Share

บทที่ 4

Author: ฉินอันอัน
อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมาก

แม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดี

นางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้

เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนาง

ขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนาง

สวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่

สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนาง

แต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่าง

สัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!

หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?

หากเป็นเช่นนั้น...

ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศัยสัญชาตญาณ คว้าคนที่อยู่ในน้ำเอาไว้ได้

แต่คนคนนั้นกลับไม่ยอมแพ้ บิดไหล่อย่างแรง แล้วเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน จากนั้นพลิกตัวขึ้นมา กดไหล่ของสวี่อินอินเอาไว้

สวี่อินอินไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ ? นางแค่นหัวเราะในใจ ปิ่นทองในแขนเสื้อได้ร่วงลงมาที่ฝ่ามือ ฉวยโอกาสนี้แทงขึ้นไปอย่างแรง

แต่ดูเหมือนคนคนนั้นจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว มืออีกข้างคว้าข้อมือของสวี่อินอินไว้ ทั้งสองคนเห็นหน้ากันอย่างชัดเจน

มงกุฎหยกขาว ดวงตาดอกท้อ อาภรณ์ยาวสีทองอ่อนบนร่างกายทอประกายระยิบระยับภายใต้แสงแดด ขับให้ทั้งตัวเขาดูราวกับเทพเซียนที่จุติลงมาจากสรวงสวรรค์

เซียวอวิ๋นถิง จิ้งอ๋อง!

นางรู้จักเขา

ชาติที่แล้ว หลังจากที่ขาของนางถูกตีจนหัก นางก็ถูกโยนเข้าไปในหอนางโลม

แต่นางก็ยังไม่ยอมรับชะตากรรม ในครั้งแรกที่รับแขก นางได้ฆ่าแขกของตัวเอง ทำให้แม่เล้าโกรธมากจนอยากจะฆ่านาง แต่เซียวอวิ๋นถิงกลับยื่นมือเข้ามาช่วยนาง และถามนางว่าอยากจะติดตามเขาไปหรือไม่

ในตอนนั้น นางสิ้นเนื้อประดาตัว มีชีวิตอยู่ไปก็แทบจะไม่ต่างอะไรจากตาย แล้วจะมีอะไรที่ไม่เต็มใจอีก?

ตั้งแต่นั้นมา นางก็ได้เข้าไปอยู่ในจวนจิ้งอ๋อง กลายเป็นหน่วยกล้าตายของจวนจิ้งอ๋อง

ว่ากันตามตรง ที่นางฆ่าคนได้คล่องแคล่วขนาดนี้ ก็ต้องขอบคุณการฝึกฝนของคนตรงหน้า

เพียงแต่ว่าการพบกันในชาตินี้มันเร็วเกินไป และยังด้วยวิธีแบบนี้ นางจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักเพื่อควบคุมอารมณ์ ปล่อยมือ โยนปิ่นทองลงไปในน้ำ แล้วยิ้มให้เซียวอวิ๋นถิงเล็กน้อย “ขออภัย ข้าคิดว่าท่านเป็นพวกเดียวกับยายแก่คนนี้ ตอนนี้เห็นท่านแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ เป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น พวกเราต่างคนต่างไปเถอะ”

เซียวอวิ๋นถิงมองนางตั้งแต่ลงมือฆ่าคนอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด จนกระทั่งตอนที่ตกใจเมื่อพบว่ามีคนอื่นอยู่ในน้ำ จากนั้นก็กลับมาสงบเยือกเย็นได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย

ช่างเป็นต้นกล้าที่ดีเสียจริง ในชนบทกลับมีบุคคลที่โหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่ หาได้ยากจริง ๆ

“กฎหมายของต้าโจว ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต” เซียวอวิ๋นถิงมองนาง มุมปากยกยิ้มเยาะ “ข้าเห็นกับตา”

สวี่อินอินดำลงไปในน้ำ พลันยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยเขาเช่นกัน “อย่างนั้นหรือ? ท่านเห็นแล้ว เช่นนั้นท่านก็แจ้งทางการมาจับข้าสิ?”

