ผู้ตรวจการเถี่ยในยามนี้กลับดูอึดอัดซึ่งหาได้ยากนักหลังจากส่งตัวผู้ตรวจการเถี่ยและเสนาบดีกรมยุทธนาการกลับไปแล้ว ฮ่องเต้หย่งชาง เมื่อได้ยินว่า องค์หญิงเป่าหรงขอเข้าเฝ้า ก็ขมวดคิ้วทันที “ให้นางเข้ามาเถิด”แต่เดิม พระองค์ก็กำลังโกรธองค์หญิงเป่าหรงอยู่แล้วเรื่องที่นางส่งรายชื่อให้เจ้ากรมพิธีการโดยพลการนั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้เลยยิ่งไปกว่านั้น นางยังไม่รู้จักหนักเบา เลือกหญิงสาวจากสองตระกูลขุนนางใหญ่ขึ้นมาในทีเดียว โดยเฉพาะยังเป็นคนของตระกูลชีอีกด้วยชีเจิ้นหาตัวพระชายาหลิ่วกลับมาได้ชีหยวนก็เพิ่งเปิดโปงความคิดขององค์หญิงเป่าหรงที่ต้องการทำร้ายพระชายาหลิ่วและเซียวโม่นางถึงกับเลือกชีหยวนให้ติดตามขบวนสมรสกับตงอิ๋ง จุดประสงค์นี้คือความคิดสุมาเจียว คนเดินถนนยังรู้เลยครั้นเมื่อเห็นหน้าองค์หญิงเป่าหรง พระองค์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอีกครั้ง “นี่เจ้าทำอะไร?”องค์หญิงเป่าหรงปล่อยผมลงรุงรัง สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวทั้งตัว คุกเข่าลงบนพื้นเบื้องหน้าฮ่องเต้และโขกศีรษะ “ลูกมาเพื่อขอรับผิดกับเสด็จพ่อเพคะ ลูกผิดไปแล้ว ลูกไม่ควรปล่อยให้อคติส่วนตัวบังตา ทำตามอำเภอใจ ส่งรายชื่อไปที่เจ้ากรมพิ
เมื่อถูกใต้เท้าหานและผู้ตรวจการเถี่ยปั่นป่วนเช่นนี้ ราชสำนักก็เกิดคลื่นลมโหมกระหน่ำขึ้นในทันที ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะจัดหญิงระดับสูงติดตามขบวนเลย แม้แต่เรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีเอง บัดนี้ก็ถูกบรรดาขุนนางฝ่ายพลเรือนต่อต้านกันอย่างหนักหน่วงเมื่อองค์หญิงเป่าหรงไปขอเข้าเฝ้าที่ตำหนักไท่จี๋เตี้ยนของฮ่องเต้หย่งชาง ก็เป็นจังหวะที่ฮ่องเต้หย่งชางก็กำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเพราะขุนนางเหล่านี้พอดีพระองค์จ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาตรัสเสียงต่ำว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า ตงอิ๋นนั้นมีเหมืองแร่เงินมากมายเพียงใด? สิทธิ์การทำเหมืองสิบปีที่ชินอ๋องหวยเหลียงสัญญาไว้ เพียงพอที่จะขุดเงินมาซ่อมแม่น้ำเหลืองได้ทั้งสายเลยทีเดียว?!”ผู้ตรวจการเถี่ยยังคงเชิดคอขึ้นไม่ยอมแพ้ “ฝ่าบาท แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็หามีเหตุสมควรต้องลดฐานันดรองค์หญิงไม่!”ฮ่องเต้หย่งชางมิได้กล่าวสิ่งใด เพียงแต่ชี้นิ้วไปที่เสนาบดีกรมยุทธนาการ แล้วตรัสอย่างเฉยเมย “เจ้าบอกให้ผู้ตรวจการเถี่ยทราบทีว่า ปีที่แล้วราชสำนักของเราทั้งสองนครและสิบสามมณฑล มีรายได้จากภาษีเงินเท่าใด?”เสนาบดีกรมยุทธนาการรีบโค้งตัวรับคำ กล่าวอย่างเร่งรีบว่า “ทูลฝ่าบาท
