LOGINถิงถิงเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะจูบนางเช่นนี้มือนางเริ่มปัดป่ายไปทั่วเพื่อให้เขาผละออกไป แต่มือหนาของเขากลับรวบตัวนางไม่ให้ดิ้นเพื่อจะได้รุกล้ำตัวนางให้มากขึ้น
“ถิงถิง หลับตาสิ”
“อื้ออ ไม่นะ ท่านอ๋อง…”
เขาไม่สนใจแล้วว่านางจะหลับตาหรือไม่ เขาบดขยี้ปากอิ่มรูปกระจับของนาง รสชาตินี้นี่เอง นางช่างอ่อนหวานยิ่งนัก หวานกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้
ความรู้สึกเช่นนี้เขาพึ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก ลิ้นสากหนาของเขาเริ่มล้วงเข้าไปในปากนางเขากวาดลิ้นเพื่อเปิดทางเข้าไป ถิงถิงขัดขืนเขาไม่ไหว เรี่ยวแรงนางหายไปจนหมดสิ้นจนเขาสามารถรุกล้ำไปถึงข้างในได้ มือหนาข้างหนึ่งสางผมนางเล่นอย่างใจลอย จนเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ถิงถิงจึงผลักตัวออกจากเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเจ้าคะ อาหารเย็นและยาพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
“เอา…เอาเข้ามาได้เลย”
นางเริ่มเดินสะเปะสะปะและหยิบผ้าขาวใส่อ่างก่อนจะรีบเดินสวนพวกสาวใช้ออกไปนอกห้องทันทีโดยไม่มองหน้าผู้ใดอีกเลย
ลี่หยางมองตามนางออกไปพร้อมกับจับริมฝีปากตัวเองและยิ้มเบาๆ จนอาหลินไม่กล้ามองเขาเพราะกลัว เมื่อตอนบ่ายทำราวกับจะฆ่าคนให้ได้ ตอนนี้ท่านอ๋องนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า นางรับอาการแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ เมื่อวางอาหารเสร็จนางจึงรีบเดินออกไปทันที
“ถิงถิง เจ้าช่างหวานนัก”
ถิงถิงเมื่อเดินออกมาแล้วจึงรีบเดินเอาอ่างไปวางที่ห้องครัวพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งโต๊ะข้างๆ อย่างใจลอย มือบางที่ยังสั่นอยู่ค่อยๆ เอื้อมมาลูบที่ริมฝีปากตัวเองอย่างเบามือพร้อมกับภาพเมื่อครู่ เขาจูบนาง เมื่อครู่นี้ เขาจูบนางจริงๆ
“หมิงลี่หยาง คนบ้า”
หลังจากเย็นวันนั้น หมิงลี่หยางก็ไม่ได้เห็นหน้าถิงถิงอีกเลย จนกระทั่งตอนเช้า เขาตื่นมาแต่เช้าเพื่อรอให้นางเข้ามาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา นางส่งท่านหมอเล่อมาทำแผลให้เขาแทน
“ถิงถิงล่ะ นางไปไหน”
“ทูลท่านอ๋อง คุณหนูอยู่ที่โรงทำสบู่ตั้งแต่เช้าพ่ะย่ะค่ะ นางให้ข้ามาดูแผลให้พระองค์ เห็นว่าเมื่อวานนี้แผลของพระองค์ไม่สู้ดีนัก”
“คงไม่คิดจะหลบหน้าหรอกใช่หรือไม่”
“ขออภัยท่านอ๋อง พระองค์ตรัสว่ากระไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เปล่าๆ ท่านหมอ ท่านทำแผลต่อเถิด”
