Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่6 ที่แท้พี่หญิงใหญ่ผู้แสนดีงามนัดพบผู้ชายเอาไว้หรอกรึ

Share

บทที่6 ที่แท้พี่หญิงใหญ่ผู้แสนดีงามนัดพบผู้ชายเอาไว้หรอกรึ

last update Last Updated: 2025-08-14 23:45:49

ปกติหวงเชียนเล่อเป็นคนเดินเร็วยิ่งกว่าอะไรดี แต่ในครั้งนี้เขากลับทอดน่องสบายๆ กว่าจะวกกลับมาถึงจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ก็เล่นเอากัวจิ้งอีกับโจวจื่อหมิงรอจนขาแทบแข็งเลยทีเดียว

ครั้นทั้งสองมาถึง หวงเชียนเล่อมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของกัวจิ้งอีกับโจวจื่อหมิง ถึงใจจะรู้สึกชิงชังคนประเภทนี้เยี่ยงไร แต่ดวงหน้าคมเข้มกลับฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มบาง

“ดีที่ซื่อจื่อช่วยคุณหนูใหญ่สกุลกัวเอาไว้ก่อน เพราะต่อให้ข้ามีใจ แต่ก็คงไม่สามารถช่วยคนได้พร้อมกันถึงสองคน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาที่ข้าถูกเนื้อต้องตัวฮูหยินของเจ้าใช่หรือไหม”

เดิมทีหากไม่มีพยานรู้เห็น ต่อให้กัวรั่วชิงตกน้ำไป เขากับกัวจิ้งอีย่อมทำให้คนเชื่อได้ว่านี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่พอมีหวงเชียนเล่อเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาคงยากจะพ้นข้อหาทำร้ายคน และคนผู้นั้นก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็นภรรยาเอกที่กราบไหว้ฟ้าดินอย่างถูกต้อง ต่อให้ชาวบ้านจะเห็นใจเรื่องเขากับกัวจิ้งอี ทว่าการทำร้ายภรรยาเพื่อสตรีอื่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะยอมรับได้ เมื่อครู่เขาหวาดหวั่นแทบตาย ว่าจะอธิบายอย่างไรให้หวงเชียนเล่อเชื่อว่าตนไม่ได้ตั้งใจลงไม้ลงมือกับสตรีน่าชังผู้นั้นแท้ๆ

‘กัวรั่วชิง ดูเหมือนเจ้าคงอยากทำตัวเป็นคนดีเพื่อให้ข้าไม่เอาความที่เจ้าทำร้ายอีอีสินะ เลยโป้ปดแม่ทัพฉีหลิงว่าเมื่อครู่เป็นเพียงเหตุสุดวิสัย ก็ดีเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องถูกข้าเอาความ ส่วนข้าก็รอดพ้นข้อครหาจากแม่ทัพ นับว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เช่นนั้นก็แล้วไป’

ครั้นตกลงใจได้โจวจื่อหมิงก็ยิ้มกล่าว “ท่านแม่ทัพอุตส่าห์ช่วยเหลือฮูหยินของข้าไว้ แล้วผู้อื่นจะถือสาท่านด้วยเรื่องธรรมเนียมหยุมหยิมนั้นได้อย่างไร”

“ดี ดีมาก ชื่อจื่อจวงเซียงป๋อช่างเป็นบุรุษมากด้วยคุณธรรมเสียจริง”

“ขะ...ข้าก็แค่คิดไปตามหลักของเหตุผล” คำชมที่ไม่เหมือนคำชมเมื่อครู่ทำเอาเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“เช่นนั้น ข้าหวังว่าทุกอย่างจะจบลงที่ตรงนี้ ไม่มีการพูดถึงอีก เพราะข้าคงจะอารมณ์เสียไม่น้อยถ้าหากมีคนเล่าลือว่า แม่ทัพฉีหลิงแตะต้องสตรีของผู้อื่น เวลานั้นข้าคงไม่ยอมปล่อยให้ชื่อเสียงมัวมองแต่ผู้เดียวแน่ พวกเจ้าคงเข้าใจที่ข้าพูด ใช่หรือไม่”  

“ข้าขอรับรองว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่มีทางแพร่งพรายออกไปแน่นอน” โจวจื่อหมิงรับคำเป็นหมั่นเป็นเหมาะ

กัวจิ้งอีเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้ามาแล้วยอบกายคำนับหวงเชียนเล่อ “ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยเหลือน้องหญิงสามเอาไว้”

