ชั่วขณะนั้นฝ่ายลี่เซียนกลับกลายร่างเป็นก้อนหินไปแล้วนางตัวเกร็งแข็งทื่อเบิกตากว้างอ้าปากค้างชะงักนิ่งงัน จังหวะนั้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้ปลายลิ้นกรุ่นร้อนของอีกฝ่ายสามารถล่วงล้ำลึกซึ้งได้ง่ายดายทั้งกลีบปากอุ่นนุ่ม ทั้งเรียวลิ้นอุ่นร้อน ทั้งความอุ่นชื้นของลมหายใจ ชายตรงหน้าประหนึ่งกำลังจะดูดกลืนวิญญาณของนางได้ หญิงสาวเร่งกะพริบตา เพียรศึกษาอย่างถ่องแท้จังหวะเดียวกัน ถังไห่เฉิงพลันจับร่างนุ่มพลิกให้นอนราบบนเตียงกว้างแล้วกดทับเอาไว้ใต้ร่างอย่างแน่นหนาแสงเทียนส่องสว่างวูบไหว สะท้อนให้เห็นเงาร่างใหญ่กลืนกินเงาร่างเล็กจนสิ้นตลอดทั้งลำตัวของทั้งสองแนบชิดปานนั้น ทั้งเรียวแขนและเรียวขาล้วนเกี่ยวกระหวัดพัลวัน ใบหน้ายิ่งแนบสนิทเช่นกันภายในห้องได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน ผสมปนเปกับเสียงบดเบียดของผิวเนื้อริมฝีปากหลังช่วงชิงลมหายใจเนิ่นนาน ชายหนุ่มผู้รุกล้ำเริ่มสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นนางที่แข็งเกร็ง เขาถอนใบหน้าออก ก้มมองนางในระยะประชิดจนปลายจมูกชนกัน เห็นกลีบปากแดงก่ำอ้าพะงาบๆ ดวงตากลมเบิกโตกะพริบปริบๆถังไห่เฉิงให้นึกแปลกใจ “เจ้าจูบไม่เป็น?”ประหนึ่งถูกต่อว่าอย่างรุนแรง ลี่เซียนผู้พาก
ภายใต้ภาวะคุกรุ่น คล้ายสงครามก่อตัวรอบใหม่ใบหน้าหล่อเหลาเขียวครึ้มสุดจะหยั่ง ถังไห่เฉิงให้รู้สึกเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันเหลือจะกล่าว เขาแค่นเสียงเย็นชา“ใช่เห็นว่าข้าหมดประโยชน์แล้วหรือไม่?”หญิงสาวเห็นพายุเริ่มก่อตัวบนดวงหน้าสง่างามจึงคิดว่าควรอธิบายเพิ่มเติมเพื่อทำลายบรรยากาศอึมครึม“ความต้องการของมนุษย์ควรหยุดแค่เท่านี้ ในเมื่อข้าได้ครบถ้วนแล้ว ทั้งที่นอน ทั้งอาภรณ์ ย่อมไม่เรียกร้องสิ่งใดอีก”แต่ไหนเลยจะดีขึ้นกว่าเก่า ทั้งเขาตรงหน้ายังแผ่ซ่านรังสีอำมหิตโฉดชั่วออกมาแม่นางผู้อ่อนต่อโลกหล้าจึงจำต้องถอยหลังไปตั้งหลักบนเตียงนอน รวบอาภรณ์มากอดแน่น หวงแหนมากเขาจะยึดคืนหรือไม่?ถังไห่เฉิงย่างสามขุมตามขึ้นมาบนเตียง “เจ้าคงลืมฐานะตัวเองไปแล้วกระมัง? จึงได้สามหาวไม่รู้ความเยี่ยงนี้!”ลี่เซียนเบิกตากลมโต “ไม่...ไม่เคยลืมข้าคือสตรีของท่าน”เงาดำร่างใหญ่ครอบคลุมร่างเล็กจนมิดประหนึ่งอสูรร้าย“เช่นนั้น หน้าที่ของเจ้าคือสิ่งใด”หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น เอ่ยอย่างมั่นใจ “ปรนนิบัติท่าน”พี่เย่เสียย้ำบ่อยมาก นางไม่ลืมแน่นอน“ในเมื่อจำได้ ไฉนไม่ยินยอมให้ข้ามาหา”นี่คือสาระอันสำคัญ ถังไห่เฉิงถือเป็นเรื่องใหญ่พอ
