กรุ้งกริ้งงงง
เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงด้ามจับของประตูสั่นไหวและส่งเสียงทุกครั้งที่มีคนผลักประตูบานนั้น ก่อนจะตามด้วยเสียงตะโกนต้อนรับของพนักงานที่ยืนหน้าแฉล้มอยู่หลังเคาน์เตอร์
“อ้าว สวัสดีค่ะหมอฟ้าใส วันนี้รับอะไรดีคะ”
ฟ้าใสปรี่เข้าไปเกาะเคาน์เตอร์พลางกวาดสายตามองเมนูอย่างเร็ว ๆ ก่อนจะเอ่ยสั่งเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่ว
“อ่า ขอคาราเมล มัลคิอาโตกับไอซ์ คาเฟ่ ลาเต้ 2 แก้วค่ะ”
แม้เธอจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว แต่ก็ยังคุ้นเคยกับบุคคลและสถานที่ และทุกคนยังให้การต้อนรับและทักทายอย่างอบอุ่นเหมือนเดิมเสมอ
“ได้ค่า ไซส์ปกตินะคะ”
“ค่ะ”
“เรียบร้อยค่า รอสักครู่นะคะ”
หลังชำระเงินไม่นานเครื่องดื่มสำหรับตัวเธอและรุ่นพี่ที่เธอลากมาสอบสวนก็เสร็จเรียบร้อย
ปากเล็กอ้าเตรียมจะร้องเรียกให้อีกฝ่ายมาช่วยกแต่ก็เห็นติดสายใครสักคนอยู่ มือเล็กจึงประคองถาดใส่แก้วเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกันทั้ง 3 แก้วด้วยตัวเองหมดเลย
เธอชำเลืองตามองรุ่นพี่ที่กดวางสายพอดิบพอดี ก่อนหย่อนสะโพกลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับเขาหวังไม่ให้อีกฝ่ายหนีกลางคัน ส่งสายตาวิบวับรอเสพข่าวสารอย่างกระตือรือร้น
เกมส์หัวเราะเบา ๆ นึกเอ็นดูในกิริยาของเธอไม่น้อย เพราะเธอคงลืมไปว่าอีกฝั่งของโซฟานั้น มีระยะห่างจากกระจกมากพอที่จะลุกหนีได้หากเขาต้องการจะทำจริง ๆ
แต่ไหน ๆ ก็เดินตามเธอมาถึงนี่แล้ว ถือซะว่ามาพักเบรกจากเรื่องเครียด ๆ สักหน่อยก็แล้วกัน
“ไม่ค่อยชอบกินเผือกเลยนะครับน้องฟ้าใส”
“อย่าเรียกว่าเผือกสิคะ ให้เรียกว่าให้ความสนใจดีกว่าค่ะ”
“ฮ่า ๆ มันก็คล้าย ๆ กันนั่นแหละ แล้วนี่อยากรู้เรื่องไหนก่อนระหว่างเรื่องไอ้นัทหรือเรื่องยัยนิล?”
“เรื่องของพี่นัท เอ้ย! ไม่ ๆ เอ่ออ ฟ้าใสหมายถึง ..... อ้อ! หมายถึงเรื่องที่พี่นัทไปเจอยัยนิลกับแฟนได้ยังไงน่ะค่ะ”
มือเล็กรีบคว้าแก้วของตัวเองขึ้นมาจิบอึกอึกแก้เก้อ ดวงตากลมโตเลิ่กลั่กเล็กน้อยหลังเผลอโพล่งความต้องการในใจออกมาอย่างลืมตัว
“นัทมันกลับมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว พอมาถึงไทยมันก็ไปค่ายอาสาเลย เพิ่งจะได้กลับมาทำงานกันก็วันนี้เนี้ยแหละ”
“อะแฮ่ม ๆ ฟ้าใสบอกว่า.... ฟ้าใสอยากรู้เรื่องของเพื่อนไงคะ”
ฟ้าใสกระแอมไอเบา ๆ แล้วทำหน้าเอือมใส่แหล่งข่าวที่เอาแต่พูดถึงเพื่อนตัวเองไม่หยุด แต่ถึงแม้ปากจะค้านออกไปแบบนั้น ทว่าใบหูกลับกางกระดิกดุ๊กดิ๊ก และเก็บทุกถ้อยคำที่รุ่นพี่พูดเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
“พี่ก็เท้าความให้ฟังอยู่นี่ไงครับ หึหึ”
“ไม่ต้องย้อนไปไกลก็ได้ค่ะ ฟ้าใสไม่อยากได้ยินชื่อของเพื่อนพี่สักเท่าไหร่”
พูดจบก็เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้หนึ่งที พอเห็นว่าเธอปลื้มเข้าหน่อยก็เล่นตัวโยกโย้ไม่ยอมตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ เธอก็ไม่อยากง้อเหมือนกันแหละ!
