Share

บทที่ 3

Author: ฉินอันอัน
“ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”

“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียง

น้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”

หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”

สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้น

จากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”

หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”

กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้าย

ทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็น

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โต

สวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี้ก็คือแม่นมฮวา คนที่อยู่ข้างกายของชีจิ่น

แม่นมฮวาไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย พอมาถึงก็ข่มขู่สวี่อินอินทันที

นางขมวดคิ้วแล้วกวาดตามองสวี่อินอินตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นส่ายหน้าอย่างไม่เกรงใจ “ยืนก็ไม่สง่า นั่งก็ไม่เรียบร้อย!”

“หลังก็ไม่ตรง!”

พูดจบ นางก็จิ๊ปากอย่างรังเกียจ ทำท่าทางเหมือนสวี่อินอินหมดทางเยียวยา “แม้แต่สีเสื้อผ้าก็ยังจับคู่ไม่เป็น!”

เนื่องจากเมื่อคืนเพิ่งเกิดเรื่อง หัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ จึงอยู่เป็นเพื่อนสวี่อินอินที่นี่เพื่อรอคนจากจวนหย่งผิงโหว

เดิมทีตั้งใจจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้แม่นมฮวาฟังก่อน

แต่แม่นมฮวามาถึง ก็ทำท่าทีเย็นชาเข้าถึงได้ยาก

หากไม่รู้ คงคิดว่าแม่นมฮวาเป็นนายหญิงเสียอีก

แม่นมฮวาผ่านโลกมามาก พบเจอผู้คนมานับไม่ถ้วน คิดว่าตัวเองมาถึงก็ข่มขู่ไว้ก่อน จะสามารถทำให้เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างหวาดกลัวได้

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นางพูดจบ กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

เมื่อหันไปมองด้วยความโกรธ ก็เห็นสวี่อินอินกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่

แม่นมฮวารู้สึกว่าอำนาจของตนเองถูกท้าทาย จึงตะคอกเสียงดัง “คุณหนูใหญ่! บ่าวกำลังพูดกับท่านอยู่ ท่านไม่ได้ยินหรือ?!”

นางต่อว่าตรง ๆ ต่อหน้าคนของจวนโหวและเหล่าชาวนา “นี่คือการอบรมสั่งสอนของท่านหรือ! กลับไปจะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรือ!”

ชาติที่แล้ว เมื่อแม่นมฮวามาถึง นางก็เริ่มต้นด้วยการนำเอาข้อกำหนดของกุลสตรีชั้นสูงมาใช้ เพื่อที่จะได้ตำหนิสวี่อินอินจนอับอายขายหน้า

ตอนนั้นนางยังคงจมอยู่ในเงามืดของติงเฉิงหย่ง ถูกแม่นมฮวาด่าทอเหมือนกับหลานแท้ ๆ ไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย

แต่ครั้งนี้ สวี่อินอินหยุดพูดแล้วหันไปถาม “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

แม่นมฮวาแค่นเสียงเย็น “ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่จะไม่พอใจ ข้าก็ต้องพูด ตระกูลเราเป็นคนมีหน้ามีตา คุณหนูใหญ่กลับไปแบบนี้ มีแต่จะทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง!”

สวี่อินอินตอบอ๋อเบา ๆ จากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าเข้ามาใกล้ ๆ หน่อย ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด”

แม่นมฮวาไม่ทันระวังตัว เดินเข้าไปสองสามก้าว ขณะที่กำลังจะอ้าปาก สวี่อินอินก็ตบเข้าที่ใบหน้าของนางอย่างแรง

การตบหน้าคราวนี้ทั้งแรงและแม่นยำ ทำให้มวยผมที่เรียบร้อยของแม่นมฮวาเบี้ยวไปหมด

ทุกคนต่างตกตะลึง

โดยเฉพาะบ่าวไพร่ที่มาจากจวนโหว ต่างคิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่ที่พลัดพรากจากบ้านไปสิบกว่าปี กลับ...เฉียบขาดขนาดนี้!

แม่นมฮวาเอามือป้องใบหน้าของตนเอง โมโหจนแทบเสียสติ

เดิมทีนางตั้งใจจะมาโอ้อวดสถานะของตนเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าสวี่อินอินกลับไม่เป็นไปตามที่คิดไว้!