“เจ้าไม่คิดว่าควรทำสิ่งใด?” ในน้ำเสียงทุ้มลึกแผ่วเบาเจือกระแสเย็นเยียบไม่น้อยลี่เซียนย่อมซาบซึ้งในน้ำใจของเขา“ข้าขอบคุณท่าน”บุรุษเลิกคิ้วสูง ความไม่พอใจผุดวาบในแววตา“แค่นั้น?”เรียวนิ้วงามชะงักเล็กน้อยยามจัดชั้นใน ลี่เซียนเงยหน้าช้อนตาขึ้น เอ่ยอย่างระมัดระวัง“ข้าคงไม่ต้องแบ่งปันท่านหรอกกระมัง”ชุดพวกนี้มิใช่สีขาวพิสุทธิ์สวมได้ทั้งชายหญิงเสียหน่อยแม่นางน้อยคิดในใจอย่างไม่ยินยอมอยู่บ้างหากท่านปรมาจารย์ในอารามผิงอันล่วงรู้ว่านางบังเกิดจิตใจคับแคบเช่นนี้ คงสั่งขังนางไว้ในหอพระธรรมอดข้าวอดน้ำเจ็ดวันเจ็ดคืนแน่นอน ดียิ่งนักที่นางห่างไกลมาหลายร้อยปีแล้ว จึงตระหนี่ได้เต็มที่แววตาสตรีฉายชัดปานนั้น นางหวงแหนสิ่งที่เขาหยิบยื่นถังไห่เฉิงให้รู้สึกพึงใจอย่างประหลาด เรียวปากบางเฉียบค่อยๆ ยกโค้ง เกิดเป็นรอยยิ้มตรงมุมปากอย่างช้าๆ“ช่างเถอะ!”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง ก่อนขยับไปทางด้านในของเตียงแล้วนั่งเอนกายอิงกำแพงห้องนอน สองตายังคงจ้องมองผิวเนื้อขาวๆ เรียวขาเนียนๆ ไม่มีเกรงใจเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ว่าอะไร ลี่เซียนจึงก้มหน้าใส่เสื้อผ้าต่อไป นางไม่คิดว่าต้องระวังตัวอันใด เพราะตั้งแต่เล็
ห้องพักในเรือนบัญชาการหลังจากเดินหาอยู่เนิ่นนาน ลอยตัวหา หายตัวไปมา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ลี่เซียนจึงคิดตัดใจไม่หาต่อ ก่อนจะคิดได้ว่าควรกลับไปสารภาพผิดกับเย่เสียตามตรง โทษฐานไม่อาจรักษาสิ่งของสำคัญอันเป็นน้ำใจของอีกฝ่ายได้เมื่อคิดโดยละเอียดจึงคำนวณง่ายๆ ว่าสมควรชดเชยด้วยของมีค่าอย่างอื่น ทว่านางยังไม่มีเงิน ในโลกนี้เงินสำคัญมาก ยังต้องเร่งหาจากท่านอ๋องลี่เซียนเริ่มตระหนักถึงข้อนี้เนื่องจากเย่เสียพูดพร่ำให้นางฟังไม่หยุด อีกฝ่ายบอกว่ารุ่ยอ๋องมีเงินมีอำนาจ อยากได้สิ่งใดย่อมได้ทั้งนั้นหญิงสาวจึงทำตัวประหนึ่งวิญญาณ ลอยวูบหายวาบกลับมายังห้องนอนที่ถังไห่เฉิงจัดเตรียมให้ หมายมั่นไปขอเงินเขาทันทีที่ร่างงามทะลุกำแพงห้องเข้ามา ดวงเนตรงามพลันปะทะกับเนตรคมดำมหาภัย หญิงสาวชะงักค้างเกร็งร่างทันใด เนื่องจากนางสังเกตแววตาของเขาเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่านั่งรอนาง จนหงุดหงิดแล้วลี่เซียนคลี่ยิ้มแห้ง กำลังจะเอ่ยคำเอาอกเอาใจหมายให้เขาคลายโทสะ กลับเห็นสิ่งของที่วางเอาไว้ข้างกายสูงสง่า“อ๊ะ! หาเจอแล้ว”หญิงสาวละความสนใจออกจากชายหนุ่มทันที รีบปรี่เข้ามาทางตำราครวญวสันต์ทั้งหลายทันใด“ข้าหาอยู่นานมาก ไม่คิดเลยว