ระหว่างที่นางพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงเกือกม้าดังมาแต่ไกล เซียวอวิ๋นถิงสีหน้าเคร่งเครียด รีบปล่อยสวี่อินอินทันที จากนั้นดำลงไปในน้ำ

เสียงเกือกม้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาถึงบนถนนอย่างรวดเร็ว

ม้าตัวหนึ่งหยุดลงที่ริมทะเลสาบอย่างกะทันหัน บนหลังม้ามีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำเหลือบมองผิวน้ำ

แส้ในมือของเขาชี้ไปที่สวี่อินอิน “นี่ นางหนู เจ้าเห็นคุณชายที่สวมชุดสีทองอ่อน ๆ อยู่แถวนี้บ้างหรือไม่?”

สีหน้าหยอกล้อของเซียวอวิ๋นถิงหายไป มือที่อยู่ในน้ำคว้าข้อเท้าของเด็กสาวเอาไว้ หากนางกล้าบอกที่อยู่ของเขา เขาก็จะฆ่านางทันที

เจตนาสังหารปรากฏขึ้น ความเป็นและความตายห่างกันเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้น

สวี่อินอินไม่ลังเลเลยสักนิด กลับส่ายหน้าอย่างงุนงง “ไม่มีนะ! ข้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นคุณชายคนไหนเลย”

ขบวนม้าหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ชายผู้เป็นหัวหน้ามองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า แต่งกายธรรมดา ไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวขี้อายและขี้กลัวคนอื่น ๆ ในชนบท

เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เด็กสาวแบบนี้คงไม่กล้าที่จะโกหก จึงเดินทางต่อไป

เซียวอวิ๋นถิงโผล่ขึ้นมาจากน้ำ มองเด็กสาวในทะเลสาบด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าเป็นใคร?”

กล้าหาญยิ่งนัก การตอบสนองก็รวดเร็วจนน่าประหลาดใจ

หมู่บ้านเล็ก ๆ มีคนแบบนี้อยู่ได้อย่างไร?

“รบกวนด้วย ขอทางหน่อย!” สวี่อินอินกระโดดลงไปในทะเลสาบ พยายามลากแม่นมฮวาขึ้นมา

ใกล้ถึงฝั่ง นางหยุดแล้วมองเซียวอวิ๋นถิง “ท่านบังเอิญมาเห็นข้าฆ่าคน ส่วนข้าช่วยท่านปิดบังร่องรอย พวกเราหายกัน”

“ตอนนี้ ท่านไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวมีคนมา ท่านจะอธิบายได้ยาก”

เซียวอวิ๋นถิงจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะจากไป เขาก็ถามนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าชื่ออะไร?”

สวี่อินอินเงียบไปครู่หนึ่ง

นางนึกถึงเรื่องราวมากมายในชาติที่แล้ว คนตรงหน้าเป็นเหมือนดวงจันทร์บนฟ้า บุปผากลางน้ำ ไม่ใช่คนที่นางจะเอื้อมถึง

ต่อไปคงไม่ได้พบเจอกันอีก นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญพบกัน ไม่มีชื่ออะไรหรอก”

เซียวอวิ๋นถิงก็ไม่ได้ตอแย เดินจากไปทันที

พอเขาจากไป คนของจวนหย่งผิงโหวและคนในหมู่บ้านบางคนก็ตามมา

สวี่อินอินลากแม่นมฮวาที่ตัวซีดเพราะแช่น้ำนานขึ้นมาไว้ที่ริมฝั่งแล้ว

เมื่อเห็นคนมา นางก็ร้องขอความช่วยเหลือด้วยความยากลำบากพลางลากแม่นมฮวาขึ้นฝั่ง

ทุกคนต่างกรูกันเข้ามาช่วยเหลือ

หลังจากลากแม่นมฮวาขึ้นมาบนฝั่ง สาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนหนึ่งก็รีบเอ่ยปากถามสวี่อินอิน “คุณหนูใหญ่ ท่านฆ่าแม่นมฮวา!”