“อาการของพระองค์ฟื้นตัวเร็วมาก แผลภายนอกแห้งสนิทแล้ว หากไม่โดนกระแทกภายนอกเพิ่ม อีกสองวันก็ไม่ต้องพันแผลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ ไม่ต้องพันแผลแล้วงั้นหรือ แล้วๆ ถ้าเลือดออกอีก แล้วถ้าเวลาสวมเสื้อผ้าแล้วมันโดนชุดข้าล่ะ”
“ทูลท่านอ๋อง ถ้าเช่นนั้น เอ่อ สามารถใช้ผ้าปิดแผลบางส่วนเอาไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อ่อ ๆ เช่นนั้นก็ดี ท่านหมอ ท่านก็จัดการเตรียมด้วย แล้วผ้าที่แปะแผลนี่ ต้องเปลี่ยนบ่อยหรือไม่”
“เอ่อ…. เปลี่ยนเช้าเย็นเช่นเดิมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก ขอบคุณท่านมากท่านหมอ”
“กระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านหมอเล่อเดินออกจากห้องท่านอ๋องด้วยความงุนงง ไม่แน่ใจว่าพระองค์จะถูกทำร้ายจนเสียสติไปหรือไม่ถึงไม่อยากให้แผลหายเร็วๆ แต่เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจเรื่องนี้มาก
หน้าที่ของเขาคือจัดยาที่เหลือให้อาหลินต้มและแจ้งว่าต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกเช้าเย็นเช่นเดิม
“ท่านหมอ เมื่อไหร่ท่านอ๋องจะหายดีหรือเจ้าคะ”
“ที่จริงอาการพระองค์ก็…เจ้าถามทำไมหรืออาหลิน”
“คือว่า ข้ารู้สึกกลัวพระองค์เจ้าค่ะ อารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวโมโห เดี๋ยวยิ้มคนเดียว ข้าคิดว่าพระองค์เสียสติ”
ท่านหมอเล่อมองมาที่สาวใช้ที่ยืนอย่างนึกระแวง ไม่ใช่เขาคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้สินะ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเที่ยววิจารณ์ได้อย่างสนุกปาก เขาจึงรีบตัดบท
“นี่ยาที่เหลือ เจ้าก็ต้มตามเวลา ส่วนนี่ก็ยาทาแผล ฝากให้คุณหนูบอกว่าแค่แปะแผลแล้วเปลี่ยนเช้าเย็นเช่นเดิม”
“เจ้าค่ะท่านหมอ ท่านอ๋องเหมือนจะรอแค่ช่วงเวลาที่คุณหนูไปเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขานี่แหละเจ้าค่ะ เปลี่ยนทีนานมาก พอคุณหนูออกมาท่านอ๋องก็จะอารมณ์ดี พอไม่เห็นคุณหนู ท่านอ๋องก็จะหงุดหงิด ข้าทำตัวไม่ถูกเลย”
หมอเล่อยิ้มออกมา เป็นเช่นนี้นี่เองเขาเข้าใจแล้ว
“เอาล่ะ เจ้าก็อย่าพูดมาก ฝากบอกคุณหนูด้วยว่ายานี้สำคัญมากต้องเปลี่ยนให้ตรงเวลาเช้าเย็นอย่าได้ขาด ระวังแผลติดเชื้อด้วย”
“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว”
ท่านอ๋องสวมชุดใหม่และเดินออกจากห้องมา เขาเดินตามหาถิงถิงไปทั่วร้าน ถามทุกคนที่เดินผ่าน จนกระทั่งเจออาหลาน
“ถิงถิงอยู่ที่ใดกันอาหลิน”
“คุณชายหมิง ข้าคืออาหลานเจ้าค่ะ ท่านจะตามหาคุณหนูไปทั่วแบบนี้ทำไมกัน นางมีงานทำมากมาย ไม่ว่างมาดูแลท่านตลอดหรอกนะเจ้าคะ”