เกมส์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ หลังสัมผัสได้ถึงกระแสความน้อยใจที่เจืออยู่ในน้ำเสียงนั้น แถมรุ่นน้องหน้าใสก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิบเครื่องดื่มของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เผลอแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้าและแววตาจนหมดแล้ว
“ฮ่า ๆ ทำไม? เป็นอะไรไป? งอนไอ้นัทมันเหรอ?”
“ใครงอนคะ? ไม่มี๊! ตลกแล้วค่ะพี่เกมส์ จะให้ฟ้าใสไปงอนเพื่อนพี่ในฐานะอะไรไม่ทราบค่ะ คนรู้จักได้เป็นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยค่ะ”
ฟ้าใสทำหน้าเข้มประกอบอย่างจริงจัง เมื่อถูกถามแทงจุดสำคัญ คำพูดประชดประชันจึงพรั่งพรูออกมาจากปากยาวเหยียดอย่างลืมตัว
“นี่ชอบมันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ชอบแล้ว!”
“ไม่ได้ชอบแล้ว? ก็แสดงว่าเคยชอบน่ะสิ”
เธอทำตาโตหลังได้สติ สบสายตาล้อเลียนของรุ่นพี่แล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ทำเหมือนกับว่าสิ่งที่รุ่นพี่แซวนั้นน่าขันสิ้นดี
“ฮ่า ๆ ฟ้าใสก็ชอบคนเก่งทุกคนแหละค่ะ ใช่ ๆ แบบนั้นแหละค่ะ”
พูดจบก็นึกอยากจะยกมือขึ้นฟาดปากตัวเองจริง ๆ ที่ดั๊นปากรั่ว! แต่ก็ยังต้องรักษาอาการให้ดูสงบเสงี่ยมเอาไว้ก่อน
ฟ้าใสยกยิ้มบาง ๆ ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วเสมองออกไปด้านนอกร้าน ใจดวงน้อยกลับเต้นแรงระรัวจนเธอต้องแอบยกมือขึ้นตบมันเบา ๆ เพื่อปรามให้ใจเจ้ากรรมมันเลิกโวยวายเสียงดังเสียที
“เฮ้ออออ ความรู้สึกนี่มันห้ามกันไม่ได้จริงจริ้งงงงง”
“อย่ามาแซวนะพี่เกมส์!”
“เปล่าาาา พี่หมายถึงเรื่องนิลต่างหาก เรื่องที่นิลมีความรู้สึกให้ผู้ชายคนนั้นทั้ง ๆ ที่โสดมาตั้งหลายปีน่ะ หึหึ”
“อ้อ! อื้ออ ใช่ค่ะ แต่ก็ดีแล้วแหละค่ะที่ยัยนิลตกลงปลงใจได้สักที ฟ้าใสได้ยินมันพูดถึงเรื่องพี่คชามาสักพักใหญ่ ๆ ตั้งแต่ก่อนพี่นัทกลับมาแล้ว”
“อื้ม ใจหนึ่งพี่ก็สงสารฝั่งนู้นนะที่ได้ตัวอะไรไม่รู้ไปเป็นแฟน แต่อีกใจก็สงสารเพื่อนพี่ด้วยเหมือนกันที่มันอกหัก”
“หึ! เรื่องแค่นั้น ไม่สะเทือนจิตใจที่กล้าแกร่งดังหินผาของเพื่อนพี่เกมส์หรอกค่ะ! ทั้งด้านทั้งชาขนาดนั้น!”
