หวังอี้หลินมองภรรยาด้วยสายตาคาดคั้น หยุนชิงเริ่มจะร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาแล้วตอนนี้ ก่อนหน้านางยังเป็นฝ่ายกดดันเขาอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้กลับกลายเป็นนางเองที่โดนเขากดดันไปได้ล่ะ
ร่างบางโดนจ้องมองอย่างกดดันค่อย ๆ ขยับถอยห่างร่างหนาไปจนชิดหัวเตียง รู้ตัวอีกทีว่าไม่อาจหนีไปทางไหนได้แล้วก็ตกอยู่ในวงแขนของชายหนุ่มซะแล้ว เอาเถอะเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วบอกความจริงไปให้หมด ต่อจากนี้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดแล้วกัน
“ข้าขอถามอะไรสักอย่างได้หรือไม่” หญิงสาวถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
“ได้สิ จะกี่อย่างก็ได้” นอกจากคำถามของภรรยาแล้ว เขายังฉวยหอมแก้มนิ่มนั้นเข้าไปเต็มปอด
“หากข้าบอกว่าข้าไม่ใช่ภรรยาท่าน ข้าเป็นเพียงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น ภรรยาตัวจริงของท่านตายไปนานแล้วท่านจะเชื่อหรือไม่”
“พี่เชื่อทุกอย่างที่เจ้าพูด” จากที่หอมแก้มซ้ายเขาก็ย้ายมาหอมแก้มขวา มือที่เคยนิ่งตอนนี้กลับไม่อยู่ที่เดิม
“เหตุใดท่านเชื่อข้าง่ายเช่นนี้ ไม่หวาดกลัวข้าเลยหรือ” หยุนชิงที่มัวแต่กังวลใจกลัวว่าหวังอี้หลินจะรับในตัวนางไม่ได้ ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสายคาดเอวตอนนี้ถูกชายหนุ่มคลายปมผ้าไปแล้ว
“พี่รู้ว่าเจ้าไม่ใช่นาง”
“รู้หรือ ท่านรู้ได้อย่างไรแล้วท่านรู้ตอนไหน” หยุนชิงถามอย่างตกใจ นางไม่เคยหลุดอะไรให้อีกฝ่ายสงสัยสักครั้ง และอีกอย่างเขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้เรื่องราวใด ๆ อีกด้วย
“พี่รู้มาตั้งแต่แรก เจ้ารู้ไหมอาชิงไม่เคยเรียกพี่ว่าท่านพี่ นางเรียกว่าพี่อี้หลินและอาชิงก็ไม่เคยทำอาหาร นางไม่สู้คนขี้อายเจ้าแตกต่าง ทำสิ่งที่นางไม่ทำรู้สิ่งที่นางไม่รู้ เดิมทีพี่รักอาชิงแบบน้องสาว พี่รู้ว่าอาชิงคิดกับพี่แบบชายหญิง ก่อนแต่งงานมีครั้งหนึ่งนางล้มป่วย ท่านแม่เชิญท่านหมอมาดูอาการ ท่านหมอบอกว่าโรคที่นางเป็นอยู่อาจจะอยู่ได้ไม่กี่ปี ท่านพ่อกับท่านแม่จึงขอร้องให้พี่แต่งกับนาง เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าจะมีผู้ปกป้องนางหากว่าพวกท่านจากไปก่อน” ชายหนุ่มเงียบไปสักพักแล้วจึงพูดต่อว่า
“เดิมทีพี่คิดว่าอาชิงชอบพอกับไป๋ถัง หากว่านางอยากหย่าขาดพี่ก็พร้อมยินดี พี่มารู้ความจริงก็ตอนที่อาชิงแอบนำเงินเก็บไปช่วยไป๋ถังเป็นค่าสินสอดนั่นล่ะ”
