Share

คนพาล

last update Dernière mise à jour: 2025-04-06 05:14:16

ที่บริเวณด้านหน้าของประตูทางเข้าร้านตอนนี้มีเรือนร่างสูงใหญ่สมชายชาตรียืนพิงขอบประตูที่เปิดอ้าไว้อยู่ เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนต์สีซีดสวมคลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวลายสก็อตอีกที และบนศรีษะยังคงมีหมวกปีกถักสานด้วยไม้ไผ้ใบประจำใส่ไว้อย่างเคย

เขาคุยกับใคร ทั้งสองคนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ต่างมองหน้ากันแล้วพากันนึกสงสัย เพราะในเมื่อคนพูดนั้นไม่ได้หันมองมาทางนี้ หากแต่กำลังก้มยืนพินิจพิจารณามองนับเล็บมือของตัวเองดูอยู่ ก็เลยไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการคุยกับใคร

"ฉันคุยกับเธอนั่นแหละฉัตรตะวัน ไม่ต้องทำเป็นมองหาว่าฉันคุยกับใครอยู่หรอก เช้าขนาดนี้ไม่เห็นหรือไงว่าในร้านยังไม่มีลูกค้าเลยสักคน"

คีตกานต์รีบเฉลยความสงสัยให้คนสองคนตรงหน้าทันทีเมื่อเห็นท่าทีของสองคนนั่น ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนแสแสร้งทำเป็นแกล้งอายของผู้หญิงกับท่าทางวางมาดราวกับตัวเองดูดีนักหนาของฝ่ายชาย ทำเอาคีตกานต์เห็นแล้วออกอาการหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ

ตลอดสองปีมานี้เขายังไม่เคยพาใบหน้าหล่อๆของตัวเองให้มาประสบพบเจอกับผู้ชายสารเลวคนนี้แบบตรงๆ เพราะกลัวว่าจะอดควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโดดเข้าไปกระทืบมันไม่ไหว เลยทำแค่เพียงจับตาดูมันอยู่ห่างๆไว้ แล้วรอหาจังหวะจัดการมันทีหลัง แล้วในที่สุดเมื่อไม่กี่วันก่อน ความคิดดีๆก็พึ่งแล่นเข้ามาในหัว

'รักมากหลงมากนักใช่ไหมกับผู้หญิงคนนี้ สักวันกูจะทำให้มึงต้องเจ็บอย่างที่มึงกับกับน้องกูไอ้ธนากร'

พอเห็นว่าแน่นอนเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายในการถูกหาเรื่องของคนพาล ด้วยความที่ไม่อยากต่อปากต่อกรด้วย ฉัตรตะวันจึงทำเป็นเลือกที่จะหันหน้าหนีเสีย อยากพล่ามอะไรก็พล่ามออกมา เธอไม่สนเสียอย่าง คีตกานต์จะทำอะไรได้ 

"ฉันบอกให้เธอไปทำงาน หูแตกหรือไง"

พอเห็นว่าพูดครั้งที่หนึ่งครั้งที่สองก็แล้วแต่คนตรงหน้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ จากน้ำเสียงเรียบๆที่ใช้ในตอนแรก เวลานี้มันเริ่มที่จะทั้งเข้มและดังขึ้นราวกับว่าถูกเค้นหนักๆก่อนจะกระแทกกระทั้นออกไป จนสุดท้ายแล้วก็เป็นเขาเองที่หมดความอดทนลง ขายาวๆเดินก้าวตรงเข้าไป ก่อนจะหยุดลงที่บริเวณด้านข้างของคนที่เขาคุยด้วย แต่เธอก็ยังทำเป็นนั่งนิ่งเฉย

"ฉันถามว่าเธอหูแตกหรือไง ถึงยังทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันพูด"

"แล้วคุณล่ะคะตาบอดหรือเปล่า นี่มันพึ่งจะแปดโมงห้านาทีเอง ลืมไปแล้วหรือไงว่างานที่นี่เริ่มตอนแปดโมงครึ่ง"

และแล้วคำตอบของฉัตรตะวันก็ทำให้อารมณ์ความโกรธของเขายิ่งพลุ่งพล่าน ราวกับกองฟางที่ถูกราดด้วยน้ำมันแล้วจุดไฟเผาอีกที ใบหน้าหวานนั่นที่พอคุยกับไอ้ธนากรเมื่อสักครู่และกำลังยิ้มหวาน กลับเปลี่ยนมาเป็นหงิกงอยิ่งกว่าตะขอที่ชาวนาเอาไว้ใช้เกี่ยวข้าวทันทีที่หันกลับมามองเขา ทำเอาความหงุดหงิดงุ่นง่านที่มีอยู่ยิ่งพุ่งสูงปรี๊ดจนแทบอยากจะเตะขาโต๊ะที่สองคนนี้นั่งอยู่ให้หักพังลง