นางใช้ประโยคบอกเล่า

สวี่อินอินแช่อยู่ในน้ำนานแล้ว ตอนนี้พอได้ยินนางถามเช่นนี้ ก็จามติด ๆ กันหลายครั้ง

มองดูใบหน้าสาวใช้ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางจึงยกยิ้มมุมปาก “แจ้งทางการสิ”

...

คนของจวนหย่งผิงโหวต่างมองหน้ากัน คุณหนูใหญ่ผู้นี้เหตุใดถึงไม่เป็นไปตามที่คิดไว้?

มีคนบอกว่านางฆ่าคน นางกลับบอกให้ไปแจ้งทางการ

จวนหย่งผิงโหวเลี้ยงดูลูกสาวที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ มาสิบกว่าปี ลูกแท้ ๆ ยังไม่ทันรับกลับมาก็มีเรื่องฆ่าคนตาย ต้องแจ้งทางการ

หากเรื่องนี้แพร่ไปถึงเมืองหลวง จวนหย่งผิงโหวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

บ่าวไพร่อย่างพวกเขาก็คงไม่พ้นโทษ

สาวใช้คนนั้นเห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องนี้เช่นกัน จึงเบิกตากว้างด้วยความโกรธ “คุณหนูใหญ่ ถึงแม้ท่านจะเป็นนาย แต่ก็ไม่สามารถฆ่าคนอย่างไร้เหตุผลได้นะเจ้าคะ!”

สวี่อินอินมองนางด้วยความสงสัย “ข้ายังไม่ทันพูดอะไร เจ้ากลับมากล่าวหาว่าข้าฆ่าคนก่อน ข้าจึงบอกว่าให้ไปแจ้งทางการ”

“ตอนนี้เจ้าก็ไม่ให้ข้าไปแจ้งทางการ แล้วยังยืนยันว่าข้าฆ่าคนอีก”

“เจ้าน่าเกรงขามกว่าฮ่องเต้เสียอีก! เหตุใดยังยอมลดตัวมาเป็นบ่าวในจวนโหวอีกเล่า? เจ้าควรจะไปเป็นขุนนางตัดสินคดีความสิ!”

สาวใช้โกรธจนพูดไม่ออก “แม่นมฮวาออกมาพร้อมกับท่าน พอถูกพบอีกทีก็ตายแล้ว...”

“ใช่” สวี่อินอินกวาดตามองบ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหว “ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านสามารถเป็นพยานให้ข้าได้ ตอนนั้นมีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาหาข้า บอกว่าแม่นมฮวาตามหาข้า”

“พอข้ามาถึง แม่นมฮวาก็ผลักข้าจากด้านหลัง ทำให้ข้าตกลงไปในทะเลสาบ”

“ต่อมาตัวนางเองก็เสียหลักตกลงไปในน้ำ ข้าจะช่วยนาง แต่นางกลับดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต”

สาวใช้ที่แต่งตัวงดงามเริ่มกระวนกระวายใจ

สวี่อินอินมองนางอย่างใจเย็น “ดังนั้นข้าจึงอยากแจ้งทางการเพื่อสืบหาความจริงให้ชัดเจน ข้ากับนางไม่มีความแค้นเคืองกัน เหตุใดนางถึงต้องมาฆ่าข้า? นางเป็นแค่บ่าวไพร่ ไปเอาความกล้ามาจากที่ไหนกัน?”

แม่นมฮวาต้องการฆ่าสวี่อินอิน!

คนของจวนหย่งผิงโหวมีสีหน้าแตกต่างกันไป

สวี่อินอินมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านที่เงียบมาตลอด “หัวหน้าหมู่บ้าน รบกวนท่านไปแจ้งทางการเถิด ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ไม่อยากให้ข้ากลับจวนโหว”

“บ่าวไพร่พวกนี้ ข้าไม่ไว้ใจเลยสักคน”

เอาสิ ไม่อยากให้นางกลับไปใช่หรือไม่?

