“โอ๊ย เหม็นความรักจริง ๆ”
ถึงปากจะบ่นกระแนะกระแหนทว่าคนพูดกลับโผเข้าไปยืนประชิดแล้วแนบใบหูลงอีกฝั่งของโทรศัพท์มือถือ ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าทอที่เพื่อนสาวทำรูปปากส่งมาให้เลยแม้แต่น้อย
อยากจะรู้จังว่าคนที่ตอกกลับยัยพวกกลุ่มขี้เมาท์จนหน้าหงายเก๋ง จะพูดจายังไงเมื่อยามอยู่กันสองคนกับเพื่อนของเธอ
เสียงทุ้มนุ่มดังลอยออกมาจากปลายสายทำเอาเธอเคลิ้มตามกับความหวานละมุนที่เขาสาดใส่เพื่อนของเธอไม่ยั้ง ออดอ้อนออเซาะกันซะไม่เกรงใจระดับน้ำตาลในเส้นเลือดเลยนะเจ้าคะ!
เมื่อฟังจนพอใจแล้วเธอจึงขยับกายออกห่างแล้วปล่อยให้คนอินเลิฟได้มุ้งมิ้งกันซะให้พอ ส่วนคนโสดและสวยอย่างเธอก็นั่งน้ำตาตกในด้วยความน้อยใจผู้ชายในฝันของตัวเองรอไปพลาง ๆ
มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดหน้าช่องทางการติดต่อของคนเพิ่งพูดถึงไปหยก ๆ
พลันคิ้วเรียวก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้นหลังพบว่าข้อความล่าสุดที่เธอเป็นฝ่ายส่งไปนั้นยังเงียบกริบ และไม่มีการตอบกลับจากปลายทางแต่อย่างใดด้วย
หน็อย ไอ้คนหล่อ ไอ้คนเก่ง ไอ้คนเพอร์เฟค ไอ้ Rare Item ของโรงพยาบาล!
ใบหน้าหวานหงิกงอจนแทบจะกลายเป็นกระบวยตักแกงในทันที จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่กดขยายใหญ่ขึ้นมาบนหน้าจอแล้วเบ้ปากใส่ ก่นด่าเจ้าตัวไปด้วยในใจพร้อม ๆ กัน
หรือว่าเธอจะต้องบินไปขอด้ายแดงอย่างที่คนเขาลงรีวิวกันนะ!?
ฟ้าใสพ่นลมหายใจฟึดฟัดพร้อมกับหย่อนโทรศัพท์ลงเก็บในกระเป๋ากระโปรง มือเล็กชะงักเล็กน้อยหลังมองเห็นสีหน้าเกรี้ยวกราดของเพื่อนสาว ก่อนขยับเข้าไปกระตุกแขนเสื้อของเพื่อนเบา ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“แก... เป็นอะไร ทำไมคุยกับผัวแล้วทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
พลัวะ!
หญิงสาวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ รุ่นพี่ที่เพิ่งก่อกวนเธอเมื่อเช้าโผล่พรวดเข้ามาในห้องกะทันหัน ซ้ำยังคาบเอาข่าวล่ามาแรงแซงทางโค้งเรื่องเพื่อนสาวของเธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับคนที่สอยได้บนดอยอีก!
“นิลไม่ได้จะแต่งงานค่ะพี่เกมส์ แล้วก็ยังห่างไกลจากคำนั้นมากด้วย ยังไงฝากแก้ข่าวเรื่องนี้ให้ที”
เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งแถมยังหันมาชักสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่เธออีก ไหงงั้นเธอไม่ใช่คนปล่อยข่าวซะหน่อย!
“เคลียร์เนอะ โอเคงั้นถ้าเคลียร์กันแล้ว ก็รบกวนอันเชิญคุณหมอทั้งสองคนที่ด้านนอกนะคะ ถึงเวลาที่นิลต้องตรวจคนไข้แล้วค่ะ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวสิยัยนิล! ฮึ้ย”
แต่ยังไม่ทันจะได้เค้นถามอะไรเพิ่มเติม ทั้งเธอและรุ่นพี่ก็ถูกเจ้าของห้องอัญเชิญให้ออกไปนอกห้องตรวจเสียแล้ว
ปัง!