เกมส์หัวเราะร่วน ขบขันรุ่นน้องที่กระแทกเสียงพร้อมกับทำสีหน้าราวกับโกรธแค้นอีกฝ่ายมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ทั้ง ๆ ที่แก้มนวลแดงระเรื่อและดวงตาเปล่งประกายวิบวับซะขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าพึงพอใจที่เพื่อนของเขายังนั่งเล่นอยู่บนคานอย่างมั่นคงมาก ๆ
“ฮ่า ๆ ตอนนี้ใจมันอ่อนแอจะตายไป น้องฟ้าใสไม่คิดจะไปปลอบใจหรือดูแลมันหน่อยเหรอครับบบบ”
“ไม่ค่ะ! ฟ้าใสเลิกสนใจคนนิสัยเสียแบบนั้นไปนานแล้วค่ะพี่เกมส์!”
สิ้นเสียงหวานใส ร่างสูงก็ก้าวมาหย่อนสะโพกลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับคนทั้งคู่ แล้วเอื้อมมือไปดึงเอาแก้วเครื่องดื่มมายึดไว้เป็นของตัวเองหนึ่งแก้วอย่างถือวิสาสะ
ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าเหลอหลาของหมอสาวก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“งั้นเหรอ?”
“รับรองค่ะว่ามันจะไม่หวาดเสียวแบบเจ้าพวกนั้นหรอก”ฟ้าใสยืนยันเสียงหวานพลางกระชับมือที่เกาะกุมกันให้แนบแน่นขึ้น เข้าใจถึงความหวาดวิตกของคนข้างกายที่สีหน้าออกอาการอย่างชัดเจนว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเจ้าเครื่องเล่นพวกนี้อีกแล้วนัทก้าวเดินไปตามแรงฉุดของภรรยาอย่างว่าง่าย แม้ใจแกร่งจะยังสั่นไหวและหวาดหวั่นว่าจะถูกพาตัวไปทรมาน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มหวานหยดของคนอารมณ์ดีที่มีความมุ่งมั่นเขาก็ใจอ่อนแล้วยอมใจเธอโดยไม่มีข้อแม้เดินลัดเลาะตามทางเดินไม่นานภรรยาก็หยุดฝีเท้าลงก่อนหันมาคลี่ยิ้ม นัทกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วขมวดคิ้วงุนงง เมื่อพบว่าเธอพามาต่อแถวเพื่อใช้บริการเจ้าจักรยานน้ำลายการ์ตูนหลากสีสันที่ทะเลสาบซึ่งตั้งอยู่บริเวณโซนหน้าของสวนสนุกแม้แสงแดด จะยังร้อนอยู่พอสมควรทว่ายังดีที่มีสายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านนำเอาไอน้ำให้ลอยขึ้นมากระทบผิวกายบ้างเป็นระยะ ๆ บรรยากาศจึงไม่แย่นักกับการปั่นจักรยานน้ำในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน“ครั้งแรกที่ฟ้าใสได้มาปั่นจักรยานน้ำที่นี่ ก็คือตอนวันเกิดครบอายุเก้าขวบแหละ ตอนนั้นชอบมาก ๆ เลย ถึงขนาดอธิษฐานตอนเป่าเค้กเลยนะคะว่าขอให้พ่อกับแม่พาฟ้าใสมาอีกทุกปี แต่สุดท้ายมันก็เป็
กรี๊ดดดดเสียงกรี๊ดดังระงมไปทั่วบริเวณจนนัทนิ่วหน้า ยกนิ้วขึ้นมาอุดสองหูเพื่อปิดกั้นเสียงแหลม ๆ ของผู้คนที่กำลังถูกเครื่องเล่นเหวี่ยงสะบัดไปมาดวงตาคมกริบมองตามเครื่องเล่นตรงหน้าแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ มันที่มีลักษณะคล้ายเรือลำใหญ่ ทว่าเจ้าลำนี้กลับแล่นอยู่กลางอากาศแทนที่เป็นผืนน้ำ และมีผู้โดยสารเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นร่วมยี่สิบชีวิตที่กำลังกรีดร้องขอชีวิตกันดังลั่น“อ่า ฟะ...