“เฝ้านางเอาไว้ให้ดี”“เจ้าค่ะ”เสียงประติดลงไปครู่หนึ่ง ร่างบนเตียงแสร้งพลิกตัว ก่อนจะเปิดเปลือกตาเพียงเล็กน้อย เพื่อดูว่ามีใครอยู่ในห้องหรือไม่ คนพวกนี้กำลังคิดไม่ซื่ออย่างที่นางกังวลจริงๆ ขนาดต้าเว่ยยังพลาดพลั้ง แต่เอ๊ะ! เขามีฝีมือระดับนั้นจะพลาดได้อย่างไรกันหญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแผ่วเบา กลิ่นนี้นางจดจำได้ เพราะมันคือยาที่นางเพิ่งใช้กับต้าเว่ย เขาเข้ามาที่นี่ได้ง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ!“นางดื่มยาแล้วใช่ไหม”“เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะหลบหนีไปช่วยเจ้าได้”“หากข้าไม่เห็นนางเข้าเสียก่อน ก็คงแสร้งสิ้นสติไม่ทัน แต่จะเก่งกาจแค่ไหนก็สู้ยาของท่านกวงไม่ได้ เจ้าเฝ้านางให้ดี ข้าจะออกไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”“ทำไมไม่กำจัดนางเสีย!”“นางคือตัวประกัน ที่จะทำให้องค์รัชทายาทชีอันยอมสิโรราบ”“ทำไมเขาถึงจะยอมเสียงเพื่อนาง”“ชีอันแสร้งไม่ใยดีนาง ก็เพราะไม่อยากให้หยวนใช้นางต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อเรารู้แล้วว่านางสำคัญ นายท่านจึงเลือกเก็บนางเอาไว้ แต่ต้องกำจัดสามีของนางทิ้งก่อน อย่าถามให้มากความ ที่ข้าบอกไปก็เกินพอแล้ว”ลมหายใจอันสม่ำเสมอของคนบ
“พระชายาไม่มีสาวใช้หรือเจ้าคะ” ยังคงเป็นหญิงสาวคนเดิมที่เอ่ยถาม“ท่านอ๋องมิได้ให้ติดตามมา”จ้าวหลันถิงสบถอยู่ภายในใจ ว่าจะสอดรู้เรื่องของนางไปทำไม นางเข้าใจนะ! ว่าสามีนั้นรูปงาม เป็นที่ต้องตาของสตรีมากมาย แต่พวกนางรักเขาจริงหรือ รึ! แค่ว่าเขาคือท่านอ๋อง ลองเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา หญิงสาวมากหน้าหลายตาเหล่านี้ คงไม่แม้แต่จะชายตามอง“ไยท่านอ๋องไม่รู้ใส่ใจพระชายาเช่นนี้นะ!”“ท่านอ๋องคิดเสมอว่าการที่ให้พระชายารออยู่ที่นี่ ย่อมจะทำให้นางปลอดภัยและสบายใจ อีกทั้งองค์รัชทายาทแห่งชีอันก็ทรงวางพระทัย ว่าพระขนิษฐาจะสำราญกับการได้ออกมาท่องเที่ยวนอกจวน”คำบอกเล่าเดียวของต้าเว่ย สยบทุกคำถามได้อย่างราบคราบ นี่กระมังที่ท่านอ๋องเบื่อหน่ายอิสตรี พวกนางไม่รู้ว่าไปสรรหาคำถามจากที่ใดมาเจรจาได้ทั้งวัน ชนิดที่เรียกว่านกแก้วยังต้องสิโรราบให้กับพวกนางการสนทนาเริ่มเป็นเรื่องโดยทั่วไป ก่อนที่จะมีหญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาขอแรงขององครักษ์หนุ่ม ให้ไปชั่วยกหม้อแกงในครัวออกมาที่ลานด้านหน้า“ข้าอยู่ได้”จ้าวหลันถิงบอกแก่ต้าเว่ย ก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นส่งกล่องไม้ในมือให้แก่นายสาว แล้วถือกระบี่เดินตามหญิงชราไป จ้าวหลันถิงร