“ท่านรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าข้าไม่ใช่นาง” หยุนชิงถามซ้ำอีกครั้ง เพราะนางยังไม่ได้ความกระจ่างเรื่องนี้ทั้งหมด
“หลังจากที่เจ้าอยู่ที่นี่ได้สักพัก อาชิงนางมาบอกพี่นางมาขอโทษก่อนจากไป” หวังอี้หลินไม่พูดเปล่ามือเขาก็เริ่มทำงานไปเรื่อย ๆ สายคาดเอวร่างบางได้หลุดไปแล้ว มือหนาเริ่มยุ่มย่ามกับชุดชั้นนอกของภรรยา ใบหน้าคมเคลื่อนจากแก้มนุ่มนิ่มไล่ไปตามติ่งหูและซอกคอหอมกรุ่น
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไม่กลัวหรือข้าอาจจะเป็นภูตผีปีศาจก็ได้”
ลูกดอกนางให้ทำจากไม้ไผ่สองแบบคือเสี้ยมปลายแหลม และเหลาให้บางคมหยักเป็นเงี่ยง หญิงสาวให้ทำไว้หนึ่งร้อยดอกเพื่อว่าหากทำหายจะได้ไม่เสียเวลามาทำเพิ่มบ่อยนักเมื่อทำเสร็จนางได้ให้บ่าวชายทดลองยิงดูปรากฏว่าได้ผลดีทีเดียว ทุกคนต่างชอบมาก เพราะไม่เปลืองแรงลงไปจับปลาในน้ำให้เหนื่อยอีกด้วยประจวบเหมาะที่หวังอี้หลินกลับมาจากส่งสุราในเมือง เขาเห็นบ่าวชายกำลังใช้บางสิ่งที่ในมือกำลังยิงลูกดอกลงไปในน้ำ เขาจึงได้เดินเข้าไปดูอย่างสนใจ เขามิเคยเห็นอาวุธเช่นนี้มาก่อน บ่าวชายพวกนั้นไปได้มาจากที่ใดกัน“นั่นพวกเจ้าถือสิ่งใดอยู่”“เรียนนายท่าน สิ่งนี้เรียกว่าหน้าไม้ขอรับ” บ่าวชายคนที่ถือหน้าไม้ในมือได้ตอบ พร้อมทั้งยื่นให้หวังอี้หลินได้สำรวจ“พวกเจ้าได้มาจากที่ใดกัน บอกข้าได้หรือไม่” หากมีเจ้าสิ่งนี้จะดีไม่น้อย“นายหญิงเป็นผู้คิด และสั่งให้พวกข้าทำไว้ใช้จับปลาขอรับ” ยังเป็นบ่าวชายคนเดิม ที่ตอบคำถามของเจ้านายเช่นเดิม“เช่นนั้นข้าขออันหนึ่งได้หรือไม่”“ได้ขอรับ นายหญิงให้ทำไว้ห้าอัน พวกเราเอาไปเก็บไว้ในโรงเก็บอุปกรณ์ทำสวนขอรับ”“อืม เช่นนั้นพวกเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะข้าจะเข้าเรือนแล้ว” ภรรยาของเขาช่างฉลาดนัก นางช่
หยุนชิงตื่นขึ้นมาในตอนสายของอีกวันด้วยอาการเมาค้าง และปวดเมื่อยตามเนื้อตัว นางจำได้ว่าตนเองหลังจากถูกสามีอุ้มเข้าไปนอนในห้อง นางกลับนึกสนุกอยากแกล้งสามีจากนั้นจำอะไรไม่ได้เลย“ทำไมขาข้ามันสั่นแบบนี้ แถมเนื้อตัวมีแต่รอยข้าไปโดนอะไรกัดมา” เมื่อลุกขึ้นยืนได้มั่นคงแล้วสำรวจตัวอยู่สักพักกลับพบว่าเนื้อตัวมีแต่รอยเต็มไปหมด แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวนางกันแน่หลังจากที่หอบร่างที่อ่อนแรงของตนเอง ไปอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสิ้น