นายกองหลินงั้นหรือ?เฉียวเนี่ยนจำได้ว่าหลินเย่ว์คือนายกองจึงเปิดม่านกระโจมและออกไปดูด้านนอก ก็พบว่าไม่ไกลนัก มีนักลอบสังหารในชุดดำคนหนึ่งถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาด้วยเหล่าทหาร ส่วนหลินเย่ว์กำลังกุมแผลบนแขนขณะถูกคนประคองไปอีกทางนักลอบสังหารที่สวมชุดสีดำปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดและดูตื่นตระหนกเล็กน้อยคบเพลิงที่อยู่ไม่ไกลส่องไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น ทำให้เห็นได้รางๆเฉียวเนี่ยนอยู่ไกลออกไปและไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แต่นางก็รู้สึกว่าร่างของชายคนนั้นดูคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูกครั้นก็เดินไปทางนักลอบสังหารช้าๆในที่สุดนักลอบสังหารก็สังเกตเห็นเฉียวเนี่ยน เขายกมือขึ้น "เนี่ยนเนี่ยน!"เสียงนี้...เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่ในตอนที่ใกล้จะถึงตัวนักลอบสังหาร หลินเย่ว์ก็ตะโกนห้ามไว้ "เนี่ยนเนี่ยน! อันตราย!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝึเท้า เหลือบมองหลินเย่ว์ แล้วหันไปมองนักลอบสังหารอีกคราตอนนี้เมื่อระยะห่างใกล้กันมากขึ้น จึงมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยนี้...เฉียวเนี่ยนเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ "พี่ใหญ่?"พี่ใหญ่?หลินเย่ว์เบิกตากว้า
นางหยิบยาลูกกลอนจากอกเสื้อออกมา แล้วป้อนใส่ปากแพทย์ทหารลู่ยาเม็ดนั้นละลายทันทีที่เข้าสู่ปาก อาการปวดท้องก็ค่อยๆ บรรเทาลงแพทย์ทหารลู่แหงนหน้าขึ้น เสื้อผ้าเปียกโชก หอบหายใจแรง ทั้งตัวราวกับเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำหลังจากหายใจลึกอยู่หลายครั้ง แพทย์ทหารลู่จึงค่อยๆ ฟื้นตัว แล้วจึงหันไปมองเฉียวเนี่ยนช้าๆ “ท่านหญิงเฉียว เหตุใดจึงไว้ชีวิตข้าไว้?”เฉียวเนี่ยนกลับค้อมตัให้แพทย์ทหารลู่วอย่างจริงจัง “แพทย์ทหารลู่คือชายชาติทหาร เฉียวเนี่ยนผู้นี้นับถือนัก”ถึงขั้นยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อปกป้องเพื่อนของตน สมควรแก่การยกย่องแพทย์ทหารลู่มองเฉียวเนี่ยน ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดเฉียวเนี่ยนกล่าวว่า “แต่ข้าก็อยากให้แพทย์ทหารลู่ให้โอกาสท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์สักครั้ง พวกเขาไม่ใช่ปีศาจกระหายเลือดที่ฆ่าคนทั้งที่ยังไม่กระพริบตา แม้สนามรบจะโหดร้าย แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่คือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน พวกเขาไม่มีวันพรากชีวิตพี่น้องเช่นนั้นโดยไร้หลักฐานแน่นอน!”เมื่อได้ยินดังนั้น แพทย์ทหารลู่ก็ยังคงมองเฉียวเนี่ยนอยู่โดยไม่เอ่ยอะไรแต่แววที่ฉายในดวงตากลับเปลี่ยนแปลง คล้ายกำลังไตร่
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเนี่ยน แววตาของแพทย์ทหารลู่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านหญิงเฉียว พูดจากันดีๆ เถิด ได้โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าศิษย์ของข้าจะเป็นคนทรยศ บรรพบุรุษข้าล้วนเป็นแพทย์ทหารมาแล้วสามชั่วคน ต่างมีบันทึกชัดเจน! ข้าเป็นคนแคว้นจิ้ง จะไปหักหลังแคว้นจิ้ง เป็นคนทรยศได้อย่างไร!”ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ท้องของแพทย์ทหารลู่ก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาเขารู้ทันทีว่าต้องเป็นเพราะยาชามเมื่อครู่นั้นแน่!แต่ก่อนดื่ม เขาก็ได้กลิ่นยานั้นแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะมีพิษแม้แต่น้อย!พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เฉียวเนี่ยนแค่จดตำรับอย่างลวกๆ ก็สามารถต้มยาเป็นพิษโลหิตดับลมปราณได้ แพทย์ทหารลู่ก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่เฉียวเนี่ยนกลับนั่งอยู่ข้างๆ มองแพทย์ทหารลู่อย่างเย็นชา“อืม เป็นแพทย์ทหารมาสามชั่วคนเ เช่นนั้นก็ยิ่งได้รับความนับถือในกองทัพก็มากขึ้น หากใครรู้ว่าแพทย์ทหารลู่ถูกทรมาน เกรงว่าอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายไม่น้อย! แต่ไม่ต้องกังวลไป ต่อให้เจ้าทรมานจนตาย อีกสักพักพอแพทย์ทหารคนอื่นมาตรวจสอบ ก็จะพบเพียงว่าท่านล้มป่วยกะทันหัน ไม่มีใครเกี่ยวข้อง”ดังนั้น ต่อให้แพทย์ทหารล
