ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ในอาณาเขตเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ลาวาเลนเต้ “คุณพ่อเรียกหนูเหรอคะ?” หญิงสาวตัวเล็กผอมเจ้าของเรือนผมบลอนด์ทองยาวสวยโดยกำเนิดแบบหาได้ยาก เดินเข้ามาหาผู้เป็นบิดาในห้องทำงานด้วยท่าทีตื่นเต้น นี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาโทรหาลูกสาวแบบเธอให้มาพบ “ฉันได้ยินข่าวมาว่านายเจมส์ผู้บริหารของบริษัทศิลาที่นาย อศิร ศิลาหัตร์ทัยเป็นเจ้าของ มันประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลทำกายภาพบำบัด….” กาเบรียลหัวหน้าแก๊งลาวาเลนเต้เอ่ย ทั้งที่ยังไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ ทำโซเฟียบุตรสาวที่ยืนฟังอยู่เกิดความฉงนสงสัย “คุณพ่อหมายถึงอะไรคะ?” กาเบรียลหันมาจ้องหน้าเธอพร้อมตอบกลับเสียงเข้ม “ฉันอนุญาตให้แกเรียกฉันว่าพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่” โซเฟียก้มหน้างุดในทันที เธอก็แค่ลูกนอกสมรสที่เขาไม่ต้องการ “เอาล่ะ แต่ฉันจะยอมรับแกเป็นลูกก็ได้หากแกทำงานนี้ให้ฉันสำเร็จ” โซเฟียเงยหน้าขึ้นมาจ้องบิดาทันที “นายอศิรส่งลูกชายของเขาที่อายุไล่เลี่ยกับแกมาบริหารงานแทนไอ้เจมส์ที่ต้องรักษาตัว” เขาพูดพร้อมเว้นช่วงเพื่อพิสูจน์ความหัวไวของคนตรงหน้า “คุณท่านจะให้หนูไปตีสนิทกับเขางั้นเหรอคะ” กาเบรียลเผยยิ้มอย่างชอบใจ “ไม่ใช่แค่ตีสนิท” เขาเอ่ยพลางเดินเข้ามาใกล้และสำรวจดูรูปลักษณ์ของลูกสาว “ฉันเคยยื่นข้อเสนอขอร่วมงานกับนายอศิรมาหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยตอบรับมา เพราะเห็นว่าฉันมีธุรกิจสีเทามากมาย แต่การที่เราได้ร่วมทำธุรกิจกับบริษัทนี้มันจะทำให้เรามีอำนาจมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแกไม่ใช่แค่ต้องตีสนิท แต่แกต้องทำยังไงก็ได้ให้ได้แต่งงานกับลูกชายมัน” หญิงสาวชะงักงันยืนตัวแข็งทื่อ “ถ้าแกทำได้ฉันจะยอมรับแกกับแม่เข้ามาเป็นคนในครอบครัว ตอนนี้ฉันได้ให้ลูกน้องหาที่พักใหม่ให้แกได้อยู่ใกล้กับไอ้หมอนั่น ไว้ให้แล้ว” โซเฟียยืนฟังที่พ่อพูดด้วยใจสั่นๆ เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะว่าเธอกับแม่ต้องการ การยอมรับจากเขามา 26 ปีแล้ว “ค่ะ หนูจะทำให้ได้ตามที่ท่านต้องการค่ะ” หลังจากที่ถูกเรียกไปคุยกับพ่อเสร็จโซเฟียก็เดินทางออกมายังบ้านหลังใหม่ที่กาเบรียลสั่งให้ลูกน้องจดข้อมูลให้ หญิงสาวลงจากรถไฟประจำทางก็เดินมาเรื่อยๆ ตามริมถนน “นั่นไง หลังนั้น” เธอกำลังจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแต่กลับถูกรถที่ไหนไม่รู้วิ่งด้วยความเร็วจนเกือบเฉี่ยวชนเธอ “ว้าย!” หญิงสาวถอยกลับ ขาสะดุดขอบฟุตบาทล้มก้มจ้ำลงกับพื้น “ขับรถรีบไปไหนกันหะ” เธอร้องตะโกนตามหลังรถคันนั้นที่ไม่แม้แต่จะหยุดลงมาดูเธอเลย “โอ้ย” “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มฟังแลอ่อนโยนดังแว่วมา หญิงสาวรีบเงยหน้ามองทำให้สบตาเข้ากับเขาที่กำลังนั่งย่อตัวอยู่ตรงหน้าเธอ วินาทีนั้นหัวใจของโซเฟียเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เอาแต่จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ คนอะไรทำไมดูอบอุ่นจัง “ไหวไหมครับ?” คำถามของเขาทำให้เธอหลุดจากความคิด “เจ็บขาค่ะ พอดีฉันกำลังจะข้ามถนนแต่มีรถที่ไหนไม่รู้วิ่งมาตัดหน้านะ ทั้งที่ตอนจะข้ามไปฉันก็ดูดีแล้วน่ะว่ามันไม่มี” เธอก้มบ่นๆ กับข้อเท้าตัวเองเหมือนหลบเขินเพราะหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ “งั้นให้ผมช่วยนะ คุณลุกไหวไหม” เขาพยายามช่วยเธอให้ลุกขึ้นยืน แต่เธอก็กึ่งยืนกึ่งจะล้มหน้าคว่ำ โชคดีที่คนตัวใหญ่นั้นมือไวคว้ารอบเอวเธอไว้ทันพร้อมกับหัวใจของโซเฟียที่เต้นดั่งจะระเบิดออกมาจากอก “คุณจะข้ามไปตรงนู้นใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยนะ” เขาถามพอเธอพยักหน้า เขาก็มองไปที่ถนน เห็นว่ารถบนถนนเริ่มบางลง ชายหนุ่มก็พาเธอเดินข้ามไป “โอ้ย!” วินาที ที่มายืนอยู่กลางถนนหญิงสาวก็สะดุดขาตัวเองอีกรอบจนร้องโอดโอย ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่มันง่ายขึ้น “ขอโทษนะครับ” เขาอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นในท่าเจ้าหญิง พลางพาเดินข้ามถนนไป ความรู้สึกของโซเฟียในตอนนี้เหมือนกับว่าเวลาได้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของเธอเอาแต่จ้องมองชื่นชมความหล่อของเขาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ หญิงสาวหลบหน้าทันทีเมื่อเขาก้มหน้าลงมามอง “ถึงแล้วครับ ตรงนี้ใช่ไหม” เขาเอ่ยทำให้เธอที่กำลังเคอะเขินมีสติแล้วรีบหันไปมองรอบๆ “ใช่ค่ะ ใช่” เขาค่อยๆ วางเธอลงยืนด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมกางแขนไว้รอรับข้างหลัง เพราะกลัวว่าเธอจะล้ม “ขอบคุณนะคะ ถึงบ้านแล้วพอดี” เธอตอบออกมาอย่างไม่เป็นประโยคเท่าไหร่ ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้เพราะสังเกตเห็นจมูกแดงๆ ของคนตรงหน้า “นี่บ้านคุณเหรอครับ” หญิงสาวพยักหน้า “ใช่ค่ะ บ้านฉันเองฉันพึ่งจะย้ายมานะ” “อ๋อ” ชายหนุ่มแหงนคอมองบ้านสองชั้นตรงหน้า “มาอยู่คนเดียวสินะครับ” “คะ?” “พอดีว่าผมก็พึ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังข้างๆ ได้สองวันแล้วนะ” หญิงสาวบางอ้อพลางชะงักงันมือสวยจิกเข้าที่เอกสารในมือซึ่งนั่นเป็นข้อมูลของคนที่กาเบรียลจะให้เธอมาหลอกให้เขารักแต่เธอแค่ยังไม่ได้เปิดดู หญิงสาวจ้องคนตรงหน้าด้วยใจเต้นรัว “แล้วคุณชื่ออะไรคะ” โซเฟียยืนลุ้นมองหนุ่มหล่อตรงหน้า หวังว่าเขาจะไม่ “คุณเรียกผมว่าคีรินก็ได้ครับ” ดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจของโซเฟีย เธอควรดีใจที่เขาเป็นคนเดียวกับที่เธอต้องทำให้หลงรักและมาแต่งงานไหม? แต่เขาดูเป็นคนดี…. “แล้วคุณชื่ออะไรล่ะครับ” เขาเอ่ยพลางมองหน้าเธอที่เมื่อครู่ถูกเรือนผมสวยนั้นบดบังจนเห็นไม่ค่อยชัด แต่เหตุใดตอนเธอมองขึ้นมาเขากลับรู้สึกแปลกๆ “อ่า!” โซเฟียได้สติตอนที่เขาเรียก เธอเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้ “ฉันโซเฟียค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ คุณเพื่อนบ้านใหม่!” เธอยื่นมือไปหาเขาซึ่งเขาก็ยื่นมือมาจับตามมารยาท “คุณเดินเข้าบ้านไหวไหม ให้ผมพาไปหาหมอหรือเปล่า ผมพาไปได้นะ” คีรินบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มและแววตาที่จริงใจ จนใจของโซเฟียแทบอ่อนระทวย “ไม่เป็นไรค่ะ ลองไปใส่ยาดูก่อน ถ้าไม่หายค่อยไปก็ได้” เธอก้มมองต่ำด้วยความรู้สึกร้อนๆ บนใบหน้า “งั้นผมขออนุญาตเข้าบ้านตัวเองก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรคุณเรียกผมได้นะ” เขาเอ่ยด้วยเป็นห่วงเพราะเห็นว่าหญิงสาวอยู่คนเดียว “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอได้แต่มองตามหลังเขาที่เดินเข้าบ้าน เมื่อเขาลับตาไปมือเล็กที่จับซองเอกสารอยู่ก็ยกมันขึ้นมาปิดหน้า “นี่ถ้าเราได้แต่งงานกับเขาจริงๆ มันจะเป็นยังไงนะ โอ้ย” ระหว่างพูดเธอก็กำลังจะก้าวขาเข้าบ้านตัวเองแต่ดันลืมตัวว่าขาเจ็บ จนต้องรีบเอามือปิดปากเพราะเผลอร้องเสียงดัง ก่อนจะค่อยๆ พาร่างกายอันบอบช้ำเดินเขย่ง เข้าบ้านด้วยหัวใจที่พองโตณ บ้านพักในย่านแอ็คตัน คีรินนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่ที่โซฟาในบ้านในใจพลางนึกถึงเรื่องวันนั้น ‘ฉันขอโทษ’ วันที่เขาแอบเห็นว่าโซเฟียใส่ผงอะไรบางอย่างลงไปในแก้วเบลีย์ที่ให้เขาดื่ม แต่กระนั้นตัวเขาก็ยังไว้ใจเธอยอมดื่มไปถึงครึ่งแก้วและจึงรู้ว่ามันคือยานอนหลับ เวลานั้นตอนที่สลบไปเขายังมีสติแม้จะกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะฤทธิ์ยาแต่ก็พอจะรับรู้ได้รางๆ ว่าโซเฟียเอาแต่พูดขอโทษเธอร้องไห้ด้วย ส่วนคำพูดอื่นเขากลับจำไม่ได้ว่ามันคือคำว่าอะไรบ้าง เพราะเขาทนฤทธิ์ยานอนหลับไม่ไหวจึงหลับสนิทตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้วพร้อมกับเห็นว่าเธอและเขานอนร่วมกันอยู่ที่เตียงโดยไม่มีอะไรมาปิดบังร่างกาย “พ่อของเธอสั่งให้ทำแบบนั้นเหรอ? แล้วความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉัน มันคือของจริงไหม” เขาหลับตาลงช้าๆ ราวกับพยายามลบภาพทุกอย่างในหัว แต่เสียงเธอในคืนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ ‘ฉันขอโทษ... อย่าเกลียดฉันเลยนะคะ’ คีรินลุกขึ้นจากโซฟา พ่นลมหายใจหนักเหมือนจะปล่อยบางอย่างทิ้งไปกับอากาศ แต่หัวใจกลับตะโกนว่า “ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่าเธอรักฉันจริง หรือแค่เล่นละครเก่ง” “คุณคีรินคะ” ชายหนุ่มรีบหันไปมองเสียงเรียก พบว่าหญิงสาวกำลังเดินเข้ามาในบ้าน
ณ งานเลี้ยงของเหล่านักธุรกิจบนดาดฟ้าของตึกคอนโดสูงใจกลางเมือง แขกของงานหนึ่งในนั้นก็คือเขา คีริน หลังจากที่ชายหนุ่มเดินคุยกับคู่ค้าและคนรู้จักเสร็จ เขาก็ปลีกตัวออกมายืนเหม่อมองทิวทัศของเมืองใหญ่ ในหัวเอาแต่คิดเห็นเธอคนที่เขาเริ่มมีใจนั่งรถเข้าไปในโรงแรมกับชายอื่น ยิ่งคิดมันก็ยิ่งปวดร้าวจนเข่าแทบทรุด มือที่ถือแก้วไวน์อยู่กำแน่น เรื่องนี้เขาคิดไว้บ้างแล้วและตั้งใจว่าจะไม่โกรธเธอ แต่พอมาเจอเข้าจริงเขาก็อาจจะเป็นหนุ่มใจเย็นแบบที่เขาคิดไว้ไม่ได้ “สวัสดีครับคุณอนาวิน” เสียงของใครบางคนทำเขาหลุดจากห้วงความคิด คีรินรีบหันไปจ้องมอง จึงเห็นว่าตรงหน้าคือ กาเบรียล ลาวาเลนเต้ แต่ที่ทำเขาตกใจไปกว่านั้นเห็นจะเป็น โซเฟียที่กำลังยืนก้มหน้าใส่ชุดเดรสสีขาวลูกไม้ยืนอยู่ข้างๆ ชายแก่ตรงหน้าเขาและสายตาของเขาก็เผลอมองเธอนานเกินกว่าที่ควรเป็น เธอสวยจนทำให้เขาลืมว่าควรจะโกรธ ลืมแม้กระทั่งความคิดในหัวของตัวเขาเมื่อครู่ “สวัสดีครับ คุณกาเบรียล” เขารีบมีสติแล้วยื่นมือไปจับทักทายกาเบรียล ตามประสาคนรู้จัก แต่หางตาก็ยังไม่ละจากสาวสวยที่คุ้นเคย “อ๋อ คนนี้โซเฟีย เธอเป็นลูกสาวนอกสมรสของผมเองครับ” คำแนะนำของชายแก่ทำใ
สองร่างเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยกันโดยที่คีรินดูจะตัวติดเดินใกล้เธอไม่ห่าง จนโซเฟียเริ่มใจเต้นแรงอยู่ไม่สุข “เอ้อ คุณคีริน ไม่ต้องเดินใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ” โซเฟียหยุดเดินเขาก็เดินเอาตัวมาแนบจนร่างชิดกัน หญิงสาวต้องหันไปพูดกับเขาด้วยท่าทีเขินๆ “ทำไมล่ะครับ เราเป็นผัวเมียกันแล้วนี้” เขาว่าพลางจับปลายคางของเธอเสยขึ้น ทำเอาโซเฟียหน้าแดงต้องรีบปัดออก “บ้า นี่คุณเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธออายจนต้องรีบเปิดประตูเข้าห้องพักของแม่ไป คีรินมองตามแววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตามเธอ “เป็นยังไงบ้างครับ” เขาเดินเข้ามาเห็นเธอคุยอยู่กับพยาบาลในห้องก็เดินเข้าไปถาม “คุณพยาบาลบอกว่าแม่ยังไม่ได้สติเลยค่ะ” โซเฟียมีสีหน้าซีดลงก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองหน้าคนบนเตียง คีรินยื่นมือลูบหลังเธอ “ไม่เป็นไรนะครับ ท่านปลอดภัยแล้ว พักผ่อนอีกสักหน่อย คงจะฟื้นขึ้นมาเอง นี่ก็แค่วันเดียวเองนี้” โซเฟียเงยมองเขาพร้อมพยักหน้า ก่อนเธอจะรับรู้ได้ว่ามือถือในกระเป๋ากำลังสั่น “ฉันขอออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ” หญิงสาวเดินออกมาพลางหยิบมือถือออกจากกระเป๋าพอเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครเธอก็รีบเดินหลบไปหาที่เงียบ
“เบอร์พี่คิน…” เธอนั่งเงียบจ้องไปที่จอมือถือ เขาโทรมาทำไม? จะโทรมาพูดเรื่องเมื่อคืนเหรอ? หรืออะไร หญิงสาวหน้าแดงแจ๋เมื่อแอบคิดไปไกล จนสายจากเขาถูกตัดไปเอง ก่อนจะเด้งขึ้นเป็นข้อความเข้ามาแทน หลังเธออ่านข้อความบนจอจบเขาก็โทรเข้ามาอีกรอบจนเธอเผลอกดรับอย่างไม่ได้ตั้งตัว เจย่าหน้าเจื่อนไปในทันทีแต่ก็จำต้องยกมือถือขึ้นแนบหู แต่เขากลับไม่พูดอะไรมีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ดังแทรกเข้ามา “มีอะไรคะ โทรมาแล้วทำไมไม่พูด” เธอจึงตัดความเงียบด้วยการถามเขาก่อน [“พี่นึกว่าเธอเองก็จะไม่พูดกับพี่ด้วยเหมือนกันแหะ เป็นยังไงบ้าง”] เจย่าขมวดคิ้ว “หมายถึงอะไรเป็นยังไงบ้าง” เธอสวนเพราะอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรเกี่ยวกับคืนนั้นหรือเปล่า ปลายสายจึงเงียบไปอีกรอบ [“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงอยากได้ยินเสียง”] เขาว่าเจย่าเผลออมยิ้ม ตาบ้านี้จะมาหยอดอะไรอีกล่ะ [“เตรียมของหรือยัง วันจันทร์นี้อย่าลืมว่าต้องไปชุมพรกับพี่นะ”] “จำได้แล้วน่า เจไม่ใช่ปลาทองนะไม่ลืมหรอก” เธอตอบกลับเขาเชิงประชด [“ก็ดี งั้นวันจันทร์หกโมงเช้าพี่จะไปรับที่บ้านนะ เราจะเอารถไปเอง”] “ห๊า!!!” เจย่าตาเบิกกว้างนี้เธอจะต้
