Share

พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี
พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี
Author: โม่เสียวชี่

บทที่ 1

Author: โม่เสียวชี่
แคว้นจิ้ง ยี่สิบแปดเดือนสิบสอง

มันเป็นวันที่อากาศกำลังหนาวเย็นพอดี

เฉียวเนี่ยนซักเสื้อผ้าชุดสุดท้ายในตอนเช้าเสร็จ ยังไม่ทันเช็ดมือที่หนาวจนชาให้แห้งก็ได้ยินนางกำนัลอาวุโสจากกรมซักล้างตะโกนเรียกนางว่า “เฉียวเนี่ยน เร็วเข้า จวนโหวมีคนมารับเจ้าแล้ว!”

นางยืนอึ้งอยู่ที่เดิม

จวนโหว ช่างเป็นคําที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยิ่งนัก

นางเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่เมื่อสามปีก่อนกลับได้รับแจ้งว่าตนเองเป็นตัวปลอม

เป็นนางกำนัลอาวุโสที่ทําคลอดในตอนนั้นที่เห็นแก่ตัว นำลูกของตัวเองกับคุณหนูของจวนโหวแลกเปลี่ยนกัน และก่อนตายก็ค้นพบมโนธรรมและบอกความจริงออกมา

เฉียวเนี่ยนจําได้แม่นว่าวันนั้นที่ท่านโหวสองสามีภรรยาได้รู้จักกับหลินยวนลุกสาวแท้ๆ นั้นตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขากอดกันทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ส่วนนางยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างทําอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ที่ตัวเองเรียกมาสิบห้าปี ทําไมจู่ๆ ถึงไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเองแล้ว

อาจเป็นเพราะมองเห็นความผิดหวังของนางได้ ท่านโหวหลินจึงสัญญากับนางว่า นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนโหว และยังให้หลินยวนเรียกนางว่าพี่สาว แม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังบอกว่า พวกเขายังคงรักนางเหมือนลูกสาวแท้ๆ

แต่วันนั้นพวกเขาเห็นหลินยวนทําถ้วยขององค์หญิงแตกด้วยตาตัวเอง เห็นสาวใช้ของหลินยวนผลักความผิดนี้มาที่นาง เห็นนางถูกองค์หญิงตําหนิ เห็นนางถูกส่งมาเป็นทาสรับใช้ที่กรมซักล้างแห่งนี้ พวกเขากลับยืนปกป้องหลินยวนอยู่ข้างๆ ไม่พูดสักคําตั้งแต่ต้นจนจบ

นางก็รู้แล้วว่านางไม่สามารถเป็นลูกสาวของพวกเขาได้อีกต่อไปแล้ว

“เฉียวเนี่ยน มัวนิ่งอยู่ทําไม? อย่าให้ท่านโหวน้อยรอจนร้อนใจสิ!” เสียงเร่งเร้าของนางกำนัลอาวุโสดึงความคิดเฉียวเนี่ยนกลับมา

นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูกรมซักล้าง ก็เห็นร่างสูงตระหง่านยืนอยู่ด้านนอก แสงแดดในฤดูหนาวส่องกระทบร่างของเขาจนดูราวกับมีประกายส่องมาจากตัวเขา

เมื่อเห็นใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยนั้น หัวใจของเฉียวเนี่ยนที่ไม่รู้สึกอะไรมานานก็บีบรัดอย่างเจ็บปวดโดยไม่ทันตั้งตัว

เป็นหลินเย่ว์

พี่ชายที่นางเรียกมาสิบห้าปี พี่ชายที่เคยเดินทางไปเจียงหนานที่อยู่แสนไกลเพื่อตามหาไข่มุกราตรีที่หายากที่สุดในโลก และพี่ชายที่ผลักนางลงจากชั้นสองเพื่อหลินยวน

ไม่ได้เจอกันสามปี ความรู้สึกคับข้องใจที่หายไปสามปีนั้นพลันพรั่งพรูออกมา

เฉียวเนี่ยนหายใจเข้าลึกๆ และระงับความคับข้องใจนั้นไว้ ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ใดๆ

นางเดินไปหาหลินเย่ว์ เดินเข้าไปใกล้ด้านหน้าแล้วคุกเข่าลงทําความเคารพ น้ำเสียงราบเรียบ แฝงไปด้วยความห่างเหิน “บ่าวคารวะท่านโหวน้อยเจ้าค่ะ”