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทชีอัน องค์ชายเก้าพ่ะย่ะค่ะ คารวะท่านอ๋อง” “เชิญใต้เท้าตามสบาย” “ขอบพระทัย” ใต้เท้ากวงเดินขึ้นมานั่งร่วมโต๊ะกับคนทั้งสี่ ก่อนจะเหลอบมองไปที่สตรีเพียงหนึ่งเดียว “ไม่คิดว่าพระชายาจะอยู่ด้วย” ชายสูงวัยพูดด้วยน้ำเสียงติดกระด้าง แม้ด้วยตำแหน่งของเขาจะน้อยกว่าหญิงสาว แต่หากนับตามอาวุโสและอำนาจในมือ เขาเหนือกว่านางในทุกด้านอยู่ดี “ข้าเพิ่งรู้ตัว ว่าการอยู่ในบ้านตนเอง ต้องรายงานคนนอกด้วย เช่นนั้นข้าต้องขออภัย ที่อาจหาญนั่งอยู่กับสามีและพี่ชายตนเองเยี่ยงนี้” หญิงสาวช้อนสายตามอง พร้อมกับที่เรียวปากอิ่มบิดขึ้นเล็กน้อย นางหรือจะไม่คุ้นชินกับสายตาและท่าทางยโสของชนรุ่นเก่า ที่คิดว่าตนเองเกิดก่อนและมากประสบการณ์ อายุในเพียงเลขห้า เพิ่งครึ่งคนเท่านั้น คนเก่งจริงจะรู้ประเมินคู่ต่อสู้ ไม่ใช่เบ่งกล้ามอันมโหฬารใส่ท่าเดียว “ใต้เท้ากวงมีสิ่งใด โปรดว่ามาเถิด” สวี่ฟงเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงคงเดิม ทว่าแววตานั้นหาได้เป็นเช่นดวงตาที่ส่งผ่านออกมาไม่ “เอ่อ...” ใต
“ข้าพลาดสิ่งใดเกี่ยวกับเจ้าบ้างนะ จ้าวหลันถิง” ร่างกำยำลุกขึ้นก้าวลงจากเตียง เรือนร่างไร้อาภรณ์หากสตรีใดได้ยล คงยากจะถอนสายตาออกจากความสมบูรณ์แบบนั้นได้ ทว่าน่าเสียดายที่ตอนนี้มันมีผู้ครอบครองแล้ว และเจ้าของดุราวนางเสือ สวี่ฟงก้มลงเก็บชุดของภรรยา เดินหายไปยังห้องอาบน้ำ เขาไม่ต้องการให้ใครได้แตะต้องมัน ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ในเมื่อนางเป็นของเขาแล้ว ยามบ่ายอ๋องหนุ่มพร้อมแขกทั้งสอง กำลังนั่งจิบชากันที่ศาลาชมบัว ซึ่งพวกเขายังมีเวลาอีกครึ่งเดือน สำหรับออกเดินทางสู่เมืองหลวง ส่วนเรือนของจ้าวหลันถิงนั้น อ๋องหนุ่มได้สั่งการให้เรียกช่างมาปรับปรุงต่อเติม ให้กว้างขวางกว่าเดิมอีกเท่าตัว“ข้าอยากให้เจ้าพาน้องหญิงไปด้วย อย่างไรเสียนางก็เป็นสายเลือดชีอัน ตั้งแต่นางแต่งมาที่หยวน ก็ยังไม่เคยเข้าเฝ้าเลยมิใช่รึ! ถือเสียว่าเป็นการท่องเที่ยวหลังแต่งงานของพวกเจ้าด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”สองสหายหันสบตากัน ก่อนจะหันกลับมาจ้องเจ้าของบ้าน ว่าพวกเขาหูไม่ได้เพี้ยนไป คนเยี่ยงสวี่ฟงน่ะหรือ! ที่จะยินยอมให้สตรีติดตามเดินทางไกล แค่เข้าใกล้ยังไม่
