Share

จับกุ้ง

Auteur: zuey
last update Dernière mise à jour: 2024-12-25 06:32:08

ผ่านไปหลายวันเฉียวลู่ยังคงขึ้นเขาทุกวันและตัดต้นไม้ซ่อนเอาไว้เพื่อรอเวลาในการสร้างกระท่อมของนางใหม่ มีอีกสิ่งหนึ่งที่เฉียวลู่รู้สึกตื่นเต้นกับมันคือสมุดบันทึกเล่มนั้นของนาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เฉียวลู่ทำงานจนลืมไปว่านางต้องสั่งของทุกวันแต่นางกลับลืมไปเสียสนิท ทำให้วันต่อมาเมื่อเฉียวลู่เปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นอีกครั้งข้อความที่ปรากฏบนหน้ากระดาษคือ สามารถสั่งได้สี่ครั้งนั่นหมายความว่าต่อให้เฉียวลู่ไม่ได้สั่งอะไรในสมุดเล่มนั้นมันก็จะสามารถทบมาอีกวันได้ นั่นเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้นางไม่เสียสิทธิ์ของตน ถึงจะไม่ได้สั่งของอะไรมาก็ตาม

ช่วงนี้สิ่งที่เฉียวลู่สั่งมาทุกๆ วันคือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่อ่อนโยนสำหรับเด็กทุกอย่างที่เฉียวลู่สั่งมาล้วนคำนึงถึงเด็กทั้งสองเป็นอันดับแรก ตอนนี้นางพอจะเข้าใจเจ้าสมุดบันทึกเล่มนั้นแล้วว่ามันต้องการอะไร

ดูเหมือนเจ้าสมุดเล่มนี้ต้องการให้เฉียวลู่อาศัยอยู่ที่นี่โดยที่พึ่งพาตนเองหมายถึงไม่สามารถสั่งอะไรก็ตามที่ทำให้นางรวยทางลัดโดยที่ไม่ต้องทำงานเหมือนกับว่ามันรู้ทุกอย่างที่เฉียวลู่คิด ตอนแรกที่เฉียวลู่เข้าใจในเจตนารมณ์ของมันทำเอานางหัวเสียไปหลายวัน ให้ของวิเศษมาแต่กลับมาจำกัดการใช้งานเช่นนี้มันน่าเผาทิ้งนัก ช่วงนี้เฉียวลู่เลยไม่ได้สั่งอะไรเก็บเอาไว้สั่งของในยามฉุกเฉินแทน

ถึงของที่ใช้เนื้อหมูป่าแลกมาจะยังเหลืออยู่ไม่น้อยแต่เฉียวลู่ก็อยากทำอย่างอื่นให้ลูกชายทั้งสองของนางทานดูบ้าง วันนี้นางไม่ขึ้นเขาไปตัดต้นไม้แล้ว เพราะเฉียวลู่คิดว่าที่นางสะสมเอาไว้น่าจะพอทำบ้านหลังเล็กหนึ่งหลัง

หลายวันมานี้ถึงเฉียวลู่จะขึ้นเขาไปตัดไม้ทุกวัน แต่ช่วงบ่ายนางก็กลับลงมาเเละได้เดินสำรวจพื้นที่ในหมู่บ้านด้วย หมู่บ้านนี้อยู่กลางหุบเขามีภูเขาล้อมรอบหนึ่งด้านมีแม่น้ำไหลผ่านและยังมีบ่บัวขนาดใหญ่มีถนนตัดเข้าหมู่บ้านทางเดียว ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพทำนา หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลเสร็จแล้วพวกเขาส่วนใหญ่ก็ว่างงาน มีบางครอบครัวที่ขึ้นเขาล่าสัตว์ส่วนสตรีก็เก็บของป่าแต่ไม่ได้เข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาเพราะที่นี่บางครั้งก็มีสัตว์ร้ายออกมาเพ่นพ่านเหมือนที่เฉียวลู่เจอเจ้าหมูป่ายักษ์ในวันนั้น