นางกัดฟันกรอด แล้วกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านทำให้จวนโหวเสื่อมเสีย!”

สวี่อินอินหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?! ถึงเอาแต่พูดว่าตระกูลเรา ๆ ข้ารับใช้คนหนึ่ง กล้ามาวางอำนาจเหนือนายแบบนี้ เจ้าเป็นบรรพบุรุษของจวนโหว หรือเป็นข้ารับใช้ของจวนโหวกันแน่!?”

ปากคอเราะรายจริง ๆ !

แม่นมฮวาตกใจกับปฏิกิริยาที่รวดเร็วและนิสัยที่แข็งกร้าวของสวี่อินอิน

ก่อนจะมาที่นี่ พวกเขาบอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอ่อนโยน ใจดี ขี้ขลาด และหลอกลวงง่ายนี่นา!

นางรีบยกจวนโหวขึ้นมาอ้างทันที “คุณหนูใหญ่! บ่าวเป็นคนที่ฮูหยินส่งมาด้วยตนเอง เพื่อตรวจดูมารยาทของท่านเชียวนะ!”

“อย่างนั้นหรือ?” สวี่อินอินเอียงหัวเล็กน้อย แล้วยิ้มให้นาง “เช่นนั้น ฮูหยินโหวบอกเจ้าว่า หากข้าไม่มีมารยาท ก็จะไม่ยอมรับข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?”

แม่นมฮวาขยับริมฝีปาก “เปล่า”

สวี่อินอินยิ้มเยาะ “ในเมื่อเปล่า แล้วเจ้าจะเห่าหอนอะไร?!”

สีหน้าของแม่นมฮวาซีดเซียว นี่คงเป็นครั้งที่น่าอับอายที่สุดนับตั้งแต่ที่นางมีอำนาจมา

เด็กบ้านนอกคนนี้ ถึงแม้จะบ้านนอก แต่กลับรู้จักจับประเด็นสำคัญ ทำเอายากที่จะรับมือจริง ๆ !

สวี่อินอินส่งเสียงหึออกมาทีหนึ่ง “อย่ามาทำหน้าตาบึ้งตึงใส่ข้า ข้าไปเป็นคุณหนูใหญ่ ไม่ได้ไปเป็นข้ารับใช้ของเจ้า! ไสหัวไปจัดการเสีย!”

...

แม่นมฮวากัดฟันด้วยความโกรธ

นางถูกสวี่อินอินตบหน้า จึงหลบไปนั่งแล้วเอาไข่ไก่มาประคบหน้าอยู่ในที่ร่ม สายตาเคียดแค้น

ครู่ต่อมา สาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งมาหา แล้วกระซิบข้างหูเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง

แม่นมฮวาโยนไข่ไก่ทิ้ง เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “จริงหรือ?!”

สาวใช้พยักหน้ายืนยัน

แม่นมฮวาหรี่ตาลงทันที “ไม่ได้ ตัวอันตรายแบบนี้จะปล่อยกลับไปไม่ได้!”

การตายของคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงนั้นมีลับลมคมใน

สวี่อินอินก็ต่างจากข้อมูลที่ได้มาอย่างสิ้นเชิง

หากปล่อยตัวอันตรายแบบนี้กลับไป คุณหนูของนางจะไม่ลำบากแย่เลยหรือ?

พูดจบ นางก็เรียกสาวใช้ “เจ้า ไปบอกคุณหนูใหญ่ว่าข้ามีเรื่องจะคุยด้วย รอที่ริมทะเลสาบ”

สวี่อินอินกำลังพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาของเขาอยู่

หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วมองนาง “คุณหนูใหญ่ แข็งกร้าวเกินไปก็อยู่ยาก ท่าน...”

สวี่อินอินรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านหมายความว่าอย่างไร นางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แต่จวนหย่งผิงโหวเป็นสถานที่ที่ชอบประจบสอพลอผู้มีอำนาจและเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ หากนางไม่แข็งกร้าวบ้าง ก็คงต้องรอให้คนอื่นมาเหยียบย่ำ

นางยิ้มน้อย ๆ พอดีกับที่สาวใช้เดินมาหา จึงเอ่ยถามสาวใช้ว่า “แม่นมฮวารอข้าอยู่ที่ริมทะเลสาบหรือ?”