นางจะกลับไปอย่างยิ่งใหญ่ให้ดู!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
นางเอกแกร่งดี ตาต่อตาฟันต่อฟัน ชอบๆ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 602

    เฝิงไฉ่เวยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านปู่อย่าได้กังวลไปเลย นี่ก็อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้พระนัดดารัชทายาทจดจำข้าได้ก็เป็นได้”นางกล่าวพลางเลิกคิ้วเบา ๆ “พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนชีสักรอบ ให้คนส่งเทียบเชิญไปล่วงหน้าด้วยเถิด บอกว่าข้าจะไปกล่าวคำขอบคุณชีหยวนโดยเฉพาะ”เฝิงจวิ้นถึงกับไม่อาจเข้าใจการกระทำของน้องสาวตนเองได้เลยยังจะไปขอบคุณอีกหรือ?มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน? ชีหยวนทำลายเรื่องดีของตระกูลเฝิง แล้วตอนนี้ตระกูลเฝิงยังจะยื่นหน้าเข้าไปกล่าวคำขอบคุณอีก?!นี่มันต่างอะไรกับถูกตบแก้มซ้ายแล้วยื่นแก้มขวาไปให้เขาตบซ้ำอีก?กลับกลายเป็นเฝิงอวี้จางที่ลูบเคราแล้วหัวเราะอย่างพอใจ “ดี ดี! รู้จักยอมรับผิด ไม่ผลักภาระกลบเกลื่อน กล้ารับผิดชอบ นี่ก็คือคุณธรรมข้อหนึ่งเหมือนกัน ไฉ่เวยเป็นเด็กที่ใจมั่นคง!”ใช่แล้ว คนที่สมบูรณ์แบบเกินไปก็ย่อมดูไม่เหมือนคนการที่ตอนนี้ทำผิดแต่กลับไม่โกรธเกรี้ยว ไม่เอาแต่ปกป้องตนเอง กล้ายอมรับผิด นี่ก็นับเป็นข้อดีใช่หรือไม่?เขาหันไปมองฮูหยินเฝิง “พอเถอะ ไม่มีอะไรให้น่าโมโห ดั่งที่ไฉ่เวยพูดไว้ หากเราไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครก็หัวเราะเยาะพวกเราไม่ได้!”ฮูหยินรองตระกูลชี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 601

    นางขบกรามแน่นใช้มือกุมหน้าผากของตนเอง แทบจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่งว่า “แม่นางผู้นั้นมาจากที่ใดกัน?!”เวลานี้แขกเหรื่อนได้ถูกส่งกลับไปหมดแล้ว คนในตระกูลเฝิงเล็กใหญ่ต่างก็พากันมารวมตัวอยู่ที่ห้องของฮูหยินเฝิง สีหน้าของทุกคนล้วนไม่สู้ดีนักโดยเฉพาะเฝิงอวี้จาง เขามองไปที่เฝิงไฉ่เวย พอคิดถึงตอนก่อนหน้านี้ที่ตนพยายามอย่างไรก็รั้งเซียวอวิ๋นถิงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าก็ยิ่งมืดครึ้มลง “เจ้าว่า นางตั้งใจทำ หรือที่แท้ก็แค่คิดจะช่วยคนจริง ๆ?”ในเพลานี้ฮูหยินเฝิงยังคงโกรธจนรู้สึกปวดหัวแต่เดิมทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ชื่อเสียงของเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน เดิมก็รอแค่วันนี้ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แล้วค่อยใช้จังหวะนี้ให้เซียวอวิ๋นถิงได้พบกับเฝิงไฉ่เวยอย่างเหมาะสมแต่ใครจะคาดคิดว่าอยู่ ๆ ชีหยวนจะโผล่เข้ามาขัดขวางทุกอย่าง กลายเป็นว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้สูญเปล่า แถมยังทำให้ตระกูลเฝิงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอีกด้วยต่อไปหากใครพูดถึงเฝิงไฉ่เวย ก็ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางแม้แต่หลักพื้นฐานของอาหารขัดข่มกันยังไม่รู้ความฮูหยินเฝิงขบปากแน่น โกรธจนแทบจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 600