ความโกรธที่สะสมมาหลายวันระเบิดออกมา และไม่อาจเก็บคืนกลับ องค์หญิงเป่าหรง กำปกคอเสื้อของอ๋องฉีไว้แน่น ก่อนจะฟาดเขาไปสองฉาดอย่างชำนาญแท้จริงแล้ว นางค่อนข้างชินกับการตบคนแบบนี้เพียงแต่พอกลายเป็นองค์หญิง ก็ไม่ค่อยมีโอกาสลงมือตบใครด้วยตนเองอีกบัดนี้โอกาสมาแล้ว ฝีมือในอดีต ครั้นได้ใช้อีกครั้งกลับยังคงดุดันดังเดิมอ๋องฉีถูกตบนิ่งไป กระทั่งโดนตบซ้ำอีกหลายฉาดติด ๆ กัน จนหูอื้อไปหมด จึงผลักนางออกห่าง กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?!”เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยองค์หญิงเป่าหรงเมื่อก่อนก็เป็นคนหยิ่งยโส ดื้อรั้นแต่ก็เฉพาะกับคนนอกเท่านั้น กับพวกเขา นางมักใจดีอ่อนโยนเสมอไม่เคยเป็นเหมือนตอนนี้ ราวกับคนเสียสติคนหนึ่งไม่มีผิดองค์หญิงเป่าหรงจ้องเขาเขม็ง “เสด็จแม่ไม่มีวันได้พักอย่างสงบแน่ เซียวหลิง เจ้าไร้ค่าจริง ๆ! เป็นเจ้าที่ทำให้พวกเขาต้องตาย!”พูดจบ นางก็หันหลังเดินออกจากตำหนักไปทันทีอ๋องฉีทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง กว่าจะตั้งสติได้ก็รีบวิ่งตามไป ดึงนางกลับเข้ามาในตำหนัก กดเสียงลงต่ำถาม “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?!”องค์หญิงเป่าหรงแค่นหัวเราะเย้ยหยัน “ข้าจะทำอะไรหรือ? แน่นอน
ในที่สุดชีหยวนก็เงยหน้ามองเขา คำถามที่กวนใจนางมาเนิ่นนานเกือบจะเผลอหลุดปากออกไปอยู่แล้วทว่าสติของนางข่มความสงสัยนั้นไว้แน่นความรู้สึกของเซียวอวิ๋นถิงไม่ใช่ของปลอม สิ่งที่เขาทำให้นางก็ล้วนเป็นเรื่องจริงแต่สิ่งที่บีบคั้นหัวใจที่สุดในโลกนี้ ไม่ใช่การที่เขาไม่รักเจ้า แต่คือการที่เขาบอกว่ารักเจ้ายิ่งนัก แล้วสุดท้ายกลับละทิ้งเจ้าได้อย่างง่ายดายนางเพียงยิ้มบาง ๆ มองเซียวอวิ๋นถิงด้วยแววตาที่เรียบเฉย จากนั้นก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึม “ดั่งที่ท่านอ๋องว่า ข้าน้อยไม่ชอบท่าน นั่นก็เป็นเรื่องของข้าน้อย ส่วนท่านอ๋องจะมีความสามารถพอจะทำให้ข้าน้อยชอบท่านได้หรือไม่นั้น พวกเราค่อยดูกันต่อไปเถิด”เรื่องที่แก้ไม่ได้ ก็ปล่อยให้กาลเวลาเป็นผู้จัดการเถอะนางเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่ยอมตกอยู่ใต้พันธนาการแห่งความรัก แต่หากจะมีใครมาอยากถูกความรักพันธนาการเพราะนาง นางก็ขี้เกียจจะไปห้ามชีเจิ้นที่แอบอยู่หลังต้นไม้ แทบจะข่วนเปลือกไม้ให้หลุดออกมาเขารู้ว่าลูกสาวของตนผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะไม่ปกติถึงเพียงนี้ท่านอ๋องถึงขั้นจะขอแต่งงานอยู่รอมร่อ แต่ชีหยวนกลับยังคงนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!นางจะต้องหาชา
ถึงเวลานั้น หากเอ่ยปากขออะไรตามใจ ต้าโจวจะต้องมอบให้พวกมันทุกอย่างเลยหรือ?ผู้ตรวจการเถี่ยกับใต้เท้าหานจึงยุ่งอยู่ทั้งคืน เขียนฎีกาขึ้นฉบับหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็นำไปถวายถึงหน้าพระพักตร์พวกเขาไม่ได้ทำตามขั้นตอนปกติที่ต้องยื่นผ่านสำนักขุนนางหลวงก่อนพวกเขาเลือกที่จะยื่นฎีกานี้กลางท้องพระโรง ถวายตรงต่อฮ่องเต้หย่งชางทันทีฮ่องเต้หย่งชางมีรับสั่งให้รองเสนาบดีกรมพิธีการออกมาอ่านพออ่านมาถึงข้อความที่กล่าวถึงหวยเหลียงชินอ๋อง เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ก็เริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางก็พลันมืดครึ้มลงเช่นกันก่อนหน้านี้ องค์หญิงเป่าหรงมายืนร้องอย่างอ้อนวอนแทบจะขาดใจต่อหน้า เขาก็เพียงเห็นว่าให้องค์หญิงพาสตรีแต่งตามไปสองคน ไม่ใช่เรื่องเกินเลยอะไรแต่ใครบอกว่าจะให้บุตรสาวตระกูลสูงศักดิ์แต่งตาม?