เมืองหลวง ณ อุทยานส่วนพระองค์ บุรุษในชุดสีเหลืองทอง กำลังนั่งจ้องหมากในกระดาน ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง จะมีเพียงคิ้วเข้มเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าเขากำลังคิดไม่ตก กับหมากในมือว่าจะวางตรงตำแหน่งใด จึงจะไม่ตกเป็นรองคนที่นั่งตรงข้ามเขาอยู่ในตอนนี้ “หึ ๆ ข้าจะต้องกำชัยในตานี้” เอ่ยจบมือหนาได้วางหมากลงด้วยความมั่นใจ ว่าอย่างไรเสียคู่ต่อสู้ก็ไม่อาจพลิกกระดานให้ชนะตนเองได้ “อย่าทรงมั่นในพระทัยไปพ่ะย่ะค่ะ บางทีหมากตัวเล็ก ๆ ที่พระองค์ทรงมองข้าม อาจเป็นตัวพลิกหมากทั้งกระดานก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ” จิ้นอ๋องเหลียนหยางหลงเอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมวางหมากลงยังตำแหน่งที่หมายตาไว้ก่อนหน้าแล้ว “หึ ๆ ใกล้เวลาที่จะพลิกกระดานแล้วสินะ” บุรุษชุดสีทองเอ่ยขึ้นด้วยความขบขัน “ความแค้นของสตรี มิต่างจากคลื่นทะเลยามคลุ้มคลั่ง” เหลียนหยางหลงเอ่ยตอบโต้ “นางไม่คิดที่จะปล่อยวางเลยจริง ๆ สินะ” “ความรักที่ไม่สมหวัง ย่อมทำเป็นแรงผลักดันนางให้ลงมือรุนแรงขึ้น”เหลียนหยางหลง เอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ ด้วยความรู้สึกอันหนักอึ้ง
เมื่อลับร่างของภรรยา ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ เขาชื่นชมในการตระเตรียมทุกอย่างของฉีเหอยิ่งนัก หากเป็นคืนเข้าหอของบุรุษอื่น ๆ ในเหล้ามงคลมักมีสิ่งปะปนลงไป เพื่อให้คู่บ่าวสาวผ่อนคลาย และลงเอยกันอย่างง่ายดาย ทว่าฉีเหอกลับทำอย่างที่พูด หากไม่ได้มีใจเขาก็มิคิดทำร้ายจิตใจภรรยา ด้วยอารมณ์ที่เกิดจากฤทธิ์ยา มิใช่จากความรู้สึกของเขาและนาง ภายในห้องอาบน้ำ ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งไปทั้งอก นางรู้สึกกลัวที่จะดื่มสุราในกา ทว่าเพียงน้ำรสร้อนแตะปลายลิ้น นางก็รับรู้ได้ทันทีว่าสุรามงคลหาได้มีสิ่งใดเจือปน ความอุ่นซ่านพลันเกิดขึ้นชั่ววูบ ก่อนที่จะหายไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าบ่าวของนางยังอยู่ด้านนอก หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จึงเร่งจัดการกับตนเองอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปกว่าครึ่งก้านธูป ร่างงามในชุดนอนสีขาว ได้ก้าวพ้นประตูห้องอาบน้ำ กลับเข้าสู่ห้องนอน ร่างบางเดินไปยังเตียง ดวงตาคู่งามหรี่มองร่างเหยียดยาวที่นอนหลับตานิ่ง หญิงสาวไม่คิดที่จะเอ่ยสิ่งใดออกมา นางทำเพียงนั่งลงบนเตียงก่อนจะค่อย ๆ เอนกายลงนอนเงียบ ๆ ถงเจี้ยนหลางมอง