ม่านตาดำหดลงทันควัน ความลำพองใจเหือดหายทันใด ช่านเย่พลันตื่นตระหนกลนลาน รีบก้มหน้าถอยหลังแล้วคุกเข่าลง“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”กระแสเสียงทรงอำนาจดังขึ้นอีกครา “ใครอนุญาตให้เจ้าเข้าไปในเรือนบัญชาการ”“เอ่อ...”ถ้อยวาจาของนายเหนือหัวเห็นได้ชัดว่าประเด็นมิใช่หลักฐานผูกมัดผู้ใด หากแต่เป็นความผิดใหญ่หลวงถึงสองกระทงเรียวลิ้นสตรีถึงกับจุกแน่นในลำคอ ช่านเย่หนาววูบในใจ เริ่มพูดจาใส่ร้ายต่อไปมิได้ รู้ตัวอีกที่ยังเย็นยะเยือกในกระดูกจนลำตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาแล้ว “ม่ะ....ไม่มีเพคะ”“บังอาจ! ทหาร!”“...!?”นอกจากมิได้กำจัดหญิงนางโลมชั้นต่ำและรับความดีความชอบที่เปิดโปงความชั่วของมัน นางกลับมีโทษถึงสองข้อหา ล่วงเกินรุ่ยอ๋องทางสายตาและล่วงล้ำอาณาเขตส่วนพระองค์แม้จะโง่งมและวู่วามจนเกินงาม ทว่าบัดนี้ช่านเย่ถึงได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง นางตระหนักแล้วว่าตนผิดพลาดอย่างมหันต์นางประเมินนังสตรีน่ารังเกียจนั่นต่ำเกินไป... แม้จะโง่งมและวู่วามจนเกินงาม ทว่าบัดนี้ช่านเย่ถึงได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง นางตระหนักแล้วว่าตนผิดพลาดอย่างมหันต์แต่ยังไม่ทันคิดการณ์เพื่อเอาตัวรอด กระแสเสียงอำมหิตพลันดังขึ้นอีกครั้ง“พาตัวหมอหญิงไม่รู้
ถังไห่เฉิงไม่คิดว่าจะต้องถกเถียงกับสตรีในเรื่องเยี่ยงนี้ จึงดึงแขนเล็กออกจากเอวตนแล้วเดินจากไปไม่หันกลับมาลี่เซียนถึงกับอึ้งหมดวาจาจะเอ่ยและย่อมเหมือนเช่นเคยที่นางต้องเชื่อฟังทุกคน“ข้าเข้าใจแล้ว...”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองพลางมองสองมือที่ว่างเปล่าสองมือนี้ยังคงเงียบเหงา ขาดความอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง ไม่มีอ้อมกอดอุ่นนุ่มของมารดาปราศจากอ้อมแขนแข็งแกร่งของบิดามีเพียงกรอบเหล็กคับแคบที่มีบรรดานักพรตรายรอบพร้อมคำอบรมสั่งสอนอันเคร่งครัดต่าง ๆ นานาแม่นางน้อยค่อยๆ หมุนกายเดินกลับไปนั่งยังโต๊ะกลม ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตนเช่นเดิม คงไว้ซึ่งท่าทางเศร้าหมองต่อไปหญิงสาวนั่งถอนหายใจ ทอดอาลัยโศกตรมทบทวีกาลก่อนก็เช่นนี้ นางต้องถูกทุกคนระงับความปรารถนา สะกดทุกความอยากได้อยากมีนับว่าโชคดีที่ยามนั้นนางมีคัมภีร์พระธรรม ตำราคำสอนบาปกรรมช่วยกล่อมเกลาจิตใจมิให้ฟุ้งซ่าน นางอ่านหนังสือเหล่านั้นอย่างตรากตรำก่อนที่ทุกคนจะเอือมระอานางที่ดื้อรั้นเมื่อคิดได้ดังนั้น ลี่เซียนจึงนึกถึงตำรารัญจวนขึ้นมาได้ทว่าเมื่อมองหากลับไม่เจอในสาบเสื้อย่อมไม่มี ในแขนเสื้อชุดแดงก็ไม่เห็นเรียวคิ้วงามขมวดมุ่น ลี่เซียนค่อยๆ คิด