อาหลานยังคงจดจำเรื่องที่ท่านอ๋องกล่าวว่าร้ายให้ร้านร้อยบุปผาในงานจิบชาที่สวนเมื่อวันก่อนอยู่ นางจึงได้รู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าใดนัก
ท่านอ๋องก็เหมือนจะรู้ตัว เขาลอบกลืนน้ำลายลงไปเพราะสายตาของสาวใช้ที่มองเขาทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นในเรื่องวันแรกที่เจอกับพวกนาง แต่ด้วยความเป็นราชนิกุล ความเป็นนายเขาย่อมไม่เกรงกลัวนาง
“ข้าย่อมมีเรื่องสำคัญ ข้าถาม เจ้าเพียงแค่บอกมา”
อาหลานเริ่มรู้สึกขนลุกซู่เมื่อเขาเริ่มใช้น้ำเสียงเช่นเดิม นางพึ่งรู้สึกตัวว่าพูดมากเกินไปและออกจะก้าวล่วงเจ้านาย นางจึงตอบเขาด้วยเสียงอ่อยๆ
“คุณชาย คุณหนูอยู่ในห้องทำสบู่ด้านหลังเจ้าค่ะ แต่ว่าท่านอย่าเข้าไปดีกว่า ในนั้นร้อนมาก”
“ขอบใจเจ้ามาก ข้าจะไปดูนางหน่อย”
เขาเดินผ่านนางไป อาหลานยังรู้สึกขนลุกกับบรรยากาศโดยรอบที่เย็นวาบแม้ตัวท่านอ๋องจะเดินไปแล้วก็ตาม นี่สินะความหมายของคำว่าผู้ที่จะเป็นใหญ่ เพียงคำพูดและการกระทำก็ทำให้คนยำเกรงได้โดยไม่ต้องพูดมาก
“แม้ว่าจะน่าหมั่นไส้ แต่ก็น่ากลัวมากจริงๆ”
หมิงลี่หยางเดินไปที่ห้องทำสบู่ตามที่อาหลานบอก แต่กลับพบว่าห้องนั้นว่างเปล่า นางไม่ได้อยู่ที่นั่น
เขาได้ยินเสียงคนสนทนากันจึงเดินไปตามเสียงเพื่อจะถาม แต่กลับพบว่าฟางถิงถิงยืนคุยกับบุรุษคนหนึ่งอยู่ประตูด้านหลัง ใบหน้านั้นเขาเห็นเพียงครั้งเดียวก็จำได้ดี ตงหลางแห่งกรมเจ้าท่า
“มาทำไมอีกละนี่ แล้วเหตุใดต้องมาแอบคุยกันตรงนี้ด้วย”
ท่านอ๋องต้องแอบที่ห้องด้านหลังก่อนจะถึงประตูที่ถิงถิงยืนคุยกับตงหลางอยู่ แต่เขาก็ได้ยินไม่ชัด
“ขอบคุณใต้เท้ามาเลยเจ้าค่ะ ที่เป็นธุระนำกระดาษพวกนี้มาส่งให้”
“แม่นางฟางไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีกระดาษพวกนี้ต้องกำจัดทิ้งอยู่แล้ว หากว่ามันเป็นประโยชน์กับเจ้า ข้าก็ยินดี”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านจะเข้ามาจิบชาให้หายเหนื่อยก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ แทนคำขอบคุณจากข้าด้วย”
ท่านอ๋องรู้สึกไม่พอใจ หัวใจเขาตอนนี้เต้นแรงและเร็วไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงนี้ หรือว่าโกรธที่นางชวนชายผู้นั้นเข้ามาดื่มชากันแน่
“อ้อ เช่นนั้นข้าขอรบกวนแม่นางแล้ว”
“เชิญเจ้าค่ะ”
“แอบนัดพบกันยังไม่พอ ยังชวนมาดื่มชาถึงในบ้านอีกงั้นหรือ”