    ฮูหยินเฝิงก็พลันหน้าถอดสี รีบสั่งให้คนไปตามหมอเพียงแค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไฉนจึงล้มทรุดลงไปได้?ฮูหยินรองชีก็ตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะแต่ชีหยวนกลับก้าวฉับเข้าไปหาฮูหยินเฉิงกั๋วกงแล้วคุกเข่าลง เปิดเปลือกตานางขึ้นดู จากนั้นกวาดตามองไปยังอาหารบนโต๊ะ นางไม่เอ่ยคำใดก็ใช้มืออ้าปากของฮูหยินเฉิงกั๋วกงออก แล้วเอาตะเกียบกดไปบนเพดานปากฮูหยินเฉิงกั๋วกงก็อาเจียนเสียงดัง สำรอกอาหารออกมาจนหมดแขกเหรื่อต่างรีบถอยหนีเว่ยชิงยางถึงกับตะโกนเสียงดัง “ชีหยวน! เจ้ากำลังทำอะไร!”ชีหยวนหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งฮูหยินเฉิงกั๋วกงไม่มีสิ่งใดจะอาเจียนได้อีก นางจึงส่งตัวให้ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับบอกว่า “ให้นางดื่มน้ำเปล่าเจ้าค่ะ”ฝ่ายบุรุษกับฝ่ายสตรีในงานเลี้ยงนี้ มีเพียงทะเลสาบหนึ่งผืนคั่นกลาง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางนี้ ทางโน้นย่อมเห็นได้ทันทีเฉิงกั๋วกงอดรนทนไม่ไหว รีบวิ่งมาถึงหัวสะพานถามเสียงดังว่าเกิดเรื่องอันใดเฝิงไฉ่เวยก็ขมวดคิ้ว มองชีหยวนด้วยแววตาเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ชี เจ้าไม่รู้ว่าฮูหยินเป็นอะไร ก็ทำเช่นนี้โดยพลการ...”ทำเช่นนี้โดยพลการอันใด?ฮ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 599

    องค์หญิงลั่วชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชีหยวนอีกครั้งที่จริงนางรู้สึกอึดอัดใจมานานแล้วใครก็ดูออกว่าเฝิงไฉ่เวยนั้นมีฝีมือแท้จริง แต่ช่วงหลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นางไปงานเลี้ยงก็ต้องชิงเอาความโดดเด่นไปจนหมดสิ้นถึงขั้นที่แม้แต่พระชายาอ๋องโจว ก็อดมิได้ที่จะเอาแต่พร่ำว่า ‘หากเจ้ามีความสามารถเพียงหนึ่งในสิบของคุณหนูเฝิง...’ พูดแต่วาจาเช่นนี้ ชวนให้คนเบื่อหน่ายใจยิ่งนักยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เฝิงไฉ่เวยทำให้ผู้คนตื่นตะลึง กลับเอ่ยราวไม่ใส่ใจว่า ‘ข้ามิได้มีสิ่งใดพิเศษนัก เป็นเพราะคุณหนูทั้งหลายคอยเกรงใจข้าเท่านั้น’‘สิ่งเหล่านี้ก็มิใช่อันใด เพียงแต่ตอนเด็กข้าไม่มีงานอดิเรกอื่น จึงอ่านตำรามากหน่อยเท่านั้น’องค์หญิงลั่วชวนถึงกับเบื่อหน่ายจนสุดจะทนบัดนี้ เมื่อนางมองชีหยวนก็พลอยรู้สึกว่าดูรื่นตาขึ้นมาหลายส่วนสตรีสูงศักดิ์ร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้แล้วมีประโยชน์อันใด?จำวิธีทำขนมแต่ละอย่างได้ จำชื่อขนมแต่ละชนิดได้ แล้วก็รู้จักรูปลักษณ์ของบุปผาชื่อดังแต่ละสายพันธุ์เรื่องเหล่านี้มีสิ่งใดให้น่าสรรเสริญนักหรือ?เหตุใดจึงได้รับคำชมจนเกินควรเช่นนี้?แต่พอนึกได้ว่าเฝิงไฉ่เวยสามารถเรียนรู้สิ่งเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 598

