จึงหันไปประสานมือต่อกู้มั่วหลี “ขออภัยคุณชายกู้ เมื่อครู่ข้าอาจสอดรู้สอดเห็นไปบ้าง”“แต่ในห้องไม่มีอะไรให้ดูอีก เชิญคุณชายปิดประตูได้แล้ว”กู้มั่วหลีแม้จะยังคลางแคลงใจอยู่ แต่ก็รีบปิดประตูเร็วพลันจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะอันตรธานหายไปได้อย่างไร เขากับเหวยป๋อจื่อต่างก็นั่งอยู่ที่ศาลาพักร้อนถ้านางแอบหนีออกจากห้องจริง เขากับเหวยป๋อจื่อก็ต้องมองเห็นและไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นเมื่อครู่นี้ขึ้นเหวยป๋อจื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่บริเวณนี้ อีกทั้งกู้มั่วหลีก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของนางจึงได้กล่าวต่อ “คุณชายกู้คงจะเหนื่อยแล้ว ข้าคงจะไม่รบกวนอีก”ขณะเหวยป๋อจื่อเตรียมตัวจะจากไปนั้น กู้มั่วหลีได้เอ่ยปากถาม “ท่านหมอดูเหวยยังไม่ได้บอกเลยว่า คนที่ถูกจับกลับมาคือผู้ใด?”เพื่อไม่ให้เหวยป๋อจื่อเกิดความสงสัย กู้มั่วหลีเสแสร้งทำเป็นสนใจใคร่รู้ พร้อมมองไปยังเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อยิ้มเบาๆ “คนผู้นี้เจ้าก็รู้จักดี อีกทั้งยังคิดถึงนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”“ท่านหมายความว่า ได้จับตัวเจี่ยนอันอันมากระนั้นรึ?” กู้มั่วหลีแสร้งทำเป็นตกใจนี่ยิ่งทำให้เหวยป๋อจื่อเข้าใจว่า กู้มั่วหลีน่าจะไม่ได้พบเห็น
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง รีบหยิบเชือกออกมาเพื่อจะมัดตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันกลับคว้าเชือกไว้ได้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ มาตรงหน้าเจี่ยนกั๋วกงนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเจี่ยนกั๋วกงไม่ทันตั้งตัว และเชือกก็ถูกคล้องเข้าที่ลำคอของเขาแล้วเจี่ยนอันอันดึงเชือกจนแน่น ทำให้เจี่ยนกั๋วกงหายใจไม่ออกทันทีนางตวาดเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! หนังสือตัดขาดนั่นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหายเสียเล่า”“จำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี วันหน้าเมื่อข้าโบยบินขึ้นสูง เจ้าก็อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายขอคืนดีกับข้าแล้วกัน!”สิ้นประโยค เจี่ยนอันอันก็เตะเจี่ยนกั๋วกงจนล้มลงกับพื้นฮูหยินรองรีบวิ่งมาพยุงเจี่ยนกั๋วกง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน“เจี่ยนอันอัน นังลูกทรพี! เจ้ากล้าตบตีบิดาแท้ ๆ ของเจ้าได้อย่างไร”“พวกข้าดูแลเจ้าให้เติบโตมาแท้ ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักบุญคุณ แถมยังคิดฆ่าบิดาของเจ้าอีก!”