วังบูรพา“เร็วๆ เข้า เอาน้ำมา เตรียมผ้ามาอีก เร็วๆ เข้า”“แม่นม ออกหรือยัง” “ยังเพคะองค์รัชทายาท”“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่”“ไม่ได้ๆๆๆ เพคะ พระองค์รออยู่ตรงนี้เพคะ”“แต่ถิงถิงร้องหาข้า ท่านได้ยินหรือไม่ ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ได้เพคะ”“อ๊าาาาา ลี่หยาง อึ๊ยยยย”“เบ่งเพคะพระชายา เบ่ง หนึ่ง สอง สาม อึ๊ยยยยย”“อึ๊ยยย ลี่หยาง ท่านพี่ อ๊าาาาา”“ออกหรือยังเล่า ปัดโธ่!!”“เดี๋ยวๆ อย่าเข้าไปนะลี่หยาง เจ้าจะบ้าหรือ สตรีทำคลอดอยู่”“แต่เสียงถิงถิงเรียกข้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ นางเจ็บอยู่ ข้าจะเข้าไป ปล่อยข้านะ”“ไม่!! อย่าไป มารอตรงนี้ เจ้าเข้าไปก็ช่วยนางไม่ได้ รออยู่นี่”“ฟ่านหยวนผิง ปล่อยข้านะ ถิงถิง!!”“อ๊าาาาา ท่านพี่ อื้ออออ”“เบ่งอีกทีเพคะ”“กรีี๊ดดดดดด”“ปล่อยข้านะ ปล่อยยย!!!” ลี่หยางวิ่งเข้าไปที่ห้องคลอด เสียงตกใจของคนในนั้นทำเอาทุกคนทำตัวไม่ถูก ถิงถิงเองก็หลับตาอยู่ แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นทำเอาสติของลี่หยางหลุดลอย จนแม่นมดันตัวเขาออกไป“เป่าอี้ รีบเอาตัวองค์รัชทายาทออกไปเร็วเข้า ใครปล่อยให้พระองค์เข้ามา”“ข้าบอกเจ้าแล้ว มานั่งตรงนี้” ลี่หยางกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็นเ
สายตาดุที่ส่งมาที่หมิงลี่หยางทำเอาเขาเกรงว่าคืนนี้จะได้นอนนอกห้องเลยไม่กล้าโกหก จึงได้เริ่มเล่าเรื่อง ที่จริงเว่ยจีไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เขาเองก็ไม่นึกอยากให้ถิงถิงโกรธเท่าใดนัก“ข้าสืบรู้มาว่าหงลี่กบดานอยู่ใกล้ๆ จวนน่าสงสัยก็มีอยู่หลายที่ แต่ที่ติดตามดู ที่จวนคหบดีน่าสงสัยที่สุด ก็เลยเลือกที่จะไปที่นั่น”“ท่านออกงานกับเว่ยจีตอนนั้น ท่านเริ่มสงสัยหรือยัง”“ที่จริงข้าหลอกใช้นางเพื่อให้พวกเขาโจมตี ข้านึกแปลกใจแต่แรกแล้วที่เขาไม่โจมตีเว่ยจีกับจวนนั้น ข้าเลยรู้ทันทีว่ามีสิ่งผิดปกติ”“ท่านรู้ตอนไหนว่าตงหลางคือเจ้าสำนักหงลี่”“หลังจากงานเทศกาลฤดูร้อน”“ท่านรู้แต่ไม่บอกข้างั้นหรือ”“ข้าไม่มีเวลาบอกเจ้าต่างหาก ข้ารู้ระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง เลยส่งคนไปเฝ้าร้านเจ้าเอาไว้ และรู้ข่าวว่าพวกหงลี่ก็ไปที่ม่านโจวแล้ว ข้าเลยเบาใจ เพียงแค่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกมันต้องไปม่านโจว ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง” ถิงถิงหันกลับมาและเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะเรื่องนี้นางก็ผิดที่ไม่ได้บอกเขาว่านางเป็นท่านหญิงของม่านโจว“นั่นแสดงว่าพวกมันตามข้าไปที่ม่านโจวสินะเจ้าคะ”“ใช่ ข้าก็เลยหมดห่วง แต