วันก่อนนางเดินไปเจอสระบัวที่ยังมีน้ำอยู่ไม่มาก เฉียวลู่สังเกตเห็นว่าในน้ำมีกุ้งตัวโตอยู่ด้วย นางไม่ได้บอกใครแต่เลียบๆ เคียงๆ ถามแม่เฒ่าหลี่ได้ความว่า กุ้งไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าใดนักเพราะมันเนื้อน้อยและทานยาก เมื่อได้ยินดังนั้นทำเอาเฉียวลู่ยิ้มปริ่ม นางนึกถึงหม่าล่าหม้อไฟกุ้งขึ้นมาทันที แล้วถ้าหากจับไปขายล่ะสระบัวกว้างขนาดนั้นจะมีกุ้งมากมายขนาดไหน เฉียวลู่วาดฝันไปต่างๆ นานาเพียงคนเดียว

“เด็กๆ วันนี้แม่มีเมนูอาหารที่อร่อยมากถึงมากที่สุดมาเสนอ”

อวี้หลงกับอวี้ชิงที่ตอนนี้ถูกเฉียวลู่ขุนทุกวันจนทำให้มีเนื้อหนังขึ้นมาบ้างอีกทั้งนางยังใช้ครีมอาบน้ำ และทาครีมให้เด็กทั้งสองทุกวันพวกนางสามแม่ลูกตอนนี้ขาวจนแทบเรืองแสงได้แล้ว แต่เฉียวลูไม่ได้สนใจในข้อนั้นสำหรับนางเรื่องปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ และเรื่องของอร่อยนั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า

เฉียวลู่พาเด็กๆ ถือถังไม้เดินตรงไปที่สระบัวขนาดใหญ่ที่กว้างขวางจนสุดสายตา ได้ยินจากแม่เฒ่าหลี่มาว่าหน้าแล้งจะมีชาวบ้านมาขุดรากบัวไปทำอาหารบ้างแต่ตอนนี้น้ำยังมีอยู่พวกเขาจึงยังไม่ได้สนใจมาดู นี่เป็นโอกาสอันดีของเฉียวลู่แล้ว

เพราะไม่มีคนสนใจกินกุ้งในสระบัวจึงทำให้มันตัวใหญ่มากเฉียวลู่เลือกจับตัวที่ใหญ่ๆ มาหลายสิบตัวจากนั้นจึงพาเด็กทั้งสองกลับกระท่อมของตน ระหว่างทางนางได้เจอกับฉินจื่อเฉินที่กำลังแบกถึงไม้ที่มีน้ำในนั้นเพียงครึ่งเดียวเพราะมันหกจนเกือบหมดระหว่างทาง

เฉียวลู่มองฉินจื่อเฉินผ่านไปด้วยความสงสารอายุแค่นี้กลับต้องมาทำงานหนัก ไม่จะยุคนี้หรือยุคไหนการใช้แรงงานเด็กเล็กก็ไม่ควรมี แล้วตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านแม่ของเด็กคนนั้นจะยังไม่หายป่วยเพราะแบบนี้เรื่องทั้งหมดในบ้านจึงเป็นเขาที่ต้องรับผิดชอบแทน

เฉียวลู่กลับไปที่กระท่อมของน้อยนางโดยที่ไม่ได้พูดอะไร นางเป็นคนที่มองคนค่อนข้างจะเก่ง ฉินจื่อเฉินถึงแม้จะยังเล็กแต่เขาเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ได้ดี และดูเหมือนว่าศักดิ์ศรีของเขาก็มีมากด้วยเช่นกัน วันนั้นถ้าหากไม่ถึงที่สุดเขาก็คงไม่ยอมมาขอความช่วยเหลือจากนางเป็นแน่ นางได้แต่ถอนหายใจให้กับโชคชะตาของเด็กคนนั้นรวมทั้งของตัวนางเองด้วย

เฉียวลู่สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวไปทั้งหมดจากนั้นหันกลับมาให้ความสนใจกับกุ้งที่นางพึ่งจับมา วันนี้นางจะทำเมนูอะไรให้เจ้าก้อนน้อยทั้งสองของนางกินดี เฉียวลู่หุงข้าวทิ้งเอาไว้แล้วเปิดตำราอาหารว่าด้วยเรื่องกุ้งทันที ไม่นานหลังจากทำความสะอาดกุ้งและแกะเปลือกเรียบร้อยแล้วนางก็ทำผัดโป๊ยเซียน ข้าวอบกุ้งด้วยหม้อดิน และทำน้ำซุปจากหัวกุ้งที่มันเยิ้มส่งกลิ่นหอม

