สำหรับ ชญานิศ ไม่มีอะไรชอกช้ำใจไปกว่าการถูกหลอกให้รัก แล้วต้องตกอยู่ในฐานะชู้ และเมียน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะโบยบิน เธอจึงไม่ช้าที่จะหนีไปไกลแสนไกลเพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่ แต่แล้วใครจะคาดคิด...เธอท้อง กับ เขา เด็กที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขาติดอยู่ในท้องเธอ . สี่ปีผ่านไป โลกกลมไม่ได้เกินคำว่าโกหก เธอกลับมาเจอเขาอีกครั้ง "พี่รู้ว่าเจี๊ยบมีลูกแล้ว และน้องเคนก็คือลูกของพี่"
View Moreเมื่อถึงคราวเพื่อนนัดสังสรรค์กันในคอนโดสารัช พวกเขาก็คะยั้นคะยอปพนธีร์ที่ห่างหายจากการสังสรรค์มานานมาเจอกันให้ได้
ทั้งที่เมื่อก่อนชายหนุ่มเป็นคนชอบเที่ยว รักความสนุกและบรรยากาศครื้นเครง แต่หลายปีที่ผ่านมาทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ปพนธีร์แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
หากไม่เกี่ยวกับเรื่องงานจริงๆ นักธุรกิจหนุ่มจะไม่พบปะหรือออกไปตามคำชวนใครเท่าไร ถึงแม้จะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม
“นี่ถ้ามึงไม่จิบเหล้า กูคิดว่ามึงกำลังจะวางแผนบวชแน่นอน” กันต์บ่นเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้นด้วยกัน
“กูก็ว่าอย่างนั้น” สารัชเห็นด้วยกับกันต์ ก่อนลองเสนอ “พลับ…กูว่ามึงลองเปิดใจคบใครบ้างมะ ใจคอ มึงจะใช้ชีวิตซังกะตายอย่างนี้ไปจนแก่เลยรึไง”
ปพนธีร์ครองตัวโสดมานาน ไม่ได้คบใคร หรือมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเลย วันๆ เอาแต่ทำงานหนัก ประหนึ่งว่าแบกหนี้ไว้กว่าพันล้าน ทั้งที่ความจริงแค่อยากลืมบางคน
“อย่างนี้ล่ะดีแล้ว” ใช่ว่าปพนธีร์ไม่เคยคิดจะบวช แต่เขาคิดว่าบวชไปก็คงจะเป็นภาระของศาสนาอยู่ดี เพราะเขาไม่อาจตัดใจและปลงตามคำสอนของพระศาสดาได้
“มึงยังลืมเจี๊ยบไม่ได้อีกเหรอ” กันต์ท้วงถามในที่สุด ดูเหมือนว่าช่วงนี้รอบตัวเขาจะมีแต่คนหลงในรักเก่าๆ
“เฮ้ย มึง จุๆ” สารัชถองศอกใส่กันต์ที่กล้าขุดแผลใจของเพื่อนขึ้นมา
“ไม่เป็นไร กูโอเค มันเป็นความจริงนี่” ปพนธีร์ยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่มอึกใหญ่ “ใช่ กูยังลืมเขาไม่ได้”
ผู้หญิงที่เคยยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ คลอเคลียและออดอ้อนเขา ความไร้เดียงสาของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
เช่นเดียวกับความเศร้าเสียใจของเธอ ที่มีต้นเหตุมาจากเขา เขาทำให้ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องเป็นเหยื่อ แทนที่เธอจะได้มีอนาคตที่สดใส เจอผู้ชายที่แสนดีและมีความสุข แต่เธอกลับต้องมาทุกข์ตรม โดนกักขังอย่างคนไร้ศักดิ์ศรี จนตัดสินใจเกือบจะปลิดชีพตัวเอง
“งั้นมึงก็กลับไปง้อเขาสิ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังไม่มีใครก็ได้ นับหนึ่งใหม่ก็ยังไม่สายนะ” สารัชตบไหล่เพื่อนเพื่อให้กำลังใจ
“คนอย่างกูไม่มีเกียรติพอจะเข้าไปยุ่งกับเขาเลยสักนิด เขาควรมีชีวิตใหม่ที่ดี ควรมีคนดีๆ ดูแล ตราบาปอย่างกูไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว…”
ปพนธีร์คิดว่าอยู่ต่อไป ก็จะพาลทำให้บรรยากาศในงานนัดเจอกันของเพื่อนกล่อยลงเปล่าๆ เขาจึงออกมาจากที่นั่นและกลับไปยังที่พักของตัวเอง
