เสิ่นจือเจิ้งจึงนำที่มาที่ไปของเรื่องราว บอกเล่าให้คนตระกูลฉู่ได้รับรู้ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนี้ ทำเอาจวนเจียนแทบสิ้นสติดีที่มีสาวใช้อยู่ด้านหลังคอยพยุง นางจึงไม่ได้ล้มลง“เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ อันอันหายไป จวินสิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”“ชีวิตพวกเรากว่าจะอยู่สงบขึ้นบ้าง เหตุใดจึงมีคนชื่อเหวยป๋อจื่อปรากฎขึ้นมา?”หลังจากฮูหยินใหญ่เริ่มตั้งสติ ก็ได้ร้องห่มร้องไห้จนน้ำตานองหน้าไปเสียแล้วทุกคนในตระกูลฉู่ต่างร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนฝาหม้อร้อนเหยียนเซ่ากับเวินอี๋ต่างกล่าวพร้อมกัน “เราจะไปตามหาอันอันเอง ไม่ยอมให้นางถูกเหวยป๋อจื่อจับตัวไปได้”ทั้งคู่กล่าวพลาง รีบก้าวเท้าเตรียมจะจากไป เสิ่นจือเจิ้งรีบรั้งตัวพวกเขาไว้“เหวยป๋อจื่อรู้วิชาไสยศาสตร์ และที่ที่นางถูกจับไปมีกลไกซ่อนอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะทำลายได้”“หากไม่เพราะฉู่จวินสิงไปแตะถูกกลไกเข้า คงไม่ถูกวิชามารเข้าร่างเช่นนี้”ฉู่จวินหลุนได้ยินดังนี้ จึงเห็นด้วยกับความคิดเสิ่นจือเจิ้ง“เหวยป๋อจื่อเชี่ยวชาญการใช้ไสยศาสตร์ สมัยก่อนเสด็จพ่อก็ถูกมันควบคุมด้วยวิชานี้ จนเกือบมอบอำนาจการปกครองให้แก่เหวยป๋อจื่อ”“เคราะห์ดีที่สุด
เสิ่นจือเจิ้งรีบวิ่งเข้ามา “ฉู่จวินสิง ตื่นเร็วเข้า!”ฉู่จวินสิงยังคงหลับตานิ่ง แม้แต่ลมหายใจก็ดูอ่อนแรงลงมากเสิ่นจือเจิ้งเห็นลำคอฉู่จวินสิงที่โผล่ออกจากคอเสื้อ มีไอดำกลุ่มหนึ่งแทรกเข้าไปในร่างกายเขาเขารีบเปิดเสื้อของฉู่จวินสิงออก ก็พบว่าหน้าอกเขากลายเป็นสีดำคล้ำไปแล้วทันใดนั้นจึงคิดได้ว่า เจ้าของร่างเดิมขณะถูกท่านย่าเล็กใช้วิชาไสยศาสตร์เข้าควบคุม ก็ได้ปรากฏไอสีดำเช่นนี้ เข้าสู่ร่างกายเหมือนกันเสิ่นจือเจิ้งเข้าใจโดยพลัน ว่าฉู่จวินสิงได้ถูกวิชาไสยศาสตร์สะกดเข้าแล้วหากไม่รีบพาเขาไปจากที่นี่ ผลร้ายคงไม่อาจคาดคิดเมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นจือเจิ้งจึงรีบสกัดจุดฉู่จวินสิงเร็วพลัน เพื่อยับยั้งมิให้ไอสีดำนั้นแพร่กระจายไปทั่วร่างพร้อมทั้งนำฉู่จวินสิงขึ้นพาดบนหลังม้า รีบควบม้ามุ่งตรงไปยังทิศทางของหมู่บ้านชิงสุ่ยและเสียงดังลั่นเมื่อครู่นี้ ได้สั่นสะเทือนถึงเหวยป๋อจื่อด้วยเมื่อเขาปรากฏตัวที่ด้านนอกจวนเสวียนเยว่ จึงเห็นเสิ่นจือเจิ้งพาฉู่จวินสิงซึ่งได้รับบาดเจ็บรีบจากไปอย่างรวดเร็วมุมปากเหวยป๋อจื่อผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “น้ำหน้าอย่างพวกเจ้า คิดมาช่วยเจี่ยนอันอันน่ะหรือ ช่างฝันเฟื่