เขาหันไปถามรองเสนาบดีกรมพิธีการชุยเจิง “เราสั่งให้พวกเจ้าหารือการเลือกคน พวกเจ้าไปตกลงกันเรื่องตัวบุคคลตั้งแต่เมื่อไร ไฉนเราถึงไม่รู้?”ในขณะนั้นเอง ท่านโหวผู้เฒ่าชีที่ห่างหายจากการร่วมประชุมราชสำนักไปนานพลันก้าวออกจากแถว คุกเข่ากลางท้องพระโรง เปล่งเสียงดังลั่นกังวานราวกับระฆัง
ราชโองการ?จะมีราชโองการได้อย่างไร?ในขณะนั้นเอง เซียวอวิ๋นถิงแสร้งทำเป็นพูดคุยเรื่องการสมรสเชื่อมสัมพันธ์ขององค์หญิงเป่าหรงอย่างไม่ตั้งใจกับใต้เท้าหาน ขุนนางที่ทำหน้าที่ถวายคำแนะนำในวันนี้ใต้เท้าหานคือแบบอย่างของขุนนางใสสะอาดโดยแท้ เขายึดถือจริยธรรมของนักปราชญ์อย่างเข้มงวดเขาขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคือง “ต้าโจวของเรานั้น ไม่เคยมีธรรมเนียมการสมรสเชื่อมสัมพันธ์กับต่างแคว้น! คราวนี้ก็เพียงเพราะหวยเหลียงชินอ๋องของพวกเขาสัญญาว่าจะมอบสัมปทานเหมืองเงินในอาณาเขตของเขาให้ต้าโจวใช้ถึงสิบปี ไม่อย่างนั้น ฝ่าบาทจะทรงยินยอมให้องค์หญิงลดตัวไปได้อย่างไร?!”ที่จริง เรื่องนี้ก็ทำให้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักปั่นป่วนมาสักพักแล้วขุนนางบุ๋นบู๊ต่างก็พากันยื่นฎีกาคัดค้านเรื่องนี้ไม่ขาดสาย คิดว่าหากปล่อยให้องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไป เช่นนั้นย่อมทำให้ต้าโจวเสียเกียรติแต่หลังจากราชทูตที่มาสู่ขอได้นำราชสาส์นซึ่งเขียนด้วยลายพระหัตถ์ของหวยเหลียงชินอ๋องมาถวาย ในนั้นระบุชัดว่าเขาจะมอบสิทธิขุดเหมืองเงินในอาณาเขตตนให้ต้าโจวเป็นเวลาสิบปี แลกกับการรับองค์หญิงไปอภิเษก และหวังให้ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางก
แม้จะอยู่ในยุคบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง การมอบเงินพันตำลึงเพื่อชดเชยชีวิตขององครักษ์คนหนึ่ง ก็ถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากแล้วต้องเข้าใจก่อนว่า แม้ทหารที่พลีชีพในหน้าที่ เงินเยียวยาก็แค่ไม่กี่สิบตำลึงเท่านั้นแต่ถึงอย่างนั้น ทั้งชีหยวนและท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ยังรู้สึกหนักอึ้งในใจเพราะนี่คือคน ไม่ใช่สิ่งของ ไม่อาจวัดค่าด้วยเงินสำหรับคนในครอบครัวของพวกเขาก็เช่นกัน ที่สูญเสียไปคือบิดา บุตรชาย หรือสามี เงินเหล่านี้อาจช่วยให้ชีวิตข้างหน้าของพวกเขาสบายขึ้นบ้าง แต่ไม่อาจเยียวยาความเจ็บปวดของพวกเขาได้เลยชีหยวนกล่าวเสียงเบา ๆ “ข้าได้ยินมาว่ามีบางครอบครัวมีลูกชายที่โตแล้ว แต่ยังหางานไม่ได้...”ท่านโหวผู้เฒ่าชีพยักหน้าทันที “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าได้สั่งการไปหมดแล้ว จะคัดเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามาทำงานแทนตำแหน่งเดิมของบิดาพวกเขา ถ้าใครทำไม่ได้ก็ให้ค่อย ๆ ฝึกไป ได้ยินมาว่าตอนอยู่บ้านพวกเขาก็ฝึกฝนหมัดมวยอยู่บ้าง วรยุทธ์ไม่เลวเลย”ขณะกำลังคุยกัน ชีเจิ้นก็เร่งฝีเท้าเข้ามาจากด้านนอกแล้วมองชีหยวน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะที่ยังไม่คลาย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “แม่หนูหยวน องค์หญิงเป่าหรงระบุชื่อเจ้ากั
