวงอย่างเร่งรีบ เมื่อพบว่าหนิงเซียนโดนทำลายร้ายตอนนี้ทั้งวังหลวงต่างอยู่ในความตื่นตระหนก เหตุใดเมื่อคืนถึงบังอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาทำลายว่าที่ฮองเฮาได้“ฝ่าบาทหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงวิ่งมาพร้อมกับหมอหลวง เข้ามาในห้องของที่มีร่างของหนิงเซียนนอนเจ็บอยู่ที่แขนของนางนั้นยังมีเลือดซึมอยู่ตลอดหมอหลวงเข้ามาแล้วก็รีบจัดการกับแผลของหนิงเซียน “ฝ่าบาทพระองค์โปรดออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องใช้สมาธิอย่างมากในการรักษาคุณหนูหนิงเซียน” หมอหลวงหันมาบอกจางหมิงที่ยังยืนอยู่ในห้องดู“ข้า…” ทีแรกจางหมิงมีท่าทียึกยัก แต่พอคิดว่าจะต้องรีบรักษาหนิงเซียนให้เร็วที่สุดจึงตัดสินใจออกจากห้องไปพอหมองหลวงเห็นว่าฝ่าบาทออกไปแล้วก็หันมารักษาให้กับหนิงเซียน หยิบยาขึ้นมาก่อนจะป้อนให้กับหนิงเซียน ดวงตาที่หลับอยู่ของหนิงเซียนเปิดขึ้นทันทีคว้ายาในมือของหมอหลวงก่อนจะป้อนใส่ปากของหมอหลวงอย่างรวดเร็วนางตวัดร่างขึ้นก่อนจะล็อกร่างของหมอหลวงไว้ให้กลืนยาเม็ดนั้นลงไป ด้วยความที่ร่างหมอหลวงบอบบางเกือบเท่านางทำให้หมอหลวงไม่สามารถขัดขืนได้เลยทำใจต้องกลืนยาเม็ดนั้นลงไป“เจ
“เจ้าหัวเราะอันใด” ซูเม่ยมองไปที่หนิงเซียนอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดมันจึงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้“ข้าแค่เพียงชื่นชมในบทละครที่คุณหนูซูเม่ยตั้งใจเล่นเป็นอย่างมาก แต่เพียงคุณหนูบทของท่านกลับไม่เป็นจริงสักเรื่อง”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ท่านยังต้องถามข้าอีกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่าคนที่ไปสืบเรื่องนี้มาเหตุใดจึงสืบมาได้เพียงแค่นี้ เรื่องราวที่เหตุขึ้นที่ซีฉินออกจะใหญ่โต งั้นตัวข้าหนิงเซียนจะเล่าให้ทุกคนฟังในเรื่องที่ถูกต้อง จะได้เล่าเรื่องของตระกูลข้าได้อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน” หนิงเซียนไล่สายตาไปหาผู้คนในงานนี้ ผู้ที่เผลอสบสายตากับนางก็รีบหลบสายตาหนีทันที“เรื่องที่ตระกูลหม่าของข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏนั้นเป็นความจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลข้าถูกใส่ร้ายเท่านั้น พวกบ้าหลงระเริงอยู่ในอำนาจหวาดกลัวต่อตระกูลของข้าที่ย่อมสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน คุณหนูซูเม่ยต่อจากนี้ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี… “หนิงเซียนจ้องเข้าไปในดวงตาของซูเม่ยที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก” ตัวข้ากองทัพทมิฬของท่านพ่อข้าและยังมีกองทัพหนันเหลียงร่วมจัดการโค่นบัลลังก์ตระกูลราชวงศ์องค์ก่อนนั้นคือสิ่งที่คุณหนูซูเม่ยขาดหายไป” หลังจาก