หย่งโจว / ร้านร้อยบุปผา“เร็วๆ เข้าเร็วๆ เอาผ้าแดงมาเพิ่มอีก ไม่ทันแล้วเร็วๆ ตรงนั้นล้างเสร็จหรือยัง มาช่วยตรงนี้ก่อน”“อาหลาน ผลไม้นี่เอาไว้ตรงไหน”“วางไว้ที่โต๊ะกลางด้านในเลย”“ป้าลี่ๆ ไปรับชุดที พวกนางมาแล้วเร็วๆ”“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้ อาเถาเอ๊ย มาช่วยยกเครื่องประดับเจ้าสาวหน่อยเร็ว”“เจ้าค่ะๆ”“อาหลาน เจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ฮูหยิน นายท่าน เกือบแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะ”“ข้าจะไปจวนท่านเจ้าเมือง อาหลาน ที่เหลือฝากเจ้าดูด้วยนะ”“รับทราบเจ้าค่ะ เชิญฮูหยินกับนายท่านเลยเจ้าค่ะ” ถิงถิงและลี่หยางเดินขึ้นรถม้าพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ผลไม้ชุดหนึ่งเอาไว้ รถม้าเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านร้อยบุปผามุ่งตรงไปที่จวนเจ้าเมือง พวกเขากลับมาที่หย่งโจวหลังพระราชพิธีมงคลสมรสที่เมืองหลวง และมาที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งร้อยวันของหลินเยว่ซินหลังจากที่หมิงลี่หยางแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าเมืองและส่งร่างไร้วิญญาณของนางกลับมาที่หย่งโจว รถม้าจอดสนิทตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อพวกเขาเดินลงจากรถม้า และเดินเข้าไปในจวนที่บัดนี้เริ่มเงียบเหงามากกว่าเดิม“องค์รัชทายาทกับพร
มือเรียวของพระชายาเลื่อนลงไปใต้น้ำเพื่อสัมผัสบางสิ่งที่ทิ่มนางอยู่ในน้ำสักพักแล้ว เมื่อนางพบแล้วจึงได้เริ่มขยับเจ้าแท่งแกร่งนั้นรูดขึ้นลง ทำเอาผู้ที่ถูกสัมผัสแทบจะทนไม่ไหว“ถิงถิง อย่าพึ่งใจร้อน ข้ายังไม่พร้อม เจ้าอย่าพึ่ง อาาา” ถิงถิงเองก็ไม่ฟังเสียงขอร้องของเขา นางแนบตัวเข้าไปชิดก่อนจะส่งลิ้นนั้นไปเล่นกับยอดอกสีเข้มตรงหน้าซึ่งนางหวังจะทำเช่นนี้มานานแล้ว หมิงลี่หยางที่ถูกสัมผัสที่รุกล้ำจากนางถึงกับทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อน มันช่างรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้เพราะปกติเป็นเขาที่จู่โจมนาง“ถิงถิง อาาา นี่เจ้า...”“รู้สึกอย่างไรเพคะ”“ข้า จะไม่มีแรงยืนแล้ว...”“อีกนิดเดียวเพคะ”“ไม่นะ อาาา ถิงถิง เบาลงหน่อย อย่าเร่งแบบนั้น อ๊ะ อึ๊ยยย อาาา” ถิงถิงสลับลิ้นไปมาระหว่างแผงอกกว้างของเขาสองข้าง สัมผัสนั้นทำให้ผู้ที่ถูกรุกเริ่มทนไม่ไหวเขาดึงตัวนางออกและจับนางยกตัวขึ้นที่ขอบอ่าง“พอแล้ว ข้าทนอีกไม่ไหวแล้ว ถิงถิง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้”“ท่านพี่ เดี๋ยวสิ อ๊าา อย่าเร็วนักสิเพคะ อ๊าาา”“ไม่ได้ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าเป็นคนเริ่ม