“ไม่เป็นไร ต่อไปพวกเจ้าควรระมัดระวังมากกว่านี้ อย่าได้หยอกล้อกันตรงริมตลิ่งอีก” พูดจบเขาก็หันหน้าไปหาโจวจื่อหมิง “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัว เจ้าเองก็ควรรีบกลับเข้างานเลี้ยงไปได้แล้ว”

“เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกันเถิด” หวงเชียนเล่อหมุนกายเดินนำ ส่วนโจวจื่อหมิงก็ต้องติดตามไปอย่างช่วยไม่ได้

กัวรั่วชิงไม่เสียเวลามองส่งผู้มีพระคุณกับสามี นางรีบหมุนกายหมายเดินไปยังเส้นทางที่เห็นเหยาหลิงจือลับหายไป

“นั่นเจ้าจะไปที่ใด” กัวจิ้งอีร้องถาม ทำท่าทางลุกลี้ลุกลน

กัวรั่วชิวเห็นท่าทางกัวจิ้งอีเหมือนไม่อยากให้ตนเองไปทางนั้น ก็นึกเอะใจขึ้นมา หรือว่าที่พี่สาวเข้ามาหาเรื่องนางตอนแรกยังมีสาเหตุอื่น

“น้องสาวจะไปพบคนที่อยากพบน่ะสิ”

“คนที่อยากพบ?”

“ข้าคงต้องไปแล้ว หาไม่คงต้องคลาดกับคนผู้นั้น หากครานี้ไม่ได้พบกันเกรงว่าอาจจะไม่มีโอกาสนั้นอีกในเร็ววัน พี่สาวได้โปรดหลีกทาง อย่าได้รั้งข้าไว้อีกเลย” 

“คนผู้นั้น คนผู้ไหน เจ้านัดแนะกับผู้ใดไว้ ตอบข้ามาเดี่ยวนี้นะ”

“ขออภัย น้องสาวมิอาจบอกได้จริงๆ” คำพูดยั่วยุได้ผล ให้ยามนี้กัวจิ้งอีโกรธจนตัวสั่น ถึงกับเดินเข้ามาแล้วชี้หน้านาง

“กัวรั่วชิง เจ้าคิดจะทำสิ่งใด ยังฉาวโฉ่ไม่พอหรอกรึ หากไม่นึกถึงศักดิ์ศรีของสามี ก็หัดคำนึงถึงหน้าบิดามารดาบ้าง”

“ว่าแต่ข้า แล้วพี่สาวเล่า ไม่ใช่มาอยู่ที่นี่เพราะนัดพบผู้ใดเอาไว้หรือกหรือ อย่าบอกนะว่าเป็น...คนผู้เดียวกับข้า”

“นังแพทศยากัวรั่วชิง! เจ้าช่างไร้ยางอาย นัดพบผู้ชายในที่ลับตา”

“ที่แท้พี่หญิงใหญ่ผู้แสนดีงามของข้านัดพบผู้ชายเอาไว้หรอกรึ เช่นนั้นคงไม่ใช่ผู้เดียวกับคนที่ข้าต้องการพบดอก เพราะผู้ที่ข้าตามหาอยู่คือคุณหนูเล็กสกุลเหยาต่างหาก” รอยยิ้มบางเบาประดับที่มุมปาก เนตรหงส์หลี่ลงคล้ายจะมองทะลุกัวจิ้งอีให้เป็นพรุน

“กัวรั่วชิงเจ้าหลอกข้า”

“น้องสาวไม่ได้ทำอันใดท่านเสียหน่อย ว่าแต่พี่สาวเถิดทิ้งความสุขุมไว้ที่ใด ดีที่ท่านเจอกับข้าไม่ใช่ผู้อื่น”

“นี่เจ้าเห็นอะไร!!!”

“พี่หญิงสบายใจเถิด ข้าไม่รู้ดอกว่าท่านจะกำลังจะปีนป่ายกิ่งสูงจากไม้ใหญ่ต้นไหน และข้าไม่คิดจะเข้าไปวุ่นวานกับเรื่องดีๆ ของท่าน เพราะถ้าเทียบกันระหว่างพี่หญิงใหญ่กับข้า ผู้ที่คำนึงถึงความเป็นพี่น้องมากกว่าก็คือข้า ท่านว่าไม่จริงรึ”

“นะ...นั่นเป็นความผิดพลาดของเจ้าเอง อย่ามาโทษข้า”