ภายในท้องพระโรง“ฝ่าบาทมีม้าเร็วจากซีฉินส่งสารมาว่าเหล่าคณะขุนนางของซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนหนันเหลียงในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ” สิ้นสุดเสียงของนางกองทำให้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างถกเถียงกันกับการมาเยือนของคณะซีฉินในครั้งนี้ เพราะทั้งสองแคว้นนั้นก็นับว่าไม่ได้ปรองดองกันถึงขนาดที่ว่าจะไปมาหาสู่กันได้แต่ข้อถกเถียงก็ข้อถกเถียงเมื่อจางหมิงสั่งให้ขุนนางทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีในการมาเยือนของคณะซีฉินอีกห้าวันข้างหน้า“คุณหนูเจ้าคะ คณะจากซีฉินจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ในอีกห้าวันข้างหน้า” เหมยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านลุงจะมาที่นี่หรือ” หนิงเซียนแปลกใจเหตุใดนางถึงไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับซีฮัน“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทสั่งให้เหล่าขุนนางเตรียมความพร้อมต่างๆ ท่านซ่งเสี่ยนเองก็เริ่มสั่งให้นางกำนัลเตรียมการสถานที่วังหลวงรอแล้วเจ้าค่ะ”หนิงเซียนพยักหน้าเข้าใจ นางก็อยากรู้ว่าที่ซีฮันมาเยือนหนันเหลียงครั้งนี้ด้วยเหตุอันใด “คงจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว”ห้าวันผ่านไปตลอดเวลาที่ซีฉินส่งมาแล้วมาว่าจะมาเยี่ยมเยือนให้อีกห้าวันข้างหน้า คนในวังหลวงต่างมีหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม และวันนี้เป็นวันที่คณะของ
“คุณหนูเกิดเรื่องใหญ่เข้าเจ้าค่ะ” เสียงของเข่อซิงดังมาตั้งแต่หน้าตำหนัก ทำให้หนิงเซียนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องยาต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นหรือเข่อซิง” ท่าทีของเข่อซิงดูร้อนรนไม่น้อย“ข่าวเกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้ในเมืองต่างกล่าวถึงตัวท่านอย่างสนุกเลยเจ้าค่ะ เกี่ยวกับที่ตระกูลหม่าของท่านเป็นตระกูลแม่ทัพที่ก่อกบฏร้ายแรงสังหารชาวบ้านไม่เว้น แต่ดีที่ราชวงศ์ของตงหยางสั่งประหารได้ทัน พวกเขายังเล่นกันอีกกว่าเป็นท่านที่หนีรอดมาได้” เข่อซิงที่ออกไปซื้อของให้กับลี่หลิน นางจึงบังเอิญได้ยินเข้าหนิงเซียนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปมากนัก” งั้นหรือเจ้าจะตกใจไม่ใย “ทำให้เข่อซิงสงสัยไม่น้อยตอนนี้ตระกูลของท่านกำลังถูกมองไม่ดีอยู่นะเจ้าคะ” แต่… “” มันไม่ใช่ความจริง เหตุใดข้าต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ“เรื่องที่กล่าวมาไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เหตุใดจึงไม่บอกไปด้วยละว่านางคนนี้ที่เป็นคนล้มราชวงศ์ซีฉินกับมือเอง” เจ้าค่ะ “เข่อซิงพยักหน้าตอบรับ ในเมื่อหนิงเซียนไม่ดูเดือดร้อนกับข่าวที่เกิดขึ้นเลยนางก็หาได้เดือดร้อนไม่“ขบวนองค์หญิงสามเสด็จ” เสียงของใครบางคนดัง
หนิงเซียนที่ได้ฟังเรื่องราวของก็รู้สึกสงสารจางหมิงไม่น้อย เป็นถึงเชื่อราชวงศ์ใช่ว่าจะสุขสบาย ต้องคอยระวังภัยกันเอง“แล้วฝ่าบาทจะตื่นจากบรรทมเมื่อใด”“หากไม่มีดอกไม้นั้นแล้ว กว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของจางหมิงจะหายหมด ข้าคิดว่าอย่างต่ำสี่ถึงห้าวัน”ซ่งเสี่ยนพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าจางหมิงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้เสียอีกเมื่อจัดการตรงนี้เสร็จรีบร้อยนางจึงลาซ่งเสี่ยนกลับตำหนักวันนี้นางคิดที่จะไปเยี่ยมพวกเสี่ยวเปาเสียหน่อย