แม่นมฮวาขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม

ชาติที่แล้ว เรื่องที่ชีจิ่นไม่สะดวกที่จะลงมือ แม่นมฮวาก็จะเป็นคนลงมือทั้งหมด

นางยังจำได้ หลังจากที่นางถูกไล่ออกจากตระกูลชี แม่นมฮวาพาบ่าวไพร่มาดักนางที่ตรอกเล็ก ๆ แล้วหยิบเอาไม้กระบองมาฟาดเข้าที่หัวเข่านางอย่างแรง จนทำให้นางขาหัก

จากนั้นให้คนเอาตัวนางไปโยนทิ้งไว้ที่สุสานรกร้างรอความตาย

คนผู้นี้เป็นมือขวาของชีจิ่น นางชวนตนไปที่ริมทะเลสาบในตอนนี้ คงไม่ใช่เพื่อเปิดใจพูดคุยกัน

สวี่อินอินรีบเรียบเรียงความเป็นไปได้ทั้งหมดในใจอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ตอบตกลงด้วยความยินดี “ได้สิ”

นางไปถึงริมทะเลสาบตามที่นัดหมาย ก็ได้ยินแม่นมฮวาเอ่ยปากถามนาง “ใส่ร้ายพ่อเลี้ยงของตนเองว่าคบชู้ ทำให้แม่เลี้ยงต้องถูกถ่วงน้ำ...”

แม่นมฮวาหันหน้ากลับมาถามพลางเบิกตากว้าง “คุณหนูใหญ่ ตอนกลางคืนหลับลงหรือไม่?”

มาไม้นี้หรือ?

สวี่อินอินไม่สะทกสะท้าน “หลับลงสิ ถ้าทำเรื่องเลวแล้วนอนไม่หลับ แม่นมฮวาคงจะตายไปนานแล้วกระมัง?”

แม่นมฮวากระชากนางอย่างแรง เอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “ท่านกล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าแบบนี้!”

ดูเหมือนว่านางจะโมโหจนขาดสติ แต่จริง ๆ แล้วกลับดึงสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบอย่างแนบเนียน

ควบคุมทั้งความเร็วและแรงได้อย่างดีเยี่ยม สวี่อินอินเสียหลัก ดูเหมือนจะตกลงไปในทะเลสาบแล้ว

สำเร็จแล้ว! แม่นมฮวาแอบดีใจ แต่ไม่ทันได้ระวังตัว นางก็ถูกสวี่อินอินกอดไว้แน่น จนทั้งสองตกลงไปในทะเลสาบด้วยกัน

น้ำในทะเลสาบที่เย็นเยียบจนถึงกระดูกได้กลืนพวกนางลงไปในทันที แม่นมฮวาสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ เริ่มดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่นางกลับพบกับความจริงที่น่าตกใจ สวี่อินอินกำลังยิ้มให้กับนางอยู่ในน้ำ

รอยยิ้มนั้นช่างแปลกประหลาดและน่าขนลุก ทำให้นางตกใจจนอ้าปากร้อง แต่น้ำในทะเลสาบกลับไหลเข้าปากเต็ม ๆ

สวี่อินอินถีบตัวขึ้นไป แล้วเหยียบลงบนคอของแม่นมฮวา ใบหน้าของนางโผล่พ้นน้ำ จากนั้นก็ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”

อยากจะฆ่านางให้จมน้ำตาย แล้วกลับไปบอกว่านางรู้สึกผิดที่พ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมตายกันหมด จึงคิดสั้นฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?

ถ้าเช่นนั้นนางก็จะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน!

