Home / รักโบราณ / พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก / บทที่7 พบสหายเก่าผู้ไร้เดียงสา

Share

บทที่7 พบสหายเก่าผู้ไร้เดียงสา

last update Last Updated: 2025-08-14 23:46:17

กัวรั่วชิงจำได้ว่าทางสายนี้นำไปยังภูเขาจำลอง ซึ่งนางกับคุณหนูเล็กสกุลเหยาชอบมาเล่นซ่อนแอบกันบริเวณนี้เป็นประจำ ด้วยที่นี่มีความพิเศษกว่าภูเขาจำลองของที่อื่น ตรงที่ถูกจัดวางเอาไว้เสมือนกับวงกต หากใครไม่รู้ทางแล้วเผลอเดินเข้าไปก็จะหลงอยู่ในนั้น

โชคดีที่นางจำทางได้ ไม่ว่าจะเจอคนหรือไม่ก็ไม่มีทางหลง และแล้วเมื่อนางไปตามเส้นทางคดเคี้ยวสักระยะ ก็พบสตรีงดงามในชุดกระโปรงหรูฉวินสีเขียวตัดกับสีกลีบบัวกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเก็บดอกไม้ที่ริมน้ำ

“เหยาหลิงเจิน! เจินเจิน เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย” คนได้เจอสหายเก่าก้าวเท้าไวๆ ไปหาเหยาหลิงเจินด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี

“จะ...เจินเจินงั้นเหรอ” ดวงตาดุจลูกวางสุกใสจดจองกัวรั่วชิงด้วยความไม่แน่ใจ “เจ้ารู้จักข้า?”

“แน่นอนว่าต้องรู้จัก ข้าคือชิงชิงอย่างไรเล่า”

“ชิงชิง?” เหยาหลิงเจินที่เหมือนจำอะไรไม่ได้พลันหันไปขอความช่วยเหลือจากคนสนิทข้างกาย

หลังจากกระซิบกระซาบกันอยู่ครู่หนึ่ง สาวใช้คนสนิทของเหยาหลิงเจินก็เดินหน้าขึ้นมากล่าวกับกัวจิ้งอี “คุณหนูของเราเพิ่งหายจากอาการป่วยได้ไม่นาน อาจจะยังมีอาการหลงลืมอยู่ ขอฮูหยินอย่าได้ถือสาเลยเจ้าค่ะ”

“เจ้าจะบอกว่านางจำข้าไม่ได้แล้วงั้นรึ” ใบหน้าที่ประดังยิ้มในคราแรกพลันหม่นหมอง นางกับเหยาหลิงเจินเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน การที่ถูกลืมเช่นนี้ย่อมกระทบกระเทือนจิตใจ

“นี่ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” “เจ้าเพิ่งได้บินกับพี่ชายสุดเท่แท้ๆ”

“เจ้าเห็นรึ”

“เห็นสิ ข้าน่ะอยากลองบินแบบนั้นบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ เจ้ามีอะไรให้เศร้ากัน”

“นั่นเพราะเจ้าจำข้ามิได้แล้วต่างหาก”

“เหยาปิงเพิ่งบอกไปนี่ว่าพี่สาวไม่สบาย น้องสาวจะเอาอะไรกับคนป่วย”

“แต่ว่าเมื่อก่อนเราสนิทกันมากนะ เจ้าจะไม่เหลือความทรงจำดีระหว่างเราสักเรื่องเลยได้อย่างไร”

เหยาหลิงเจิ้นถอนหายใจหนักๆ “เหตุใดน้องสาวถึงให้ความสำคัญกับอดีตนักเล่า เพียงแต่ข้าจำเรื่องเก่ามิได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะสร้างความทรงจำใหม่ดีๆ อีกไม่ได้ หากมี อืม...อะไรนะ อ่อ หากมีวาสนาต่อกัน เจ้ากับข้าคงได้เป็นเพื่อนสนิท”

“เจ้าพูดถูก เป็นข้าที่ยึดติดเกินไป”

“แต่ว่ายามนี้ข้าเป็นเพียงคนเขลาผู้หนึ่ง น้องสาวแน่ใจหรือว่าอยากสนิทสนมกับข้า”

“สำหรับข้าแล้วไม่ว่าเจ้าจะเป็นเยี่ยงไร เจ้าก็คือสหายของข้าเสมอ”

เหยาหลิงเจินเหลือบมองไปทางคนสนิทเล็กน้อย ก่อนตอบ “หากน้องสาวไม่รังเกียจ พี่สาวก็ยินดี”