“หากยังไร้ซึ่งหัวใจ ท่านแม่ทัพก็ทำเพียงหน้าที่สามีที่ดี การร่วมหอหาใช่ว่าต้องมีสัมพันธ์ทางกายต่อกันเสมอไปนี่ขอรับ เพียงร่วมเตียงจนเช้า จะมีผู้ใดมารับรู้กับเราเล่าขอรับ ว่าภายในห้องนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ส่วนเรื่องผ้าขาว ข้าน้อยมั่นใจยิ่งนัก ว่าท่านแม่ทัพจะรู้ถึงวิธีจัดการกับมันได้อย่างแน่นอน” ฉีเหออธิบายทุกสิ่งอย่างด้วยความใจเย็น เขารู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ คู่บ่าวสาวหาได้มีความพร้อมเลย ดังนั้นสิ่งที่เขาผู้เปรียบเสมือนบิดา ก็จำต้องสอนบุตรให้รู้ถึงหนทางแก้ไข “ตาเฒ่า หากข้าขาดท่านไป เห็นทีชาตินี้คงไร้ดวงตาแห่งสว่างเป็นแน่” ถงเจี้ยนหลางยิ้มกว้าง ถ้อยคำของชายหนุ่มเสมือนการหยอกเย้า ทว่าแววตาที่ส่งผ่านออกมานั้น มันคือทุกความรู้สึกอันแท้จริง “คิดจะหลอกด่าข้าน้อยก็บอกมาเถอะขอรับ”ฉีเหอตอบรับคำผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้มกว้างมิแพ้กัน เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโล่งใจของผู้เป็นนาย จากน้ำเสียงรื่นเริงกว่าในคราแรกที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง “ไม่เลยท่านพี่ฉีเหอ ท่านคิดดูนะ หากวันนี้ท่านไม่ชี้แนะข้า รับรองได้ว่าตัวข้าคงจะกลายเป็นสามีใจร้าย ที่ปล่อยให
“เอาเถอะ! ว่าแต่เหตุการณ์เมื่อครู่ เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้างหรือไม่” “ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าปลอดภัยดี” “ดีแล้ว...ข้าจะได้ไม่ถูกผู้คนตราหน้า ว่าภรรยาเพียงหนึ่งเดียวยังมิอาจปกป้องได้” ถงเจี้ยนหลางอยากที่จะตบปากตนเองยิ่งนัก เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงได้พูดออกไปเช่นนั้น ยิ่งเห็นไหล่บางสั่นไหวน้อย ๆ ใจของเขายิ่งรู้สึกกระวนกระวาย ทว่าก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ เขาปลอบโยนสตรีเป็นที่ใดกันเล่า “...” เหลียนม่งหยา ข่มกลั้นความกรุ่นโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง หญิงสาวจำต้องความคุมลมหายใจ มิให้อีกฝ่ายจับได้ถึงโทสะที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง มิเช่นนั้นภาพลักษณ์ของภรรยาที่นางวางไว้จะหายไป ขบวนรถม้าเจ้าสาวเคลื่อนตัวจากช้า ๆ เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น เมื่อเวลาล่วงเลยกำหนดจนใกล้เวลาฟ้ามืดแล้วเมืองหลวง ศาลาริมทะเลสาบ ร่างระหงในชุดคลุมสีดำ ยืนอยู่ด้านในอย่างสงบ เพื่อเฝ้ารอการมาของใครสักคน “เรียนนายหญิง คนของเราที่อยู่ในกองทัพปีศาจแจ้งว่าขบวนเจ้าสาวถึงชายแดนแล้วขอรับ” “นางยังอยู่สินะ” “ขอรับ”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วขอรับ” ชายหนุ่มรู้ชะตาตนเองดี ถ้อยคำที่ตอบกลับมิต่างจากคำเย้ยหยันในความพ่ายแพ้ของตนเอง มีใครบ้างจะไม่รู้ว่าการเก็บความลับที่ดีที่สุดนั้น ต้องทำเช่นไร หากมิใช่ความตายแล้วจะเป็นอื่นใดได้ “ขอบคุณที่เจ้าเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายให้มากความ” เหลียนม่งหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยพลังสู่แส้ในมือ นางมิใช่คนอำมหิตเลย หากว่าไม่ถูกกระทำก่อน มีหรือคนเช่นนางจะไม่ลงมือต่อผู้อื่น