ก่อนมา หลินเย่ว์ก็เคยความเพ้อฝันถึงฉากที่พวกเขาพี่น้องได้พบกัน

คิดไปคิดมา ตามนิสัยเดิมของนาง ไม่ก็โผเข้ากอดเขา ออดอ้อนไปพลางร้องไห้พลางบ่นน้อยใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่ยอมพบเขาแม้แต่ครั้งเดียว

คาดไม่ถึงว่านางจะเดินมาหาเขาอย่างใจเย็นและคุกเข่าลง

นี่คือน้องสาวที่เขาตามใจมาสิบห้าปีเชียวนะ!

ความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของนาง ความเย่อหยิ่งของนางล้วนถูกตามใจโดยเขา

ทําไมตอนนี้กลับ...

หลินเย่ว์รู้สึกเพียงว่าหัวใจของตัวเองถูกมือที่มองไม่เห็นฉีกกระชากอย่างรุนแรง มือที่ไพล่หลังกําแน่น ลําคอเหมือนถูกมือข้างหนึ่งจับไว้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงเอ่ยปาก “ท่านย่าคิดถึงเจ้ามาก ฮองเฮาเห็นแก่ความชราของนาง อนุญาตให้เจ้าออกไปจากที่นี่ได้”

พูดจบประโยค หลินเย่ว์ก็รู้สึกว่าน้ำเสียงแข็งกระด้างเกินไป เขาขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อประคองเฉียวเนี่ยนให้ลุกขึ้น จงใจพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตามพี่กลับบ้านเถอะ!”

ดวงตาที่ก้มต่ำของเฉียวเนี่ยนพลันสั่นไหวระริก

ตามพี่กลับบ้านเถอะ!

ใครจะรู้ว่าประโยคสั้นๆ นี้นางรอคอยมานานแค่ไหนแล้ว

ช่วงที่มากรมซักล้างครั้งแรกนั้น นางเฝ้ารอคอยหลินเย่ว์มารับนางกลับบ้านแทบทั้งวันทั้งคืน

แต่วันแล้ววันเล่า ความหวังก็กลายเป็นความผิดหวัง จนถึงตอนนี้นางไม่มีความเพ้อฝันใดๆ เกี่ยวกับการกลับจวนโหวอีกแล้ว

ไม่คิดว่าเขาจะมา

นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว สะบัดมือหลินเย่ว์ออกอย่างเงียบๆ ก้มตัวลงทําความเคารพ “บ่าวขอบพระทัยที่ฮองเฮาทรงเมตตา ขอบคุณที่ฮูหยินเฒ่าเมตตา”

น้ำเสียงของนางจริงใจและท่าทางของเขาก็ดูเคารพมาก แต่ความห่างเหินที่ออกมาจากทุกคําและทุกประโยคนั้นทําให้หัวใจของหลินเย่ว์รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาชักมือกลับ หัวคิ้วขมวดเป็นปม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธอย่างบอกไม่ถูก “ท่านพ่อไม่เคยถอดฐานะของเจ้าออก แม้เจ้าจะอยู่ในกรมซักล้างมาสามปี แต่ทะเบียนก็ยังอยู่ในจวนโหว เจ้าไม่เคยเป็นทาสรับใช้อะไรทั้งนั้น”

เด็กสาวบอบบางที่เขาโปรดปรานตั้งแต่เด็กจะเป็นทาสได้ยังไงกัน?

แต่เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนกลับรู้สึกประชดประชัน

สามปีที่ผ่านมา ทุกวันนางต้องตื่นมาซักผ้าก่อนฟ้าสาง ซักจนพระอาทิตย์ตกดิน ซักจนมือทั้งสองเปื่อยยุ่ย

นางกำนัลอาวุโสที่ดูแลกรมซักล้างเอะอะก็ตีหรือด่าใส่นาง ฐานะของนางที่นี่แม้แต่ทาสชั้นต่ำก็ยังสู้ไม่ได้

ฐานะ? ทะเบียนบ้าน?

