กู้มั่วหลีเห็นว่าหากตนเองยังไม่พูดอะไรอีกเกรงว่าเจี่ยนอันอันคงไม่ปรุงยาถอนพิษให้เขาแล้วอย่างไรเสียตอนนี้เจี่ยนอันอันก็ยังไม่อาจไปจากจวนเสวียนเยว่ เขาจึงกล่าวว่า“คืนนั้นมีคนยิงธนูเข้าไปในบ้านเจ้า บนหัวลูกศรยังมีกระดาษข้อความแผ่นหนึ่ง บนนั้นเขียนข้อความไว้ว่ามีคนจะมาเมืองอินเป่ยใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมองกู้มั่วหลีด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “เจ้าเป็นคนยิงลูกศรนั่น?”กู้มั่วหลีพยักหน้ายิ้มๆ “สิบวันก่อน แมลงที่ข้าปล่อยออกไปกลับมา ข้าจึงรู้ว่ารัชทายาทจะถูกเนรเทศมาที่นี่”“เหตุใดเจ้าจึงบอกข่าวนี้ต่อพวกข้าในคืนวันนั้น เจ้ามีจุดมุ่งหมายอันใดกันแน่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดว่ากู้มั่วหลีจะบอกเรื่องนี้ต่อนางและฉู่จวินสิงด้วยความหวังดีเกรงว่าคงมีเจตนาแอบแฝงอย่างอื่นมากกว่ากู้มั่วหลีหัวเราะเบาๆ สองมือกำหมัดแน่น ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ“ฉู่ชางเหยียนไม่ส่งคนนำยาถอนพิษมาให้ข้าเสียที ข้าย่อมไม่อยากถูกเขาบงการอีกต่อไป”“ข้าอยากร่วมมือกับพวกเจ้าทำลายขุมอำนาจราชสำนักของฉู่ชางเหยียน”นี่กลับเป็นสิ่งที่เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงจริงๆ กู้มั่วหลีอยากร่วมมือกับพวกนางหรือนี่เห็นทีว่ากู้มั่วหลีคงถูกยาพิษข
เจี่ยนอันอันรู้สึกตัวขึ้นมาในเวลาเพียงไม่นาน ดีที่ก่อนนางจะหมดสติ ในใจได้ท่องรหัสบางอย่าง จึงทำให้สามารถฟื้นคืนสติได้เร็วนางเห็นกู้มั่วหลีมองหน้าตนด้วยความห่วงใย ในใจพลันเกิดความคิดอีกอย่างหนึ่งยามนี้หากไม่คิดหลอกใช้กู้มั่วหลี เห็นทีนางคงไม่อาจไปจากที่นี่ได้แน่เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันฟื้นมา ความรู้สึกตึงเครียดของกู้มั่วหลีก็ค่อยผ่อนคลายลงบ้าง“เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”กู้มั่วหลีกล่าวพลาง พร้อมพยุงให้นางลุกขึ้นนั่งเจี่ยนอันอันส่ายหน้าเบาๆ “ข้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้มั่วหลีไม่นึกว่าเจี่ยนอันอันก็ห่วงเขาเป็น สีหน้าจึงรีบผุดรอยยิ้มออกมา“ข้าแค่ถูกฝ่ามือของเหวยป๋อจื่อซัดเข้าหลายครั้ง แต่ไม่ได้เป็นไรมาก เจ้าไม่ต้องห่วง”เจี่ยนอันอันตอบรับว่า “อืม” แต่แอบคิดในใจ ข้าจะห่วงเจ้าไปทำไม ยังคิดอยากจะฆ่าเจ้าเสียด้วยซ้ำเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา นางต้องการรู้วิธีไปจากที่นี่เสียก่อน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะไปจากที่นี่ได้อย่างไร?”เจี่ยนอันอันเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่ากู้มั่วหลีเห็นเจี่ยนอันอันมีความคิดจะไปจากที่นี่ พลันรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหาย“เจ้าอยา