“เจ้าเมาแล้วนอนเถอะ” “สามี...ข้าร้อนยิ่งนัก” “เจ้ากำลังบีบบังคับข้า” “ข้ามิได้พูดเล่นร้อนเหลือเกิน อาบน้ำให้ข้าที” น้ำเสียงอ้อแอยังดังชิดลำคอของชายหนุ่ม ท่อนแขนกลมกลึงตรึงร่างนั้นให้แนบอยู่กับความอวบอิ่ม ที่เขาหวงแหนยามมีคนลอบมอง ใช่ว่านางไร้ศักดิ์ศรีจนคิดใช้ร่างกายมัดใจสามีแต่ตรงกันข้ามนางรักในศักดิ์ศรียิ่งนัก จึงจำเป็นที่จะต้องตรีตราและประกาศความเป็นภรรยา ให้สตรีอื่นรู้จุดยืนของตนเอง นางจะไม่ยอมเป็นเมียที่ถูกมองข้ามราวอากาศธาตุอีกต่อไป “อื้อ...” หญิงสาวครางเบาๆ เพื่อเพิ่มความปรารถนาให้แก่สามี เมื่อสะโพกงามแสร้งยกเบียดกับแก่นกายของเขา สวี่ฟงข่มกลั้นความต้องการอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะพ่ายแพ้เมื่อความเจ็บร้าว ที่เขาเคยควบมันมาได้เป็นอย่างดีตลอดหลายปี กลับไม่สามารถต้านทานคนใต้ร่างได้ ไม่มีคำพูดใดจากชายหนุ่ม แต่เป็นการกระทำที่หญิงสาวต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น การปรนเปรอของสามีทำให้จ้าวหลันถิง แทบจะลืมเลือน ว่านี้อาจเป็นเพียงฝันชั่วระยะหนึ่ง ซึ่งเขาอาจตื่นขึ้นยังอีกโลกในสักวันก็เป็นได้ เสียงคร
จ้าวหลันถิงพยายามเป็นที่สุด กับการมองทุกคนให้ไม่บิดเบี้ยว นางมั่นใจว่าตอนใช้ชีวิตในอีกโลก นางไม่เคยล้มให้กับสุรารสแรงตัวใดเลย อ๋องหนุ่มที่ยากจะมีรอยยิ้มให้ใครเห็น ตอนนี้มุมปากกลับเหยียดกระตุก เมื่อเห็นอาการของภรรยา ความรั้นของนางกำลังออกฤทธิ์แล้วสินะ! “จะกลับเรือนหรือยัง” “ข้ากลับตอนไหนก็ได้ ไม่ลำบากท่านหรอก” หญิงสาวเริ่มหันหาญาติผู้พี่ ที่ตอนนี้สภาพแทบไม่ต่างกัน สองพี่น้องสบตาแล้วหัวเราะเสียงดัง ด้วยพวกเขาไม่เคยพบเจอสุราที่นุ่มลึก ทว่าเมามายง่ายอะไรขนาดนี้มาก่อน “ข้าลืมบอกเจ้าไป ว่าอย่าได้หลงในรสสุราของสกุลสวี่” องค์ชายเก้าเอ่ยกับองค์รัชทายาทชีอัน ที่ตอนนี้มีใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำหวานราวอิสตรี รอยยิ้มกว้างและเสียงหัวเราะนั้น เป็นการยืนยันว่าองค์รัชทายาทชีอันเมามายอย่างหนัก “ข้ารึ! จะพ่ายแค่สุราต่างแคว้น เจ้าทำเหมือนข้าไม่เคยเดิ่มสุราจากแคว้นของเจ้า” คำพูดราวลิ้นพันกันขององค์รัชทายาทชีอัน เรียกรอยยิ้มจากแขกในงาน ที่ตอนนี้ก็มีสภาพไม่ค่อยต่างกันเท่าใดนัก คุณหนูหลายสกุลที่ไม่เคยลิ้มลองสุราสกุลส