เจี่ยนอันอันมองหน้ากู้มั่วหลีพลางค้อนปะหลับปะเหลือก คิดในใจว่าอย่าเพิ่งหัวเราะ อีกประเดี๋ยวจะให้ร้องไห้ให้สาสมเจี่ยนอันอันจึงกล่าวพร้อมสีหน้าเย็นชา “ข้าจะบอกให้รู้ ยาพิษที่ฉู่ชางเหยียนใช้กับเจ้า ต่อให้นำเลือดเนื้อของมนุษย์มากเท่าใด ก็ไม่อาจผลิตเป็นยาถอนออกมาได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้กู้มั่วหลีหุบยิ้มได้สำเร็จ“เจ้ารู้วิธีถอนพิษกระนั้นรึ?”หลายวันนี้กู้มั่วหลีเก็บตัวอยู่ในจวนเสวียนเยว่ ได้วิชาไสยศาสตร์ของเหวยป๋อจื่อช่วยประคองไว้ ร่างกายรู้สึกดีกว่าแต่ก่อนขึ้นมากอย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกพิษในกายทรมานสาหัสอีกแต่นี่ก็เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น วันหน้าเขายังต้องรับความทรมานเช่นนี้ดังเดิมเดิมทีคิดว่าจะรอให้เหวยป๋อจื่อสูบเลือดจากเจี่ยนหลิงเยว่ไปสักครึ่งก่อน เขาค่อยสูบเลือดจากนางให้หมดสิ้นทั้งตัวเพื่อทำเป็นกระสายยาของยาถอนพิษ ไปเลี้ยงตัวหนอนเถิงซือจะได้ใช้วิธีนี้ ถอนพิษร้ายในร่างกายให้หมดสิ้นแต่เจี่ยนอันอันกลับบอกว่า ไม่ว่าเขาจะใช้เลือดเนื้อของผู้ใด ล้วนไม่อาจปรุงเป็นยาถอนพิษได้หมดเขาย่อมรู้ดีว่านางมีวิชาแพทย์สูงส่ง สามารถปรุงยาพิษได้อย่างล้ำเลิศหากนางมีวิธีถอนพิษจริง เขาก็
“เจ้าจงวางใจพักผ่อนอยู่ที่นี่ ข้ารับรองว่าจะไม่คิดล่วงล้ำเจ้า”“ถ้าเหวยป๋อจื่อย้อนมาอีกครั้ง ข้าก็จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เขาพบเห็นการปรากฏตัวของเจ้าแน่นอน”กู้มั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คล้ายกำลังพูดคุยอยู่กับสตรีที่ตนรักแต่เจี่ยนอันอันกลับเต็มไปด้วยความร้อนรน นางคิดแต่จะหนีจากกู้มั่วหลีก่อน ค่อยไปคิดบัญชีกับเหวยป๋อจื่อต่อแต่ยามนี้นางกลับไม่สามารถทำอะไรได้ จุดที่ถูกสกัดไว้ ต้องรออีกสองชั่วยามจึงจะคลายออกเองจึงได้แต่ปล่อยให้กู้มั่วหลี่นั่งอยู่ข้างกาย โดยไม่มีแรงต่อต้านแม้เพียงน้อยนิดกู้มั่วหลีลูบไล้ใบหน้าเจี่ยนอันอันเบาๆ หลายครั้ง ก่อนจะดึงมือกลับไปเจี่ยนอันอันเกิดความรู้สึกขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าปากนางจ้องมองกู้มั่วหลีด้วยความโกรธ แต่กลับเห็นอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยสายตาอันอ่อนโยนชายผู้นี้เห็นทีคงเสียสติเป็นแม่นมั่น จะใช้สายตาอ่อนโยนเช่นนี้มองนางทำไมกันเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันจ้องมองด้วยความเดือดดาล กู้มั่วหลีพลันเหยียดริมฝีปาก ผุดรอยยิ้มน่าดูออกมา“เจ้าคงยังไม่ได้กินข้าว ป่านนี้น่าจะหิวแย่แล้ว ข้าจะให้คนทำอาหารมาให้”กู้มั่วหลีกล่าวพลาง ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
จึงหันไปประสานมือต่อกู้มั่วหลี “ขออภัยคุณชายกู้ เมื่อครู่ข้าอาจสอดรู้สอดเห็นไปบ้าง”“แต่ในห้องไม่มีอะไรให้ดูอีก เชิญคุณชายปิดประตูได้แล้ว”กู้มั่วหลีแม้จะยังคลางแคลงใจอยู่ แต่ก็รีบปิดประตูเร็วพลันจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะอันตรธานหายไปได้อย่างไร เขากับเหวยป๋อจื่อต่างก็นั่งอยู่ที่ศาลาพักร้อนถ้านางแอบหนีออกจากห้องจริง เขากับเหวยป๋อจื่อก็ต้องมองเห็นและไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นเมื่อครู่นี้ขึ้นเหวยป๋อจื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่บริเวณนี้ อีกทั้งกู้มั่วหลีก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของนางจึงได้กล่าวต่อ “คุณชายกู้คงจะเหนื่อยแล้ว ข้าคงจะไม่รบกวนอีก”ขณะเหวยป๋อจื่อเตรียมตัวจะจากไปนั้น กู้มั่วหลีได้เอ่ยปากถาม “ท่านหมอดูเหวยยังไม่ได้บอกเลยว่า คนที่ถูกจับกลับมาคือผู้ใด?”