"ใช่ครับ นี่มันพึ่งจะแปดโมงห้านาทีเอง ถ้าน้องซันจะมีเวลามานั่งคุยกับผมก่อนไปเข้างาน ผมว่ามันก็ไม่น่าจะผิดกฎอะไร แล้วเมื่อคืนผมก็พักที่นี่ ส่วนตอนนี้ผมก็เข้ามาใช้บริการร้านคาเฟ่นี้ด้วยการซื้อกาแฟแล้วก็จ่ายตังค์ อย่าบอกนะครับว่าเจ้าของไร่แบบคุณให้บริการกับลูกค้าแบบนี้" 

ธนากรพูดจบก็บุ้ยปากพยักเพยิดหน้าไปทางผนังด้านหลังที่คีตกานต์ยืนอยู่เพื่อต้องการให้เขามองตาม พอคีตกานต์หันไปมองก็เห็นนาฬิกาแขวนอยู่บนผนัง ซึ่งมีเข็มสั้นและเข็มยาวกำลังบอกเวลาตามที่ฉัตรตะวันบอกเอาไว้อยู่ทนโท่ และนั่นก็เป็นหลักฐานชิ้นดีในการยืนยันความถูกต้องถึงในสิ่งที่สองคนนั้นพูด

"ผมจะขอคุยกับน้องซันต่ออีกหน่อย กรุณาช่วยปล่อยให้เราคุยกันตามลำพังด้วยครับ อย่าลืมนะครับว่าผมเป็นลูกค้า ถ้าขืนคุณยังมาทำตัวไร้มารยาทเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของแบบนี้อีกแล้วล่ะก็ ผมจะไปเขียนคอมเพลนลงในเว็บไซด์ของร้านคุณว่าที่นี้ให้บริการลูกค้ายังไง"

พอธนากรพูดจบ สันกรามแกร่งนั่นก็ถูกขบบดเข้าหากันจนเป็นสันนูน ด้วยความที่เกลียดผู้ชายคนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งพอได้มาเจอกันในสถานการณ์ชวนน่าแลกหมัดแบบนี้อีก ความโมโหในการปากดีของธนากรก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เขาเป็นรองในตอนนี้ จึงทำให้คีตกานต์จำใจต้องปล่อยให้ธนากรปากดีไปก่อน 

"ได้สิ ถ้าอยากจะคุยกันนักละก็ เชิญคุยกันต่อได้ตามสบาย แต่ถ้าวันนี้เธอสายแม้แต่นาทีเดียว ดอกเบี้ยเงินกู้ของเสี่ยมนัสทั้งหมดจะต้องถูกคิดใหม่เท่ากับจำนวนนาทีที่เธอสาย และนำมาคูณด้วยหนึ่งร้อย" พูดแล้วริมฝีปากร้ายก็กดรอยยิ้มเย้ยหยันลงที่มุมปาก 

"มันจะมากเกินไปแล้วนะคุณ แกล้งผู้หญิงแบบนี้มันไม่น่าตัวเมียไปหน่อยหรอ" ธนากรที่ทนนั่งฟังไม่ไหวลุกขึ้นกะว่าจะเดินเข้าไปแต่ก็ถูกฉัตรตะวันดึงเอาไว้เสียก่อน

'ถุย! กูเนี่ยนะหน้าตัวเมีย มึงมากกว่าหรือเปล่าวะ'

คีตกานต์ไม่ได้ตอบธนากรออกไป หากแต่สายตาที่มองตอบไปยังคงแสดงถึงความท้าทายและเย้ยหยัน ก่อนที่จากนั้นทุกอย่างจะหันกลับมาลงที่ฉัตรตะวันต่อ

"แล้วช่วยเอารถของเธอกลับไปเก็บที่บ้านพักของเธอด้วย เพราะพื้นที่จอดรถตรงนี้สงวนเอาไว้สำหรับลูกค้าของร้านเท่านั้น ไม่ใช่ใครนึกอยากจะเอามาจอดก็จอดเกะกะขวางพื้นที่หน้าร้าน เข้าใจหรือเปล่า" พูดจบคีตกานต์ก็หันหลังกลับเดินออกจากร้านไป ปล่อยให้ทั้งธนากรและฉัตรตะวันยืนกัดฟันกรอดด้วยความหมั่นเขี้ยวหากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