นางรีบปรุงยาคลายจุดด้วยความรวดเร็ว และกินเข้าไปทำให้ในยามนี้ ร่างกายนางสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติแล้วเพียงแต่นางไม่อยากให้ชายทั้งสองสังเกตเห็น จึงคิดบอกให้เหวยป๋อจื่อวางตัวนางลงก่อนนางจะได้ฉวยโอกาสตบหน้าเหวยป๋อจือสักหนึ่งฉาด เพื่อให้ภารกิจลับลุล่วง จนได้คัมภีร์แผดเผาวิญญาณเล่มนั้นมาเหวยป๋อจื่อเห็นเจี่ยนอันอันเกิดอาการคลื่นเหียน จนทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น แต่เห็นว่านางอาจถูกกู้มั่วหลีจี้สกัดจุดไว้แล้วบัดนี้จึงดูไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกาย จึงวางใจปล่อยตัวนางลงที่ด้านข้างให้นางยืนพิงไว้กับเสากู้มั่วหลีไม่ต้องการให้เหวยป๋อจื่อพาตัวเจี่ยนอันอันไป จึงฝืนทนความเจ็บที่หน้าอกไว้ พร้อมออกหมัดต่อสู้อีกครั้งเจี่ยนอันอันมองดูการปะทะของคนทั้งคู่ แม้ว่าวรยุทธ์และพลังภายในของกู้มั่วหลีนับว่าสูงส่งยิ่งแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหวยป๋อจื่ออยู่ดีนางพอดูออกว่า เหวยป๋อจื่อไม่รู้วรยุทธ์มากนัก เพียงใช้วิชาไสยศาสตร์ในการรับมือมากกว่านางเห็นกู้มั่วหลีจวนเจียนจะพ่ายแพ้รอมร่อ อีกทั้งในร่างกายก็ได้สั่งสมวิชาไสยศาสตร์เข้าไปมากเจี่ยนอันอันฉวยโอกาสที่เหวยป๋อจื่อไม่ทันสังเกตนาง รีบเดินขึ้นหน้าไป พร้
เสิ่นจือเจิ้งกับพวกรีบออกเดินทางทันที ควบม้าไปทางตัวเมืองอย่างรีบเร่งครั้งนี้ไม่ได้พานกแร้งสองตัวติดตามไปด้วย เพราะเสิ่นจือเจิ้งรู้เป้าหมายแน่ชัดแล้ว จึงไม่ต้องใช้นกแร้งให้ช่วยนำทางอีก......เจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าฉู่จวินสิงได้เกิดเรื่องขึ้น นางนอนอยู่บนเตียง ส่งมโนจิตเข้าไปในห้วงมิติ คิดถามภารกิจแห่งห้วงมิติว่าพอจะช่วยนางคลายจุดได้หรือไม่นางซักถามอยู่นาน ก็ไม่ได้รับคำตอบจากภารกิจแห่งห้วงมิติขณะที่เจี่ยนอันอันรู้สึกโกรธจนแทบอยากด่าภารกิจแห่งห้วงมิติอยู่นั้น พลันเห็นมีคำตอบกลับมา“เธอมีวิชาแพทย์อยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ยังต้องมาถามฉันอีก ตัวเองปรุงยาเพื่อไปคลายจุดก็สิ้นเรื่อง”คำแนะนำจากภารกิจแห่งห้วงมิติ ทำให้เจี่ยนอันอันตาสว่างขึ้นแม้ว่าคำแนะนำจากภารกิจแห่งห้วงมิติมักแฝงมาด้วยความหยิ่งยโส แต่ทุกครั้งมักช่วยให้เจี่ยนอันอันรอดพ้นจากวิกฤติได้เสมอนางจึงหายโกรธภารกิจแห่งห้วงมิติในฉับพลันสุดท้ายจึงค่อยสงบสติ แล้วเริ่มไปค้นหาในคลังยาในที่สุดก็พบสมุนไพรบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณในการสลายเลือดคั่งได้ดีนางรีบทำการปรุงยาเม็ดอยู่ในห้วงมิติขณะที่มโนจิตของนางกำลังมุ่งมั่งปรุงยาอยู่ในห้ว
เสิ่นจือเจิ้งจึงนำที่มาที่ไปของเรื่องราว บอกเล่าให้คนตระกูลฉู่ได้รับรู้ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนี้ ทำเอาจวนเจียนแทบสิ้นสติดีที่มีสาวใช้อยู่ด้านหลังคอยพยุง นางจึงไม่ได้ล้มลง“เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ อันอันหายไป จวินสิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”“ชีวิตพวกเรากว่าจะอยู่สงบขึ้นบ้าง เหตุใดจึงมีคนชื่อเหวยป๋อจื่อปรากฎขึ้นมา?”หลังจากฮูหยินใหญ่เริ่มตั้งสติ ก็ได้ร้องห่มร้องไห้จนน้ำตานองหน้าไปเสียแล้วทุกคนในตระกูลฉู่ต่างร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนฝาหม้อร้อนเหยียนเซ่ากับเวินอี๋ต่างกล่าวพร้อมกัน “เราจะไปตามหาอันอันเอง ไม่ยอมให้นางถูกเหวยป๋อจื่อจับตัวไปได้”ทั้งคู่กล่าวพลาง รีบก้าวเท้าเตรียมจะจากไป เสิ่นจือเจิ้งรีบรั้งตัวพวกเขาไว้“เหวยป๋อจื่อรู้วิชาไสยศาสตร์ และที่ที่นางถูกจับไปมีกลไกซ่อนอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะทำลายได้”“หากไม่เพราะฉู่จวินสิงไปแตะถูกกลไกเข้า คงไม่ถูกวิชามารเข้าร่างเช่นนี้”ฉู่จวินหลุนได้ยินดังนี้ จึงเห็นด้วยกับความคิดเสิ่นจือเจิ้ง“เหวยป๋อจื่อเชี่ยวชาญการใช้ไสยศาสตร์ สมัยก่อนเสด็จพ่อก็ถูกมันควบคุมด้วยวิชานี้ จนเกือบมอบอำนาจการปกครองให้แก่เหวยป๋อจื่อ”“เคราะห์ดีที่สุด
เสิ่นจือเจิ้งรีบวิ่งเข้ามา “ฉู่จวินสิง ตื่นเร็วเข้า!”ฉู่จวินสิงยังคงหลับตานิ่ง แม้แต่ลมหายใจก็ดูอ่อนแรงลงมากเสิ่นจือเจิ้งเห็นลำคอฉู่จวินสิงที่โผล่ออกจากคอเสื้อ มีไอดำกลุ่มหนึ่งแทรกเข้าไปในร่างกายเขาเขารีบเปิดเสื้อของฉู่จวินสิงออก ก็พบว่าหน้าอกเขากลายเป็นสีดำคล้ำไปแล้วทันใดนั้นจึงคิดได้ว่า เจ้าของร่างเดิมขณะถูกท่านย่าเล็กใช้วิชาไสยศาสตร์เข้าควบคุม ก็ได้ปรากฏไอสีดำเช่นนี้ เข้าสู่ร่างกายเหมือนกันเสิ่นจือเจิ้งเข้าใจโดยพลัน ว่าฉู่จวินสิงได้ถูกวิชาไสยศาสตร์สะกดเข้าแล้วหากไม่รีบพาเขาไปจากที่นี่ ผลร้ายคงไม่อาจคาดคิดเมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นจือเจิ้งจึงรีบสกัดจุดฉู่จวินสิงเร็วพลัน เพื่อยับยั้งมิให้ไอสีดำนั้นแพร่กระจายไปทั่วร่างพร้อมทั้งนำฉู่จวินสิงขึ้นพาดบนหลังม้า รีบควบม้ามุ่งตรงไปยังทิศทางของหมู่บ้านชิงสุ่ยและเสียงดังลั่นเมื่อครู่นี้ ได้สั่นสะเทือนถึงเหวยป๋อจื่อด้วยเมื่อเขาปรากฏตัวที่ด้านนอกจวนเสวียนเยว่ จึงเห็นเสิ่นจือเจิ้งพาฉู่จวินสิงซึ่งได้รับบาดเจ็บรีบจากไปอย่างรวดเร็วมุมปากเหวยป๋อจื่อผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “น้ำหน้าอย่างพวกเจ้า คิดมาช่วยเจี่ยนอันอันน่ะหรือ ช่างฝันเฟื่
เจี่ยนอันอันมองหน้ากู้มั่วหลีพลางค้อนปะหลับปะเหลือก คิดในใจว่าอย่าเพิ่งหัวเราะ อีกประเดี๋ยวจะให้ร้องไห้ให้สาสมเจี่ยนอันอันจึงกล่าวพร้อมสีหน้าเย็นชา “ข้าจะบอกให้รู้ ยาพิษที่ฉู่ชางเหยียนใช้กับเจ้า ต่อให้นำเลือดเนื้อของมนุษย์มากเท่าใด ก็ไม่อาจผลิตเป็นยาถอนออกมาได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้กู้มั่วหลีหุบยิ้มได้สำเร็จ“เจ้ารู้วิธีถอนพิษกระนั้นรึ?”หลายวันนี้กู้มั่วหลีเก็บตัวอยู่ในจวนเสวียนเยว่ ได้วิชาไสยศาสตร์ของเหวยป๋อจื่อช่วยประคองไว้ ร่างกายรู้สึกดีกว่าแต่ก่อนขึ้นมากอย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกพิษในกายทรมานสาหัสอีกแต่นี่ก็เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น วันหน้าเขายังต้องรับความทรมานเช่นนี้ดังเดิมเดิมทีคิดว่าจะรอให้เหวยป๋อจื่อสูบเลือดจากเจี่ยนหลิงเยว่ไปสักครึ่งก่อน เขาค่อยสูบเลือดจากนางให้หมดสิ้นทั้งตัวเพื่อทำเป็นกระสายยาของยาถอนพิษ ไปเลี้ยงตัวหนอนเถิงซือจะได้ใช้วิธีนี้ ถอนพิษร้ายในร่างกายให้หมดสิ้นแต่เจี่ยนอันอันกลับบอกว่า ไม่ว่าเขาจะใช้เลือดเนื้อของผู้ใด ล้วนไม่อาจปรุงเป็นยาถอนพิษได้หมดเขาย่อมรู้ดีว่านางมีวิชาแพทย์สูงส่ง สามารถปรุงยาพิษได้อย่างล้ำเลิศหากนางมีวิธีถอนพิษจริง เขาก็