เพื่อไม่ให้เหวยป๋อจื่อเกิดความสงสัย กู้มั่วหลีเสแสร้งทำเป็นสนใจใคร่รู้ พร้อมมองไปยังเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อยิ้มเบาๆ “คนผู้นี้เจ้าก็รู้จักดี อีกทั้งยังคิดถึงนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”“ท่านหมายความว่า ได้จับตัวเจี่ยนอันอันมากระนั้นรึ?” กู้มั่วหลีแสร้งทำเป็นตกใจนี่ยิ่งทำให้เหวยป๋อจื่อเข้าใจว่า กู้มั่วหลีน่าจะไม่ได้พบเห็น
แสดงว่าสมัยก่อนที่ติดตามอดีตฮ่องเต้ ก็เพื่อจุดประสงค์นี้กระมังเสียดายไม่ว่าเขาจะพยายามสักเพียงไหน ก็ไม่อาจสั่นคลอนบัลบัลก์ของอดีตฮ่องเต้ได้เสียงเหวยป๋อจื่อดังมาจากข้างนอกซ้ำอีก “เสียดายพิษในตัวคุณชายกู้ จนป่านนี้ยังหาวิธีถอนพิษไม่ได้”“ส่วนฉู่ชางเหยียนก็ไม่ส่งยาถอนพิษมาให้อีก นับว่าไม่สมควรยิ่ง”“ยามนี้จึงต้องให้คุณชายลดตัวอาศัยอยู่ในบ้านข้าไปก่อน รอจนวันหน้าบรรลุเป้าหมายแล้ว ข้าจะช่วยคุณชายได้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งไท่ยวน”กู้มั่วหลียิ้มตอบ แสดงเจตนาให้เหวยป๋อจื่อไปนั่งดื่มน้ำชาที่ศาลาพักร้อน“วันนี้เหตุใดท่านจึงย้อนกลับมาอีก คงไม่ใช่เพราะกลัวข้าจะทำลายศาลาพักร้อนของท่านจนเสียหายหรอกนะ”ด้วยวิสัยของเหวยป๋อจื่อที่ผ่านมา ทุกวันเขาจะมาเรือนตะวันออกเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นจิบน้ำชาพูดคุยกับกู้มั่วหลีครู่หนึ่งแล้วจึงจากไป และจะไม่มาหนที่สองอีกดูท่าเขาคงรู้แล้วว่า เจี่ยนอันอันได้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา จึงมาดูว่านางจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าเหวยป๋อจื่อนั่งอยู่ในศาลา เหลือบตาไปทางประตูห้องนอน“วันนี้ข้าได้จับคนคนหนึ่งมา ซึ่งคนผู้นี้เจ้าก็รู้จักดี และเชื่อว่าคงต้องการจะพบนางมาก”เหวย
“ไม่ได้หรอก ถ้าข้าคลายจุดให้เจ้า เจ้าก็จะใช้อาวุธสีดำนั่นมาเล่นงานข้าอีก ข้าคงไม่โง่ถึงเพียงนั้น”“แต่หากข้าตายไป เจ้ากับฉู่จวินสิงอาจไม่มีหนทางจะเล่นงานฉู่ชางเหยียนได้อีก”กู้มั่วหลีเดินมาเบื้องหน้าเจี่ยนอันอัน ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขาเหลือบมองผ้าพันแผลที่แขนของเจี่ยนอันอัน แขนเสื้อยังมีคราบเลือดเปื้อนอย่างเห็นได้ชัดแสดงว่าคงเป็นฝีมือเหวยป๋อจื่อที่พาเจี่ยนอันอันมาถึงนี่ ซ้ำยังแทงเข้าที่แขนของนางอีกกู้มั่วหลีรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำยังโกรธเคืองไปถึงเหวยป๋อจื่อเจี่ยนอันอันเป็นหญิงที่เขาหมายปอง ชายใดล้วนห้ามทำร้ายนางทั้งสิ้นเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ดีแก่ใจว่าคนคนนี้ไม่อาจเจรจาได้ง่ายแต่นางยังคิดไปหาเหวยป๋อจื่ออยู่ เพื่อทำภารกิจลับให้ลุล่วง หาคัมภีร์แผดเผาวิญญาณให้พบแต่บัดนี้นางกลับถูกกู้มั่วหลีสกัดให้อยู่ตรงนี้ จะไปที่ใดก็ไม่ได้ ยิ่งไม่เอาปลิดชีพเขาได้นี่ย่อมทำให้เจี่ยนอันอันเดือดดาลในใจยิ่ง“กู้มั่วหลีจงอย่าได้พล่ามมาก รีบคลายจุดให้ข้าเดี๋ยวนี้”กู้มั่วหลีอ้าปากคิดจะตอบ พลันสีหน้าขรึมลง พร้อมพูดเสียงเบาต่อเจี่ยนอันอัน “อย่าพูดมาก เขามาแล้ว”กู้มั