กัวรั่วชิงยิ้มยินดี แม้เหยาหลิงเจินจะจำตนเองไม่ได้ก็ตาม แต่นางในแบบนี้ยังดีกว่าแบบที่นั่งนิ่งไม่รับรู้เหมือนตุ๊กตาไร้วิญญาณในตอนนั้นเป็นร้อยเท่า

“เอาล่ะพี่สาวหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” เหยาหลิงเจินลูบท้อง

“เดี๋ยวก่อน เจ้ากับข้าอายุเท่ากัน เรียกข้าว่าชิงเอ๋อร์ดีกว่านะ”

“ก็ได้ๆ ชิงเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ ทีนี้เราไปหาอะไรเติมกะเพาะได้หรือยัง”

“ได้แล้วๆ”

เดิมเหยาหลิงเจินไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยง จึงให้เหยาปิงไปนำอาหารมาจัดไว้ที่ศาลากลางเกาวงกต เพื่อไม่ให้คนตามมารบกวน ถึงสุดท้ายกัวรั่วชิงจะเข้ามาได้ แต่นางรู้สึกว่าสตรีผู้นี้เป็นมิตรแตกต่างจากคุณหนูคนอื่นๆ ที่เคยพบตอนมาเมืองหลวงใหม่ๆ จึงอยากผูกมิตรด้วยเหมือนกัน

“นี่ชิงเอ๋อร์ เห็นเหยาปิงของข้าเรียกเจ้าว่าฮูหยิน เจ้าแต่งงานแล้วงั้นเหรอ”

คำถามของเหยาหลิงเจินทำให้กัวรั่วชิงชะงักเล็กน้อย ใบหน้าเรียวสวยฉายแววครุ่นคิด นางมองสหายตรงหน้าดุจเดียวกับมองกระต่ายน้อยไร้เดียงสา เมื่อเหยาหลิงเจินอยู่ในสภาพเช่นนี้ บางทีการเปิดใจเล่าความจริงอาจจะดีกว่าเก็บงำไว้ นางไม่จำเป็นต้องระแวดระวังคำพูด เพราะต่อให้หลิงเจินจดจำรายละเอียดได้ นางก็คงไม่เข้าใจความซับซ้อนของโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว

“ใช่แล้ว ข้าแต่งงานแล้ว แต่เรื่องราวไม่ใช่แบบที่คนทั่วไปเข้าใจนักหรอก” นางเว้นช่วงเล็กน้อยแล้วเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่เจือความขมขื่น “อันที่จริง... ผู้ที่ถูกหมั้นหมายกับโจวจื่อหมิง คือพี่สาวของข้า กัวจิ้งอี”

“เล่าต่อๆ” ดวงตาของเหยาหลิงเจินกะพริบปริบๆ คล้ายกำลังประมวลผล แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจเกินไปนัก ยังคงมองมาด้วยแววตาใสซื่อ

“พี่หญิงใหญ่ของข้า... นางไม่เคยพอใจแค่โจวจื่อหมิง นางหมายปองตำแหน่งที่สูงกว่านั้น” กัวรั่วชิงกัดริมฝีปาก พลางนึกถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา “นางจึงวางแผนให้ข้าถูกพบอยู่ในห้องนอนกับโจวจื่อหมิง เขาจึงไม่มีทางเลือกต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับข้าแทน”

“จริงหรือ?” เหยาหลิงเจินเบิกตาโต

กัวรั่วชิงพยักหน้าหน้า มองเหยาหลิงเจินที่ฟังเรื่องราวของตนอย่างตั้งใจ นางจึงเล่าต่อด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “แต่ถึงกระนั้น พี่สาวที่แสนดีของข้าก็แสร้งทำตนเป็นเหยื่อ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ว่านางเป็นผู้ถูกแย่งคู่หมั้น ถูกน้องสาวทรยศหักหลัง ด้วยเหตุนี้ คนทั้งเมืองหลวงจึงดูแคลนข้า กล่าวหาว่าข้าเป็นนางร้าย เป็นสตรีไร้ยางอาย ที่ใช้เล่ห์เพทุบายแย่งชิงคู่หมั้นพี่สาวมา” นางบีบมือตัวเองแน่น ภาพความอับอายยังคงติดตา

เหยาหลิงเจินฟังเงียบๆ จนจบ ก่อนจะยื่นมือมาจับมือกัวรั่วชิงเบาๆ พลางตบบนหลังมือเพื่อนอย่างปลอบโยน ดวงตาที่เคยดูว่างเปล่าฉายแววสงสารวูบหนึ่งอย่างรวดเร็วจนกัวรั่วชิงแทบมองไม่เห็น ก่อนจะกลับมาใสซื่อดังเดิม