หยุนชิงจึงได้เดินออกมาจากห้อง เพราะนี่ก็คงจะยามซื่อแล้ว (09.00-10.59 น.) ทุกคนคงจะออกไปทำงานกันหมดแล้ว“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังจะเอาน้ำแกงสร่างเมาไปให้ นายท่านสั่งไว้ว่านายหญิงตื่นเมื่อไร ให้เอาไปให้ดื่มเจ้าค่ะ” อาเล่อที่เดินออกมาจากห้องครัว เพื่อไปเอาน้ำแกงสร่างเมามาให้นายหญิงดื่ม เดินออกมานางก็เจอเข้ากับผู้เป็นนายนั่งคลึงขมับอยู่ที่โต๊ะในห้องรับแขกพอดี“ข้าปวดหัวมากเลยอาเล่อ แล้วท่านพี่ไปไหนหรือ” อดไม่ได้ที่จะถามถึงสามีตัวดี ต้องเป็นเขาแน่ที่ทำให้นางมีสภาพเช่นนี้“นายท่านออกไปส่งสุราในเมืองเจ้าค่ะ” อาเล่อพูดพร้อมกับส่งถ้วยน้ำแกงให้กับผู้เป็นนายดื่มหยุนชิงดื่มน้
หญิงสาวมอมเมาสามีจนชายหนุ่มถึงกับครางออกมาไม่หยุด ก่อนที่ร่างหนาจะเสร็จสมอารมณ์ ร่างบางตรงหน้ากลับหยุดการกระทำนั้น ตอนนี้เขาอยากจะรู้ว่านางจะทำสิ่งใดต่อไป ด้วยประกายตาวิบวับเขาหวังว่าจะเป็นอย่างที่คิดแล้วก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มหวัง ร่างบางค่อยๆ เคลื่อนตัวเองมานั่งทับ พร้อมกับจับตัวตนของสามีจ่อเข้าที่กลีบกุหลาบงามที่กำลังฉ่ำน้ำ นางค่อย ๆ สอดใส่เข้าไปจนทั้งสองประสานกัน พร้อมกับขยับโยกขึ้นลงหยุนชิงตอนนี้ก็เริ่มครางออกมาอย่างไม่ได้ศัพท์เช่นกัน จากตอนแรกที่นางขยับขึ้นลงช้า ๆ เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นชิน ก็เป็นแรงขึ้นเร็วขึ้นเพียงไม่นานร่างทั้งสองกระตุกสองสามครั้งชายหนุ่มพ่นน้ำขาวขุนใส่ภายในภรรยาจนหมด หยุนชิงเมื่อถึงฝั่งฝันอย่างสุขสม นางหมดแรงหอบหายใจพิงร่างหนาอย่างเหนื่อยอ่อน“ท่านพี่ข้าไม่ไหวแล้วข้านอนเลยได้หรือไม่” เมื่อปรับลมหายใจได้เป็นปกติแล้ว หยุนชิงจึงเอ่ยปากถามสามี นางเหนื่อยมากหากให้ไปอาบน้ำตอนนี้คงไม่ไหวแน่“ได้สิ เจ้านอนไปเลยที่เหลือพี่ทำเอง”จากนั้นร่างหนาจับพลิกตัวภรรยาให้อยู่ในท่าคลานเข่า ทั้งที่ทั้งสองยังไม่แยกจากกันพร้อมกับสองมือจับที่เอวบาง แล้วขยับโยกตามอารมณ์ดิบ ที่ไม่อาจอด
หวังอี้หลินอุ้มภรรยาที่เมาหลับไปมาวางบนเตียง จัดท่าทางให้นางนอนสบายที่สุด จากนั้นเขาจึงได้เดินหายเข้าไปที่หลังฉากกั้น เพื่อตักน้ำใส่ถังเล็กพร้อมผ้าหนึ่งผืนหนึ่ง เพื่อมาเช็ดตัวให้ภรรยาก่อนจะได้สบายตัวเวลานอนแต่เมื่อเขาเดินออกมาจากฉากกั้น ชายหนุ่มถึงกับแทบหยุดหายใจ เหตุใดภรรยาเขาช่างยั่วยวนนัก ภาพที่เขาเห็นคือร่างบางของภรรยานอนตะแคงเท้าแขนมองมาที่เขา