รองแม่ทัพตู้ใจหนึ่งพลันสะท้าน เพราะการที่ฉู่จืออี้กับองครักษ์พยัคฆ์จากไปนั้นเกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับสูญเสียการควบคุมไป ทำให้ใจเขาไม่สงบพวกเขาจะไปที่ใดกัน?หรือเกิดเรื่องบางอย่างที่เขาไม่รู้?รองแม่ทัพตู้คิดพลางสบตากับอวี๋วั่นซูหนึ่งครา แล้วทั้งคู่ก็ตรงไปยังกระโจมของฉู่จืออี้พร้อมกันเพิ่งยกม่านกระโจมขึ้น ก็เห็นเฉียวเนี่ยนหันหลังให้คนทั้งสอง นางยกมือปิดหน้า ไหล่สั่นเทิ้มไม่หยุด คล้ายกำลังร้องไห้ทั้งสองล้วนงงงันนักรองแม่ทัพตู้ดันอวี๋วั่นซูเข้ามาอวี๋วั่นซูถูกบังคับให้ก้าวเข้าไป จึงเอ่ยถามเบาๆ “คุณหนูเฉียว ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“อย่าเข้ามา!”เฉียวเนี่ยนตวาดเสียงสั่น พลางส่งเสียงสะอื้น มือยกปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง “ข้าอยากอยู่ลำพังสักครู่”เมื่อได้ยิน อวี๋วั่นซูก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดีทว่ารองแม่ทัพตู้กลับอดถามไม่ได้ “คุณหนูเฉียว ท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์ไปที่ใดกันหรือ?”“ไปแล้ว กลับเมืองหลวงแล้ว”“อะไรนะ?!”อวี๋วั่นซูตกใจยิ่ง “นี่ ท่านอ๋องไยจู่ๆ ถึงจากไปเล่า?”เสียงของเฉียวเนี่ยนเจือสะอื้น “ข้าตำหนิเขาว่าเมื่อครู่ไม่ควรโกรธกริ้วใหญ่โตในสนามซ้อม พูดไปพูดมา ไม่รู
“พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นทหารของแม่ทัพเซียว ไม่ใช่ทหารของท่าน!”“ถูกต้อง! พวกเราไม่ใช่ทหารของท่าน!”ชั่วขณะหนึ่ง ลานฝึกทหารแทบจะระเบิดขึ้นมาและในตอนนั้นเอง องครักษ์พยัคฆ์ก็ปรากฏตัวพร้อมกัน พุ่งเข้าไปกลางฝูงชน จับกุมพวกที่ตะโกนเสียงดังที่สุดเอาไว้“ก่อกวน สร้างความวุ่นวาย ทำลายขวัญกำลังใจ พาตัวไป ฆ่าเสีย”เสียงเย็นชาไร้ความปรานีของฉู่จืออี้ดังขึ้นองครักษ์พยัคฆ์รับคำทันที แล้วก็จะพาตัวคนออกไปอวี๋วั่นซูตกใจรีบก้าวเข้ามาขวาง “ท่านอ๋อง! ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! พวกเขาเพียงแต่เสียใจเพราะเรื่องท่านแม่ทัพเซียวเท่านั้น ขอท่านอ๋องโปรดอภัย”แต่ไม่คาดคิด ฉู่จืออี้เพียงปรายตามองเขาอย่างเย้ยหยัน “ทำไม เจ้าก็อยากตายด้วยหรือ?”อวี๋วั่นซูชะงักไป ในที่สุดก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อเฉียวเนี่ยนก้าวออกมาด้วยฝีเท้าที่หนักแน่น ดึงแขนของฉู่จืออี้ “พี่ใหญ่ฉู่ โปรดคิดให้รอบคอบ”ฉู่จืออี้มองเฉียวเนี่ยน แต่ไม่ได้พูดอะไรแต่ไม่คาดคิด ข้างล่างกลับมีคนตะโกนขึ้นมา “ต่อให้ฆ่าพวกเรา เราก็จะพูด!”“ใช่ หากทำได้ ก็ฆ่าพวกเราทั้งหมดไปเลย รอให้แคว้นถังบุกเข้ามา พวกท่านก็ไปป้องกันเอง!”“ใช่! หากจะฆ่าก็ฆ่าพวกเราทั้งหมดเถอะ!”“