“จวนกั๋วกงของเรา ไยจึงเลี้ยงดูเด็กเนรคุณเช่นเจ้าออกมาได้”ในขณะเดียวกัน เจี่ยนหลิงเยว่บุตรสาวของฮูหยินรองก็เดินเข้ามานางด่าเจี่ยนอันอันอย่างโกรธจัด “เจี่ยนอันอัน ทางที่ดีเจ้าไปตายอยู่ข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพื่อที่จะไล่พ่อครัวหลวงเหล่านี้ออกไป เจี่ยนอันอันจึงหยิบผงยาถ่ายออกจากมิติแล้วโปรยใส่หน้าพวกเขาหลังจากพ่อครัวหลวงหลายคนสูดผงยาระบายเข้าไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มบ่นปวดท้อง แล้วรีบกุมท้องวิ่งออกจากห้องเครื่องกันไปหมดเจี่ยนอันอันฮัมเพลงไปพลาง กินขนมไปพลาง พร้อมกับโยนขนมและอาหารจากห้องครัวหลวงทั้งหมดเข้าไปในมิติของนางนางเหลือบมองผักและธัญพืชที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงเนื้อที่ถูกหั่นไว้แล้วเจี่ยนอันอันคิดว่าต้องนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปด้วยถึงจะดีเมื่อถูกเนรเทศ นางจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอาหารอร่อย ๆ ได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยนอันอันก็รีบขนวัตถุดิบทั้งหมดลงในมิติทันทีหลังจากเจี่ยนอันอันออกจากห้องเครื่องหลวง นางก็คิดว่าควรจะลองไปดูเยียนอ๋องผู้นั้นสักหน่อยวินาทีต่อมา นางก็ปรากฏตัวในคุกโดยพลันในขณะนั้น ฉู่จวินสิงซึ่งก็คือเยียนอ๋องกำลังถูกทรมานอย่างหนักร่างกายของเขาถูกทุบตีจนหนังเปิดเนื้อแตก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยโลหิตจนแดงฉานแม้จะเป็นเช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็ไม่ส่งเสียงครวญครางแม้แต่น้อยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เขานางรู้สึกชื่นชมเขาจากใจจริงว่
ผู้คุมหลายคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงจากการผายลม แต่พวกเขาไม่กล้าอุดจมูกหรือหลบเลี่ยงทำได้เพียงกลั้นใจและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขันทีใหญ่ก็วิ่งตามออกมาด้วย ขณะเดินตามหลังฮ่องเต้ก็มีสีหน้ากังวลเขากลัวจริง ๆ ว่าฮ่องเต้อาจพลาดปล่อยลมออกมา แล้วเผลอทำเลอะในกางเกงเจี่ยนอันอันที่ล่องหนอยู่ มองเห็นท่าทางน่าสมเพชของฮ่องเต้สุนัขที่ดูเหมือนจะถ่ายไม่หยุด นางก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ยาระบายที่นางใช้ไม่มีทางแก้ได้ พอจะทำให้ฮ่องเต้สุนัขนี้ถ่ายไม่หยุดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเมื่อเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เจี่ยนอันอันก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับมาที่เกี้ยวแต่งงานในทันทีในเวลานี้ เกี้ยวแต่งงานได้หยุดอยู่หน้าจวนเยียนอ๋องแล้วไร้เงาของชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวมาเจี่ยนอันอันดึงผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ก่อนจะเปิดม่านเกี้ยวแล้วก้าวออกมาอย่างมั่นใจนางเห็นว่าหน้าจวนเยียนอ๋องได้ถูกล้อมโดยทหารรักษาพระองค์แล้วเสียงร้องไห้และเสียงด่าทอดังมาจากภายในจวนเยียนอ๋องเจี่ยนอันอันไม่สนใจทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น นางก้าวเดินเข้าไปในจวนเยียนอ๋องอย่างไม่ลังเลทันทีที่นางเดินเข้าไปก็เห็นว่าภายในจวนเยียนอ
หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