ด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม เสื้อผ้าหลุดลุ่ยด้านบนเหลือเพียงเอี๊ยมตัวเล็กสีเหลืองอ่อน เปิดเผยเนินอกอวบอิ่ม มืออีกข้างนางวางไว้บนต้นขาที่กระโปรงร่นขึ้น เปิดเผยจนเกือบจะเห็นเนินเนื้อสาวหวังอี้หลินเริ่มลำคอแห้งผาก จนต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก มือที่ถือถังน้ำเริ่มสั่นแทบจะทำร่วงหลุดมือ“ท่านพี่ข้าร้อนจังเลยเจ้าค่ะ” หยุนชิงกัดปากขยิบตาให้สามี พร้อมกับกระดิกนิ้วเรียกให้ชายหนุ่มเดินเข้ามาหา“พี่ว่าเจ้าเช็ดตัวก่อนดีหรือไม่ จะได้สบายตัว” เขาได้แต่บอกตัวเองว่าให้อดทนไว้ อดทนไว้ นางเมาไม่มีสติเขาไม่อยากฉวยโอกาสตอนนางเมา“ท่านช่วยเช็ดตัวให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าลุกขึ้นมานั่งดี ๆ พี่จะเช็ดตัวให้” ชายหนุ่มวางถังน้ำไว้บนหัวเตียง แล้ว
งานวันเกิดของอาจูน้อยดำเนินไปอย่างอบอุ่น จัดเพียงงานเล็ก ๆ มีแค่คนในครอบครัวและบ่าวไพร่เท่านั้น หวังอี้หลินอนุญาตให้บ่าวทุกคนดื่มกินได้เต็มที่ อีกทั้งยังให้เหล้าสาโทที่กำลังเป็นที่นิยมกันตอนนี้ ให้พวกเขาไปดื่มกินอย่างไม่หวงของ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามมีเรื่องทะเลาะกัน คนไหนที่เข้าเวรยาม ก็ให้เก็บอาหารไว้กินได้เมื่อตอนสับเปลี่ยนเวรยามแล้วบ่าวทุกคนต่างก็ดีใจเพราะแต่ละคนเป็นเพียงคนเร่ร่อนบ้างเป็นขอทาน หรือแม้แต่คนที่ถูกคนในครอบครัวขับไล่ออกมา การได้มาอยู่ที่นี่ถือว่าโชคดีของพวกเขามาก มีที่อุ่น ๆ ให้หลับนอน อาหารให้อิ่มท้องทั้งสามมื้อ และยังมีเงินค่าแรงให้อีกด้วย ทุกคนที่ได้มาอยู่ที่นี่จึงตอบแทนด้วยการขยันซื่อสัตย์และภักดีงานเลี้ยงก็ได้ดำเนินมาถึงตอนที่จะมอบของขวัญให้กับสาวน้อยของบ้าน โดยมีหยุนชิงมอบกระเป๋าใบเล็กสีชมพูหวานให้กับอาจูน้อย“แม่ขอให้ลูกมีแต่ความสุขเติบโตสมบูรณ์พร้อมด้วยความดี ความงาม และความรัก” หญิงสาวยื่นกระเป๋าให้พร้อมทั้งอวยพรและหอมแก้มยุ้ยของอาจูหนึ่งที“พ่อขอให้เจ้าเป็นที่รักของทุกคน และจงเติบโตอย่างมีความสุข หยกนี้พ่อมอบให้เจ้า จงเก็บรักษามันไว้ให้ดี” หวังอี้หลินถักเชือกเป