ใครอยากเอาชีวิตนาง นางก็จะเอาชีวิตคนนั้น!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
rachanevan
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจ้ะ ขอบคุณผู้แต่ง
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
หืม เป็นงัยล่ะ สมน้ำหน้า
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 791

    เหล่าจ้าวอ้าปากตั้งท่าจะด่าอยู่แล้ว ทว่าเสิ่นเจียหล่างนั้นขี้กลัวนัก จะสอนสั่งก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไหนเลยจะรีบร้อนเช่นนี้ได้?แต่พอหันไปเห็นไล่เฉิงหลง เขาก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ “ใต้เท้าไล่ ท่านกลับมาแล้วหรือ?!”ลิ่วจินในยามนี้ก็เห็นไล่เฉิงหลงเช่นกัน จึงรีบบังคับม้าเข้ามาเอ่ยถาม “โธ่ใต้เท้าไล่ ไยถึงซูบผอมไปนักเล่า? ดูท่ากับข้าวที่ตงอิ๋งคงไม่ค่อยเข้าท่ากระมัง? ดูซิปล่อยให้ใต้เท้าไล่ของพวกเราต้องอดอยาก!”เรื่องไม่ควรเอ่ยก็กลับเอ่ยขึ้นมาจนได้ไล่เฉิงหลงไม่ใส่ใจเขา เพียงก้มหน้ามองเสิ่นเจียหล่างที่ยังคงร้องไห้คร่ำครวญอยู่ แล้วเลิกคิ้วถามเด็กชาย “เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่? ครั้งนั้นข้าเคยพาเจ้าขี่ม้ากลับเรือนพักนอกเมือง”เสิ่นเจียหล่างนับแต่ครั้งถูกสุนัขกัดก็มีบาดแผลในใจ จึงกลายเป็นเด็กอ่อนไหวง่ายใบหน้าของเขายังมีด่างขาวกระจายอยู่ทั่ว มองแล้วทั้งตัวเต็มไปด้วยความหม่นหมองครานี้ได้ยินไล่เฉิงหลงเอ่ยถึง เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง เห็นโฉมหน้าไล่เฉิงหลงก็ดูราวกับนึกย้อนขึ้นมาได้ จึงรีบพยักหน้ารับ “ข้าจำท่านได้ ท่านช่วยชีวิตข้ากับพี่หญิงไว้!”ไล่เฉิงหลงยิ้ม “ใช่แล้ว ดูเจ้าเถิด ครานั้นเจ้าถูก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 790

    จริงอยู่ที่ท่านอ๋องฉีปฏิบัติต่อเขาดียิ่งนัก พระสนมเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยในอดีตก็เคยมีพระคุณต่อเขาไม่น้อยเช่นกันด้วย จวนฉู่กั๋วกงก็เคยหยิบยื่นประโยชน์ให้แก่เขามากมายเช่นกันทว่าทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้น ก็มิอาจเทียบได้กับชีวิตของตนเองยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นเขาก็พูดกันไปแล้วเขาคนเดียวฝืนดื้อดึงไป จะมีประโยชน์อะไรเล่า?กระทั่งฉีหลินยังเอ่ยปากออกมาแล้ว!ไม่ใช่ความผิดของเขา จะตำหนิเขาไม่ได้ ไม่อาจโทษเขาได้!เขาส่ายหัวพลางพึมพำกับตนเองอย่างคนเสียสติ ไล่เฉิงหลงกลับโยนร่างเขาลงไปบนพื้น พร้อมกับทิ้งเหล็กเผาแดงลงพื้นไปด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากประตูคุกลู่อี้เฟิงรีบก้าวตามไปติด ๆ อดไม่ได้ที่จะกระเดาะลิ้น “เจ้าช่างโหดเหี้ยมแท้จริง ทำไมกัน เพิ่งกลับมาก็หุนหันอยากจะสร้างผลงานแล้วหรือ?!”ทว่านี่เป็นการไปล่วงเกินอ๋องฉีเลยนะ!ก็เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับอ๋องฉีนั่นเอง ทุกคนจึงไม่รีบร้อน ทำคดีไปอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ไม่มีหนทาง ไม่มีหนทางใดเลยจริง ๆ!ถึงแม้อ๋องฉีจะเห็นได้ชัดว่าถูกลดทอนความโปรดปรานไปแล้วก็ตามทว่าอย่างไรเสียก็ยังคงเป็นโอรสของฮ่องเต้หย่งชางใครจะล่วงรู้ได้เล่าว่าฮ่องเต้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 789