ณ บ้านพักที่ลอนดอนในช่วงเย็น หลังจากที่นาตาเลียผ่าตัดเสร็จ โซเฟียก็ขอให้คีรินพากลับบ้าน “คุณโอเคไหม อยู่คนเดียวได้แน่นะ” เขาถามเธอด้วยความเป็นห่วง เพราะยังเห็นว่าเธอน้ำตาคลอและซึมอยู่เลย “ไปอยู่ที่บ้านผมก่อนดีไหม” หญิงสาวรีบหันมาส่ายหน้าให้ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะคิดอะไรเงียบๆ สักพักนะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” เธอตอบแต่ก็ไม่มองหน้าเขา คีรินเห็นแบบนั้นเขาก็ไม่เป็นสุขใจเลย “ถ้างั้น เย็นนี้ผมจะทำอาหารมาทานที่บ้านคุณนะครับ ได้ไหม? ผมกลัวว่าคุณจะไม่ทานข้าว” เขาเอ่ยอย่างห่วงใย หญิงสาวจึงพยักหน้า “ถ้าจะมาอย่าลืมโทรบอกก่อนนะคะ เผื่อว่าฉันจะเผลอหลับนะ” “ครับ” เขาทำได้เพียงมองดูเธอเดินเข้าบ้านไป เธอโทรหาใครตอนที่อยู่โรงพยาบาล ใช่ที่บอกว่าคุยกับพ่อไหม? ทำไมสายตาเธอถึงดูมีความลังเลบางอย่างแฝงอยู่ตั้งแต่ตอนนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยเพียงใด คีรินก็จำเป็นต้องเดินกลับบ้านตัวเองไปก่อน ร่างของโซเฟียเข้ามานั่งลงที่มุมโต๊ะตัวเตี้ย เอาหลังพิงกับตัวของโซฟาแววตาของเธอเหม่อลอยเพราะยังคิดไม่ตกกับเรื่องที่จะต้องทำ เธอนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นนานโข “คุณจะโกรธจะเกลียดฉันไหมคะ” เธอบ่นพลางนึกถึงใบหน้าและรอยยิ้มขอ
โรงพยาบาล “ฮัลโหลทำไมคุณพึ่งมารับสายคะ หนูโทรหาคุณทั้งคืนทำไมคุณถึงไม่รับ” โซเฟียเอ่ยกับปลายสายทั้งน้ำตา [“ฉันคงมีเวลาว่างมารอรับโทรศัพท์จากแกยี่สิบสี่ชั่วโมงมั้งโซเฟีย”] แต่เขากลับตอบกลับมาอย่างไม่แยแส “เมื่อคืนแม่ของหนูช็อก หมอทำ CT เพิ่มแล้วบอกว่ามีเลือดออกในสมอง ต้องรีบผ่าตัดด่วน... แต่หมอที่ดูแลบอกว่าถ้าจะให้ผ่าเลย ต้องเคลียร์ค่ารักษาของสองเดือนที่แล้วก่อน เพราะเราพาแม่มาอยู่ใน Private Ward ตั้งแต่แรก และคุณก็ยังค้างค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ เขาบอกว่าจะผ่าให้ทันที ถ้าเราจ่ายเงินที่ติดอยู่ก่อน” เธอพูดไปร้องไห้ไป “ทำไมคุณทำแบบนี้ ไหนคุณบอกหนูว่าจ่ายให้ทุกเดือนไง คุณโกหกหลอกใช้หนูมาตลอดเลยเหรอ” เธอต่อว่าปลายสายอย่างเรียกร้อง เธอทำทุกอย่างที่เขาอยากให้ทำพร้อมข้อตกลงเสียดิบดีแต่เขากลับไม่ปฏิบัติตามที่เขาเคยพูด [“แล้วจะทำไม ถ้าแกอยากให้ฉันจ่ายก็รีบรวบหัวรวบหางไอ้อนาวินนั่นให้ฉันสักทีสิ”] โซเฟียปล่อยโฮ ทำไมเขาถึงใช้วิธีนี้มาบีบเธอ “ฮื้อ~ ก็ได้ หนูจะทำให้สาแก่ใจคุณไปเลย เพราะฉะนั้นคุณต้องทำการจ่ายเงินค่ารักษาให้แม่หนูเดี๋ยวนี้! แล้วหนูจะรีบทำให้” เธอยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นเชิงขู่