ระหว่างทางชายหนุ่มขับรถผ่านสะพานแห่งนั้น…สะพานที่เขาได้พบและคุยกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ปพนธีร์มองราวสะพาน ก่อนหักพวงมาลัยเข้าจอดรถข้างทาง เดินลงมายืนรับลมและระลึกถึงบรรยากาศในคืนวาน
ครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงจะฆ่าตัวตายที่นี่…เพราะเขา
ผู้หญิงที่เขาเคยมองว่าเธอเป็นศัตรู ลูกของผู้หญิงที่ทำลายครอบครัวเขา แย่งพ่อไป ทำให้แม่ของเขาตรอมใจตาย
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงทำเรื่องที่เห็นแก่ตัวกับเธอ ทำให้เธอทนทุกข์กับคำครหาที่ไม่ใช่ความจริง
เมียน้อย และคำว่า ‘ชู้’
‘ถ้าแกอยากไถ่โทษกับสิ่งที่ทำลงไป ก็อย่าไปยุ่งกับชีวิตเขาอีก อย่าให้เขาเห็นแม้แต่เงาของแก’ พ่อเตือนหลังรู้ว่าเขายังแอบตามมองเธออยู่ห่างๆ ทั้งที่สัญญาไว้แล้วว่าจะปล่อยเธอไป ไม่เข้าไปยุ่งกับเธออีก
นับแต่นั้นชายหนุ่มจึงตัดใจ และห้ามตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอ พยายามจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคู่หมั้น แต่สุดท้ายชีวิตคู่ก็ไปไม่รอด เพราะเขาไม่อาจลืมชญานิศได้
กระทั่งวันนี้ เวลาผ่านไปเกือบสี่ปีแล้ว หลายสิ่งเปลี่ยนไป แต่เขายังอยู่ที่เดิม
คิดถึงเธอ…
ป่านนี้เธอจะเป็นยังไง จะเริ่มต้นใหม่ และมีรักครั้งใหม่แล้วรึยัง
เขาได้แต่เฝ้าถามในสิ่งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์รู้
เป็นไปได้…เขาอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำ
เขารักและคิดถึงเธอมากเหลือเกิน
น้อนนนกลับมาแล้วว หลังจากหายไปนาน ฝากด้วยนะงับ ><
เมื่อปพนธีร์กลับไปกรุงเทพฯ เพื่อประชุมเกือบทั้งวัน เขาก็แวะเข้าไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล ตอนนี้อาการของท่านดีขึ้นมากแล้ว พอเห็นหน้าเขา พ่อกลับไม่ได้พูดอะไรมาก ไม่ได้มีท่าทีโหยหาอย่างที่เลขาบอกเลย ทว่าปพนธีร์ก็พอใจ เพราะนั่นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีนี่คือการพบหน้ากันครั้งแรกในรอบหลายปี พ่อดูแก่และโทรมลงไปมาก ร่างกายที่เคยสง่าตอนนี้ก็ผอม หนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมบนศีรษะเริ่มขาวโพลนอย่างเห็นได้ชัดท่านดูไร้ชีวิตชีวา ต่างจากตอนที่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่เคียงข้างเช่นเดียวกับเขาในตอนนี้ หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ นอกจากกลับมาจังหวัดเชียงรายอีกครั้ง และทันทีที่ออกมาจากสนามบิน เขาก็ขับรถตรงไปยังร้าน Kenkoi และจอดเยื้องกับหน้าร้าน มองจากมุมนี้ เขาเห็นไปยังเคาน์เตอร์ร้านได้เลย เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงปพนธีร์นิ่วหน้า ปกติเขาต้องเห็นบางคนยืนอยู่ตรงนั้นบ้างแล้วสิ แต่วันนี้ทำไมมีแต่พนักงานของเธอ ชายหนุ่มจึงลงมาจากรถ สองขาตั้งท่าจะก้าวไปที่ร้าน แต่…ไม่ได้ เขาจึงเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามอดกลั้นอดทนไว้ด้วยการมองรอบๆ เพื่อให้อารมณ์สงบแ