เครื่องปรุงรสบางส่วนเฉียวลู่สั่งมาจากในสมุดบันทึกเล่มนั้นทำให้รสชาติอร่อยกว่าปกติแน่นอน นอกจากนั้นเฉียวลู่ยังทำข้าวต้มกุ้งหม้อใหญ่ กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวโชยมาทำเอาอวี้หลงกับอวี้ชิงนั่งแทบไม่ติดเพราะความหิว จากนั้นนางจึงตักอาหารแบ่งใส่ชามยกไปที่เรือนของแม่เฒ่าหลี่

“เด็กๆ ไปส่งอาหารให้ท่านยายทวดหลี่กัน”

อวี้หลงและอวี้ชิงช่วยถือชามอย่างระมัดระวัง เฉียวลู่มองพวกเขาด้วยความเอ็นดู เมื่อมาถึงหน้าเรือนสกุลจางเฉียวลู่ก็ตะโกนเรียกนางไม่นานแม่เฒ่าหลี่ก็เดินออกมา

“อาลู่เกิดอะไรขึ้นหรือทำไมพวกเจ้าอยู่ที่นี่”

เฉียวลู่ยิ้มให้กับท่าทางที่ดูเป็นห่วงของเเม่เฒ่าหลี่อย่างจนใจ

“ใจคอท่านยายจะให้ข้าเกิดเรื่องให้ได้จริงๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

เฉียวลู่เอ่ยเย้าแม่เฒ่าหลี่อย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน

“เจ้าเด็กคนนี้นี่”

แม่เฒ่าหลี่ค้อนให้คนที่อ่อนวัยกว่า

“ข้านำอาหารมาส่งให้ท่านเจ้าค่ะ”

แม่เฒ่าหลี่มองชามที่อยู่ในมือของคนทั้งสามจากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ

“พวกเจ้าทานกันแล้วหรือถึงได้เอามาให้ข้าทำไมไม่เก็บเอาไว้ทานพรุ่งนี้เล่า”

“ท่านรับไปเถอะเจ้าค่ะ อาหารสำหรับพรุ่งนี้ยังมีเหลืออีกเยอะจนทานกันไม่ไหวแน่เจ้าค่ะท่านยาย”

แม่เฒ่าหลี่ลังเลเล็กน้อยจากนั้นจึงรับอาหารที่เฉียวลู่ทำเอาไว้

“พวกเจ้าเข้ามาในเรือนก่อนสิ”

“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะท่านยายเอาไว้ครั้งหน้าเถอะวันนี้ใกล้มืดแล้วเดี๋ยวข้าต้องกลับเรือนก่อน ออพรุ่งนี้เช้าถ้าท่านว่างท่านชวนท่านอาจางกับท่านน้าหลิวไปที่เรือนข้าสักเดี๋ยวได้หรือไม่ข้ามีเรื่องปรึกษาพวกท่าน”

เฉียวลู่กล่าวเป็นเลศนัยให้แม่เฒ่าหลี่สงสัยแต่ไม่ได้บอกว่าจะปรึกษานางเรื่องอะไร หลังจากคุยกับแม่เฒ่าหลี่สักพักเฉียวลู่ก็กลับมาที่กระท่อมของนางอีกครั้ง หลังจากตักข้าวต้มกุ้งแบ่งเอาไว้ให้ลูกน้อยทั้งสองของนางแล้วเฉียวลู่ก็ยกข้าวต้มกุ้งทั้งหม้อไปที่เรือนของฉินจื่อเฉิน

นางเคาะประตูอยู่สักพักร่างเล็กของฉินจื่อเฉินก็เดินออกมาเปิดประตู เฉียวลู่ยื่นหม้อข้าวต้มกุ้งที่มีกลิ่นหอมโชยออกมาจากข้างในให้เขา เสียงท้องร้องของฉินจื่อเฉินทำให้เฉียวลู่รู้ว่าเขาจะต้องยังไม่ได้ทานอาหารเย็นแน่นอน

ฉินจื่อเฉินไม่ยอมรับหม้อข้าวต้มกุ้งจากเฉียวลู่ ทั้งๆ ที่เขาดูหิวโหยขนาดนั้น เฉียวลู่เบี่ยงตัวหลบเขาที่ยืนขวางประตูเอาไว้เดินเข้าไปในเรือนแล้ววางหม้อข้าวต้มเอาไว้บนโต๊ะจากนั้นจึงเดินออกมา ก่อนกลับนางยังไม่ลืมบอกให้เขานำหม้อข้าวต้มไปคืนนางในวันพรุ่งนี้