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าทำอันใดอยู่หรือ” หวังอี้หลินเห็นภรรยานั่งเย็บผ้าอยู่นานสองนาน ตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าไปอาบน้ำจนตอนนี้ได้เวลาเข้านอนเขาก็ยังเห็นภรรยานั่งทำไม่เสร็จสักที“ข้ากำลังเย็บกระเป๋าผ้าให้เป็นของขวัญวันเกินอาจูเจ้าค่ะ” หญิงสาวละสายตาจากงานปักตรงหน้ามาคุยกับสามี อีกเพียงเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อยก็จะเสร็จแล้วกระเป๋าที่หยุนชิงกำลังทำอยู่นั้นขนาดไม่ใหญ่เป็นสีชมพูอ่อน ปักเป็นรูปกิ่งดอกเหมยตามกิ่งจะมีดอกไม้น่ารักสีขาว แต่ส่วนที่เป็นดอกไม้หญิงสาวใช้การตัดผ้าเป็นรูปดอกแทนการใช้ปัก นำมาเป็นการเย็บดอกไม้ติดแทน ส่วนปากกระเป๋านางใช้เป็นเชือกสีขาวร้อยเข้าไปไว้สำหรับรูดมัดปากกระเป๋า ส่วนปลายเชือกทำเป็นพู่เล็กน่ารัก ๆ แทนหยุนชิงได้เย็บสายกระเป๋าไว้ด้านข้างเพื่อไว้สำหรับสะพายอีกด้วย เพราะเท่าที่นางเห็นส่วนมาก จะมีเพียงแค่ใช้เชือกมัดดึงตรงปากกระเป๋า แล้วใช้ถือเอามากกว่าสะพายด้านข้างกัน“พี่ไม่เคยเห็นผู้ใดจัดงานวันเกิดและให้ของขวัญ ที่นี่วันเกิดก็เหมือนดังเช่นวันปกติธรรมดา แล้วที่ที่เจ้าจากมาเขาทำเช่นนี้หรือ”“เจ้าค่ะ ทุกปีข้าจะจัดงานเล็ก ๆ มีเพื่อนสนิท ป๊า ม้า ร้องเพลงวันเกิดแล้วก็ให้ของขวัญ” หญิง
“ท่านแม่อาจูอยากดื่มบ้างเจ้าค่ะ” เด็กน้อยอ้วนกลมที่เห็นผู้ใหญ่ดื่มกันอย่างอร่อย ก็แหงนหน้าจนคอตั้งมองคนนั้นทีคนนี้ทีจนอดทนไม่ไหวอยากจะลิ้มลองบ้าง“เอาไว้ให้เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่เจ้าถึงจะดื่มได้เข้าใจหรือไม่” หวังอี้หลินเป็นคนที่บอกบุตรสาว“ทำไมต้องโตก่อนเจ้าคะ”“เพราะว่าสุราเป็นของต้องห้ามของเด็ก”“ทำไมถึงห้ามเด็กกินเจ้าคะ”เมื่อโดนถามเช่นนี้ชายหนุ่มได้แต่อึกอักไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากภรรยา แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือ ทุกคนต่างทำเป็นไม่สนใจเขาสักคน จนคนที่ถูกถามอย่างเขาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก“เออ พ่อว่าเอาเป็นว่าเด็กห้ามกินเข้าใจหรือไม่” ในเมื่ออธิบายไม่ได้ก็เอาเช่นนี้แล้วกันหลังจากที่ได้ยินคำตอบจากชายหนุ่มทุกคนต่างหัวเราะกันยกใหญ่ ไม่คิดว่าคนหน้านิ่งพอถูกเจ้าเด็กดื้อถามกลับมีสีหน้าที่ดูน่าขันเช่นนี้ได้ตกลงกันได้แล้วว่าจะทำสุราหมักขายสองสามีภรรยาจึงได้นั่งเกวียนเข้าเมือง เพื่อจะหาทำเลสร้างร้านจนไปเจอกับร้านขายซาลาเปาหัวมุมตลาดที่ประกาศขาย เพราะเจ้าของนั้นจะย้ายไปอยู่กับลูกหลานที่ต่างเมือง จึงตกลงซื้อขายกันด้วยจำนวนเงินสองร้อยตำลึงเมื่อได้ร้านตามต้องการ