"พี่ว่าน้องซันลาออกเถอะครับ อย่าทนอยู่ที่นี่กับคนแบบนี้เลย ขาดเหลืออะไรพี่พร้อมจะช่วยน้องซันได้ทุกอย่าง"

"ซันขอบคุณพี่ธนามากนะคะ แต่พี่ธนาอย่าพยายามเลยค่ะ ยังไงเสียซันก็ต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้แล้วเอาธุรกิจของที่บ้านกลับคืนมาด้วยความสามารถของตัวเองให้ได้ ยังไงก็ขับรถกลับดีๆนะคะ ขอบคุณสำหรับที่มาส่งและเรื่องรถค่ะ"

หลังจากบอกลาและขอบคุณธนากรไปแล้วอย่างรีบๆ Audi a1 สีขาวก็ถูกขับกลับมาจอดไว้ที่บริเวณด้านข้างของตัวบ้านดังเดิม ใช้เวลาในการขับไม่ถึงห้านาที แต่ตอนที่ต้องปั่นจักรยานกลับไปนี่สิ เท่ากับว่าทันทีที่คีตกานต์พูดจบเธอก็ต้องขอตัวลุกออกร้านเพื่อนำรถมาเก็บทันที เพราะกว่าจะไปจะมา รวมๆแล้วยี่สิบกว่านาทีที่เหลือก็เท่ากับว่าไม่เหลือ 

พอจอดจักรยานเสร็จก็รีบพุ่งตัวเปิดประตูออฟฟิศเข้าไป เหลืออีกสองนาทีพอดี แต่..ในห้องนี้ไม่มีผู้ชายที่ชื่อคีตกานต์อยู่เลย ห้องทั้งห้องว่างเปล่า นี่เขากำลังเล่นตลกอะไรอยู่เนี่ย ไหนบอกว่าให้เธอรีบมา แล้วนี่อย่าบอกนะว่าเขากำลังหาเรื่องที่จะแกล้งเธออีก

ไม่ได้ๆ ผู้ชายเจ้าเล่ห์แบบนั้นยังไงก็ต้องมีหลักฐานว่าเธอมาเข้างานทันเวลาพอดี เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่มีข้ออ้างอะไรมาใช้เล่นงานเธอได้

ฉัตรยังคงนั่งรออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งผ่านไปเป็นเวลาสิบกว่านาที จึงได้มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์

"เธอเลท"

"เลทบ้าเลทบออะไรกันคะคุณคีย์ ฉันมาทันเวลาค่ะ ถึงก่อนเวลาเข้างานสองนาทีด้วยซ้ำ"

"โกหก อย่ามาทำเป็นเจ้าเล่ห์กับฉันหน่อยเลย ยอมรับมาเสียดีกว่าว่าเธอสายไปกี่นาที ฉันจะได้คิดคำนวณดอกเบี้ยได้ถูก เอาให้สาสมกับที่เธอปากดี บังอาจไปนั่งปั้นหน้านั่งยิ้มกับมัน"

"คุณจะบ้าไปแล้วหรือไง ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้มาสายแล้วฉันก็มีหลักฐานยืนยันด้วย ฉะนั้นกรุณาอย่ามากล่าวหากันมั่วๆ ฉันว่าคุณบอกมาเลยดีกว่าว่าวันนี้ฉันต้องไปไหนหรือว่าทำอะไร"

หลังจากได้ฟังคำสั่ง ฉัตรตะวันก็ออกมาจากออฟฟิศแล้วคว้าจักรยานปั่นตรงไปยังที่ๆเขาบอกทันที คีตกานต์สั่งให้เธอไปหาเขาที่บ้านพักก่อนแล้วจึงจะบอก เพราะว่างานของเธอรออยู่ที่นั่น แม้ว่าในใจลึกๆจะนึกหวั่นถึงเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วถึงสองหน แต่กระนั้นฉัตรตะวันก็ยังคงพยายามปลอบใจตัวเองว่าที่คีตกานต์ทำทุกอย่างลงไปคืนก่อนๆนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาเมา แต่เวลานี้ ตอนนี้ เขาไม่ได้ดื่ม มันก็คงไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น..ใช่ไหม

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • พ่ายรักเธอ   ตอนจบ

    "ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต

  • พ่ายรักเธอ   ลูกเขยคนดี

    "ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ

  • พ่ายรักเธอ   พ่อตา

    หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ

  • พ่ายรักเธอ   คำสารภาพ

    กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง

  • พ่ายรักเธอ   หลักฐาน

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ

  • พ่ายรักเธอ   เอาเงินคุณคืนไป

    คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status