จึงหันไปประสานมือต่อกู้มั่วหลี “ขออภัยคุณชายกู้ เมื่อครู่ข้าอาจสอดรู้สอดเห็นไปบ้าง”“แต่ในห้องไม่มีอะไรให้ดูอีก เชิญคุณชายปิดประตูได้แล้ว”กู้มั่วหลีแม้จะยังคลางแคลงใจอยู่ แต่ก็รีบปิดประตูเร็วพลันจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะอันตรธานหายไปได้อย่างไร เขากับเหวยป๋อจื่อต่างก็นั่งอยู่ที่ศาลาพักร้อนถ้านางแอบหนีออกจากห้องจริง เขากับเหวยป๋อจื่อก็ต้องมองเห็นและไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นเมื่อครู่นี้ขึ้นเหวยป๋อจื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่บริเวณนี้ อีกทั้งกู้มั่วหลีก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของนางจึงได้กล่าวต่อ “คุณชายกู้คงจะเหนื่อยแล้ว ข้าคงจะไม่รบกวนอีก”ขณะเหวยป๋อจื่อเตรียมตัวจะจากไปนั้น กู้มั่วหลีได้เอ่ยปากถาม “ท่านหมอดูเหวยยังไม่ได้บอกเลยว่า คนที่ถูกจับกลับมาคือผู้ใด?”เพื่อไม่ให้เหวยป๋อจื่อเกิดความสงสัย กู้มั่วหลีเสแสร้งทำเป็นสนใจใคร่รู้ พร้อมมองไปยังเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อยิ้มเบาๆ “คนผู้นี้เจ้าก็รู้จักดี อีกทั้งยังคิดถึงนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน”“ท่านหมายความว่า ได้จับตัวเจี่ยนอันอันมากระนั้นรึ?” กู้มั่วหลีแสร้งทำเป็นตกใจนี่ยิ่งทำให้เหวยป๋อจื่อเข้าใจว่า กู้มั่วหลีน่าจะไม่ได้พบเห็น
แสดงว่าสมัยก่อนที่ติดตามอดีตฮ่องเต้ ก็เพื่อจุดประสงค์นี้กระมังเสียดายไม่ว่าเขาจะพยายามสักเพียงไหน ก็ไม่อาจสั่นคลอนบัลบัลก์ของอดีตฮ่องเต้ได้เสียงเหวยป๋อจื่อดังมาจากข้างนอกซ้ำอีก “เสียดายพิษในตัวคุณชายกู้ จนป่านนี้ยังหาวิธีถอนพิษไม่ได้”“ส่วนฉู่ชางเหยียนก็ไม่ส่งยาถอนพิษมาให้อีก นับว่าไม่สมควรยิ่ง”“ยามนี้จึงต้องให้คุณชายลดตัวอาศัยอยู่ในบ้านข้าไปก่อน รอจนวันหน้าบรรลุเป้าหมายแล้ว ข้าจะช่วยคุณชายได้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งไท่ยวน”กู้มั่วหลียิ้มตอบ แสดงเจตนาให้เหวยป๋อจื่อไปนั่งดื่มน้ำชาที่ศาลาพักร้อน“วันนี้เหตุใดท่านจึงย้อนกลับมาอีก คงไม่ใช่เพราะกลัวข้าจะทำลายศาลาพักร้อนของท่านจนเสียหายหรอกนะ”ด้วยวิสัยของเหวยป๋อจื่อที่ผ่านมา ทุกวันเขาจะมาเรือนตะวันออกเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นจิบน้ำชาพูดคุยกับกู้มั่วหลีครู่หนึ่งแล้วจึงจากไป และจะไม่มาหนที่สองอีกดูท่าเขาคงรู้แล้วว่า เจี่ยนอันอันได้หลุดพ้นจากการควบคุมของเขา จึงมาดูว่านางจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าเหวยป๋อจื่อนั่งอยู่ในศาลา เหลือบตาไปทางประตูห้องนอน“วันนี้ข้าได้จับคนคนหนึ่งมา ซึ่งคนผู้นี้เจ้าก็รู้จักดี และเชื่อว่าคงต้องการจะพบนางมาก”เหวย
“ไม่ได้หรอก ถ้าข้าคลายจุดให้เจ้า เจ้าก็จะใช้อาวุธสีดำนั่นมาเล่นงานข้าอีก ข้าคงไม่โง่ถึงเพียงนั้น”“แต่หากข้าตายไป เจ้ากับฉู่จวินสิงอาจไม่มีหนทางจะเล่นงานฉู่ชางเหยียนได้อีก”กู้มั่วหลีเดินมาเบื้องหน้าเจี่ยนอันอัน ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขาเหลือบมองผ้าพันแผลที่แขนของเจี่ยนอันอัน แขนเสื้อยังมีคราบเลือดเปื้อนอย่างเห็นได้ชัดแสดงว่าคงเป็นฝีมือเหวยป๋อจื่อที่พาเจี่ยนอันอันมาถึงนี่ ซ้ำยังแทงเข้าที่แขนของนางอีกกู้มั่วหลีรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำยังโกรธเคืองไปถึงเหวยป๋อจื่อเจี่ยนอันอันเป็นหญิงที่เขาหมายปอง ชายใดล้วนห้ามทำร้ายนางทั้งสิ้นเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้ดีแก่ใจว่าคนคนนี้ไม่อาจเจรจาได้ง่ายแต่นางยังคิดไปหาเหวยป๋อจื่ออยู่ เพื่อทำภารกิจลับให้ลุล่วง หาคัมภีร์แผดเผาวิญญาณให้พบแต่บัดนี้นางกลับถูกกู้มั่วหลีสกัดให้อยู่ตรงนี้ จะไปที่ใดก็ไม่ได้ ยิ่งไม่เอาปลิดชีพเขาได้นี่ย่อมทำให้เจี่ยนอันอันเดือดดาลในใจยิ่ง“กู้มั่วหลีจงอย่าได้พล่ามมาก รีบคลายจุดให้ข้าเดี๋ยวนี้”กู้มั่วหลีอ้าปากคิดจะตอบ พลันสีหน้าขรึมลง พร้อมพูดเสียงเบาต่อเจี่ยนอันอัน “อย่าพูดมาก เขามาแล้ว”กู้มั
หลังจากเจี่ยนอันอันกินยาแก้ปวดและยาห้ามเลือดแล้วก็ใช้ผ้าก๊อซพันแผลที่แขนเอาไว้นางขยับแขนขาเล็กน้อยแล้วรีบสาวเท้ามาถึงหน้าประตูนางแง้มประตูออกก็เห็นว่าข้างนอกมีคนเฝ้าอยู่สองคนเห็นทีเหวยป๋อจื่อคงเกรงว่านางจะหนีออกมาจากข้างในจึงสั่งให้คนมาเฝ้าห้องนี้เอาไว้แต่สองคนนี้จะเป็นคู่มือของเจี่ยนอันอันได้อย่างไรเจี่ยนอันอันหยิบเข็มอาบยาพิษฤทธิ์แรงออกมาจากในมิติแล้วซัดไปที่ร่างสองคนนั้นในไม่ช้าสองคนนั้นก็ล้มลงอยู่นอกประตูเจี่ยนอันอันเปิดประตูวิ่งออกมาทันที นางต้องตามหาเหวยป๋อจื่อให้เจอ ถ้าไม่ตบเขาสักทีก็จะอดได้คัมภีร์แผดเผาวิญญาณมาแล้วแล้วนางก็จะไม่สามารถสลายอาคมใดๆ ของเหวยป๋อจื่อได้ถ้านางเพียงหนีออกไปจากที่นี่ เหวยป๋อจื่อก็คงจะตามมาหาเรื่องนางอีกในภายหลังนางจะต้องจัดการเหวยป๋อจื่อ เช่นนี้จึงจะเป็นการกำจัดภัยร้ายในวันหน้าจวนเสวียนเยว่แห่งนี้กว้างขวางมาก เจี่ยนอันอันหลบซ้ายหลบขวาเดินไปอยู่นานสองนาน แต่ยังคงไม่เห็นเงาร่างของเหวยป๋อจื่อแต่นางกลับไปได้ยินเสียงของเจี่ยนหลิงเยว่ดังมาจากเรือนตะวันตกเจี่ยนหลิงเยว่ด่าทอสาวใช้ด้วยความหยิ่งยโส ดูเหมือนจะโทษอีกฝ่ายว่าไม่ได้ปรนนิบัตินา
เจี่ยนอันอันข่มกลั้นความเจ็บปวดที่แขน อาศัยช่วงที่เหวยป๋อจื่อจากไป นางพ่นยาในปากออกมายานี่ไม่ได้ใช้ห้ามเลือด แต่มีพิษร้ายแรงยิ่งถ้านางกลืนลงท้องไปตรงๆ นางจะต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของเหวยป๋อจื่อ ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการกับร่างกายของตนเองเป็นแน่เจี่ยนอันอันโมโหจนอยากขุดบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเหวยป๋อจื่อขึ้นมาด่าเสียจริงๆเจี่ยนอันอันก้มลงมองเชือกที่พันอยู่บนร่าง เชือกนี้เป็นเชือกที่แสนจะธรรมดาแต่บนนั้นมีไอดำแผ่ซ่านออกมา แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นอาคมที่เหวยป๋อจื่อลงเอาไว้นางลองใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในฉับพลัน หมายจะหนีออกไปจากที่นี่แต่คิดไม่ถึงว่าฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในฉับพลันกลับไม่สามารถใช้งานได้ที่นี่ในชั่วขณะที่นางมีความคิดจะใช้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายในฉับพลัน เชือกบนร่างก็ยิ่งรัดแน่นกว่าเดิมเวลานี้นางหายใจก็ยังยากลำบาก ร่างกายก็ถูกเชือกรัดจนเจ็บปวดหาใดเปรียบเจี่ยนอันอันตระหนักว่าเรื่องราวไม่เข้าที นางรีบใช้จิตสำนึกเข้าสู่มิติ เปิดตำราสามชะตามรรคาลี้ลับดูอีกครั้งอาศัยช่วงเวลาก่อนที่เหวยป๋อจื่อจะกลับมา นางจะต้องหาวิธีสลายอาคมแล้วหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้แต่ตำราสามชะตามรร