ผ้าเช็ดหน้าได้เหลืองไปแล้วกลีบดอกเหมยก็ซีดจางมานานแล้วนี่มิใช่หลักฐานหรือ ว่าเจ้าของผ้าเช็ดหน้านี้มักจะหยิบมันออกมาพิจารณา ลูบไล้?เฉียวเนี่ยนรับผ้าเช็ดหน้ามา แต่พลันก็รู้สึกได้ว่าใต้ผ้าเช็ดหน้าที่พับไว้นั้นยังมีสิ่งอื่นอีกครั้นจึงคลี่ออกมา กลับพบว่าเป็นต่างหูหินโมราคู่หนึ่งคู่นี้เองที่ครั้งนั้นนางถูกหมิงอ๋องพาไปยังเฉิงซีแล้วก็หายไปนางไม่เคยตามหาเสียด้วยซ้ำ ท้ายที่สุด สำหรับนางแล้ว ต่างหูคู่นี้ไม่ได้มีความหมายแทนใจอะไรกับนางมาตั้งนานแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าเซียวเหิงกลับหามันเจอคิดถึงตอนที่ตนเองมอบผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเหิง และตอนที่เซียวเหิงมอบต่างหูคู่นี้ให้ตนเอง ตนเป็นสุขเพียงใดทว่าตอนนี้...แท้จริงแล้วเฉียวเนี่ยนรู้อยู่แล้วว่าเซียวเหิงนั้นชอบนางสิบห้าปีนั้น นางมิใช่เพียงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวเพียงแต่ว่าในตอนที่นางรักเขา เขากลับยังไม่ได้รักนางมากถึงเพียงนั้นและเมื่อคราที่นางมิได้รักเขา ความรักของเขากลับเอ่อล้นเชี่ยวกรากราวกระแสน้ำไม่มีเหตุผล อธิบายมิได้จนทำให้เฉียวเนี่ยนในยามนี้มองผ้าเช็ดหน้าและต่างหูคู่นั้น ใจให้ความรู้สึกอาลัยยิ่งหากว่า ในยามที่นางรักเขามากมาย เข
“ไม่ ไม่ล่ะ อย่างไรก็ขอรบกวนหมอหญิงเฉียวเถอะ!”“อืม”เฉียวเนี่ยนรับเสียงอ่อนโยน แต่ในใจกลับหัวเราะเยาะไม่หยุดนางปักสามเข็มติดกันลงบนร่างรองแม่ทัพตู้อย่างไม่เกรงใจ และล้วนเป็นจุดที่ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบอย่างรุนแรงทั้งสิ้นเจ็บจนรองแม่ทัพตู้แทบน้ำตาไหลพรากออกมาแต่เฉียวเนี่ยนก็รู้ ว่าไม่อาจทำเกินไปนัก มิเช่นนั้นจะเชิญชวนความสงสัยจากรองแม่ทัพตู้จึงค่อยๆ เริ่มฝังเข็มอย่างถูกต้อง เพื่อบรรเทาอาการปวดท้องให้รองแม่ทัพตู้รองแม่ทัพตู้จึงถอนหายใจโล่งอกออกมา เพียงแต่หน้าผากยังคงชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นดีที่ไม่ได้สงสัยอะไรเฉียวเนี่ยนเช็ดฆ่าเชื้อเข็มเงินด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปรุงขึ้นเองเป็นพิเศษ พลางเอ่ยถามไปด้วย “รองแม่ทัพตู้ ท่านกินอะไรเข้าไปหรือ ถึงเจ็บปวดรุนแรงถึงเพียงนี้ ตามหลักการแล้ว เข็มข้าที่ปักลงไปไม่ควรเจ็บหนักเช่นนี้”นางจงใจโยนความผิดของเข็มแรกๆ ไปที่รองแม่ทัพตู้รองแม่ทัพตู้มีท่าทีเก้อเขิน หัวเราะแห้งๆ “อาจ... อาจเป็นเพราะกินแป้งนึ่งที่เหลือจากเมื่อวันก่อน”ทว่าตอนนี้เป็นฤดูหนาว ต่อให้เป็นแป้งนึ่งที่เหลือจากเมื่อวันก่อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆเฉียวเนี่ยนหัวเราะเยาะในใจ แต่ยัง