หลังจากเจี่ยนอันอันกินยาแก้ปวดและยาห้ามเลือดแล้วก็ใช้ผ้าก๊อซพันแผลที่แขนเอาไว้นางขยับแขนขาเล็กน้อยแล้วรีบสาวเท้ามาถึงหน้าประตูนางแง้มประตูออกก็เห็นว่าข้างนอกมีคนเฝ้าอยู่สองคนเห็นทีเหวยป๋อจื่อคงเกรงว่านางจะหนีออกมาจากข้างในจึงสั่งให้คนมาเฝ้าห้องนี้เอาไว้แต่สองคนนี้จะเป็นคู่มือของเจี่ยนอันอันได้อย่างไรเจี่ยนอันอันหยิบเข็มอาบยาพิษฤทธิ์แรงออกมาจากในมิติแล้วซัดไปที่ร่างสองคนนั้นในไม่ช้าสองคนนั้นก็ล้มลงอยู่นอกประตูเจี่ยนอันอันเปิดประตูวิ่งออกมาทันที นางต้องตามหาเหวยป๋อจื่อให้เจอ ถ้าไม่ตบเขาสักทีก็จะอดได้คัมภีร์แผดเผาวิญญาณมาแล้วแล้วนางก็จะไม่สามารถสลายอาคมใดๆ ของเหวยป๋อจื่อได้ถ้านางเพียงหนีออกไปจากที่นี่ เหวยป๋อจื่อก็คงจะตามมาหาเรื่องนางอีกในภายหลังนางจะต้องจัดการเหวยป๋อจื่อ เช่นนี้จึงจะเป็นการกำจัดภัยร้ายในวันหน้าจวนเสวียนเยว่แห่งนี้กว้างขวางมาก เจี่ยนอันอันหลบซ้ายหลบขวาเดินไปอยู่นานสองนาน แต่ยังคงไม่เห็นเงาร่างของเหวยป๋อจื่อแต่นางกลับไปได้ยินเสียงของเจี่ยนหลิงเยว่ดังมาจากเรือนตะวันตกเจี่ยนหลิงเยว่ด่าทอสาวใช้ด้วยความหยิ่งยโส ดูเหมือนจะโทษอีกฝ่ายว่าไม่ได้ปรนนิบัตินา
เจี่ยนอันอันข่มกลั้นความเจ็บปวดที่แขน อาศัยช่วงที่เหวยป๋อจื่อจากไป นางพ่นยาในปากออกมายานี่ไม่ได้ใช้ห้ามเลือด แต่มีพิษร้ายแรงยิ่งถ้านางกลืนลงท้องไปตรงๆ นางจะต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของเหวยป๋อจื่อ ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการกับร่างกายของตนเองเป็นแน่เจี่ยนอันอันโมโหจนอยากขุดบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเหวยป๋อจื่อขึ้นมาด่าเสียจริงๆเจี่ยนอันอันก้มลงมองเชือกที่พันอยู่บนร่าง เชือกนี้เป็นเชือกที่แสนจะธรรมดาแต่บนนั้นมีไอดำแผ่ซ่านออกมา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นอาคมที่เหวยป๋อจื่อลงเอาไว้นางลองใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในฉับพลัน หมายจะหนีออกไปจากที่นี่แต่คิดไม่ถึงว่าฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในฉับพลันกลับไม่สามารถใช้งานได้ที่นี่ในชั่วขณะที่นางมีความคิดจะใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในฉับพลัน เชือกบนร่างก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิมเวลานี้นางหายใจก็ยังยากลำบาก ร่างกายก็ถูกเชือกรัดจนเจ็บปวดหาใดเปรียบเจี่ยนอันอันตระหนักว่าเรื่องราวไม่เข้าที นางรีบใช้จิตสำนึกเข้าสู่มิติ เปิดตำราสามชะตามรรคาลี้ลับดูอีกครั้งอาศัยช่วงเวลาก่อนที่เหวยป๋อจื่อจะกลับมา นางจะต้องหาวิธีสลายอาคมแล้วหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้แต่ตำราสามชะตามรร