หลังเดินตรวจไซต์งานเรียบร้อย ปพนธีร์ก็เดินทางกลับไปโรงแรมเพื่อประชุมทางไกล จนเสร็จช่วงบ่ายสาม โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น “คุณพบออกจากห้องซีซียูแล้วครับ…” ก่อนหน้านี้พ่อของเขาเข้าโรงพยาบาลเนื่องด้วยโรคหัวใจกำเริบ“ทันทีที่ท่านฟื้น ท่านถามหาคุณพลับเลยครับ” นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีเลยล่ะมั้งที่ได้ยินพ่อพูดถึงเขา“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะรีบเข้าไปเยี่ยม” ปพนธีร์ไถ่ถามอาการท่านอีกสองสามประโยค ก่อนจะวางสาย ความจริงอาการของพ่อหายไปนานแล้ว แต่จู่ๆ กลับกำเริบขึ้นมาปพนธีร์นึกโทษตัวเองในบางคราบางทีท่านอาจจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าเขาไม่ทำร้ายคนที่พ่อรัก และหล่อนคนนั้นยังคงอยู่กับพ่อ เธอคือผู้หญิงที่เขาเกลียดฝังใจ หลังพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุ หล่อนก็ได้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดในฐานะพยาบาล กว่าแม่จะรู้ว่าทั้งสองคนเป็นรักแรกของกันและกัน และแอบสานสัมพันธ์ลับๆ ทั้งที่ท่านยังเป็นภรรยาอยู่ ทุกอย่างก็สายไปแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาเป็นโรคซึมเศร้ กินยาเกินขนาดเพื่อฆ่าตัวตาย ซ้ำพอแม่จากไป พ่อของเขาก็พาผู้หญิงเข้ามาในบ้าน หล่อนเข้ามาทำหน้าที่แทนแม่ของเขา ฉะนั้นพอเขาได้สืบประวัติหล่อน รู้ว
หลังปพนธีร์ขอแต่งงานชญานิศ และฉลองกันอย่างหวานชื่นทั้งคืน ปพนธีร์ก็พาชญานิศลงมาชั้นล่างเพื่อเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมระหว่างทางที่พวกเขาเดินเคียงกัน ชญานิศสัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เธอกับปพนธีร์และนั่นก็ไม่ใช่ความยินดี แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือทำอะไร เพราะข้างกายเธอคือผู้บริหารใหญ่ของที่นี่ชายหนุ่มบอกว่าครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้าและโรงแรม รวมถึงโรงแรมที่มาพักด้วย ซึ่งชญานิศก็รับรู้เพียงเท่านั้น ไม่เคยซักไซ้ หรือไปค้นหาสืบประวัติชีวิตของเขาเลย หากไม่ได้รู้จักชายหนุ่มในฐานะรุ่นพี่ที่มาสอนตอนเธอกับเพื่อนต้องทำโปรเจ็ค เธอก็คงไม่ได้มีโอกาสรู้จักคนระดับเขาขณะทั้งสองคนกำลังเดินออกจากโรงแรม โทรศัพท์ของปพนธีร์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มขอตัวเดินไปคุยเป็นการส่วนตัว ให้เธอนั่งรออยู่ตรงโซนรับแขกด้านหน้าโรงแรม“เจี๊ยบ” นั่งไม่ทันไร หญิงวัยกลางคนแต่งชุดงามสง่า ผมเป็นดัดลอนสวย ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงเดินเข้ามาหาเธอ แน่นอนว่าเธอรู้จักหล่อนเป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่เธอก็ยังจำหล่อนได้“แม่”หล่อนกวาดสายตามองเธอในชุดเดรสสายเดี่ยวที่ด้านบนคลุ
เมื่อเช้าทางร้าน Kenkoi โทรมาว่า Snack box พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว พรพงศ์จึงขับรถไปรับของที่ร้านและขับไปยังไซต์งานต่อ เขาแจกจ่ายกล่องของว่างให้เหล่าคนทำงาน“หูย ขนมร้านคุณเจี๊ยบเหรอครับ” อัจฉริยะที่เพิ่งกลับมาหลังตรวจโครงการภาคใต้เดินเข้ามาดูขนมว่าง เขาเห็นชื่อร้านบนกล่องสีน้ำตาลในมือผู้ช่วยของรุ่นพี่หนุ่ม“ครับ ตอนแรกจะสั่งอาหารครับ แต่ทางร้านไม่รับทำ รับทำแต่ของว่าง” “หืมมม งบจากไหนครับ นี่พี่พงศ์คงไม่ได้เองเลี้ยงเองหรอกนะครับ ราคาต่อกล่องไม่ใช่เล่นๆ นะ เหมามากี่กล่องเนี่ย” ครัวซองส์สองอัลมอนต์ราดด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่งและตกแต่งด้วยผลไม้สองชิ้น กับน้ำแอปเปิ้ลร้อยเปอร์เซ็นต์อีกหนึ่งขวด“ไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่มีคนฝากผมสั่ง ฝากแจกอีกทีน่ะ”“ฮึ? ใครเหรอครับ”“คุณพลับครับ” เจ้านายเขาน่าจะชอบกาแฟร้านนี้มาก ทุกครั้งที่มาจังหวัดนี้ ปพนธีร์จะฝากซื้อกาแฟจากร้านนี้อย่างน้อยวันละสองแก้ว“หืม” อัจฉริยะเลิกคิ้ว จำได้ว่าวันนั้นปพนธีร์รีบกลับ ยังไม่ทันได้ดื่มกาแฟ “กลับไปกินด้วยกันหลังจากวันนั้นเหรอครับ”“ครับ” ผู้จัดการรับคำ ส่วนคนเพิ่งมาถึงก็หยิบกล่องของว่างมาแกะแล้วหยิบขนมเข้าปาก “อร่อยจัง กินไปก็นึก