“เจ้าจงวางใจพักผ่อนอยู่ที่นี่ ข้ารับรองว่าจะไม่คิดล่วงล้ำเจ้า”“ถ้าเหวยป๋อจื่อย้อนมาอีกครั้ง ข้าก็จะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ให้เขาพบเห็นการปรากฏตัวของเจ้าแน่นอน”กู้มั่วหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คล้ายกำลังพูดคุยอยู่กับสตรีที่ตนรักแต่เจี่ยนอันอันกลับเต็มไปด้วยความร้อนรน นางคิดแต่จะหนีจากกู้มั่วหลีก่อน ค่อยไปคิดบัญชีกับเหวยป๋อจื่อต่อแต่ยามนี้นางกลับไม่สามารถทำอะไรได้ จุดที่ถูกสกัดไว้ ต้องรออีกสองชั่วยามจึงจะคลายออกเองจึงได้แต่ปล่อยให้กู้มั่วหลี่นั่งอยู่ข้างกาย โดยไม่มีแรงต่อต้านแม้เพียงน้อยนิดกู้มั่วหลีลูบไล้ใบหน้าเจี่ยนอันอันเบาๆ หลายครั้ง ก่อนจะดึงมือกลับไปเจี่ยนอันอันเกิดความรู้สึกขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าปากนางจ้องมองกู้มั่วหลีด้วยความโกรธ แต่กลับเห็นอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยสายตาอันอ่อนโยนชายผู้นี้เห็นทีคงเสียสติเป็นแม่นมั่น จะใช้สายตาอ่อนโยนเช่นนี้มองนางทำไมกันเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันจ้องมองด้วยความเดือดดาล กู้มั่วหลีพลันเหยียดริมฝีปาก ผุดรอยยิ้มน่าดูออกมา“เจ้าคงยังไม่ได้กินข้าว ป่านนี้น่าจะหิวแย่แล้ว ข้าจะให้คนทำอาหารมาให้”กู้มั่วหลีกล่าวพลาง ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
จึงหันไปประสานมือต่อกู้มั่วหลี “ขออภัยคุณชายกู้ เมื่อครู่ข้าอาจสอดรู้สอดเห็นไปบ้าง”“แต่ในห้องไม่มีอะไรให้ดูอีก เชิญคุณชายปิดประตูได้แล้ว”กู้มั่วหลีแม้จะยังคลางแคลงใจอยู่ แต่ก็รีบปิดประตูเร็วพลันจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะอันตรธานหายไปได้อย่างไร เขากับเหวยป๋อจื่อต่างก็นั่งอยู่ที่ศาลาพักร้อนถ้านางแอบหนีออกจากห้องจริง เขากับเหวยป๋อจื่อก็ต้องมองเห็นและไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นเมื่อครู่นี้ขึ้นเหวยป๋อจื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่บริเวณนี้ อีกทั้งกู้มั่วหลีก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของนางจึงได้กล่าวต่อ “คุณชายกู้คงจะเหนื่อยแล้ว ข้าคงจะไม่รบกวนอีก”ขณะเหวยป๋อจื่อเตรียมตัวจะจากไปนั้น กู้มั่วหลีได้เอ่ยปากถาม “ท่านหมอดูเหวยยังไม่ได้บอกเลยว่า คนที่ถูกจับกลับมาคือผู้ใด?”เพื่อไม่ให้เหวยป๋อจื่อเกิดความสงสัย กู้มั่วหลีเสแสร้งทำเป็นสนใจใคร่รู้ พร้อมมองไปยังเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อยิ้มเบาๆ “คนผู้นี้เจ้าก็รู้จักดี อีกทั้งยังคิดถึงนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”“ท่านหมายความว่า ได้จับตัวเจี่ยนอันอันมากระนั้นรึ?” กู้มั่วหลีแสร้งทำเป็นตกใจนี่ยิ่งทำให้เหวยป๋อจื่อเข้าใจว่า กู้มั่วหลีน่าจะไม่ได้พบเห็น