ฟ้าใสครับ พี่ว่าเราไปเล่นอันอื่นที่มัน เอ่อ ดูปลอดภัยกว่านี้ไหมครับ”นัทสะกิดหัวไหล่มนของภรรยาที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถเพื่อให้เข้ากับสถานที่แล้วคัดค้านเสียงอ่อนเสียงหวาน หวังจะเอาตัวเองให้รอดจากการถูกเหวี่ยงไปมาซ้ำ ๆ บนไอ้เครื่องนั้น แต่คนตรงหน้าก็ยังตั้งมั่นที่จะเล่นมันให้ได้“ลองอันนี้แหละค่ะ ดูจากแถวแล้วหนูว่ามันต้องสนุกแน่ ๆ เลย”“สนุกหรือสยองกันแน่วะ”นัทบ่นพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะรีบฉีกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร เมื่อภรรยาตวัดสายตามามองด้วยความสงสัย อย่าหาว่าเขาป้อดเลยนะ แต่ภาพของผู้โดยสารเซตก่อนหน้าที่ถลาลงมายืนเกาะต้นไม้แล้วอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายยังคงติดตาเขาอยู่เลยมือใหญ่ยกขึ้นปาดเ
คนมือไวรีบดันบราเซียร์สีขาวสะอาดตาขึ้นไปกองอยู่ใต้คางแล้วอ้าปากลงไปตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างหนักหน่วง“อา พะ...พอ พอเลยค่ะ อื้อออ”ฟ้าใสร้องห้ามปรามเสียงขาดกระท่อนกระแท่น พยายามรวบรวมสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงแล้วผลักใบหน้าคมคายออกจากสองเต้าอย่างแรง ใบหน้านวลแดงก่ำ สองมือสาละวนกับการดึงเสื้อผ้าขึ้นมาปิดบังเนื้อตัวด้วยความเขินอาย หากเป็นแสงสลัวแบบเมื่อคืนเธอคงปล่อยผ่าน แต่ว่าตอนนี้มันสว่างโร่ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาหลายกิโลจากการเร่งผลิตลูกน้อยคนที่สอง ส่งผลให้ร่างกายของเธอดูอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ซ้ำยังเต็มไปด้วยรอยแตกลายจนดูคล้ายแผนที่โลกเข้าไปทุกที“ฮืม ปิดทำไมละครับ”นัทเอ่ยถามเสียงนุ่มพลางดึงมือเล็กมาเกาะกุมแล้วยึดไว้แน่น คนส่ายหน้าไม่ยอมตอบแล้วรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เปิดช่องให้เขาก้มลงไปหอมแก้มนุ่มได้อย่างสบายใจ“ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไง พี่ก็รักหนูเหมือนเดิมนะ”ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรงระรัวทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างใบหู สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงแต่ก็แสร้งทำเป็นแง่งอนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย“ไม่ต้องมายกยอปอปั้นเลยค่ะ ห
แสงแดดสาดส่องเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านสีทึบซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ ตกกระทบลงบนใบหน้าหวานเข้าพอดิบพอดี ปลุกให้ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้นในในช่วงใกล้เที่ยงของวัน“อื้ออ”ความเมื่อยขบตรงเข้าโจมตีทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาได้ เธอค่อย ๆ ประคองร่างขึ้นมานั่งที่ปลายเตียงพลางชะโงกหน้าไปมองเปลนอนของลูกน้อยซึ่งอยู่ในห้องถัดไป พลันคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า“หายไปไหนทั้งพ่อทั้งลูกเนี้ย”ฟ้าใสพึมพำบ่นด้วยความไม่เข้าใจ ถึงแม้สามีจะตื่นก่อนเป็นปกติในทุกวัน ทว่าครั้งนี้มันแปลกไปตรงที่เขาไม่คิดแม้แต่จะปลุกเธอ มิหนำซ้ำยังหายตัวไปพร้อมกันทั้งพ่อและลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดมือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดคลุมที่ชายหนุ่มวางเตรียมไว้ให้บนปลายเตียงมาคลุมร่างเปลือยเปล่าแล้วมุ่งหน้าเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อชำระล้างคราบแห้งกรังที่สามีฝากรักไว้ให้เมื่อคืนเท้าเล็กเปลือยเปล่าก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวก่อนหยุดชะงักลงที่หน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตาเบิกกว้างฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบชุดเดรสสีครีมสุดละมุนจากแบรนด์ดังถูกแขวนไว้พร้อมกระดาษโน้ตใบเล็ก ชุดพิเศษ สำหรับคนพิเศษ ในวันพิเศษ