ประตูห้องตรวจถูกดึงปิดตามหลังทันทีที่ทั้งสองก้าวออกมา ฟ้าใสตวัดสายตาขุ่นเคืองไปมองคนข้าง ๆ ที่ทะเล่อทะล่าโผล่เข้ามาไม่รู้จังหวะทันที
เรื่องเก่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากถามสักคำ เรื่องใหม่ก็เลยไม่รู้รายละเอียดไปด้วยเลย หน้าผู้ชายก็ไม่ได้เจอ นี่สรุปว่าเธอจะไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเลยใช่ไหมเนี้ย!
แต่ท่าทางของรุ่นพี่ในห้องตรวจนั้นดูเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ยั้งปากเอาไว้ก่อน เพราะฉะนั้นคนข้าง ๆ เธอต้องรู้เรื่องบนดอยมาไม่น้อยแหละวะ
คิดดังนั้นสายตาคมกริบก็หรี่มองต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกไล่ออกมาด้วยอย่างกดดันทันที
“ไม่ต้องมามองพี่ด้วยสายตาอย่างงั้นเลยนะครับน้องฟ้าใส พี่ก็รู้เท่าที่เขาเล่าลือกันมานั่นแหละ”
“งั้นก็ถ่ายทอดเท่าที่พี่เกมส์รู้มาก็ได้ค่ะ ฟ้าใสยินดีฟัง วันนี้ว่างทั๊งวันเลย!”
มือเล็กคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อของรุ่นพี่หนุ่มพร้อมส่งสายตาวิบวับมาให้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหมอสาวทำเอาคนที่ถูกดักทุกทางได้แต่ยิ้มเจื่อน เพราะมันหมายถึงเขาหมดโอกาสที่จะสลัดเธอออกแล้ว
“อ่า งั้นเลี้ยงกาแฟพี่สักแก้วแล้วกันครับ”
“วันนี้พี่เกมส์อยู่เวรดึกไหมคะ”
“อ่าหะ แน่ะ ๆ นี่อย่าบอกนะว่าแอบไปสืบตารางเวรพี่มา”
“เปล่าค่ะ แต่ฟ้าใสจะได้ซื้อให้พี่ 2 แก้วเลยไง เอาให้ตาค้างไปยันพรุ่งนี้ตอนค่ำ ๆ เลย!”
เกมส์หัวเราะร่วนด้วยความขบขัน ยกมือขึ้นตบหน้าผากของรุ่นน้องเบา ๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อเธอทำหน้าหงิกแล้วพยายามจะดีดหน้าผากของเขาคืน
“ฮ่า ๆ ปีนเกลียวนะเราอะ! ไป ๆ เดินนำไปร้านกาแฟเลย เดี๋ยวจะได้เวลาที่พี่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว”
“พี่เกมส์ก็มีดีแค่แก่กว่าฟ้าใสเท่านั้นแหละ ชิ!”
ฟ้าใสทำปากยื่นใส่รุ่นพี่ที่ชอบกลั่นแกล้งเธอมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินนำอีกฝ่ายไปยังร้านกาแฟใต้ตึกอย่างแง่งอน
เธออุตส่าห์ใช้กาแฟตั้งสองแก้วง้างปาก ถ้ายังไม่ได้ข้อมูลเด็ด ๆ ละก็ เธอจะส่งบิลมาเก็บเงินย้อนหลัง!
สองชายหญิงเดินเคียงข้างพลางหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมไป โดยมีสายตาเรียบเฉยของใครบางคนมองตามอย่างไม่วางตา
“หึ! คลินิกมีก็ไม่ไปเฝ้า มัวแต่มาเฝ้าผู้ชายสินะ ยัยเด็กกะโปโล!”
เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าเอือมระอา ก่อนที่จะหันเหทิศทางการเดินของตัวเอง มาเป็นเส้นทางเดียวกันกับคนทั้งคู่ สงสัยต้องอบรมให้รู้จักหน้าที่กันสักหน่อยแล้ว!
“รับรองค่ะว่ามันจะไม่หวาดเสียวแบบเจ้าพวกนั้นหรอก”ฟ้าใสยืนยันเสียงหวานพลางกระชับมือที่เกาะกุมกันให้แนบแน่นขึ้น เข้าใจถึงความหวาดวิตกของคนข้างกายที่สีหน้าออกอาการอย่างชัดเจนว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเจ้าเครื่องเล่นพวกนี้อีกแล้วนัทก้าวเดินไปตามแรงฉุดของภรรยาอย่างว่าง่าย แม้ใจแกร่งจะยังสั่นไหวและหวาดหวั่นว่าจะถูกพาตัวไปทรมาน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มหวานหยดของคนอารมณ์ดีที่มีความมุ่งมั่นเขาก็ใจอ่อนแล้วยอมใจเธอโดยไม่มีข้อแม้เดินลัดเลาะตามทางเดินไม่นานภรรยาก็หยุดฝีเท้าลงก่อนหันมาคลี่ยิ้ม นัทกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วขมวดคิ้วงุนงง เมื่อพบว่าเธอพามาต่อแถวเพื่อใช้บริการเจ้าจักรยานน้ำลายการ์ตูนหลากสีสันที่ทะเลสาบซึ่งตั้งอยู่บริเวณโซนหน้าของสวนสนุกแม้แสงแดด จะยังร้อนอยู่พอสมควรทว่ายังดีที่มีสายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านนำเอาไอน้ำให้ลอยขึ้นมากระทบผิวกายบ้างเป็นระยะ ๆ บรรยากาศจึงไม่แย่นักกับการปั่นจักรยานน้ำในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน“ครั้งแรกที่ฟ้าใสได้มาปั่นจักรยานน้ำที่นี่ ก็คือตอนวันเกิดครบอายุเก้าขวบแหละ ตอนนั้นชอบมาก ๆ เลย ถึงขนาดอธิษฐานตอนเป่าเค้กเลยนะคะว่าขอให้พ่อกับแม่พาฟ้าใสมาอีกทุกปี แต่สุดท้ายมันก็เป็
กรี๊ดดดดเสียงกรี๊ดดังระงมไปทั่วบริเวณจนนัทนิ่วหน้า ยกนิ้วขึ้นมาอุดสองหูเพื่อปิดกั้นเสียงแหลม ๆ ของผู้คนที่กำลังถูกเครื่องเล่นเหวี่ยงสะบัดไปมาดวงตาคมกริบมองตามเครื่องเล่นตรงหน้าแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ มันที่มีลักษณะคล้ายเรือลำใหญ่ ทว่าเจ้าลำนี้กลับแล่นอยู่กลางอากาศแทนที่เป็นผืนน้ำ และมีผู้โดยสารเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นร่วมยี่สิบชีวิตที่กำลังกรีดร้องขอชีวิตกันดังลั่น“อ่า ฟะ...ฟ้าใสครับ พี่ว่าเราไปเล่นอันอื่นที่มัน เอ่อ ดูปลอดภัยกว่านี้ไหมครับ”นัทสะกิดหัวไหล่มนของภรรยาที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถเพื่อให้เข้ากับสถานที่แล้วคัดค้านเสียงอ่อนเสียงหวาน หวังจะเอาตัวเองให้รอดจากการถูกเหวี่ยงไปมาซ้ำ ๆ บนไอ้เครื่องนั้น แต่คนตรงหน้าก็ยังตั้งมั่นที่จะเล่นมันให้ได้“ลองอันนี้แหละค่ะ ดูจากแถวแล้วหนูว่ามันต้องสนุกแน่ ๆ เลย”“สนุกหรือสยองกันแน่วะ”นัทบ่นพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะรีบฉีกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร เมื่อภรรยาตวัดสายตามามองด้วยความสงสัย อย่าหาว่าเขาป้อดเลยนะ แต่ภาพของผู้โดยสารเซตก่อนหน้าที่ถลาลงมายืนเกาะต้นไม้แล้วอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายยังคงติดตาเขาอยู่เลยมือใหญ่ยกขึ้นปาดเ