“โอ๋ๆ ชิงเอ๋อร์ ไม่ร้องนะ ไม่เป็นไรหรอก” เหยาหลิงเจินพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “คนพวกนั้นเขาอาจจะ... หลงทางอยู่ในวงกตเหมือนกันมั้ง” นางหัวเราะคิกคักเบาๆ คล้ายเด็กน้อยที่เจอเรื่องขำขัน

กัวรั่วชิงได้ยินดังนั้นก็ถึงกับยิ้มขื่น พยักหน้ากับตนเองว่าเพื่อนรักของนางคงปัญญาอ่อนไปเสียแล้วจริงๆ แต่คำปลอบโยนที่ออกมาจากใจจริงแม้จะฟังดูประหลาด กลับทำให้ความหนักอึ้งในอกนางคลายลงได้บ้าง

“เจ้าพูดถูก เจินเจิน ขอบคุณนะ” กัวรั่วชิงกล่าวเสียงเบา

“ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกันนี่นา” เหยาหลิงเจินยิ้มกว้าง “ถึงแม้คนอื่นจะไม่ชอบชิงเอ๋อร์ แต่ข้าชอบชิงเอ๋อร์นะ” น้ำเสียงไร้เดียงสาแต่จริงใจทำให้กัวรั่วชิงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

“ตอนนี้พี่สาวก็หิวแล้ว เราไปหาอะไรเติมท้องดีกว่า” เหยาหลิงเจินลูบท้อง “แต่คงต้องรอไปเที่ยวในเมืองวันหลังนะ วันนี้บ้านข้ามีงานเลี้ยงนี่นา” นางกล่าวพลางชี้ไปยังทิศทางที่จากมา

“ได้สิ” กัวรั่วชิงยิ้มตอบอย่างยินดี ความมืดมิดในใจพลันจางหายไปชั่วขณะเมื่อได้อยู่กับเพื่อนที่ไร้พิษภัยเช่นนี้ “เอาไว้ข้าว่างเมื่อไหร่ ข้าจะไปหาเจ้าที่จวนนะเจินเจิน”

“ดีเลย เจินเจินจะรอชิงเอ๋อร์นะ” เหยาหลิงเจินพยักหน้าหงึกหงักอย่างร่าเริง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสราวกับไม่เคยมีความทุกข์ใดๆ มาก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่130 ความร้อนรุ่มในศาลาสวนไผ่

    หูจวี๋เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่หา “ได้ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้ง” เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลง บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากของกัวลี่ลี่อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบที่ดูดดื่มและร้อนแรงตามความรู้สึกที่ได้ยินมาจากห้องหอ ใช้ความชำนาญที่สั่งสมมาเพื่อปลุกเร้าความรู้สึกที่ซ่อนเร้นของนาง มือของเขากอดประคองเอวบางไว้แน่น แต่ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านั้นกัวลี่ลี่ส่งเสียงครางเบาๆ ในลำคออย่างห้ามไม่อยู่ นางสับสนกับความรู้สึกที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ความรู้สึกที่ก่อตัวนี้ทำให้นางร้อนรุ่ม และรู้สึกดีมากจนต้องตอบสนองหูจวี๋หูจวี๋รับรู้ถึงการตอบสนองที่ไร้เดียงสาของกัวลี่ลี่ เขาหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ ลิ้นของเขา ลาดเลียริมฝีปากนุ่มอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน เพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามความตื่นเต้นที่ก่อตัว เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบประคองเอวบางไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็เลื่อนไปเชยคางมนของนาง ให้แหงนเงยรับจูบของเขาอย่างเต็มที่กัวลี่ลี่รู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟวาบหวามพุ่งขึ้นจากปลายเท้าไปสู่ศีรษะ ตัวอ่อนยวบยาบจนต้องเกาะบ่าแข็งแรงของหูจวี๋ไว้แน่น นางแทบไม่เหลือสติที่จ

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่129 เสียงรักร้อนเร่าที่เล็ดลอด