เวลาราวหนึ่งก้านธูปต่อมา เฉียวเนี่ยนถึงได้ออกมาจากกระโจมของฉู่จืออี้พอออกมาข้างนอก ก็เห็นอวี๋วั่นซูเพียงเห็นเขามีสีหน้าหมองหม่น กำลังเดินสาวเท้าตรงไปยังกระโจมของฉู่จืออี้เห็นเฉียวเนี่ยนออกมา เขาก็ตกใจไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา คิ้วขมวดแน่นเป็นปม “รองแม่ทัพตู้บอกว่า ท่านแม่ทัพเซียวเขา...”เฉียวเนี่ยนมองอวี๋วั่นซู แต่หางตากลับเห็นรองแม่ทัพตู้ที่อยู่ด้านหลังอวี๋วั่นซู ร่างกายครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่หลังอีกกระโจมหนึ่งไม่รู้ว่าเขากำลังจับตาดูอวี๋วั่นซู หรือว่าจับตาดูนางทันใดนั้น นางก็พยักหน้าช้าๆ “ใช่”อวี๋วั่นซูสูดลมหายใจเข้าลึก เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไรกัน? วันนั้นตอนท่านแม่ทัพออกไปยัง...”พูดมาถึงตรงนี้ แต่อวี๋วั่นซูกลับพูดต่อไม่ออกเป็นเขาที่ส่งเซียวเหิงออกไปดังนั้นเขาถึงพูดไม่ได้ว่าตอนเซียวเหิงออกไปยังดีอยู่เลยเพียงแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้ ที่เซียวเหิงตายไปอย่างนี้แม่ทัพคนหนึ่ง ไม่ได้ตายในสนามรบ แต่กลับตายเพราะบาดเจ็บสาหัสแล้วถูกไล่ออกจากค่าย!อัดอั้นใจเกินไปแล้ว!ในใจพลันเอ่อล้นไปด้วยโทสะ “ข้าน้อยคิดไม่ออกจริงๆ เหตุใดท่านอ๋องถึงต้องไล่แม่ทัพเซียวออก
รองแม่ทัพตู้ก็เดินจากไปด้วย แต่ยังไม่ลืมหันกลับมามองอีกครั้งก็เห็น ฉู่จืออี้ได้โอบเฉียวเนี่ยนเข้าไปในอ้อมแขนแล้ว เอ่ยปลอบอยู่อย่างแผ่วเบาทีละคำและแก้มข้างหนึ่งของเฉียวเนี่ยนพิงอยู่บนบ่าของฉู่จืออี้ น้ำตาหยดนั้นในดวงตาของนางก็ถูกรองแม่ทัพตู้เห็นชัดเจนดูท่า เซียวเหิงคงตายแล้วจริงๆรองแม่ทัพตู้ขมวดคิ้ว สุดท้ายก็ลดม่านลงฉู่จืออี้แม้กำลังปลอบเฉียวเนี่ยน แต่หางตาก็ยังจับตามองรองแม่ทัพตู้จนกระทั่งเขาออกไปแล้ว ถึงได้ผ่อนลมหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำ "ไม่จริง"เฉียวเนี่ยนชะงัก รีบผละออกจากอ้อมแขนของฉู่จืออี้ จ้องเขา "อะไร?""คำพูดเมื่อครู่ของลุงเกิ่ง คงพูดให้รองแม่ทัพตู้ฟัง"เฉียวเนี่ยนถึงได้เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา น้ำตาในตากลับเอ่อท้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ริมฝีปากยังสั่นระริก "จริงหรือ?"ฉู่จืออี้พยักหน้าอย่างมั่นใจ "อีกหน่อยค่อยไปถามลุงเกิ่งให้ละเอียด เอาล่ะ อย่าร้องเลย"เขายกมือขึ้น นิ้วโป้งใหญ่ๆ ลูบเบาๆ ผ่านแก้มนางสัมผัสหยาบกร้าน กลับทำให้อกของนางค่อยๆ อบอุ่นขึ้นทีละน้อยดังนั้น คำพูดเมื่อครู่ของลุงเกิ่ง คือพูดเพื่อหลอกรองแม่ทัพตู้แต่กลับหลอกนางได้ด้วยหรือ?เฉียวเนี่ยนก้มหน้าล