คนมือไวรีบดันบราเซียร์สีขาวสะอาดตาขึ้นไปกองอยู่ใต้คางแล้วอ้าปากลงไปตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างหนักหน่วง“อา พะ...พอ พอเลยค่ะ อื้อออ”ฟ้าใสร้องห้ามปรามเสียงขาดกระท่อนกระแท่น พยายามรวบรวมสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงแล้วผลักใบหน้าคมคายออกจากสองเต้าอย่างแรง ใบหน้านวลแดงก่ำ สองมือสาละวนกับการดึงเสื้อผ้าขึ้นมาปิดบังเนื้อตัวด้วยความเขินอาย หากเป็นแสงสลัวแบบเมื่อคืนเธอคงปล่อยผ่าน แต่ว่าตอนนี้มันสว่างโร่ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาหลายกิโลจากการเร่งผลิตลูกน้อยคนที่สอง ส่งผลให้ร่างกายของเธอดูอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ซ้ำยังเต็มไปด้วยรอยแตกลายจนดูคล้ายแผนที่โลกเข้าไปทุกที“ฮืม ปิดทำไมละครับ”นัทเอ่ยถามเสียงนุ่มพลางดึงมือเล็กมาเกาะกุมแล้วยึดไว้แน่น คนส่ายหน้าไม่ยอมตอบแล้วรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เปิดช่องให้เขาก้มลงไปหอมแก้มนุ่มได้อย่างสบายใจ“ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไง พี่ก็รักหนูเหมือนเดิมนะ”ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรงระรัวทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างใบหู สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงแต่ก็แสร้งทำเป็นแง่งอนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย“ไม่ต้องมายกยอปอปั้นเลยค่ะ ห
แสงแดดสาดส่องเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านสีทึบซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ ตกกระทบลงบนใบหน้าหวานเข้าพอดิบพอดี ปลุกให้ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้นในในช่วงใกล้เที่ยงของวัน“อื้ออ”ความเมื่อยขบตรงเข้าโจมตีทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาได้ เธอค่อย ๆ ประคองร่างขึ้นมานั่งที่ปลายเตียงพลางชะโงกหน้าไปมองเปลนอนของลูกน้อยซึ่งอยู่ในห้องถัดไป พลันคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า“หายไปไหนทั้งพ่อทั้งลูกเนี้ย”ฟ้าใสพึมพำบ่นด้วยความไม่เข้าใจ ถึงแม้สามีจะตื่นก่อนเป็นปกติในทุกวัน ทว่าครั้งนี้มันแปลกไปตรงที่เขาไม่คิดแม้แต่จะปลุกเธอ มิหนำซ้ำยังหายตัวไปพร้อมกันทั้งพ่อและลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดมือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดคลุมที่ชายหนุ่มวางเตรียมไว้ให้บนปลายเตียงมาคลุมร่างเปลือยเปล่าแล้วมุ่งหน้าเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อชำระล้างคราบแห้งกรังที่สามีฝากรักไว้ให้เมื่อคืนเท้าเล็กเปลือยเปล่าก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวก่อนหยุดชะงักลงที่หน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตาเบิกกว้างฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบชุดเดรสสีครีมสุดละมุนจากแบรนด์ดังถูกแขวนไว้พร้อมกระดาษโน้ตใบเล็ก ชุดพิเศษ สำหรับคนพิเศษ ในวันพิเศษ