จะมีประโยชน์อะไรกัน

เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูดไม่จา หลินเย่ว์จึงทําได้เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธที่อธิบายไม่ได้นั้น แล้วพูดว่า “ในบ้านมีทุกอย่าง เจ้าก็ไม่ต้องไปเก็บอะไรอีกแล้ว ไปเถอะ อย่าทําให้ท่านย่าต้องรอนาน”

พูดจบก็หันตัวจากไปก่อน

เดินไปได้ไม่นานเขาก็จะหันกลับมา เห็นเฉียวเนี่ยนเดินตามไปอย่างไม่ใกล้ไม่ไกล สายตามองตรงไปตลอดทาง ไม่มองเขาแม้แต่น้อย นึกถึงท่าทางออดอ้อนออดอ้อนของนางในอดีต ความโกรธในใจยังไงก็ระงับไว้ไม่อยู่แล้ว

จนทําให้ฝีเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว

หลังจากเฉียวเนี่ยนถูกหลินเย่ว์ผลักตกเรือนไปเมื่อสามปีก่อน ข้อเท้าก็บาดเจ็บจนตกเป็นโรคเก่า ตอนนี้จึงตามไม่ทัน เมื่อเดินมาถึงประตูวัง หลินเย่ว์ก็นั่งในรถม้าของจวนโหวไปนานแล้ว

คนขับรถม้าเป็นคนเก่าคนแก่ของจวน จึงรู้จักเฉียวเนี่ยน

เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเดินเข้ามา ก็ทําความเคารพ “บ่าวคารวะคุณหนูขอรับ”

เฉียวเนี่ยนโค้งตัวคํานับกลับ แล้วขึ้นรถม้าไปนั่งข้างคนขับรถม้า

คนขับรถม้าประหลาดใจเล็กน้อย “คุณหนูไม่เข้าไปนั่งหรือขอรับ”

เฉียวเนี่ยนส่ายหน้า “ผิดระเบียบน่ะ”

เพิ่งสิ้นเสียง ในรถม้าพลันมีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมา เตะเฉียวเนี่ยนจนล้มลงกับพื้นอย่างแรง

หลินเย่ว์เปิดม่านรถออกด้วยความโกรธแค้น “เพิ่งพบหน้าก็ไม่รู้จักไว้หน้าซะแล้ว ไม่ยอมกลับจวนโหวก็ไสหัวกลับไปเป็นทาสรับใช้ที่กรมซักล้างของเจ้าต่อไปซะ!”

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเจ็บปวดจนเริ่มซีด ข้อเท้าของนางเกรงว่าคงจะบิดอีกแล้ว

แต่เมื่อได้ยินหลินเย่ว์ถามอย่างเย็นชาว่า "หรือว่าเจ้ารู้สึกน้อยใจและจงใจชักสีหน้าให้ข้า หลินเนี่ยน เจ้าได้เสวยสุขแทนยวนเอ๋อร์มาสิบห้าปีแล้ว ตอนนี้แค่ต้องทนทุกข์ทรมานแทนนางเป็นเวลาสามปีเท่านั้น มีอะไรต้องน้อยใจหรือไง?”

“ในเมื่อไม่ยอมนั่งรถกลับจวน งั้นเจ้าก็เดินกลับไป ระหว่างทางก็ลองคิดดูดีๆ ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ มีคุณสมบัติที่จะมาวางท่าแบบนี้ให้ข้าดู! จะได้ไม่ต้องกลับไปเจอหน้าท่านย่าที่จวนแล้วยังทําหน้าจะเป็นจะตายแบบนี้อีก มีแต่ซ้ำเติมความโชคร้ายเปล่าๆ”

หลินเย่ว์พูดจบก็สะบัดม่านรถออก ส่งเสียงเย็นชาใส่คนขับรถม้า “กลับจวน!”