“ข้ากลับก่อนพรุ่งนี้นำหม้อไปคืนข้าด้วยเล่า”

นางไม่รอคำตอบจากฉินจื่อเฉินก็พาอวี้หลงกับอวี้ชิงเดินออกมาจากเรือน เฉียวลู่มีความคิดว่าครั้งหน้าที่นางไปจับกุ้งนางจะพาเด็กชายไปด้วยเพราะอย่างน้อยเขาและท่านแม่ที่ป่วยก็จะได้มีอาหารกิน

ทันทีที่เฉียวลู่กลับไปฉินจื่อเฉินก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เขาร้องไห้ออกมาเบาๆ ที่หน้าประตูเรือน ผ่านไปสักพักหลังจากเช็ดน้ำตาแล้วเขาจึงปิดประตูแล้วเดินเข้าเรือนไป เสียงไอดังลอดออกมาจากในห้องที่มืดสลัว ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำถึงจะยังไม่มืดมากแต่เรือนบางหลังก็จุดตะเกียงแล้ว ฉินจื่อเฉินไม่มีเงินซื้อน้ำมันตะเกียงเขาจึงใช้เทียนจุดบางครั้ง แต่หลังจากที่ท่านแม่ล้มป่วยเขาก็นำเงินทั้งหมดไปซื้อยามารักษาท่านแม่แทน ตอนนี้พวกเขาจึงไม่เหลือแม้แต่เทียนที่จะใช้จุดให้ความสว่าง อาศัยช่วงที่ยังไม่มืดทำกิจกรรมทุกอย่างให้เสร็จก่อนเข้านอน เสียงแหบแห้งดูอ่อนแรงถามออกมาเบาๆ

“เฉินเอ๋อใครมาหรือ”

ฉินจื่อเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนตอบออกไป เขารู้ว่าท่านแม่ของเขาไม่เหมือนชาวบ้านคนอื่นตั้งแต่ที่จำความได้นางไม่เคยคบค้ากับใครเลยเอาแต่หลบอยู่แต่ในเรือน มีเพียงบ้านสกุลจางเท่านั้นที่ท่านแม่จะยอมพูดคุยด้วยนานๆ สักครั้งหนึ่ง

“พี่เฉียวลู่ขอรับ”

ฉินจื่อเฉินตอบออกไปเบาๆ

“นางมาทำไม”

ฉินอี้เหยารู้ว่าเฉียวลู่เป็นใครเพราะครั้งก่อนบุตรชายของนางได้เล่าให้นางฟังแล้วว่าเนื้อหมูป่าที่พวกนางกินกันคือของที่เฉียวลู่ให้มา ฉินอี้เหยาเคยได้ยินเรื่องของเฉียวลู่มาบ้างจากแม่เฒ่าหลี่บ้านติดกันว่านางต้องพลัดพรากจากสามีทั้งบิดายังมาด่วนจากไปตอนที่นางกำลังตั้งครรภ์ ชีวิตของเฉียวลู่กับนางนั้นแทบจะเหมือนกันตรงที่ไม่มีใครให้พึ่งพิงแต่ต่างกันตรงที่เฉียวลู่ไม่มีใครคอยตามฆ่าเหมือนนางและบุตรชาย

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องขอบคุณนางแทนแม่ด้วย”

“ขอรับ”

ฉินอี้เหยาเอ่ยเบาๆ ก่อนจะไอออกมาหอบใหญ่ นางป่วยเช่นนี้มาเป็นปีแล้ว เมื่อก่อนนั้นเพียงแค่ไอเล็กน้อยเท่านั้นจึงไม่เคยซื้อยามากิน แต่ตอนนี้อาการของนางหนักขึ้นทุกวันแรงจะเดินแทบไม่มีทั้งยังไม่ได้รับสารอาหารที่พอเพียงทำให้นับวันนางและบุตรชายผ่ายผอมจนแทบจะเหลือเพียงแค่หนังที่หุ้มกระดูก ฉินอี้เหยายังไม่อยากตายนางไม่อยากทิ้งบุตรชายของนางเอาไว้ลำพัง