ใจดวงน้อยอ่อนยวบลงแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อนเว้าวอน แล้วไหนจะฝ่ามือที่กอบกุมแล้วเคล้นคลึงสองเต้าอย่างหนักหน่วงอีก “พี่นัท มะ...ไม่เอา อื้ออ”ฟ้าใสสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วร้ายสะกิดยอดถันผ่านเนื้อผ้าระรัว ร้องปรามได้ไม่กี่คำก็อ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ ปล่อยให้คนหื่นช้อนตัวขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วพาตัวกลับมายังเตียงนุ่มในที่สุดทันทีที่แผ่นหลังแนบไปกับเตียงนุ่ม ชุดนอนตัวบางก็ถูกคนใจร้อนดึงทึ้งจนขาดวิ่นหลุดติดมือก่อนจะปลิวหายไปอยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้องอย่างน่าสงสารปากร้อนพรมจูบไปตามเนินเนื้ออวบอิ่มที่เพิ่มขยายขึ้นตามน้ำหนักตัวของผู้เป็นแม่ แล้วย้ายมาตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างมูมมามจนเกิดเสียงลามกพร้อม ๆ กับเนื้ออ่อนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก“พี่นัท บะ...เบาหน่อยค่ะ อ๊ะ จะ...เจ็บ”ฟ้าใสครางกระเส่าพลางบิดเร่าร่างกายไปมา สะดุ้งเฮือก ๆ ยามฟันคมขบกัด เกิดเป็นความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่านที่แสนรัญจวนใจแตกต่างจากเวลาที่ลูกน้อยดูดดึงอย่างสิ้นเชิงเธอแอ่นกายเข้าหาสัมผัสวาบหวามพร้อมกับสอดมือเข้าใต้เรือนผมสีดำของสามีแล้วออกแรงกดให้ใบหน้าคมคายแนบไปกับเต้าอวบมากขึ้น ฟันคมขบกัดไปตามเนื้อนุ่ม
“อุแง แอะ แอ้!~”เสียงร้องไห้จ้าดังลั่นห้อง ทำเอาฟ้าใสที่เพิ่งผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อสิบนาทีก่อน ถึงกับสะดุ้งเฮือกสุดตัวด้วยความตกใจฟ้าใสลนลานหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ก่อนพุ่งตัวไปยังห้องนอนเล็กที่ถูกสร้างประตูเชื่อมแล้วเปิดทิ้งไว้เพื่อความสะดวกแก่การดูแลเด็กตัวน้อย ขาเรียวชะงักแล้วหยุดยื่นอยู่ตรงกรอบประตู ทอดมองสามีที่ยืนตระกองกอดลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษไว้ในอ้อมแขนแล้วเห่กล่อมอยู่ข้างเปลนอน ในขณะที่เนื้อตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่แล้วคลี่ยิ้มหวานออกมา“ชู่ววว ไม่เอาไม่ร้องน้า เอเอ๊~”“แอะ แอ้ มามาา”“จะหามาม๊าเหรอครับ มาม๊ายังหลับอยู่เลยครับ อยู่กับปะป๊าก่อนน้า”“แอะแอ้!”“หื้มม หนูเพิ่งจะขวบเดียวนะ ขี้นเสียงใส่ปะป๊าแล้วเหรอ”“มา หม่ำ!”นัทส่ายหน้ายิ้ม ๆ มองปากเล็กที่อ้า ๆ หุบ ๆ รอท่าอย่างน่ารักน่าชังแล้วรีบหันไปหยิบขวดนมซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เข้ามาเจอลูกสาววัยขวบเศษกำลังร้องไห้จ้ามายื่นให้ ส่งผลให้เสียงร้องงอแงเงียบลงทันควัน“ไม่รู้ไปได้นิสัยดื้อรั้นแล้วก็ชอบเถียงแบบนี้มาจากใครกันนะ หื้ม? ไอ้ตัวแสบ”นัทพึมพำบ่น ทอดมองเด็กโมโหหิวที่ตั้งหน้าต