“สิ่งใดเป็นสิ่งใดพี่สาวย่อมรู้อยู่แก่ใจดี ในเมื่อตอนนี้ข้ายอมเดินไปตามเส้นทางที่ท่านแพ้วถางไว้ให้แล้ว ท่านก็ควรปล่อยข้าให้อยู่อย่างสงบได้แล้วมิใช่หรือไร เอาเป็นว่าเรื่องวันนี้ข้าไม่พูด ท่านไม่พูด เราต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แล้วรักษาสายใยความเป็นพี่น้องที่ยังหลงเหลือเอาไว้จะดีกว่า”

กัวจิ้งอีมองมาอย่างขุนเคือง เดิมกัวรั่วชิงเป็นคนอ่อนหวาน ว่านอนสอนง่าย นางชี้แนะอะไรไม่เคยขัดข้อง แต่กลับปฏิเสธหัวชนฝาตอนที่นางขอร้องให้ยอมรับการหมั่นหมายจากสกุลโจวแทนนาง นางจึงจำเป็นต้องลงมือผลักอีกฝ่ายไปให้โจวจื่อหมิงด้วยวิธีที่ไม่สง่างามนัก ในเมื่อกัวรั่วชิงทำตัวของตัวเอง แล้วจะมาโทษนางว่าใจร้ายได้อย่างไร

“เจ้าขู่ข้า?”

“มิได้ น้องสาวเพียงแค่เสนอให้พี่หญิงใหญ่พิจารณาก็เท่านั้น ยังไงข้าก็มีสายเลือดสกุลกัว ข้าย่อมนึกถึงหน้าของบิดามารดาและพี่สาวอย่างท่าน”

กัวจิ้งอีช่างใจอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนิสัยใจคอน้องสาวเป็นเช่นไรนางย่อมตระหนักดีกว่าผู้อื่น “เห็นแก่ความเป็นพี่น้องข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง แต่ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าปากมากละก็ เจ้าจะต้องเสียใจแน่”

“หากท่านไม่มีธุระอะไรแล้ว เช่นนั้นรั่วชิงขอไปตามหาสหายก่อน” พูดจบนางก็หันกายเดินเลี้ยวไปตามทางที่อยากไป ทิ้งกัวจิ้งอีที่ยังหายใจฟึดฟัดอย่างเคืองขุ่นไว้เบื้องหลัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่113 ซุนจิ่งอี้ ออกมา!

    หวงเชียนเล่อหันหลังเดินออกจากสวนหินอย่างเงียบเชียบ เขากลับไปยังเรือนรับรองฝั่งบุรุษที่ตนเองได้จัดการเข้าพักไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยการใช้เทียบเชิญพิเศษในฐานะแม่ทัพฉีหลิง ซึ่งย่อมได้รับความสะดวกในการเข้าพักแม้จะแจ้งทางอารามอย่างกะทันหันก็ตามผู้ติดตามของหวงเชียนเล่อที่นั่งรออยู่ในห้องถึงกับสะดุ้ง เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะของผู้บังคับบัญชา “ท่านแม่ทัพ ท่านจะออกไปไหนอีกหรือ” ผู้ติดตามถามอย่างระมัดระวัง ทำท่าจะลุกตามไป“ไม่ต้องตามมา” หวงเชียนเล่อออกคำสั่งเสียงเข้ม “ข้าไปจัดการเรื่องส่วนตัวที่ต้องจบลงในคืนนี้” พูดจบเขาก็ก้าวอาดๆ ออกไปอีกครั้งยามวิกาล อารามเขาฉงซานเงียบสงบยิ่งกว่าที่ใด มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้และแสงสลัวจากโคมไฟกระดาษที่ยังคงส่องทางตามทางเดินหวงเชียนเล่อรู้ดีว่าเรือนพักของซุนจิ่งอี้อยู่ส่วนไหนของอาราม เพราะเขาได้สอบถามอย่างละเอียดตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้ว แม่ทัพหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้เสียงราวกับพยัคฆ์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายเขาไม่ได้สนใจที่จะแอบดู หรือเข้าไปขอพบอีกฝ่ายตามมา