“ท่านแม่ลองทานดูนะขอรับ”

ฉินจื่อเฉินเปิดฝาหม้อดินเผาออกกลิ่นหอมโชยออกมา เขาตักป้อนท่านแม่ก่อนจากนั้นจึงกินในส่วนที่เป็นของตนเอง หลังจากที่ข้าวต้มกุ้งถูกตักเข้าปากคำแรก ฉินจื่อเฉินแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นี่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกินมา

ฉินอี้เหยาก็ร้องไห้ออกมาเช่นกันนางสงสารบุตรชายเพียงคนเดียวของนางเหลือเกิน ตอนนี้นางไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อเขาได้ ถ้าหากนางเข้มแข็งได้สักครึ่งของเฉียวลู่ตอนนี้นางและบุตรชายของนางคงจะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ฉินอวี้เหยาได้แต่นึกสมเพชตนเองในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นนางคงไม่ต้องระหกระเหินเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นนางคงไม่ต้องแกล้งความจำเสื่อมและปล่อยให้บุตรชายเพียงคนเดียวของนางต้องลำบากเช่นนี้

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   บทส่งท้าย กลับไปเริ่มต้นใหม่

    ฉีหมิงเยี่ยนกลับมาพร้อมชัยชนะหลังจากนั้นหนึ่งเดือน คนตระกูลเสิ่นและผู้ที่เข้าร่วมก่อการกบฏต่างก็ถูกตัดหัวแขวนประจานเอาไว้ทุกหัวเมืองที่ถูกยึดคืนกลับมาได้ แต่ชัยชนะครั้งนี้กลับไม่ได้มีการเฉลิมฉลองเพราะฉีอ๋องต้องสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน เขาขังตัวเองเอาไว้ในห้องที่มีโลงใส่ศพของนาง อาจารย์ของเฉียวลู่เองก็ไม่คิดว่าตนเองจะต้องสูญเสียลูกศิษย์ของตนไปถึงสองคนพร้อมกัน เขาได้ใช้น้ำแข็งพันปีมรดกตกทอดของเจ้าสำนักเซียนแพทย์แช่ร่างของเฉียวลู่เอาไว้รอสามีของนางกลับมา“อาลู่เจ้าลืมตาขึ้นมาเถิด เจ้าอย่าได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้เลย สามีของเจ้าตกใจรู้หรือไม่”ฉีหมิงเยี่ยนร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ ปากก็พร่ำเพ้อหานางไม่หยุด ร่างบางที่เหมือนนอนหลับอยู่ภายในโลกไม้ที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตไม่ขยับไหวติงแม้เพียงนิดเขาทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน เขาอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงอนาคตทุกอย่างแล้ว คนตระกูลเสิ่นที่เป็นสาเหตุการตายของนางเขาก็สังหารจนสิ้น แต่แล้วเหตุใดนางถึงยังจากเขาไปอีกเล่า สวรรค์ท่านช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านคิดที่จะทำลายหัวใจของข้าอีกกี่ครั้งกันท่านถึงจะพอใจเสียงร้องโหยหวนดั่งสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แก้แค้นแทนพี่สาว

    ไม่นานหลังจากนั้น ทหารจากค่ายวิหคทมิฬพบสองพี่น้องที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ พวกเขาตามรอยของกั๋วจื่อชางเข้าไปในป่า แต่ต้องคลาดกันเพราะมีน้ำป่าไหลทะลักบนภูเขา จึงต้องย้อนกลับมาที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากร่องรอยสุดท้ายที่หาเจอ เพราะเหตุนั้นจึงได้พบนายน้อยของตำหนักชินอ๋องทั้งสองคนเกือบครึ่งเดือนที่พวกเขาถูกจับตัวไป เพราะไม่ค่อยได้ทานอาหารสองพี่น้องจึงดูซูบผอมไปเล็กน้อย เฉียวลู่ที่ได้ข่าวจากคนของค่ายวิหคทมิฬนางเร่งเดินทางมาที่หมู่บ้านโดยเร็ว“ลูกแม่!!”นางกอดร่างเล็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขน พลางลูบหลังพวกเขาอย่างปลอบโยน อวี้หลงและอวี้ชิงที่เคยฝึกอยู่ในค่ายวิหคทมิฬอย่างหนักไม่เคยแม่แต่จะหลั่งน้ำตาสักหยด แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของมารดา เสียงร้องไห้เล็กๆ สองเสียงก็ดังประสานขึ้นก้องกังวานทั่วหมู่บ้านเหล่าทหารจากค่ายวิหคทมิฬที่รู้จักเด็กชายทั้งสองมองพวกเขาด้วยความแปลกใจ นึกว่าบุตรชายของมัจจุราชฉีจะกลายเป็นเหล็กกล้าเหมือนดั่งบิดาเสียอีก ไม่นึกว่าจะยังมีมุมน่ารักดั่งเด็กน้อยเมื่อยามที่อยู่กับมารดาเฉียวลู่ที่ถูกพรากบุตรชายจากอกไปหลายวัน นางเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กัน สองแม่ลูกก