    จิ๊ ๆ ลู่อี้เฟิงถึงกับตกตะลึงพูดไม่ออกทีเดียวทันใดนั้นก็ยื่นมือโอบไหล่ของไล่เฉิงหลง “ใช้ได้เลยสหายข้า การกลับมาครานี้ของเจ้าช่างเหนือกว่าครั้งก่อนเสียอีกนะ! เห็นได้ชัดว่าได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ดูท่าทีไม่เหมือนเดิมจริง ๆ!”ฝีมือแบบนี้สิ!แต่ไล่เฉิงหลงขี้เกียจจะสนใจเขา เพียงแค่ย่อตัวลง มองไปยังเฉาซิงวั่งที่ไร้ซึ้งกำลังใจไปแล้ว พลางเลิกคิ้วช้า ๆ “ท่านเฉากงกง อย่างไรล่ะ ถึงคราวของท่านแล้วนะ ท่านจะพูด หรือไม่พูดล่ะ?”ในใจของเฉาซิงวั่งสาปแช่งฉีหลินไม่หยุดยังกล้าพูดนักว่าเป็น หน่วยกล้าตาย!แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นไอ้สารเลวไร้ยางอายที่สุด!ขณะที่คิดถึงฉีหลินอยู่นั้นเอง ไล่เฉิงหลงก็หันไปมองลู่อี้เฟิงแวบหนึ่ง “เอาคำรับสารภาพของฉีหลินมา”ลู่อี้เฟิงก็รีบร้อนลุกลี้ลุกลนหยิบคำรับสารภาพของฉีหลินออกมาให้ไล่เฉิงหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบางเบาแล้วพูดว่า “มาเถิด ข้าจะอ่านให้ท่านเฉากงกงฟังเอง”เฉาซิงวั่งไม่อยากฟังเลยแม้แต่น้อย!แต่ก็จนใจทำอะไรไม่ได้ เพราะไล่เฉิงหลงจะอ่านให้ฟังจนได้“เฉากงกงเป็นคนสนิทของอ๋องฉี ตั้งแต่ท่านอ๋องเสด็จไปประจำยังแคว้นเมืองศักดินา เฉากงกงก็คอยส่งข่าวคราวจากเมืองหล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 788

    เขาเพียงทำเสียงจิ๊ปากเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ว่า “คิดให้ถี่ถ้วนหน่อยเถอะท่านเฉากงกง หากท่านยังไม่พูดความจริงออกมา ข้าก็จะเริ่มลอกหนังพวกเขาทีละคนแล้วนะ”เมื่อคำพูดจบ เขาโบกมือเพียงครั้งเดียว พวกผู้ใต้บัญชาก็หิ้วบรรดาลูกน้องของเฉากงกงเข้ามาทั้งหมดเพียงพริบตาเดียว บรรยากาศในที่นั้นก็ราวกับแดนภูตผีสิง ทุกผู้คนร่ำไห้กรีดร้อง เสียงคร่ำครวญดังระงมไปทั่วคนเหล่านี้ ล้วนเป็นพวกที่เฉาซิงวั่งจัดการให้ไปสับเปลี่ยนเสบียงช่วยภัย ทุกคนล้วนมีมือที่ไม่สะอาดสักรายเดียวแต่พวกเขาก็เชื่อมาโดยตลอด ว่าเฉาซิงวั่งจะสามารถปกปิดทุกอย่างได้ทว่าบัดนี้ เมื่อเห็นร่างที่พื้น พวกเขาจะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร?ทันใดนั้นก็มีคนตกใจจนปัสสาวะราด ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง โวยวายขอกลับบ้านลู่อี้เฟิงขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ในทันใด คนพวกนี้ช่างไม่เคยเจอเรื่องใหญ่โตอะไรเลยเมื่อเข้ามาในคุกหลวง ก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ?แล้วมาเพิ่งร่ำไห้โหยหวนเอาตอนนี้?ก่อนหน้านี้ไปทำอะไรกันมา?โง่เง่าแท้!ไล่เฉิงหลงยิ่งไม่มีทางจะเมตตาสงสารพวกคนเหล่านี้การสับเปลี่ยนเสบียงช่วยภัย ไม่เพียงเป็นการใส่ร้ายเซียวอวิ๋นถิงเท่านั้น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 787