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่112 ในสวนหิน

    เรือนพักรับรองสำหรับสตรีเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เป็นเรือนไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่ห่างกันพอประมาณ แต่ละหลังมีพุ่มไม้และไม้ประดับโอบล้อมไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว เรือนเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้สามารถพักอาศัยได้อย่างสะดวกสบายราวสี่ถึงห้าคน บรรยากาศโดยรอบล้วนชวนให้รู้สึกสงบเย็นกัวรั่วชิงเหลือบมองเห็นว่า ห้องพักหลายแห่งมีผู้มาแสวงบุญจับจองอยู่แล้ว แม้จะเห็นสาวใช้ หรือคนเดินเข้าออกอยู่บ้าง แต่ทุกเรือนล้วนเงียบสงบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้มาเยือนล้วนแต่สำรวมกายวาจาตามหลักของอารามหลังจากการพักผ่อนในเรือนชิงเหอได้ไม่นาน กัวรั่วชิงและกัวลี่ลี่ก็ออกมายังบริเวณพระอุโบสถหลักตามนัดหมาย ซุนจิ่งอี้ยืนรออยู่ก่อนแล้วในท่าทางที่สงบและสำรวมทั้งสองเข้าไปไหว้พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ในโถงพระอุโบสถ จากนั้นจึงเดินไปยังส่วนรับบริจาค เพื่อบริจาคทานเป็นจำนวนเงินที่พอเหมาะสำหรับการทำบุญใหญ่ของอาราม“ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ก่อนทำวัตรเย็น” ซุนจิ่งอี้กล่าว “ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นที่สวนไผ่ของที่นี่ก่อนสักครู่ แล้วค่อยกลับมาทำวัตรเย็น”&ldqu

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่111 อารามเขาฉงซาน

    หลายวันต่อมา ในเช้าที่อากาศเย็นเยียบ ซุนจิ่งอี้ได้เดินทางมาถึงจวนชิงผิงโหวอย่างตรงเวลา เขาอยู่ในชุดลำลองผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มที่ดูสุภาพและสง่างาม รถม้าของเขาจอดรออยู่หน้าประตูใหญ่ ซึ่งมีนายประตูต้อนรับและให้คนเข้าไปแจ้งข่าวไม่นานนักกัวรั่วชิงก็เดินออกมาจากโถงต้อนรับพร้อมกับ กัวไห่เจินและเฉินเหยียนเฟยที่ตั้งใจมาส่งนางถึงรถม้าซุนจิ่งอี้ซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว รีบโค้งคำนับต่อชิงผิงโหวอย่างนอบน้อม “ท่านโหว ฮูหยิน”“ตามสบายเถิด” ชิงผิงโหวตอบอย่างผ่อนคลาย แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยอำนาจ “การเดินทางไปถือศีลบนเขาถือเป็นเรื่องดี แต่ถนนหนทางก็ยากลำบาก ชิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวที่พวกเราทะนุถนอม ข้าขอฝากให้ท่าน ดูแลนางให้ดี ตลอดการเดินทางและในอารามด้วย”เฉินเหยียนเฟย ยื่นห่อผ้าห่มขนสัตว์บางเบาให้กับกัวลี่ลี่ แล้วกล่าวกับบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง “ไปถือศีลก็อย่าลืมดูแลสุขภาพ อากาศบนเขาย่อมหนาวเย็นกว่าในเมือง เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”“ท่านพ่อท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ” กัวรั่วชิงรับปาก แล้วหันไปทักท

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่110 เราพบกันอีกดีหรือไม่

    “สหายเจ้า?” ซุนจิ่งอี้ทำท่าครุ่นคิด “คงหมายถึงคุณหนูเล็กสกุลเหยาใช่หรือไม่”กัวรั่วชิงพยักหน้า “ใช่แล้ว”“ความจริงเรื่องนี้ข้าก็นึกชื่นชมเจ้าอยู่เหมือนกัน” ซุนจิ้งอี้มองนางด้วยสายตาชื่นชม “ไม่ว่าคุณหนูเหยาจะเป็นเยี่ยงไร หรือจะถูกใครเหยียดหยามว่าเป็นคนเขลา แต่เจ้าก็ยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพ อยู่เคียงข้างนางเสมอ คุณหนูเหยาช่างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ้าจริงๆ”“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าไม่ว่าผู้ใด หากสหายเกิดเรื่องหรือเจ็บป่วย ก็คงไม่ทอดทิ้ง”“เจ้าถ่อมตัวอีกแล้ว เจ้าก็รู้คนมีคุณธรรมเยี่ยงนั้นไม่ได้มีมากนักหรอก” ซุนจิ่งอี้ยิ้มบางๆ “วันนี้ไม่เสียเปล่าจริง ที่ได้เจอกับคนดีๆ อย่างคุณหนูกัว”“ท่านรองเสนาบดีเองก็เป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยความรู้และคุณธรรม ข้าเองก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบกับท่านเช่นกัน” กัวรั่วชิงตอบอย่างอ่อนโยน ในใจของนางยอมรับว่าบุรุษผู้นี้ดีเกินกว่าจะปฏิเสธได้ด้วยเหตุผลตื้นๆ และนางก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งแสดง

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่109 หมายความว่าเขาถูกใจการดูตัวครั้งนี้?

