เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิเย็นลงอยู่ที่สิบห้าองศา แต่ทว่ากลับไม่สามารถทำให้เลือดลมในร่างกายที่ร้อนผ่าวเย็นลงได้หมอไป๋นอนหายใจแรงอย่างหงุดหงิดในอารมณ์ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกกระวนกระวายใจไปทำไม ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดก่อนนอนด้วยซ้ำ ถ้าคุ้นที่เขาจะหลับง่ายแค่ปกติหัวถึงหมอนก็หลับแล้ว“คุณไป๋...”เสียงของภารัชชาเรียกหาเขาในความมืด แต่ใบหน้ายังซุกอกและเรียวแขนก็พาดกอดเอวของเขาไว้ไม่ห่างแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย เธอก็เงยหน้าขึ้นจนปลายจมูกเฉียดคางของเขา ก่อนจะมองผ่านความมืดสลัว พอให้เห็นเลือนรางว่าหมอไป๋เองก็ยังไม่หลับเหมือนกัน“คุณไป๋หลับหรือยังคะ”“ยัง...”“แอร์เสียหรือเปล่า ฉันยัง... ร้อนอยู่เลยค่ะ”ภารัชชาร้อนรุ่มในกายบอกไม่ถูก ตัวเธอนอนกระสับกระส่ายอยู่นิ่งไม่ได้ จนร่างกายที่สัมผัสหมอไป๋อยู่ก็ร้อนผ่าวไม่ต่างกัน“ร้อนจัง...” หญิงสาวบิดเร่าตัวไปมากับอาการรุ่มร้อนผิวกายใบหน้าหล่อเหลาขบกัดริมฝีปากแน่น ยิ่งเธอขยับตัวมากเท่าไหร่เขาก็พาลกลัดเกร็งตัว สกัดกลั้นความกระสันอยากที่พลุ่งพล่านในอารมณ์ชาย ไม่ให้โผลงผลางทำอะไรในยามวิกาลที่ยากจะห้ามใจแบบนี้“เลิกขยับตัวสักที”“ก็ฉันร้อน.
ภารัชชานั่งเล่นกับถ้วยฟูในห้องจนค่ำมืด พอเดินออกจากห้องมาก็พบว่ารองเท้าหมอไป๋จอดวางอยู่ที่ชั้นเรียบร้อย เธอจึงไปตระเตรียมน้ำสมุนไพรใส่น้ำแข็งให้เย็นชื่นใจใส่ถาดให้เรียบร้อยเธอไม่เจอเขาที่ห้องนอน มันก็แปลว่าหมอไป๋เคลียร์งานอยู่ที่ห้องทำงานเจ้าตัว ร่างบางถือถาดไปยืนหน้าห้องส่งเสียงเรียกเข้าไปเพราะมือไม่ว่างเคาะประตู“ฉันขอเข้าไปนะคะคุณไป๋...”“มีอะไร”“ฉันเอาน้ำสมุนไพรมาให้คุณค่ะ แม่ฉันฝากมาให้”พูดจบเธอก็ยืนนิ่งรอฟังคำอนุญาต หลุบตามองน้ำสมุนไพรในแก้วแล้วเหลือบมองประตูตรงหน้า“เข้ามา” เสียงของหมอไป๋ตะโกนกลับมา ภารัชชาก็เลยใช้หัวไหล่ดันประตูเข้าไปข้างในเธอยกเข้าไปให้เขาถึงโต๊ะทำงาน จัดวางไว้ไม่ให้เกะกะเอกสารที่เขากำลังเปิดอ่านอยู่ หมอไป๋ปรายหางตามองแล้วมุ่นคิ้วเข้าหากันนิดๆ ก่อนจะหันไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าตามเดิมภารัชชาเม้มปาก เธออยากเห็นเขาดื่มเพื่อความสบายใจก่อนเวลาปรางสิตามาลักลอบจับผิด เธอจะได้ตอบแบบไม่ปกปิดว่าหมอไป๋ดื่มสมุนไพรกับตาเธอเลย และคืนนี้เธอเองก็จะลองดื่มดูบ้าง เห็นว่ามีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลายจะได้นอนหลับดีด้วย“คุณไป๋ดื่มชาก่อนสิคะ แม่ฉันนำมาให้บอกว่าช่วยบำรุงร่างกาย”“ว