จากวันที่หยุนชิงกับเผยอวี้มีเรื่องทะเลาะกันวันนั้น กลายเป็นเรื่องพูดคุยกันของชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นพูดกันถึงเรื่อง ความหึงหวงตามประสาสามีภรรยาที่มีเรื่องหญิงอื่นเข้ามาข้องเกี่ยวแต่หากใครจะไปคาดคิดเพราะหลังจากที่มีเรื่องได้ไม่นาน เถ้าแก่ร้านเขียงหมูผู้ฐานะดีที่อยู่ในเมืองได้มาสู่ขอเผยอวี้ไปเป็นอนุคนที่หกเถ้าแก่ร้านเขียงหมูผู้นี้เป็นที่เล่าลือกันมาก เพราะเป็นคนขึ้นชื่อเรื่องการข่มเหงและทุบตีภรรยาหากไม่ได้ดั่งใจ จนภรรยาเอกถึงกับหนีไปออกบวช อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ตัวอ้วนฉุ ถึงแม้เผยอวี้จะไม่ยอมและอาละวาด หากแต่ครอบครัวนางได้ตกลงยกนางให้กับเถ้าแก่เขียงหมูไปแล้ว เพราะเห็นแก่เงินทองที่อีกฝ่ายเสนอให้ถึงแม้จะเป็นที่ฮือฮาในหมู่บ้าน แต่บ้านตระกูลหวังกลับใช้ชีวิตปกติไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของเผยอวี้อีกเลย เพราะด้วยต่างคิดว่าเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีกแต่ก็ยังมีข่าวให้ได้ยินกันอยู่เรื่อย ๆ ว่าหลังจากที่เข้าไปเป็นอนุภรรยาคนที่หก เผยอวี้ก็ไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุข อีกทั้งการแก่งแย่งชิงดีของภรรยาทั้งหลาย ยังต้องรองรับกับอารมณ์หื่นกามของเ
“ที่พี่อี้หลินไม่บอกเจ้าเขาก็แค่สงสารเท่านั้นแหละ พี่อี้หลินบอกกับข้าให้ข้ารออีกสักหน่อย จะรับข้าเข้าเรือนจากนั้นก็จะเขี่ยเจ้าออกไปจากชีวิต ที่ตอนนี้ยังไม่ตบแต่งข้าเข้ามา เพราะกลัวจะเป็นที่ครหาว่าพอร่ำรวยก็รับภรรยาเข้าบ้านอีกคน” เผยอวี้ทำหน้าเย้ยหยันหยุนชิงอย่างเป็นต่อ พร้อมกับเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ เพื่อข่มขวัญอีกฝ่าย“เจ้านี่ช่างฝันกลางวันซะจริง ไม่มีชายคนไหนรับสตรีมีพิษเช่นเจ้าเข้าบ้านหรอกนะ ข้าได้ยินว่าที่เจ้ายังมิได้ออกเรือนทุกวันนี้ก็เพราะชาวบ้านเขาเหม็นเบื่อเจ้า จนไม่มีบ้านใดส่งแม่สื่อสู่ขอเจ้ามิใช่หรือ”เผยอวี้เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายตอบกลับได้โมโหจนสติแตก ยกมือขึ้นหมายจะฟาดหน้าอีกฝ่ายให้เต็มแรง แต่มีหรือที่หยุนชิงจะไม่รู้นางตั้งท่ารอรับอยู่แล้ว ก่อนที่ฝ่ามือของเผยอวี้จะฟาดเข้าที่แก้มของหยุนชิง ร่างบางจับมือข้างนั้นไว้ทันท่วงทีก่อนมืออีกข้างจะสวนหมัดเข้าเต็มหน้าของเผยอวี้เข้าเต็มเปา เผยอวี้จึงได้ล้มลงไปกองกับพื้นนั่งกุมจมูกตนเอง มีเลือดสีแดงฉานไหลออกมา“เกิดอะไรขึ้น” หวังอี้หลินที่วิ่งหน้าตาตื่นมาจากในไร่ หลังจากมีคนไปแจ้งเขาว่า เผยอวี้กับภรรยาเขากำลังทะเลาะกันที่ศาลาหน้าบ้าน“ฮือ พ