อีกทั้งนางมิใช่พระโพธิ์สัตว์ นางจึงจำต้องลุกขึ้นมาปกป้องตนเองเช่นกัน “ฮูหยินขอรับ” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวที่ยืนมองร่างไร้ลมหายใจ หมุนกายก้าวเดินกลับไปยังทิศทางของเสียง มือบางกำสิ่งที่ได้จากร่างของชายชุดดำเอาไว้แน่น ทุกความรู้สึกถูกกลบเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าราบเรียบ “ข้าไม่เป็นไร ด้านนอกเรียบร้อยดีหรือไม่” “ขอรับ” หญิงสาวก้าวเดินอย่างช้า ๆ กลับไปยังถนนที่นางจากมา หญิงสาวยกยิ้มหยันกับสิ่งที่เกิดขึ้น งานแต่งก็ไม่อาจได้เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่แบบสตรีอื่น ทั
ชายหนุ่มโรยผงสีขาวยังปากแผล ฉีเหอ สูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด ที่กำลังแผ่ไปทั่วร่าง เขารู้ดีว่าพิษนี้หาได้ธรรมดาเลย แต่จากการใช้ปราณขับพิษออกทางรูขมขน ทำให้พอทุเลาลงได้บ้าง แม้เขาต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่นายหญิงต่างหากที่มีความสำคัญกว่าชีวิตของเขาในตอนนี้ ทว่าผู้เป็นนายนั้น หัวรั้นเพียงใดเขาย่อมรู้ดีกว่าใคร เพราะเขาเลี้ยงดูแม่ทัพหนุ่มมาด้วยตนเอง ย่อมรู้จักชายหนุ่มดีว่าจะไม่มีทางทอดทิ้งเขาไปเป็นแน่ หมับ! ถงเจี้ยนหลางมองมือหนา ที่จับแขนตนเองในตอนนี้ “ข้ารู้ดี ว่ากำลังทำสิ่งใด ท่านเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เกิด มิเชื่อใจข้าเลยหรืออย่างไรกัน” ฉีเหอคลายมือออก ปล่อยให้ผู้เป็นนายจัดการกับแผลของตนเอง ทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาอันสั้น ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะให้สองผู้ติดตาม พาฉีเหอกลับไปรักษาตัวในเมือง ก่อนที่ชายหนุ่มและผู้ติดตามที่เหลือจะเหวี่ยงกายขึ้นม้า ห้อตรงไปยังทิศทางของที่หมายขบวนรถม้าเจ้าสาวในแม่ทัพแดนตะวันออก ร่างงามในชุดเจ้าสาว มองไปยังกลุ่มคนชุดดำ ที่ล้อมรถม้าของนางเอาไว้ หญิงสาวยืนอยู่บนหลังคารถม้า ในมือมีแส้หนังงูสีดำที่กำลั
ผู้ติดตามอีกห้าชีวิตได้ลงจากหลังม้า พากันเร่งมาป้องกันผู้เป็นนาย ถงเจี้ยนหลางตัดความกังวลเรื่องเจ้าสาว ออกจากห้วงความคิดในทันที เมื่อเขาปล่อยให้ความกังวลเข้าครอบงำ จนขาดความตริตรองให้รอบครอบ จนเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นแล้วในตอนนี้ ชายหนุ่มมองไปยังพ่อบ้านข้างกาย เวลานี้ฉีเหอของเขาอายุเกินสี่สิบแล้ว จะเป็นเช่นไรหากเขาปล่อยให้ตาแก่หัวรั้นออกมาเพียงลำพัง แม่ทัพหนุ่มยืนนิ่งเพื่อรอคอยคนที่วางอุบายลวงเขา แน่นอนหนอนในกองทัพเผยตัวออกมาแล้วเช่นกัน มิเช่นนั้นจะมีผู้ใดรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่โรงเตี๊ยม หากไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดเขามากพอ “ระวังตัวให้มากนะขอรับท่านแม่ทัพ จำไว้ไม่ว่าเกิดสิ่งใด จงรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน” ฉีเหอเอ่ยกำชับผู้เป็นนาย ด้วยความห่วงใยเช่นทุกครั้ง “ตาแก่นี่ สมควรถูกขังแต่ในจวนยิ่งนัก” ถงเจี้ยนหลาง พูดน้ำเสียงลอดไรฟัน เหมือนกับขุ่นเคืองคนที่ยืนหันหลังชนกับตนเองอยู่ ทว่าคนฟังกลับหัวเราะอยู่ในลำคอ ด้วยรู้ว่าผู้เป็นนายกำลังเป็นห่วงเขาอยู่นั่นเอง เพียงครู่เดียวสิ่งที่รอคอยก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ชายชุดดำกว่าสิบชีวิตได้ก้าวออกจากรา