ภารัชชารีบลงลิฟต์ไปรับผู้เป็นแม่ถึงด้านล่าง เธอแอบอมยิ้มดีใจเหมือนเด็กน้อยคนเดียวที่แม่มาหา แม้ว่าปรางสิตาแค่จะเข้ามาดูความเป็นอยู่และกำชับเรื่องทายาทก็ตาม“นี่แม่ตั้งใจจะแวะมาหาหนูโดยตรงเลยเหรอคะ” เธอดีใจแต่กลั้นยิ้มไว้จนแก้มแทบปริ ขณะที่เดินตามหลังปรางสิตาไปในห้องครัว“ฉันแค่เอาสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้แกกับหมอไป๋” ปรางสิตานำขวดแก้วที่กรอกน้ำสมุนไพรใส่ไว้ในตู้เย็น“สมุนไพรอะไรคะ”“เอาไว้ดื่มก่อนนอน จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดี”ภารัชชาเดินเข้าไปยืนด้านหลังแม่อย่างสนใจ หากสมุนไพรตัวนี้ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีเธอก็อยากลิ้มลองรสชาติเหมือนกัน“ถ้าผ่อนคลายก่อนนอน งั้นหนูกินด้วยได้มั้ยคะ หรือว่า... แม่เตรียมมาให้แค่หมอไป๋คนเดียว” เธอพูดเสียงค่อยเพราะกลัวถูกดุ กลัวว่าแม่จะเอามาฝากแค่ลูกเขย ไม่ได้เห็นเธออยู่ในสายตาด้วยเพราะมันเป็นเช่นนั้นมาตลอด ภารัชชาก็เลยอดรู้สึกแบบนี้ไม่ได้“ได้สิ... แกก็กินได้”“ขอบคุณค่ะแม่”ใบหน้าสวยหวานเดินเตาะแตะดีใจ เข้าไปช่วยปรางสิตาจัดเก็บขวดแก้วสมุนไพรใส่ตู้เย็นทุกคืนของภารัชชาต้องพึ่งพาอ้อมแขนของหมอไป๋ เขาไม่ยอมให้เธอนอนเปิดไฟ และเธอก็กลัวความมืดเกินกว่ากัดฟันข่ม
P.RATCHCHA FLOWER SHOPร่างบางสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลยืนฉีดพรหมน้ำให้เหล่าดอกไม้หน้าร้าน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปข้างในจัดวางดอกไม้ให้สวยงาม เตรียมพร้อมที่จะเปิดร้านในช่วงเช้าของวันกระทั่งเสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านดังขึ้น เธอที่ก้มหน้าปัดกวาดเช็ดถูหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินอยู่ก็เงยขึ้นมอง“สวัสดีค่ะ สนใจหรืออยากได้ช่อดอกไม้แบบไหนคะ” ภารัชชาวาดรอยยิ้มโค้งรับบนใบหน้าสวยเข้ารูป“สวัสดีครับ ใช่... คุณภารัชชาหรือเปล่าครับ” ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ใส่ชุดสูทดำทั้งตัว หยิบรูปถ่ายในมือประกอบกับคำถามไปด้วยเธอเผยอริมฝีปากครุ่นคิดเล็กน้อย อาการของอีกฝ่ายเหมือนลูกน้องที่ใครสักคนจ้างให้มาหาตัวเธอที่นี่ แล้วก็ดูรูปขณะถามด้วยว่าใช่คนที่ตามหาหรือเปล่า“ตกลงใช่คุณภารัชชาหรือเปล่าครับ” เขาถามย้ำ นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องมองมาที่เธอ ก่อนจะหันรูปในมือให้เจ้าของร้านดูด้วย“เอ่อ ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอสูดลมหายใจแล้วยิ้มรับ ถึงขั้นหันรูปมาให้ดูกันการปฏิเสธขนาดนี้ มีหรือที่เธอจะกล้าบอกว่าไม่ใช่“มีคนอยากพบคุณครับ...”