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ขอบคุณนะ

    “อยู่ให้ห่างจากน้องชายของข้านะ”อวี้หลงวิ่งเข้าไปคิดที่จะทำร้ายนาง แต่หญิงใบ้กลับหลบได้อย่างง่ายดาย เขาวิ่งมาขวางนางอีกครั้งแต่ถูกหญิงใบ้จับโยนจนร่างเล็กลอยละลิ่วไปไกล นางใช้มือคลำไปที่ใบหน้าและลำคอของอวี้ชิงเบาๆ จากนั้นจึงหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วยัดเข้าไปในปากของเขา นางบีบจมูกของอวี้ชิงเพื่อให้เขากลืนยาลูกกลอนลงไป อวี้หลงคิดว่านางวางพิษน้องชายตนเอง เขากรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก!!!ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”เด็กชายที่สูงเพียงอกของนางพยายามต่อสู้กับหญิงใบ้สุดกำลัง ดวงตาเฉยเมยมองเด็กน้อยที่กำลังวิ่งเข้าหานาง เขาแกว่งหมัดไปที่หลายทีแต่นางก็ไม่ได้สู้กลับ นางทำเพียงพลิกเท้าหลบไปมาเหมือนกำลังเย้าแหย่สัตว์ตัวเล็กๆเด็กตัวเล็กที่พยายามต่อสู้กับผู้ใหญ่ผ่านไปนานสุดท้ายก็ยังไร้ผล อวี้หลงหอบหายใจแรงเพราะเรี่ยวแรงของเขาหมดไปจากการที่เขาแบกน้องชายเดินเป็นเวลานาน“พะ...พี่ชาย”เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจของเขา อวี้หลงเลิกสนใจหญิงใบ้รีบวิ่งไปดูน้องชายของตนทันที“ชิงเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อวี้หลงแตะไปที่หน้าผากของเขา ตัวที่ร้อนดังไฟตอนนี้ได้เย็นลงเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   หนี

    อวี้หลงและอวี้ชิงฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ถูกลักพาตัวโดยชายชุดดำหลายสิบคน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาถูกจับตัวมา ท่านแม่และท่านพ่อจะต้องเป็นห่วงพวกเขามากแน่ๆตลอดทางที่รถม้าวิ่งพวกเขาถูกจับกรอกยาบางอย่างทำให้ไร้เรี่ยวแรงและหลับไป ทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันรถม้ากลับขึ้นมาดูพวกเขาเป็นระยะ สองพี่น้องฝาแฝดแสร้งหลับเพื่อไม่ให้ถูกกรอกยาอีกอวี้หลงใช้เท้าสะกิดน้องชายเบาๆ อวี้ชิงหรี่ตามองพี่ชายเล็กน้อย ทั้งสองพยักหน้าให้กันเป็นการสื่อสารที่เหมือนจะมีแค่พวกเขาที่เข้าใจ“เป็นอย่างไรบ้างพวกเขาตื่นขึ้นมาบ้างหรือไม่”เสียงหวานที่คุ้นหูทำให้นึกถึงสตรีผู้หนึ่งที่ท่านแม่แนะนำว่านางคือสหาย นางกล้าหักหลังท่านแม่แล้วจับตัวพวกเขามาหรือ ช่างน่าตายนัก“หลายวันมานี้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไม่กี่ครั้งขอรับ ตอนนี้ยังคงหลับอยู่เพราะข้ากรอกยาสลายพลังไปแล้ว”ซูหลีพยักหน้า จากนั้นจึงเดินกลับขึ้นรถม้าคันที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับกั๋วจื่อชาง ไม่มีใครเอะใจเรื่องนี้เลยว่าพวกเขาจะแสร้งหลับเพราะคิดว่าเป็นเพียงเด็กหกขวบที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น หลังจากที่ดื่มยาสลายพลังไปสองสามครั้งดูเหมือนฤทธิ์ยาจะค่อยๆ ไร้ผลและไม่สามารถทำอันใด