ทว่านกแร้งสองตัวนั้นเพียงบินวนอยู่กลางอากาศบริเวณนั้น โดยไม่บินไปยังทิศทางอื่น“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าอันอันอยู่ตรงนั้น?”ฉู่จวินสิงร้องถามนกแร้งสองตัวนั้น หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันจนเป็นร่องนกแร้งทั้งสองตัวบินวนอยู่กลางอากาศพลางส่งเสียงร้องกลับมาสองคราเห็นว่านกแร้งสองตัวนั้นไม่ได้บินไปทิศทางอื่น ฉู่จวินสิงก็แน่ใจว่าที่นี่จะต้องเป็นสถานที่ที่เจี่ยนอันอันเคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อนอย่างแน่นอนแต่เมื่อทอดสายตามองไปบริเวณนั้นกลับมีเพียงความว่างเปล่า หาได้มีสิ่งก่อสร้างอันใดไม่ทั้งยังไม่เห็นสิ่งของใดๆ ที่เจี่ยนอันอันทำหล่นเอาไว้ฉู่จวินสิงเตะท้องม้ามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ว่างตรงหน้าเสิ่นจือเจิ้งก็รีบตามมาเช่นกัน คนทั้งสองล้วนรู้สึกว่าประหลาดมากถ้าจะบอกว่าเจี่ยนอันอันเคยปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็จะต้องทิ้งสิ่งของบางอย่างทำสัญลักษณ์ไว้เหมือนก่อนหน้านี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถตามมาเจอแต่บริเวณนี้ไม่มีสิ่งใดทั้งนั้น แต่นกแร้งสองตัวนั้นกลับเอาแต่บินวนอยู่กลางอากาศโดยไม่มีทีท่าว่าจะจากไปเลยสักนิดฉู่จวินสิงร้องถามนกแร้งสองตัวนั้น “พวกเจ้าหยุดบินวนอยู่ตรงนี้ได้แล้ว พาพวกข้าไปตามหาเบาะแสของอันอันเร็ว
ในไม่ช้า เจี่ยนอันอันก็จำวิธีการบนนั้นได้ขึ้นใจ นางท่องคาถาในตำราอยู่ในใจในไม่ช้า เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้นในหัว ต่อจากนั้นร่างกายก็สามารถขยับเขยื้อนได้แล้วกริชอาบยาพิษเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเจี่ยนอันอัน อาศัยจังหวะที่เหวยป๋อจื่อยังคงวิ่งอยู่แทงกริชเข้าไปกลางหลังของเขาอย่างฉับพลันแต่ขณะที่กริชกำลังจะแทงถูกร่างเหวยป๋อจื่อ เจี่ยนอันอันกลับสัมผัสได้ว่าตนเองถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศเจี่ยนอันอันเห็นว่าตนเองกำลังจะตกลงบนหลังคาอย่างรุนแรง นางก็ต้องตกใจจนหน้าถอดสีตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่อาจตกลงบนหลังคาทั้งอย่างนี้ได้เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนางจะต้องกระแทกจนแท้งลูกไปเป็นแน่นางรีบหยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งออกมาจากในมิติแล้วค้ำลงบนหลังคานางใช้ท่อนไม้ค้ำจุนร่างกายไว้จึงทำให้ตนเองไม่ถึงกับล้มหัวทิ่มเหวยป๋อจื่อรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่เจี่ยนอันอันสามารถเคลื่อนไหวได้แล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะใช้กริชแทงสังหารเขา เขาก็รีบโยนเจี่ยนอันอันขึ้นไปกลางอากาศเขาตั้งใจว่าจะโยนให้เจี่ยนอันอันตกลงมาได้รับบาดเจ็บเสียก่อนแล้วค่อยพานางไปยังจวนเสวียนเยว่จากนั้นให้นางกินยาพิษวันละสามมื้อดุจเดียวกันแล้วค่