ที่ผ่านมาชญานิศมองว่าปพนธีร์มีชีวิตที่เพียบพร้อมมาตลอด จนรู้สึกมาตลอดว่าระหว่างเรามีช่องว่างทางสังคมและฐานะ ไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด ทว่าหลังจากเธอได้รู้ว่าเขาเคยผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจมายิ่งกว่าเธอ สูญเสีย เสียใจ และเขาเลือกจะเปิดเผยมันกับเธอนั่นก็ทำให้เธอเห็นใจเขา รักเขา อยากโอบกอดเขาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่เธอมี และพลันสำนึกว่าที่ผ่านมาเธอไม่ควรประเมินจากเพียงแค่เห็นเพียงเปลือกนอกเลย ฐานะร่ำรวยไม่ได้การันตีว่าเขาจะโตมาอย่างดี มีครอบครัวที่อบอุ่น และอยู่กันอย่างพร้อมหน้า อาจจะเหงาและว้าเหว่มากกว่าคนไม่ค่อยมีจะกินด้วยซ้ำนั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชญานิศกับแฟนหนุ่มกระชับกันมากขึ้น เธอเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขา และเขาก็เป็นคนสำคัญในชีวิตเธอเราสองคนมีญาติ แต่พวกเขาเหมือนเป็นเพียงคนรู้จัก ไม่ได้สนิทสนมและพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ยิ่งพอรู้ว่าแต่ละคนอิจฉา ริษยา และทำดีเพื่อหวังในสมบัติไม่ก็ผลประโยชน์ ชญานิศก็คิดว่าในโลกทั้งใบ คงมีแต่เราสองคนเท่านั้นที่จริงใจต่อกัน รักและหวังดีโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร ทั้งการกระทำตั้งแต่พูดคุยกันมา ปพนธีร์ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นยิ่งกว่าคนในครอบครัวเธอ เขา
“งั้นดิฉันจะไปร้องกับสื่อ พาแม่ค้าในตลาดไปด้วย ได้ยินว่านับวันค่าแผงตลาดเจ๊ขึ้นเอาๆ สวนทางคุณภาพนี่คะ ท่อระบายน้ำทิ้งเหม็นเน่า มีแต่หนู แมลงสาบวิ่ง…”“ยายเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!” เจ๊กงผลักเธออย่างแรง “คอยดูเถอะ เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่”“โอเค เจ๊พูดอย่างนี้ ดิฉันจะได้ไปลงบันทึกประวันไว้ เกิดอะไรขึ้นเจ๊จะได้เป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกเลย”ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางสีจัดจ้านชักถมึงทึง ดวงตามองเธอประหนึ่งจะฆ่ามากินเลือดกินเนื้อกันได้ “อย่าหยิ่งผยองให้มันมากนะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน!” เจ๊กงตะคอกใส่ ก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากร้านและปิดประตูเสียงดัง หึ เดี๋ยวหล่อนจะหาผู้ชายผิวเข้ม ตัวใหญ่ๆ หน้าตาน่ากลัวหน่อย มาขู่ ขี้คร้านยายอหังกานี่จะรีบย้ายออกจากร้านภายในไม่กี่วันแค่ผู้หญิงตัวคนเดียว กล้าดียังไงมาขู่เจ้าของตลาดดังที่มีพรรคพวกเยอะอย่างหล่อนส่วนชญานิศที่เห็นอีกฝ่ายเดินออกจากร้านไปก็พูลลมหายใจออกยาว คล้ายจะโล่งใจที่หญิงร้ายกาจนั่นออกไปจากร้านได้ ทว่าแววตายังเปี่ยมไปด้วยความกังวล เมื่อครู่หล่อนคงไม่ได้พูดลอยๆ ขึ้นมาแน่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องวางเรื่องพวกนั้นไว้ก่อน หญิงสาวมองสำรวจบรรยากาศร้าน
Comments