นางเดินมาถึงทางออกเห็นว่ามู่เฉินยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ” มีอันใดหรือมู่เฉิน “” คุณหนูท่านจะกลับตำหนักแล้วหรือขอรับ “” ใช่ ว่าแต่เกิดอันใดขึ้น “” ตอนนี้เหล่าขุนนางต่างหมายจะเข้ามาเยี่ยมฝ่าบาทขอรับ “ตอนนี้มีเหล่าขุนนางประมาณหกเจ็ดคนยืนรออยู่หน้าตำหนักของจางหมิงเพื่อหวังจะเข้ามาดูอาการ” มีทางออกอื่นหรือไม่ “หนิงเซียนเองก็ไม่อยากปะทะขุนนางพวกนั้นในตอนนี้หรอกมู่เฉินได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ทางลับของตำหนักของฝ่าบาทย่อมมีอยู่แล้ว” ตามข้ามาขอรับ “หนิงเซียนเดินตามมู่เฉินออกไปทางลับที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตำหนัก” ทางเดินไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้าย ท่านจะไปออกหลังน้ำตกใ
ทันทีที่นางเข้ามาในห้องบรรทมของจางหมิง สิ่งที่ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างแรกก็คือกลิ่นของกำยานนางรู้สึกว่าในกลิ่นของกำยานนี้มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ แต่นางปล่อยผ่านมองไปที่เตียงก็เห็นร่างอันคุ้นเคยนอนแน่นิ่งอยู่กับเตียง ผิวกายซีดขาวราวกับคนตายระหว่างนั้นนางก็ยืนรอเพราะตอนนี้กำลังมีหมอหลวงคอยตรวจอาการของจางหมิงอยู่“หมอหลวงอาการของฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง” หลังจากที่หมอหวังเหว่ยตรวจเสร็จแล้วก็เข้าไปถามหมอหลวงหันมาพบว่ามีหญิงสาวผู้หญิงยื่นจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบนิ่งก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบหวังเหว่ย “อาการฝ่าบาทคล้ายคนปกติ ชีพจรเต้นมั่นคงดูเหมือนคนแข็งแรงทั่วไปแต่ที่ข้าสงสัยคือผิวที่ซีดราวกับคนตายของฝ่าบาท ข้าคงต้องขอไปปรึกษาหารือกลับหมอหลวงคนอื่นๆเสียก่อน ท่านองครักษ์หวังเหว่ยท่านโปรดวางใจ” หมองหลวงเอ่ยตอบพลางเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ยืมอยู่ในห้องนี้อีกคน“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก คุณหนูเชิญท่านตรวจดูอาการของฝ่าบาทได้เลย” หวังเหว่ยเอ่ยขอบคุณหมอก่อนจะหันมาบอกกับหนิงเซียน“ไม่ได้ ท่านหวังเหว่ยนางเป็นใครกล้าดีอย่างไรถึงให้นางมาจับตัวฝ่าบาทท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ฝ่าบาทกำลังจะประชวรอยู่” หมอหลวง
ขบวนรถม้าของหนิงเซียนมาจอดอยู่หน้าเรือนขนาดใหญ่ ทำให้เด็กต่างมองด้วยความตื่นเต้น“พี่หนิงเซียนพวกเราจะอยู่ที่นี่กันหรือเจ้าคะ” เปาซานเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น มองไปภายในเรือนด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางไม่เคยเห็นเรือนที่มีขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อนเลยหนิงเซียนพยักหน้าตอบลง” ใช่นับตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ข้าจะมีอาหารให้พวกเจ้ากินทุกมื้อและยังจะจ้างคนมาสอนหนังสือให้กับพวกเจ้าด้วย “นางคิดมาดีแล้ว เด็กๆ พวกนี้นางจะรับดูแลเอง” จริงหรือขอรับ “เสี่ยวเปามองไปที่หนิงเซียนด้วยสายตาเปล่งประกายไม่คิดว่าเขาจะได้เรียนหนังสือเหมือนกับคุณหนูคุณชายตระกูลใหญ่” ใช่ “” เอาละทุกคนอยู่ที่นี่ต้องทำตามกฎเข้าใจหรือไม่ หากใครดื้อเกเรจะต้องถูกลงโทษ พวกเจ้าทุกคนแยกชายหญิงแล้วจับคู่กัน “เด็กที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำตามที่หนิงเซียนบอกโดยมีพวกเหมยฮวาคอยช่วยเสี่ยวเปาที่สงสัยจึงเอ่ยถามออกไป” เหตุใดต้องแยกชายหญิงแล้วจะต้องจับคู่ด้วยขอรับ “” พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าชายหญิงมีความแตกต่างกันนั้นจึงเป็นเหตุที่ข้าให้พวกเจ้าแยกชายหญิง ส่วนที่เจ้าถามว่าจับคู่ทำไม เพราะคู่ของพวกเจ้านั้นจะต้องพักอยู่ในห้องเดียวกัน คอยช
“พี่หนิงเซียนท่านลุงป่วยเป็นอันใดขอรับ”“ท่านลุงก่อนที่ท่านจะล้มป่วยท่านทำงานอย่างหนักใช่หรือไม่”“ขอรับ” ฮุ่ยซานเอ่ยตอบตามจริง เพราะเขาเองก็อยากหาจากโรคบ้าๆ นี้แล้ว“บ้างเวลาท่านรู้สึกแน่นที่อกข้างซ้ายใช่หรือไม่ “” ขอรับ ข้าเป็นอันใดหรือขอรับ “เพราะอาการที่หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยตรงตามที่เขาเป็นทุกอย่าง” จะนับว่าร้ายแรงสิ่งที่ท่านเป็นมันก็ไม่ได้ดูร้ายแรงเท่านั้น ร่างกายท่านเพียงอ่อนล้าจากการทำงานอย่างหนักทำให้ร่างกายของท่านมีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเวลาที่ท่านทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ มันจะทำให้อาการเหล่านี้กลับมาอีก ส่วนที่ท่านยังไม่หายก็เพราะไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอและยาที่ตรงตามโรค“แล้วข้าจะต้องทำอย่างไรถึงจะต้องไม่เป็นมันอีกขอรับ” ฮุ่ยซานไม่อยากเป็นโรคนี้อีกแล้ว มันช่างทรมานเหลือเกินที่จะต้องนอนอยู่บนเตียงเฉยไม่มีแรงไปทำสิ่งใด“ง่ายต่อจากนี้ท่านต้องหยุดทำงาน แล้วดูแลตัวของท่านให้ดี”“ไม่ได้ข้าหยุดทำงานไม่ได้ หากข้าหยุดพวกเด็กๆ ก็จะไม่มีอาหารประทังชีวิต”“ท่านลุงทางอารามไม่ส่งอาหารมาให้พวกเราแล้วขอรับ” เสียงของเสี่ยวเปาทำให้ฮุ่ยซานหันไปโดยเร็ว“อะไรกันข้าไม่ได้ไปทำงานเพียงไม่กี่วันพ
“เด็กน้อยเจ้าเป็นอย่างไร” หนิงเซียนพยายามปลุกเด็กน้อย แต่ไม่ว่านางจะทำอย่างไรเด็กชายก็ไม่ตื่นขึ้น ดูจากอาการแล้วน่าจะอดอาหารมาเป็นเวลานาน นางจับชีพจรพบว่าชีพจรเต้นเบาอย่างมาก“จางหมิงท่านไปซื้อยาสมุนไพรแถวนี้มาให้ข้าหน่อย” หนิงเซียนบอกรายชื่อสมุนไพรที่ต้องการให้กับจางหมิง เพราะกระเป๋ายาของนางไม่ได้เอามาด้วยเลยต้องหาเอาจากที่นี่แทน“คุณชายเกิดอันใดขึ้นขอรับ” คนขับรถม้าเห็นว่าเหมือนจะมีเรื่องเกิดขึ้นจึงเข้ามาถาม“เจ้าไปซื้อสมุนไพรพวกนี้มาให้นาง” จางหมิงหันไปบอกกับคนขับรถม้าอีกหน“ขอรับ”หนิงเซียนเอาน้ำให้เด็กชายจิบอย่างช้าๆ รอเวลาที่คนของจางหมิงไปซื้อสมุนไพรมาให้นาง หนิงเซียนเห็นว่าเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น นางจึงอุ้มเด็กชายขึ้นแล้วพาตรงไปยังรถม้าเวลารักษานางไม่ค่อยชอบให้คนมาดูมากนัก มันจะชอบมีพวกปากมากติติงการรักษาของนาง“ข้าอุ้มเอง” จางหมิงเข้าไปแย่งเด็กชายมาอุ้มด้วยตัวเองก่อนจะพาไปยังรถม้าหนิงเซียนที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากรีบตามจางหมิงไปติด ไม่นานคนขับรถม้าก็นำสมุนไพรที่ซื้อมาให้กับนาง“ท่านโปรดรออยู่ข้างนอก” หนิงเซียนให้จางหมิงออกไปรออยู่ข้างนอกก่อนที่นางจะเริ่มทำการรักษาให้กั
Comments