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ลักพาตัว

    หลังงานเลี้ยงที่วังหลวง เหล่าราชทูตที่มาร่วมงานต่างทยอยเดินทางกลับแคว้นของตน องค์หญิงเซียวหมิ่นเองก็เช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ นางกลับไปที่แคว้นเซียวในครั้งนี้มีเว่ย หลี่หมิงตามนางกลับไปด้วย ส่วนทางด้านเว่ยอ๋องก็ต้องกลับไปเตรียม ของหมั้นและสินสอดเพื่อแต่งสะใภ้เข้าจวน“ข้าขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หากมีโอกาสข้าจะไปร่วมงานแต่งของท่านทั้งสอง”“ข้าไปก่อนนะพี่อาลู่ท่านอย่าลืมแวะมาหาข้าเล่า”เฉียวลู่ออกมาส่งขบวนราชทูตจากแคว้นเซียวและแคว้นเว่ยที่นอกเมือง องค์หญิงเซียวหมิ่นยังมีท่าทางอาลัยอาวรณ์ต่อนาง และไม่อยากกลับแคว้นเซียว“รีบออกเดินทางเถอะสายมากแล้ว”ทหารอารักขาให้สัญญาณ ขบวนรถม้าจากแคว้นเซียวจึงเริ่มเคลื่อนตัว“ข้าขอขอบคุณเว่ยอ๋องที่ช่วยเหลือและดูแลข้ามาถึงหนึ่งปี ในอนาคตหากท่านมีเรื่องเดือดร้อนใด ทั้งข้าและสำนักเซียนแพทย์จะเข้าช่วยเหลือท่านอย่างเต็มกำลัง”นางหันมาขอบคุณเว่ยอ๋องที่กำลังออกเดินทางเช่นเดียวกัน“ไม่เป็นไรมิได้ ที่ข้าช่วยพระชายาก็ถือว่าเราทั้งสองแคว้นมีวาสนาต่อกัน ในอนาคตหากข้ามีเรื่องเดือดร้อนข้าจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าแน่นอน”เว่ยอ๋องเอ่ยลาจากนั

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   กรรมตามสนอง

    นางกำนัลที่พาเฉียวลู่มาที่ห้องรับรองครั้งแรกย่องกลับมาดูสถานการณ์ เมื่อได้ยินเสียงน่าบัดสีดังขึ้นข้างในนางจึงรีบกลับไปที่งานเลี้ยงทันที ผ่านไปไม่นานนางกำนัลกลับมาพร้อมราชทูตและขุนนางมากมาย รวมทั้งชินอ๋องผู้ที่จะมาเป็นพยานสำคัญในเรื่องนี้เสียงครางกระเส่าของบุรุษยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงของสตรีนั้นร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวดช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกขัดกันยิ่งนัก“นี่มันเรื่องอันใดกัน ในงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฝ่าบาท ใครช่างใจกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือราชครูเสิ่นบิดาของเสิ่นชิงหยุน ทุกคนที่ตามมาดูเรื่องสนุกต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย“ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นคือ....”นางกำนัลมองไปที่ฉีหมิงเยี่ยนก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความหวานกลัว“ผู้ใดกันเหตุใดถึงไม่ยอมพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด หากกระทำผิดย่อมต้องได้รับโทษเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนาง”ราชครูเสิ่นจ้องไปที่นางกำนัลอย่างไม่วางตา เพื่อกดดันให้นางเอ่ยชื่อผู้ที่กำลังแสดงฉากร่วมรักอยู่ภายในห้องออกมา“พระชายาชินอ๋องเจ้าค่ะ บ่าวทำหน้าที่นำทางพระชายาชินอ๋องให้มารอที่ห้องนี้ แต่ไม่คิดว่านางจะ...”ทุกคนต่างหันกลับมามองฉี

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status