“เดี๋ยวสิ พระชายา เจ้าจะมาทำแบบนี้มันผิดธรรมเนียมนะ คือว่าข้ารอเจ้ามาตั้งสิบวัน สิบวันเชียวนะ แล้วเจ้าจะมาเมินข้าเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เสด็จอาก็บอกว่า…”“นี่ท่านเมาหรือเพคะ หากอยากจะดื่มต่อท่านก็ออกไปดื่มกับพวกเขาไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ หากจะอยู่ก็นอนนิ่งๆ วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยมาก คุยไม่ไหวแล้ว”“ข้าก็ไม่ได้ชวนเจ้าคุยเสียหน่อย ถิงถิง เรามาสร้างเจ้าตัวเล็กคนใหม่กันเถอะนะ”“….”“ถิงถิง แต่ข้ายังไม่ง่วงเลย …. ถิงถิง..ไม่จริงน่ะ หลับไปแล้วงั้นหรือ” หมิงลี่หยางหันไปมอง นางหลับสนิทไปแล้วโดยไม่รอเขาพูดจบด้วยซ้ำไป แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอกันสิบวัน และพิธีวันนี้ก็เหนื่อยเอามากๆ จริงๆ ไม่แปลกที่นางจะเหนื่อย“เข้าห้องหอแต่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าสาว ข้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ” หมิงลี่หยางทำได้แค่ล้มตัวลงนอนและกอดถิงถิงเอาไว้เท่านั้นในคืนนี้ จะทำอย่างไรได้เมื่อนางไม่ยอม จะมาขืนใจเอาตอนนี้ก็เสี่ยงจะถูกเมินไปอีกหลายวัน เพราะเขาพลั้งปากเองจะโทษผู้ใดได้ พรุ่งนี้ค่อยง้อนางก็แล้วกันวันรุ่งขึ้น หมิงลี่หยางค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมา แต่เขารู้สึกว่าคนข้างๆ ที่เขากอดอยู่มีอาการแปลกๆ เหตุใดเขารู้
งานประกาศผลการประลอง แขกเกือบทุกคนที่ยังอยู่ในงาน องค์ชายต่างแคว้นทุกคนล้วนมีความยินดีที่จะอยู่ร่วมงานจนถึงพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ หลังจากจัดพิธีมงคลสมรสแล้วจะจัดให้มีงานล่าสัตว์ขึ้นด้วย ทั้งนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นเพื่อรองานที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองงานนี้อย่างใจจดใจจ่อ“เอาล่ะทุกท่าน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการในการประลองเพื่อเลือกคู่ของท่านหญิงฟ่านถิงถิงจวิ้นจู่แห่งม่านโจว องค์รัชทายาทแห่งฉีโจว องค์ชายหมิงลี่หยาง” หมิงลี่หยางในชุดองค์ชายเต็มยศสีเหลืองทองปักเลื่อมมังกรเดินเข้ามาในงานพิธีเพื่อรับมอบลูก “ซิ่วฉิว” ซึ่งเป็นลูกกลมๆ ที่ทำจากผ้าไหมมีพู่ห้อยอยู่รอบๆ ซึ่งถิงถิงยืนถือเอาไว้ที่ด้านหน้า ชุดของนางก็เป็นสีขาวทองปักเลื่อมสีทองรูปนกยูงเช่นกัน เมื่อเดินมาถึง ถิงถิงจึงได้มอบลูก ซิวฉิวให้เขารับเอาไว้และทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปทำการคารวะฝ่าบาทก่อนจะหันออกมาและเดินออกจากท้องพระโรงเพื่อรอขึ้นรถม้าสำหรับแห่รอบเมืองเพื่อฉลองกับชาวเมืองม่านโจว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ แต่หม่อมฉันง่วงนอน”“อยู่ในขบวนแห่ แต่เจ้ากลับง่วงได้ เก่งไปหรือไม่ถิงถิง เจ้ามองดูราษฎ