    ทว่าความอ่อนโยนของน้ำอุ่น และกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้กลับไม่ได้ช่วยให้ไฟปรารถนาของหวงเชียนเล่อลดลง มีแต่จะยิ่งคิดเตลิดไปไกล ร่างกายส่วนล่างของเขาที่แนบชิดกับนางเริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง เขาซบหน้าลงกับลำคอขาวผ่องแล้วขบเม้มอย่างยั่วยวน พลางเคลื่อนฝ่ามือร้อนลงไปลูบไล้เนินเนื้ออ่อนนุ่มที่อยู่ใต้น้ำอย่างเชื่องช้า“ท่านพี่... ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ” กัวรั่วชิงถามเสียงสั่น เพราะความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง“อยู่กับเจ้าไม่เหนื่อยเลย สบายกว่าตอนไปรบเยอะ” เขาตอบอย่างหนักแน่น พลางพลิกนางให้หันหน้ามาหาตนเอง แล้วก้มลงบรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มอย่างดูดดื่ม ก่อนจะช้อนขาเรียวของนางข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบ่าอย่างคล่องแคล่วหวงเชียนเล่อไม่รอช้า ใช้แรงจากสะโพกดันแก่นกายเข้าสู่ร่องสวาทของนางอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง น้ำในอ่างกระฉอกสาดกระเซ็น เมื่อทั้งคู่เริ่มเคลื่อนไหว เขาจับเอวบางไว้มั่น แล้วกระแทกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะภายในอ่างน้ำอุ่นที่เปรียบเสมือนรังรักอีกแห่งหนึ่ง“อ๊ะ... เชียนเล่อ... เชียนเล่อ...” กัวรั่วชิงเรีย

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่128 ยังอวบอวลด้วยความปรารถนา

    หวงเชียนเล่อรู้ว่านางกังวลอะไร แต่นี่คือจวนแม่ทัพในเมืองหลวง คนที่ใหญ่ที่สุดที่นี่คือเขา เรื่องธรรมเนียมหยุมหยิม หากเขาเห็นว่าไม่ควรใส่ใจ ก็คือไม่จำเป็นต้องเคร่งครัด“ชิงเอ๋อร์... ไม่ต้องคิดมาก ยอมให้ข้ารักเจ้าอีกก็พอ” เขาคำรามเสียงต่ำ พลางใช้ลิ้นไล้เลียยอดถันสีชมพูที่ตั้งชันอยู่บนเนินอกอิ่มอย่างยั่วยวน เขาดูดดึงอย่างรุนแรงจนกัวรั่วชิงส่งเสียงครางหวานซ่านออกมาชายหนุ่มที่ถูกความต้องการกัดกินไม่คิดจะรอนาน เขาจัดท่าทางให้นางอ้าขาออกเล็กน้อย ก่อนจะกดแก่นกายใหญ่โตอันแข็งขืนเข้าสู่ช่องทางรักที่เพิ่งถูกใช้งานไปเมื่อคืนอย่างช้าๆ การรุกรานที่ช้าแต่หนักแน่น ทำให้กัวรั่วชิงต้องจิกผ้าปูเตียงด้วยความเสียวซ่านที่รุนแรงกว่าครั้งแรก“อ๊ะ... ท่านพี่... มัน... มันแน่น” นางกระซิบเสียงสั่น“มันควรเป็นเช่นนี้” หวงเชียนเล่อยิ้มกริ่มอย่างสมใจ แล้วเริ่มขยับสะโพกในจังหวะที่รุนแรงและเร่าร้อนมากขึ้น แก่นกายแกร่งเข้าลึกสุดลำทุกจังหวะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วห้องหอ บ่งบอกถึงความหลงใหลอย่างเต็มที่“อ๊า... ท่าน

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่127 เสน่หาล้นเรือน

    หวงเชียนเล่อซบหน้าลงกับไหล่ของนางด้วยความอ่อนล้าปนความสุขสม เขายังคงไม่ถอดถอนกายออกมา ร่างทั้งสองแนบชิดเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางกลิ่นหอมของเครื่องหอมมงคลและแสงเทียนสีแดงที่ส่องสว่างจนเกือบจะดับมอดลง“ขอบคุณที่อดทนเพื่อข้า ชิงเอ๋อร์” เขาพึมพำกับนางด้วยความรักใคร่ และรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของค่ำคืนนี้เท่านั้นรอจนกระทั่งลมหายใจของทั้งคู่เริ่มกลับมาเป็นปกติ หวงเชียนเล่อจึงค่อยถอนตัวออกมาอย่างช้าๆ หวงเชียนเล่อเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของภรรยา ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยไฟแห่งความปรารถนาซึ่งยิ่งแรงกล้าหลังการร่วมรักครั้งแรก เขาไม่รอช้าที่จะบรรจงจุมพิตที่เต็มไปด้วยความเสน่หา ร้อนแรงกว่าครั้งใดๆ ที่เคยมีมา บดเบียดริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วงและดูดดื่ม ลิ้นร้อนสอดประสานเข้าไปตักตวงความหอมหวานอย่างไม่รู้จักพอกัวรั่วชิงตอบรับจูบนั้นอย่างโหยหา มือของนางยกขึ้นประคองใบหน้าของเขาไว้ จูบนี้ไม่ใช่แค่การแสดงความรัก แต่เป็นการยืนยันความผูกพันที่ร้อนแรงและลึกซึ้งยิ่งกว่าคำมั่นสัญญาใดๆครั้นจุมพิตจนร่างอ่อนระทวยไปทั้งร่าง หวงเชียนเล่อจึงค่อยตัดใจลุกขึ้น