ท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นต่างก็ไม่รู้สึกยินดีอะไรนักก็แน่ล่ะ ใครเจอเรื่องแบบนี้แล้วยังจะดีใจได้ลงกันก่อนหน้านี้ อ๋องฉีกับองค์หญิงเป่าหรงยุให้ผู่อู๋ย่งออกมาก่อเรื่อง เกือบทำให้ตระกูลชีถูกกัดเสียจนเนื้อฉีก องครักษ์ตระกูลชีตายไปหลายคน เจ็บหนักอีกไม่น้อยหากอ๋องฉีกับองค์หญิงเป่าหรงยังจะลงมืออีกอย่างที่ชีหยวนพูด เช่นนั้นครั้งนี้ตระกูลชีก็คงต้องซวยซ้ำอีกรอบชีหยวนกลับยิ้มแล้วบอกให้พวกเขาไม่ต้องกังวล “ไม่เหมือนกับตอนผู่อู๋ย่งหรอกเจ้าค่ะ ผู่อู๋ย่งมันเป็นขันทีสุนัข ทั้งยังมีความแค้นฝังลึกกับวังบูรพามาก่อน เลยไม่มีทางถอยหลัง จึงไม่คิดจะยั้งมือ แต่คนอื่นไม่เหมือนกัน”เหล่าขุนนางฝ่ายอ๋องฉีคนอื่นย่อมไม่โง่จนถึงขั้นจะออกมาก่อเรื่อในเวลานี้อีกบทเรียนของลู่หมิงฮุยและผู่อู๋ย่งก็เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะเพราะสวรรค์ไม่อยู่ข้างอ๋องฉี หรือว่าวังบูรพาเหนือชั้นกว่าสรุปก็คือลมพัดไปทางวังบูรพาแล้ว คนส่วนใหญ่ก็รู้จักดูสถานการณ์จวนฉู่กั๋วกงกับเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยสิ้นอำนาจแล้ว คนที่องค์หญิงเป่าหรงกับอ๋องฉีจะเรียกใช้ได้ก็แทบไม่เหลือแล้วเช่นกันท่านโหวผู้เฒ่าชีจึงเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ทันทีเนื่อง
พระชายาหลิ่วฟังแล้วก็อดตกใจไม่ได้ สุนัขบ้าที่พร้อมจะกระโจนกัดคนได้ทุกเมื่อเช่นนี้ ย่อมต้องกำจัด มิเช่นนั้นก็ต้องระวังว่าจะถูกมันฉีกกระชากจนไม่เหลือชิ้นดีนางตอบรับในลำคอ แล้วพอเห็นท่าทีของเซียวอวิ๋นถิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พวกเจ้าคนหนึ่งฆ่า อีกคนตามเก็บล้าง ช่าง...”เหมาะสมกันนักไม่รู้เพราะอะไร พอได้ยินคำพูดนี้จากพระชายาหลิ่ว เซียวอวิ๋นถิงก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ แม้แต่ใบหน้าก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาทว่าตอนนี้ ชีเจิ้นกับท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับยิ้มไม่ออก จนถึงเช้าวันถัดมาเมื่อพวกเขากลับถึงบ้านแล้วถึงได้รู้ว่าชีหยวนกลับมาแล้วเช่นกัน จึงได้ถอนหายใจโล่งอกเมื่อคืนชีหยวนไม่ได้กลับไปที่อารามไป๋อวิ๋น พวกเขาคิดว่าชีหยวนที่ไม่เคยพลาดพลั้งอาจจะพลาดท่าเป็นครั้งแรกเสียแล้วนางกลับมาแล้ว เช่นนั้นก็แปลว่าปลอดภัยดีปลอดภัยก็ดีแล้ว ปลอดภัยก็ดีแล้วจริง ๆชีเจิ้นกับท่านโหวผู้เฒ่าชีจึงรีบตรงไปยังตำหนักเถาฮวาอู้เพื่อเยี่ยมชีหยวนพิษในร่างชีหยวนถูกเซียวอวิ๋นถิงถอนให้หมดแล้ว บาดแผลที่เหลือสำหรับนางก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสำหรับนางแล้ว ความเจ็บปวดเป็นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว ไม่มีอ