เช้าวันรุ่งขึ้น รถม้าเจ้าสาวจากจวนจวิ๋นอ๋องจ้าวเทียนหลง ได้เป็นตัวแทนมารับเจ้าสาวเพื่ออารักขาท่านหญิงเหลียนม่งหยา สู่จวนแม่ทัพตะวันออก ซึ่งทุกสิ่งอย่างเป็นการจัดเตรียมของพระชายาถงลู่ลู่ ทำให้พระชายาในจิ้นอ๋องเหลียนหยางหลง ไม่อาจที่จะแสดงออกถึงการหมิ่นครอบครัวของบุตรเขยได้ ขบวนที่จัดเตรียมมายิ่งใหญ่กว่าที่หลายคนคาดคิด ใบหน้าของพระชายาหลี่ชินเหมย มีเพียงความเรียบตึง หาได้แสดงออกถึงความยินดีกับการแต่งงานของพระธิดาคนรอง ยิ่งเห็นขบวนรับเจ้าสาว ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจอีกเท่าทวีคูณ “น้องหญิง ลูกจะก็จะก้าวพ้นประตูแล้ว ไยมิกล่าวสิ่งใดสักหน่อยเล่า” เหลียนหยางหลงเอ่ยเตือนภรรยา ที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ ด้วยฐานะบิดามารดาพวกเขาควรที่จะอวยพรบุตรสาว ก่อนก้าวออกจากบ้านไปอยู่สกุลสามี “หึ! เมื่อออกเรือนแล้ว จำให้ดีจะอยู่หรือตายเจ้าก็มิใช่คนสกุลเหลียนอีกต่อไป ความเสื่อมเกียรติทั้งหมด อย่าได้พาดพิงมาถึงจวนอ๋องอีก” “น้องหญิง ไยกล่าวเช่นนี้กับลูก เจ้ามัน...” “ทำไมเจ้าคะ ข้าพูดสิ่งใดผิดกัน” “เจ้ามันจิตใจคับแ
เรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อน ได้หวนเข้ามาในห้วงความทรงจำของหญิงสาวอีกครั้ง ร้านขนมชื่อดังของเมืองหลวง ร่างระหงในชุดสีดำแดงยืนเลือกขนมอยู่ด้วยความเพลิดเพลิน อ๊ะ! หญิงสาวส่งเสียงอุทานเบา ๆ เมื่อร่างงามเกือบที่จะล้มลงสู่พื้น นางรู้สึกว่าต้นแขนเรียว ถูกดึงเอาไว้แต่ด้วยอีกฝ่ายออกแรงมากไปหรือไม่ นางรู้สึกตัวก็เมื่อร่างกายปะทะเข้ากับอกแกร่งของเจ้าของมือ ด้วยความตกใจทำให้นางส่งเสียงกรีดร้องออกมา แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็พลันได้เกิดขึ้นอีกระรอก เมื่อปากของนางถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ด้วยอาการตกตะลึงทั่วร่างแข็งค้างไปโดยไม่รู้ตัว เพี๊ยะ! ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดตามแรงฝ่ามือ หลังจากริมฝีปากของหญิงสาวเป็นอิสระ “บังอาจยิ่งนักที่กล้าล่วงเกินข้า” หญิงสาวแห้วเสียงดังใส่กับผู้ที่ล่วงเกินนาง เพราะมิว่าจะเป็นผู้ใด ก็ถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรตินางอย่างไม่น่าให้อภัย “หึ! นิสัยเสียมิเคยเปลี่ยน สมแล้วที่ไร้บุรุษสู่ขอ” แม้จะรู้ว่าตนเองทำผิดต่อหญิงสาว แต่เพราะคนตรงหน้าคือท่านหญิงผู้เหย่อหยิ่ง เลยทำให้เขานึกอยากที่จะกลั่นแกล้งนางขึ้นมาแทน ใช่ว่าเขาจะไม่ร