คนขับรถม้าไม่กล้าขัดคําสั่ง มองเฉียวเนี่ยนอย่างกังวลแล้วก็ขับรถออกไป

เมื่อเห็นรถม้าที่จากไปไกล ในใจของเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

ยังไงซะ นางก็ถูกคนที่นางรักมากที่สุดทิ้งไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น เดินกระโผลกกระเผลกไปยังทิศทางของจวนโหว

ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าคันหนึ่งก็หยุดลงตรงหน้านาง

นิ้วมือที่มีข้อต่อชัดเจนเลิกม่านรถขึ้น ดวงตาทั้งคู่เย็นชาห่างเหิน “แม่นางหลิน?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (9)
goodnovel comment avatar
Khud Kst
Dxxhhehhhdhhdhhdhhfhjjchbdbbdjdjjdjcjcnjcjckcknndnjjjnejnduhebvrv
goodnovel comment avatar
น้องหนู นูนู
อ่านถึงตอนที่ 3 ร้อยกว่าๆ นอ.แต่งงานกับเซียวเหอ พี่ชาย(แม่ทัพพิการท่อนล่าง)ของเซียวเหิง ส่วนเซียวเหิงแต่งงานกับอินังชั่วหลินยวน แต่ไม่ยอมเข้าหอ ส่วนอิตระกูลหลิน ตั้งแต่ พ่อ แม่ และหลินเย่ว์ เลวทั้งตระกูล ตรรกะนรกมาก ขอ อย่าให้ เซียวเหิง เป็น พระเอกเลย โคตรเลวมาก ไม่อยากให้เฉียวเนี่ยนให้อภัยมัน
goodnovel comment avatar
Krisana
Good start
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 924

    นายกองหลินงั้นหรือ?เฉียวเนี่ยนจำได้ว่าหลินเย่ว์คือนายกองจึงเปิดม่านกระโจมและออกไปดูด้านนอก ก็พบว่าไม่ไกลนัก มีนักลอบสังหารในชุดดำคนหนึ่งถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาด้วยเหล่าทหาร ส่วนหลินเย่ว์กำลังกุมแผลบนแขนขณะถูกคนประคองไปอีกทางนักลอบสังหารที่สวมชุดสีดำปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดและดูตื่นตระหนกเล็กน้อยคบเพลิงที่อยู่ไม่ไกลส่องไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น ทำให้เห็นได้รางๆเฉียวเนี่ยนอยู่ไกลออกไปและไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แต่นางก็รู้สึกว่าร่างของชายคนนั้นดูคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูกครั้นก็เดินไปทางนักลอบสังหารช้าๆในที่สุดนักลอบสังหารก็สังเกตเห็นเฉียวเนี่ยน เขายกมือขึ้น "เนี่ยนเนี่ยน!"เสียงนี้...เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่ในตอนที่ใกล้จะถึงตัวนักลอบสังหาร หลินเย่ว์ก็ตะโกนห้ามไว้ "เนี่ยนเนี่ยน! อันตราย!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝึเท้า เหลือบมองหลินเย่ว์ แล้วหันไปมองนักลอบสังหารอีกคราตอนนี้เมื่อระยะห่างใกล้กันมากขึ้น จึงมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยนี้...เฉียวเนี่ยนเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ "พี่ใหญ่?"พี่ใหญ่?หลินเย่ว์เบิกตากว้า

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 923

    นางหยิบยาลูกกลอนจากอกเสื้อออกมา แล้วป้อนใส่ปากแพทย์ทหารลู่ยาเม็ดนั้นละลายทันทีที่เข้าสู่ปาก อาการปวดท้องก็ค่อยๆ บรรเทาลงแพทย์ทหารลู่แหงนหน้าขึ้น เสื้อผ้าเปียกโชก หอบหายใจแรง ทั้งตัวราวกับเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำหลังจากหายใจลึกอยู่หลายครั้ง แพทย์ทหารลู่จึงค่อยๆ ฟื้นตัว แล้วจึงหันไปมองเฉียวเนี่ยนช้าๆ “ท่านหญิงเฉียว เหตุใดจึงไว้ชีวิตข้าไว้?”เฉียวเนี่ยนกลับค้อมตัให้แพทย์ทหารลู่วอย่างจริงจัง “แพทย์ทหารลู่คือชายชาติทหาร เฉียวเนี่ยนผู้นี้นับถือนัก”ถึงขั้นยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อปกป้องเพื่อนของตน สมควรแก่การยกย่องแพทย์ทหารลู่มองเฉียวเนี่ยน ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดเฉียวเนี่ยนกล่าวว่า “แต่ข้าก็อยากให้แพทย์ทหารลู่ให้โอกาสท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์สักครั้ง พวกเขาไม่ใช่ปีศาจกระหายเลือดที่ฆ่าคนทั้งที่ยังไม่กระพริบตา แม้สนามรบจะโหดร้าย แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่คือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน พวกเขาไม่มีวันพรากชีวิตพี่น้องเช่นนั้นโดยไร้หลักฐานแน่นอน!”เมื่อได้ยินดังนั้น แพทย์ทหารลู่ก็ยังคงมองเฉียวเนี่ยนอยู่โดยไม่เอ่ยอะไรแต่แววที่ฉายในดวงตากลับเปลี่ยนแปลง คล้ายกำลังไตร่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 922

    เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเนี่ยน แววตาของแพทย์ทหารลู่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านหญิงเฉียว พูดจากันดีๆ เถิด ได้โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าศิษย์ของข้าจะเป็นคนทรยศ บรรพบุรุษข้าล้วนเป็นแพทย์ทหารมาแล้วสามชั่วคน ต่างมีบันทึกชัดเจน! ข้าเป็นคนแคว้นจิ้ง จะไปหักหลังแคว้นจิ้ง เป็นคนทรยศได้อย่างไร!”ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ท้องของแพทย์ทหารลู่ก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาเขารู้ทันทีว่าต้องเป็นเพราะยาชามเมื่อครู่นั้นแน่!แต่ก่อนดื่ม เขาก็ได้กลิ่นยานั้นแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะมีพิษแม้แต่น้อย!พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เฉียวเนี่ยนแค่จดตำรับอย่างลวกๆ ก็สามารถต้มยาเป็นพิษโลหิตดับลมปราณได้ แพทย์ทหารลู่ก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่เฉียวเนี่ยนกลับนั่งอยู่ข้างๆ มองแพทย์ทหารลู่อย่างเย็นชา“อืม เป็นแพทย์ทหารมาสามชั่วคนเ เช่นนั้นก็ยิ่งได้รับความนับถือในกองทัพก็มากขึ้น หากใครรู้ว่าแพทย์ทหารลู่ถูกทรมาน เกรงว่าอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายไม่น้อย! แต่ไม่ต้องกังวลไป ต่อให้เจ้าทรมานจนตาย อีกสักพักพอแพทย์ทหารคนอื่นมาตรวจสอบ ก็จะพบเพียงว่าท่านล้มป่วยกะทันหัน ไม่มีใครเกี่ยวข้อง”ดังนั้น ต่อให้แพทย์ทหารล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 921

    นางถือชามยาเดินเข้าไปในกระโจม ก็เห็นว่าแพทย์ทหารลู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับที่เท้าแขน ขาทั้งสองก็ถูกมัดไว้กับขาเก้าอี้ แทบจะขยับไม่ได้เลยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน สีหน้าของแพทย์ทหารลู่ก็แสดงความประหลาดใจออกมาทันที “ท่านหญิงเฉียว มาได้อย่างไร?”เสียงของเขาแหบและแห้งผากเฉียวเนี่ยนเดินถือชามยาไปยืนตรงหน้าแพทย์ทหารลู่ ตักขึ้นหนึ่งช้อน ส่งไปที่ริมฝีปากของเขา “ท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์อยู่ที่ลานฝึก ข้าอาศัยจังหวะนี้มาดูอาการท่านแพทย์ทหารลู่ อาหารจากครัวทหารหายาก ข้าจึงต้มยาบำรุงร่างกายมาชามหนึ่ง หวังว่าแพทย์ทหารลู่จะอดทนผ่านไปได้”น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ใดแฝงอยู่ในถ้อยคำระหว่างที่เฉียวเนี่ยนพูดอยู่นั้น แพทย์ทหารลู่ก็ได้กลิ่นส่วนผสมของยานั้นบ้าง แล้วจึงกล่าวขอบคุณ “ท่านหญิงเฉียวกรุณาแล้ว เป็นพระคุณยิ่งนักขอรับ”“ดื่มเถอะ”เฉียวเนี่ยนกล่าวเสียงอ่อน แล้วยื่นช้อนยาเข้าไปใกล้ปากแพทย์ทหารลู่อีกหน่อยแพทย์ทหารลู่จึงอ้าปากรับยาทีละน้อยทันใดนั้นเอง เฉียวเนี่ยนก็กล่าวขึ้นว่า “ศิษย์ของท่านได้ตายแล้ว วันนี้ข้าเห็นศพของเขาถูกแขวนอยู่บนเสา”เมื่อได้ยินเช่นนั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 920