    กัวรั่วชิงยิ้มตอบอย่างกระตือรือร้น“ความคิดของอาจารย์มู่หานนั้นเฉียบคมมาก โดยเฉพาะเรื่องการกระจายอำนาจของขุนนางท้องถิ่นไปยังกลุ่มชนชั้นกลาง ข้าเห็นด้วยว่ามันคือรากฐานของความมั่นคงในระยะยาว” ครั้นเห็นเขามองมาด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ นางก็ยิ่งยากจะพูดต่อ “แต่ข้าก็ยังคิดว่าการเมืองในยุคสมัยนั้นมีความยืดหยุ่นมากกว่า การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ หรือของขุนนางบางคนอย่างเช่นทุกวันนี้”“โอ้ ข้าก็มีความคิดคลายกันกับคุณหนูกัว” ซุนจิ่งอี้ยิ้มด้วยความพอใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับเจอเพื่อนที่เข้าใจกัน“แต่ใช่ว่าข้าจะไม่ชอบรัชมัยนี้หรอกนะ นับตั้งแต่ฮ่องเต้ทรงขึ้นครองราชย์บัลลังก์ ก็ทรงปกครองแว่นแคว้นหลังการเปลี่ยนรัชสมัยได้อย่างราบรื่น แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ” ช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจเป็นช่วงที่เปราะบางยิ่ง แต่มู่เหวินหลงกลับควบคุมดูแลทุกสิ่งได้อย่างดี แม้จะมีการก่อกบฏอยู่สองสามครั้ง แต่ราชสำนักก็จัดการได้อย่างหมดจด ถอนรากทอนโคนคนเหล่านั้นจนสิ้น นั่นย่อมหมายความว่าฮ่องเต้พระองค์นี้ทั้งเด็ดขาดและเต็มไปด้วยพระราชอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งยากยิ่งนักที่สตรีจะพูดเรื่องการเมืองก

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่1085 ซุนจิ่งอี้

    ฤดูสาทรได้แผ่ความเย็นเยียบเข้าปกคลุมเมืองหลวง แสงอาทิตย์ยามเช้าทอประกายสีทองอ่อนๆ ผ่านสายหมอกบางเบา ลมที่พัดพามาเริ่มมีไอเย็นผสมอยู่ ทำให้ผู้คนต้องเริ่มสวมใส่เสื้อผ้าหนาขึ้น แม้จะเป็นฤดูแห่งความผลิบานของดอกเบญจมาศ แต่ก็เป็นสัญญาณของการเตรียมตัวเข้าสู่ความเหงาของฤดูเหมันต์ที่กำลังจะมาถึงเช้าวันดูตัวครั้งที่สามมาถึงอย่างรวดเร็ว กัวรั่วชิงสวมอาภรณ์งดงาม โดยเลือกผ้าไหมสีม่วงอ่อนที่ขับใบหน้าให้ดูนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความสุขุม นางให้กัวลี่ลี่ช่วยจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยโดยไม่ประดับเครื่องประดับที่ฉูดฉาด เน้นความเรียบง่ายตามแบบอย่างกุลสตรีที่สมบูรณ์แบบครานี้เฉินเหยียนเฟยดูตื่นเต้นและกระวนกระวายใจมากกว่าครั้งก่อน พยายามตรวจตราและสาบเสื้อให้นางด้วยตนเอง“หากไม่ติดเรื่องเป็นพ่อม่าย ท่านรองเสนาบดีซุนจิ่งอี้นับเป็นบุรุษที่เพียบพร้อม มีเกียรติและไร้ข่าวฉาวใดๆ แม่ไม่อยากให้ครั้งนี้ผิดพลาดอีกจริงๆ เจ้าจะต้องวางตัวให้ดี ทำให้เขาประทับใจ”กัวรั่วชิงยิ้มบางๆ “ท่านแม่วางใจเถิด ข้าจะปฏิบัติตนตามมารยาททุกประการ”ครั้นถูกมารดากำชับอีกสองสามประโยค กัวรั่วชิงก็เดินทางออกจากจวนชิงผิงโหวภัตตาคารฉางอันตั้งอยู

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status