“ใครเหรอคะที่อยากพบฉัน”“ท่านกิตติธัชประธานเอวาดีกรุ๊ปครับ”สิ้นประโยคนั้นภารัชชาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ต่อให้ไก่ตุ๋นโสมจะเป็นฝันร้ายสำหรับเขา แต่สุดท้ายหมอไป๋ก็ถูกภารัชชาฉุดกระชากมานั่งที่โต๊ะได้สำเร็จ ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงที่เกินหญิงจากไหนมาลากเขาไปแต่เพื่อไก่ตุ๋นโสมหม้อนี้เธอต้องให้เขาชิมจนได้!ร่างบางจับเขาให้นั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนจะตักไก่ตุ๋นโสมใส่ถ้วยร้อนๆ ให้เขา โดยไม่ลืมหยิบกระดาษเช็ดปากกับน้ำเปล่าวางข้างกันไม่งั้นคงได้เห็นเมอร์ไลออนซ่งไป๋อีกรอบแน่“ถ่างตาก่อนค่ะคุณไป๋” เธอมุ่นคิ้วแล้วใช้นิ้วถ่างตาทั้งสองข้างของหมอไป๋ คนเมาตาแทบแห้งรีบปัดมือเธอออกอย่างหงุดหงิดใจ“อะไรของเธอเนี่ย” เขายกมือขึ้นนวดดวงตา เล่นมาแหกกันแบบนี้จะเป็นภรรยาตัวซวยให้เขาไปถึงไหน“รอบนี้อร่อยแน่ค่ะ”“หมายถึงอะไร”“หมายถึงไก่ตุ๋นโสมหม้อนี้ไงคะ”ภารัชชาทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเขา พลางวางมือประกบไว้บนโต๊ะอาหาร วาดรอยยิ้มพริมใจรับแต่ก็ไม่คลายกังวลให้หมอไป๋อยู่ดี ถึงจะมีอาการมึนเมาให้วิงเวียนศีรษะแต่น้ำล้างผักยังซาบซ่านในคอ“น้ำล้างผักอีกน่ะเหรอ...” เขาแค่นเสียงเฮอะในลำคอ พลางยกแขนขึ้นนั่งค้ำศีรษะที่หนักอึ้ง จะทิ่มลงถ้วยไก่ตุ๋นโสมมารอมมาร่อภารัชชาเอามือรองที่หน้าผากเขา กันไม่ให้ทิ่มพรวดจุ่มน้ำซุปในถ้วยซะก่อน ไม่
เกือบสัปดาห์ที่ภารัชชาหมกมุ่นกับไก่ตุ๋นโสม เธอพยายามร่ำเรียนวิชาจากแม่สามีและหัวหน้าแม่ครัวตระกูลซ่ง ทั้งจดใส่กระดาษตอนทำไว้ท่องจำ ไม่ย่อท้อแม้จะเป็นไก่หม้อที่หกของสัปดาห์แล้วกลิ่นหอมของสมุนไพรลอยมาแตะปลายจมูก ภารัชชาใส่เก๋ากี้ลงปิดท้ายวิธีการทำ พร้อมปิดฝาหม้อรอให้เดือดต่ออีกสักห้านาทีหลายวันที่ผ่านมา มันควรเป็นบทเรียนให้ไก่ตุ๋นโสมหม้อนี้ออกมาดีได้แล้ว อยากลบคำสบประมาทของหมอไป๋จะแย่ เขาดูแคลนไก่ตุ๋นโสมเธอราวกับเป็นฝันร้ายของคนรักเมนูนี้ไปแล้ว“หรือฉันควรถอดใจกับหนูชาดีล่ะ” แม่สามีออกอาการเหนื่อยใจปิดไม่มิด ไม่เคยเคี่ยวเข็ญใครหนักขนาดนี้มาก่อนแต่ภารัชชาก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้แล้ว สิ่งที่หลี่จูต้องการคือให้เธอดูแลลูกชายสุดรักให้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกิน หรือการวางตัวให้ดูเหมาะสมกับการเป็นสะใภ้ตระกูลซ่งให้พอกลบกลิ่นคาวลูกสาวของภรรยานอกสมรสก็ยังดี...“ครั้งนี้หนูมั่นใจค่ะ รสชาติต้องถอดสูตรคุณซวนแน่นอน” ภารัชชายิ้มรับอย่างมั่นใจ ถึงในแววตาจะแอบสั่นประหม่าก็ตาม“เอาเถอะ ตักใส่ชามได้แล้วล่ะ”“ได้ค่ะคุณแม่”หลี่จูมองสะใภ้ป้ายแดงที่ตักอาหารใส่ถ้วยอย่างขะมักเขม้น มือบางคดข้าวส