ใจดวงน้อยอ่อนยวบลงแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อนเว้าวอน แล้วไหนจะฝ่ามือที่กอบกุมแล้วเคล้นคลึงสองเต้าอย่างหนักหน่วงอีก “พี่นัท มะ...ไม่เอา อื้ออ”ฟ้าใสสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วร้ายสะกิดยอดถันผ่านเนื้อผ้าระรัว ร้องปรามได้ไม่กี่คำก็อ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ ปล่อยให้คนหื่นช้อนตัวขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วพาตัวกลับมายังเตียงนุ่มในที่สุดทันทีที่แผ่นหลังแนบไปกับเตียงนุ่ม ชุดนอนตัวบางก็ถูกคนใจร้อนดึงทึ้งจนขาดวิ่นหลุดติดมือก่อนจะปลิวหายไปอยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้องอย่างน่าสงสารปากร้อนพรมจูบไปตามเนินเนื้ออวบอิ่มที่เพิ่มขยายขึ้นตามน้ำหนักตัวของผู้เป็นแม่ แล้วย้ายมาตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างมูมมามจนเกิดเสียงลามกพร้อม ๆ กับเนื้ออ่อนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก“พี่นัท บะ...เบาหน่อยค่ะ อ๊ะ จะ...เจ็บ”ฟ้าใสครางกระเส่าพลางบิดเร่าร่างกายไปมา สะดุ้งเฮือก ๆ ยามฟันคมขบกัด เกิดเป็นความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่านที่แสนรัญจวนใจแตกต่างจากเวลาที่ลูกน้อยดูดดึงอย่างสิ้นเชิงเธอแอ่นกายเข้าหาสัมผัสวาบหวามพร้อมกับสอดมือเข้าใต้เรือนผมสีดำของสามีแล้วออกแรงกดให้ใบหน้าคมคายแนบไปกับเต้าอวบมากขึ้น ฟันคมขบกัดไปตามเนื้อนุ่ม
“อุแง แอะ แอ้!~”เสียงร้องไห้จ้าดังลั่นห้อง ทำเอาฟ้าใสที่เพิ่งผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อสิบนาทีก่อน ถึงกับสะดุ้งเฮือกสุดตัวด้วยความตกใจฟ้าใสลนลานหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ก่อนพุ่งตัวไปยังห้องนอนเล็กที่ถูกสร้างประตูเชื่อมแล้วเปิดทิ้งไว้เพื่อความสะดวกแก่การดูแลเด็กตัวน้อย ขาเรียวชะงักแล้วหยุดยื่นอยู่ตรงกรอบประตู ทอดมองสามีที่ยืนตระกองกอดลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษไว้ในอ้อมแขนแล้วเห่กล่อมอยู่ข้างเปลนอน ในขณะที่เนื้อตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่แล้วคลี่ยิ้มหวานออกมา“ชู่ววว ไม่เอาไม่ร้องน้า เอเอ๊~”“แอะ แอ้ มามาา”“จะหามาม๊าเหรอครับ มาม๊ายังหลับอยู่เลยครับ อยู่กับปะป๊าก่อนน้า”“แอะแอ้!”“หื้มม หนูเพิ่งจะขวบเดียวนะ ขี้นเสียงใส่ปะป๊าแล้วเหรอ”“มา หม่ำ!”นัทส่ายหน้ายิ้ม ๆ มองปากเล็กที่อ้า ๆ หุบ ๆ รอท่าอย่างน่ารักน่าชังแล้วรีบหันไปหยิบขวดนมซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เข้ามาเจอลูกสาววัยขวบเศษกำลังร้องไห้จ้ามายื่นให้ ส่งผลให้เสียงร้องงอแงเงียบลงทันควัน“ไม่รู้ไปได้นิสัยดื้อรั้นแล้วก็ชอบเถียงแบบนี้มาจากใครกันนะ หื้ม? ไอ้ตัวแสบ”นัทพึมพำบ่น ทอดมองเด็กโมโหหิวที่ตั้งหน้าต