    เว่ยชิงยางพอเห็นชีหยวน ท่าทีของนางก็ยิ่งแฝงด้วยความเหน็บแนมขึ้นอีกหลายส่วน “ขนมพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของไฉ่เวย สูตรที่ใช้นั้นก็มาจากตำราโบราณทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือย่อมไม่รู้จัก”เฝิงไฉ่เวยดูเหมือนจะมีท่าทีจนใจ นางดึงชายเสื้อของเว่ยชิงยางเบา ๆ “ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อมาเป็นแขก มิใช่ให้เจ้ามาอวดอ้างแทนข้า”ชีหยวนเลิกคิ้วมองเว่ยชิงยาง “เช่นนั้นคุณหนูเว่ยที่อ่านตำรามากมาย คงรู้แจ้งถึงที่มาของขนมพวกนี้กระมัง?”เว่ยชิงยางกัดริมฝีปาก แค่นเสียงเย็นชา “ทำเหมือนกับเจ้ารู้จักอย่างนั้นแหละ”ชีหยวนเพียงยิ้มน้อย ๆ “ทำไมจะไม่รู้จัก?”นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เหลือบตามองโต๊ะตัวเล็กแล้วกล่าวเสียงขรึม “เซียงเย่ามู่กวา เซียงเย่าเถิงฮวา หน่ายฝางอวี้รุ่ยเกิง”หวังฉานถึงกับตะลึงงัน หันไปมองฮูหยินรองชีโดยไม่รู้ตัวส่วนฮูหยินรองชีก็ตกตะลึงยิ่งกว่านางเสียอีกนางไม่รู้เลยว่าชีหยวนศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยที่ชีหยวนมักให้ห้องครัวทำอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนางบอกสูตรให้แม่ครัวด้วยตนเอง...เว่ยชิงยางก็ตกตะลึงไปเช่นกัน แต่แล้วก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเจ้าพูด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 597

    เนื่องจากคราวก่อนไม่ได้เกิดเหตุอันใด ดังนั้นการออกมากับชีหยวนคราวนี้ฮูหยินรองชีจึงรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมากนักทว่าพอถึงจวนตระกูลเฝิง ฮูหยินรองชีก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมางานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเฝิงครั้งนี้ จัดได้แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆตระกูลขุนนางในเมืองหลวงที่อยู่ในงานนี้ ต่างก็เคยจัดงานเลี้ยงวันเกิดกันมาทั้งนั้น แต่การจัดงานเช่นนี้ ฮูหยินรองชีก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นจวนตระกูลเฝิงหาได้เชิญคณะงิ้วมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแสดงงิ้วเช่นตระกูลอื่นไม่ กลับตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้แทน แขกชายหญิงแยกกันอยู่คนละฟากของทะเลสาบ คั่นกลางด้วยสะพานโค้งฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปส่งของขวัญ พอเดินเข้าสู่เรือนรับรองก็ได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่ง อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า “กลิ่นหอมยิ่งนัก”ขณะนั้นเอง พระชายาอ๋องโจวกำลังยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินเฝิงว่า “ไม่ทราบว่าในจวนจุดกำยานกลิ่นใดกัน? กลิ่นนี้แปลกใหม่ดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นของสำนักใด?”ฮูหยินเฝิงเพียงกล่าวยิ้ม ๆ “ไฉ่เวยเจ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าข้ามีโรคปวดศีรษะที่เกิดจากลมชั่ว จึงตั้งใจปรุงกลิ่นหอมชนิดหนึ่งขึ้นมาให้ข้า เห็นบอกว่าชื่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status