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่126 คืนรัญจวน ตรึงใจมิรู้ลืม

    ครั้นเห็นนางสงบลงแล้ว เขาก็เคลื่อนกายขึ้นทาบทับ พลางยกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ สอดแทรกตัวตนของเขาเข้าไปในร่องสวาทของนางอย่างช้าๆกัวรั่วชิงนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากแน่นจนซีดเผือด “อูย... เจ็บ...” นางกระซิบเสียงสั่นเครือหวงเซียนเล่อหยุดชะงักทันที เขาก้มลงมองใบหน้าของนาง แล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากของนางอย่างอ่อนโยน เพื่อให้นางหายเกร็ง“อดทนหน่อยนะชิงเอ๋อร์... ข้าจะไปอย่างช้าๆ” เขากระซิบปลอบโยน ก่อนขยับกายเข้าออกอีกครั้งอย่างแผ่วเบาเพื่อให้นางปรับตัวได้ เขาก้มลงจุมพิตซอกคอและลาดไหล่ ไล่ลงมาจนถึงปทุมถันคู่งาม เขาดูดดึงขบกัดเบาๆ บนยอดสีชมพูจนนางสะท้าน ขณะที่ขยับสะโพกส่งลำเอ็นเข้าไปในร่องสวาทพร้อมกันแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นทำให้กัวรั่วชิงต้องจิกเล็บลงบนหลังของเขาแน่น หวงเซียนเล่อสอดแก่นกายเข้าลึกขึ้นเรื่อยๆ จนสุดลำ เมื่อฝากฝังตัวตนใหญ่ยาวนั้นเข้าไปจนหมดแล้ว เขาจึงค่อยๆ โอบกอดร่างระหงที่สั่นระริกเอาไว้แน่นและพึมพำกับนางว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าอดทนได้ดีมาก”ดวงตาของกัวรั่วชิงเปียกชื้นด

  • พลิกชะตานางร้ายลิขิตรัก   บทที่125 ผูกพันรักใต้แสงเทียน

    เมื่อประตูห้องหอสีแดงถูกปิดลง เสียงอึกทึกจากงานเลี้ยงฉลองด้านนอกก็เลือนหายไปจนเหลือเพียงความเงียบสงบ กัวรั่วชิงนั่งรออยู่บนเตียงไม้สลักที่ปูด้วยผ้าไหมสีแดงสด มือทั้งสองข้างประสานกันแน่นบนหน้าตัก แม้นี่จะเป็นครั้งที่สองที่นางได้เข้าพิธีแต่งงาน แต่ความรู้สึกกลับต่างกันลิบลับชุดแต่งงานที่ประดับประดาอย่างหรูหรานั้นหนักอึ้ง ทั้งความประหม่าและความอับอายทำให้ใบหน้าของกัวรั่วชิงแดงเรื่อไม่ต่างจากสีของชุด หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึก แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องนั่งนิ่งๆ เช่นนี้จนกว่างานเลี้ยงด้านนอกจะสิ้นสุดในที่สุดหวงเชียนเล่อก็หลีกหนีจากแขกเหรื่อที่พยายามขอดื่มสุราร่วมกับเขาเหล่านั้นจนได้ เขาเปิดประตู แล้วส่งสัญญาณให้กัวลี่ลี่ที่ยืนรอรับใช้กัวรั่วชิงอยู่นั้นออกไปกัวลี่ลี่ยิ้มบางๆ แล้วเดินออกจากห้องหอไป โดยไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อยยามนี้ห้องหอถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงและอบอุ่นเหลือเพียงเงาร่างของบ่าวสาว หวงเชียนเล่อเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ครั้นหยุดยืนตรงหน้ากัวรั่วชิง เขาก็ยกก้านคันชั่งหยกขึ้นมา ค่อยๆ ใช้มันเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกอย่างอ่อนโยน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status