นางถือชามยาเดินเข้าไปในกระโจม ก็เห็นว่าแพทย์ทหารลู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับที่เท้าแขน ขาทั้งสองก็ถูกมัดไว้กับขาเก้าอี้ แทบจะขยับไม่ได้เลยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน สีหน้าของแพทย์ทหารลู่ก็แสดงความประหลาดใจออกมาทันที “ท่านหญิงเฉียว มาได้อย่างไร?”เสียงของเขาแหบและแห้งผากเฉียวเนี่ยนเดินถือชามยาไปยืนตรงหน้าแพทย์ทหารลู่ ตักขึ้นหนึ่งช้อน ส่งไปที่ริมฝีปากของเขา “ท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์อยู่ที่ลานฝึก ข้าอาศัยจังหวะนี้มาดูอาการท่านแพทย์ทหารลู่ อาหารจากครัวทหารหายาก ข้าจึงต้มยาบำรุงร่างกายมาชามหนึ่ง หวังว่าแพทย์ทหารลู่จะอดทนผ่านไปได้”น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ใดแฝงอยู่ในถ้อยคำระหว่างที่เฉียวเนี่ยนพูดอยู่นั้น แพทย์ทหารลู่ก็ได้กลิ่นส่วนผสมของยานั้นบ้าง แล้วจึงกล่าวขอบคุณ “ท่านหญิงเฉียวกรุณาแล้ว เป็นพระคุณยิ่งนักขอรับ”“ดื่มเถอะ”เฉียวเนี่ยนกล่าวเสียงอ่อน แล้วยื่นช้อนยาเข้าไปใกล้ปากแพทย์ทหารลู่อีกหน่อยแพทย์ทหารลู่จึงอ้าปากรับยาทีละน้อยทันใดนั้นเอง เฉียวเนี่ยนก็กล่าวขึ้นว่า “ศิษย์ของท่านได้ตายแล้ว วันนี้ข้าเห็นศพของเขาถูกแขวนอยู่บนเสา”เมื่อได้ยินเช่นนั
เฉียวเนี่ยนชะงักไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าฉู่จืออี้จะเด็ดขาดถึงเพียงนี้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะไม่รีบร้อนไปหน่อยหรือ? บางทีเขาอาจมีพวกเดียวกันอยู่จริง หากเค้นความจริงออกมาได้...”“เค้นไม่ได้หรอก” ฉู่จืออี้กล่าวหนักแน่น “เมื่อวานเจ้าเจ็ดกับเจ้าเก้าสอบสวนเขาทั้งคืน ใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่อาจเปิดปากเขาได้ คิดว่าคงเป็นนักรบพลีชีพที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก โทษทัณฑ์แบบนั้นสำหรับเขา คงเป็นเรื่องปกติธรรมดา”ดังนั้น ฉู่จืออี้จึงเลือกจะให้เขาตายโดยไม่ทรมานเฉียวเนี่ยนฟังคำของฉู่จืออี้แล้ว ก็อดรู้สึกเย็นวาบในใจไม่ได้นางนึกภาพไม่ออกเลยว่า จะต้องเป็นคนเช่นไร ถึงจะถูกฝึกให้ทนต่อการทรมานตั้งแต่เด็กได้สีหน้าของนางจึงพลันเปลี่ยนไปฉู่จืออี้ก็สังเกตเห็น จึงกล่าวเสียงอ่อน “ยุทธภพกว้างใหญ่ ทุกเรื่องสามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราทำได้ คือจัดการเรื่องตรงหน้าให้ดีที่สุด”เฉียวเนี่ยนเข้าใจหลักการข้อนี้ดี นางพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วศพของคนนั้น ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”เมื่อได้ยิน ฉู่จืออี้นิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาหนักแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วค่อยๆ หันไปมองฟ้าในระยะไม่ไกลเฉียวเนี่ยนจึงหันไปมองตามสายตาของฉู่จืออี้
และในยามนี้ คนอื่นๆ ยังไม่กลับมาจากหน้ากองไฟ จึงมีเพียงหลินเย่ว์คนเดียวอยู่ในกระโจมกว้างใหญ่แห่งนี้เมื่อเห็นฉู่จืออี้เปิดผ้าม่านกระโจมเดินเข้ามา หลินเย่ว์ก็เอ่ยว่า “ท่านอ๋อง”แต่กลับไม่ลุกขึ้นต้อนรับ เพียงยกถ้วยตรงหน้าขึ้นจิบไปหนึ่งคำฉู่จืออี้เหลือบมอง แล้วจึงถาม “เหล้าหรือน้ำ?”หลินเย่ว์ยกถ้วยขึ้นเล็กน้อย “น้ำ”ฉู่จืออี้พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าว “เนี่ยนเนี่ยนไม่เป็นไร วันนี้นางทำเช่นนั้นเพื่อล่อจับนักลอบสังหาร ถึงได้...”“ข้ารู้” หลินเย่ว์ขัดคำพูดของฉู่จืออี้ขึ้นรู้ตั้งแต่เมื่อไร?คงตั้งแต่ตอนที่เห็นเฉียวเนี่ยนแกล้งเมาให้หนิงซวงประคองกลับไป แต่ฉู่จืออี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าไฟตรงนั้น จึงเริ่มเข้าใจว่าฉู่จืออี้และพวกเขาต้องมีเรื่องปิดบังตนหนึ่งคือ ฉู่จืออี้ไม่มีทางปล่อยให้เฉียวเนี่ยนดื่มจนเมาเละได้สองคือ แม้นางเมาจริง ฉู่จืออี้ก็ต้องไปส่งนางด้วยตัวเอง จะไว้ใจให้หนิงซวงคนเดียวได้อย่างไร?แต่แม้จะแสร้งเมา แต่คำพูดของเฉียวเนี่ยนก่อนหน้านี้กลับมาจากใจจริงตอนนี้ ในใจของเฉียวเนี่ยน นางมีพี่ชายมากมายฉู่จืออี้ องครักษ์พยัคฆ์ หรือแม้แต่เซียวเหอ!มีเพียงเขา ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