    เฉียวเนี่ยนชะงักไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าฉู่จืออี้จะเด็ดขาดถึงเพียงนี้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “จะไม่รีบร้อนไปหน่อยหรือ? บางทีเขาอาจมีพวกเดียวกันอยู่จริง หากเค้นความจริงออกมาได้...”“เค้นไม่ได้หรอก” ฉู่จืออี้กล่าวหนักแน่น “เมื่อวานเจ้าเจ็ดกับเจ้าเก้าสอบสวนเขาทั้งคืน ใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่อาจเปิดปากเขาได้ คิดว่าคงเป็นนักรบพลีชีพที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก โทษทัณฑ์แบบนั้นสำหรับเขา คงเป็นเรื่องปกติธรรมดา”ดังนั้น ฉู่จืออี้จึงเลือกจะให้เขาตายโดยไม่ทรมานเฉียวเนี่ยนฟังคำของฉู่จืออี้แล้ว ก็อดรู้สึกเย็นวาบในใจไม่ได้นางนึกภาพไม่ออกเลยว่า จะต้องเป็นคนเช่นไร ถึงจะถูกฝึกให้ทนต่อการทรมานตั้งแต่เด็กได้สีหน้าของนางจึงพลันเปลี่ยนไปฉู่จืออี้ก็สังเกตเห็น จึงกล่าวเสียงอ่อน “ยุทธภพกว้างใหญ่ ทุกเรื่องสามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เราทำได้ คือจัดการเรื่องตรงหน้าให้ดีที่สุด”เฉียวเนี่ยนเข้าใจหลักการข้อนี้ดี นางพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วศพของคนนั้น ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”เมื่อได้ยิน ฉู่จืออี้นิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาหนักแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วค่อยๆ หันไปมองฟ้าในระยะไม่ไกลเฉียวเนี่ยนจึงหันไปมองตามสายตาของฉู่จืออี้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 919

    และในยามนี้ คนอื่นๆ ยังไม่กลับมาจากหน้ากองไฟ จึงมีเพียงหลินเย่ว์คนเดียวอยู่ในกระโจมกว้างใหญ่แห่งนี้เมื่อเห็นฉู่จืออี้เปิดผ้าม่านกระโจมเดินเข้ามา หลินเย่ว์ก็เอ่ยว่า “ท่านอ๋อง”แต่กลับไม่ลุกขึ้นต้อนรับ เพียงยกถ้วยตรงหน้าขึ้นจิบไปหนึ่งคำฉู่จืออี้เหลือบมอง แล้วจึงถาม “เหล้าหรือน้ำ?”หลินเย่ว์ยกถ้วยขึ้นเล็กน้อย “น้ำ”ฉู่จืออี้พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าว “เนี่ยนเนี่ยนไม่เป็นไร วันนี้นางทำเช่นนั้นเพื่อล่อจับนักลอบสังหาร ถึงได้...”“ข้ารู้” หลินเย่ว์ขัดคำพูดของฉู่จืออี้ขึ้นรู้ตั้งแต่เมื่อไร?คงตั้งแต่ตอนที่เห็นเฉียวเนี่ยนแกล้งเมาให้หนิงซวงประคองกลับไป แต่ฉู่จืออี้ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าไฟตรงนั้น จึงเริ่มเข้าใจว่าฉู่จืออี้และพวกเขาต้องมีเรื่องปิดบังตนหนึ่งคือ ฉู่จืออี้ไม่มีทางปล่อยให้เฉียวเนี่ยนดื่มจนเมาเละได้สองคือ แม้นางเมาจริง ฉู่จืออี้ก็ต้องไปส่งนางด้วยตัวเอง จะไว้ใจให้หนิงซวงคนเดียวได้อย่างไร?แต่แม้จะแสร้งเมา แต่คำพูดของเฉียวเนี่ยนก่อนหน้านี้กลับมาจากใจจริงตอนนี้ ในใจของเฉียวเนี่ยน นางมีพี่ชายมากมายฉู่จืออี้ องครักษ์พยัคฆ์ หรือแม้แต่เซียวเหอ!มีเพียงเขา ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status