คนที่แบกนางวิ่งผู้นี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แผ่ซ่านมาจากบนร่างเจี่ยนอันอันรู้สึกว่ากลิ่นหอมนี้คุ้นเคยยิ่งนัก นางเหมือนเคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตว่าตนเองรู้สึกตัวแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหลับตาแกล้งสลบต่อไปสัมผัสได้ถึงเสียงลมที่พัดผ่านข้างหู เจี่ยนอันอันก็ทราบว่าวิชาตัวเบาของคนผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนักเขาไม่ได้วิ่งเพ่นพ่านไปบนถนนอย่างอุกอาจ แต่กระโดดไปบนหลังคาของอาคารหลังแล้วหลังเล่า มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางเจี่ยนอันอันใคร่ครวญในใจว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดกลิ่นหอมบนตัวเขาจึงคุ้นเคยเช่นนี้?ทันใดนั้นนางก็คิดถึงคนผู้หนึ่ง นางเคยได้กลิ่นหอมเช่นนี้จากบนตัวคนผู้นั้นคนผู้นั้นก็คือเฉียนซื่อ อนุภรรยาของสกุลเสิ่นแต่เฉียนซื่อตายไปแล้ว ส่วนคนที่แบกนางอยู่ตอนนี้ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่งชายผู้นี้เกี่ยวข้องกับเฉียนซื่ออย่างไรกันแน่?ทันใดนั้นเจี่ยนอันอันก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เฉียนซื่อเคยเรียนรู้คุณไสยกับเหวยป๋อจื่อคนที่แบกนางวิ่งอยู่ผู้นี้เป็นไปได้มากว่าคงเป็นเหวยป๋อจื่อแล้ว!คิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็รีบใช้จิตสำนึกเข้าไปในมิติทันทีตำราสามชะตามรรคาลี้ลับเล่มนั้นวาง
เจี่ยนอันอันกัดผิงกั่วไปอีกหนึ่งคำ จึงได้กล่าวต่อ “ตามความเห็นข้า ขอเพียงสั่งสอนพวกเขาดีๆ วันหน้าจะมีผลงานใหญ่แน่นอน”ฉู่จื่อซีเห็นสองพี่น้องตระกูลหลี่กำลังมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์อยู่ เขาจึงวิ่งไปเพื่อจะขอฝึกอีกคนนี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่จื่อซีเป็นคนเอ่ยปาก ว่าต้องการฝึกวรยุทธ์ฉู่จวินหลุนย่อมยินดีเป็นอย่างมาก เขาตั้งใจจะสอนฉู่จื่อซีด้วยตัวเองในที่สุดเจี่ยนอันอันก็กินผิงกั่วจนหมดสิ้น หลังจากใช้ผ้าเช็ดปากและมือแล้ว กะว่าจะไปเยี่ยมเยียนเสิ่นจือเจิ้งเสียหน่อยฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันลุกขึ้น เขาก็รีบตามนางไปบ้างแม้หลายวันนี้จะไม่เห็นกู้มั่วหลีโผล่หน้ามาอีก แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่มาราวีเจี่ยนอันอันตลอดไปในฐานะสามีของนาง ฉู่จวินสิงแทบไม่อยากอยู่ห่างจากเจี่ยนอันอันแม้เพียงก้าวเดียวทั้งคู่ไปถึงบ้านเสิ่นจือเจิ้ง เซียงเสวี่ยรีบมารายงานด้วยความดีใจ ว่าเป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้โตไวมากสองวันนี้น่าจะจับมาเชือดทำอาหารรสเลิศได้แล้วและในเล้ายังมีไข่ที่พวกมันออกมา รวมถึงลูกเป็ดลูกไก่ที่เริ่มฟักเป็นตัวอีกเซียงเสวี่ยจับเป็ดไก่สองตัวที่อ้วนท้วนมอบให้แก่ฉู่จวินสิง“คุณชายรอง ท่านเอาเป็ดไก่สองตัวนี