    ไล่เฉิงหลงและลู่อี้เฟิงทั้งสองมีความสัมพันธ์ค่อนข้างดี แม้ว่าฐานะตำแหน่งของไล่เฉิงหลงนั้นสูงกว่าลู่อี้เฟิงอยู่หนึ่งขั้น สถานะในสายตาฮ่องเต้หยงชาง ก็สูงส่งขึ้นตามเพราะอาศัยอำนาจบารมีของบิดามารดาแต่กระนั้น ระหว่างพวกเขากลับไม่เคยนำเรื่องพวกนี้มาใส่ใจจริงจังเลยเมื่อได้ยินลู่อี้เฟิงพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นเช่นนี้ ไล่เฉิงหลงหันกลับไปมองเขาทีหนึ่ง “ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่น้อยเลยนะ?”เข้าใจสิ เข้าใจดียิ่งนัก!ลู่อี้เฟิงพลันพูดพลางทำตาเป็นประกาย “ข้าจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?! ก็ลิ่วจินกับเหล่าจ้าวมาหาข้าด้วยตนเอง มอบหมายให้ข้าจับตัวฉีหลิน! แล้วฉีหลินนั่น ก็เป็นข้าที่ส่งไปยังตำหนักไท่จี๋เองนะ!”โอ้ย พอคิดดูแล้ว เขาก็รู้สึกเป็นเกียรติไม่น้อยเลย นี่ก็ถือว่าได้ช่วยคุณหนูใหญ่ตระกูลชีอย่างมากเลยขณะที่พูดอยู่ เฉาซิงวั่งที่อยู่ด้านในก็กรีดร้องโหยหวนออกมาเสียงหนึ่ง เป็นเพราะลูกบุญธรรมของเขาถูกลอกหนังต่อหน้าต่อตาเขาเองเหล่าขันทีใหญ่พวกนี้ ปกติมักหยิ่งผยองอวดอำนาจ เหล่าพระสนมที่มิได้รับความโปรดปราน หรือแม้แต่ขุนนางที่กลับเข้าเมืองหลวงเพื่อกราบทูลรายงานภารกิจ ก็ยังกล้าแสดงสีหน้าไม่ไว้หน้าใ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 786

    เขายื่นมือออกไปรับมา จ้องมองไปยังลายภาพบนชุดคลุมพญางู ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “นี่มันคือเมืองของโจรสลัดนี่นา!”ไล่เฉิงหลงตอบรับคำเบา ๆเขาค่อย ๆ ชี้ทีละจุดให้ฮ่องเต้หย่งชางดู พลางเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ชินอ๋องหวยเหลียงที่มาตายอยู่แถวนี้ของเรา ดินแดนของเขาอยู่ที่นครเซียงเกิง ส่วนตระกูลยามานะนั้นอยู่ที่เมืองฉงเฉิง พวกเขาล้วนสร้างเมือง มีอำนาจกำลังทหารของตนเองทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”การเดินทางออกทูตของไล่เฉิงหลงครานี้ ถือได้ว่าได้ผลเป็นรูปธรรมยิ่งนัก!ฮ่องเต้หย่งชางทรงพระโสมนัส พลางตบไหล่ของไล่เฉิงหลงทีหนึ่ง “เด็กน้อยเอ๋ย ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายของบิดาเจ้า ช่างเป็นคนเก่งแท้! แล้วนอกจากสองตระกูลนี้เล่า?”“และยังมีก็คือพระจักรพรรดิแห่งนครจิงตู และตระกูลจู๋ลี่แห่งนครต้าปั่นพ่ะย่ะค่ะ”ครั้งนี้ไล่เฉิงหลงเก็บเกี่ยวผลลัพธ์กลับมามากมาย เขาชี้ไปยังเขตดินแดนเมืองฉงเฉิงของตระกูลยามานะ เอ่ยเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท ที่นี่เป็นดั่งที่ตระกูลยามานะกล่าวไว้จริง ๆ มีเหมืองเงินอยู่สามแห่ง! และกระหม่อมไปในครานี้ ได้พาบุตรชายของตระกูลยามานะกลับมาด้วย เขาได้ตกลงทำสัญญากับแคว้นเรา ให้แคว้นเราเป็นผู้ท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status