“นั่งกินดี ๆ ไม่ได้ใช่ไหม เลยต้องอาบมันเนี้ย ฮือออ”
มือเล็กวักน้ำจากก๊อกมาทำความสะอาดตามเรียวขาขาว พลางนึกบ่นทั้งตัวเองและบ่นใครอีกคนไปด้วย เธอไม่ได้อยากจะซุ่มซ่ามทำหกรดตัวเองซะหน่อย ก็ใครใช้ให้มาจู่โจมเธอแบบนั้นล่ะ!
ฟ้าใสแบะปากคว่ำเมื่อใบหน้าดุ ๆ ของรุ่นพี่ลอยเข้ามาในหัว แต่พอเผลอนึกไปถึงสัมผัสอบอุ่นนั้น พลันแก้มนวลก็แดงระเรื่อขึ้นพร้อมกับใจดวงน้อยที่พาลเต้นแรงขึ้นมาอีกระลอก
อยากให้เขาพูดดี ๆ ด้วย อยากให้เขาจับ อยากให้เขาสัมผัสอีก โอ๊ย ได้สักทีจะเป็นพระคุณ!
มือเล็กยกขึ้นทาบลงบนหน้าอกพลางหลับตาลง สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วแรงและแทบไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอของมันแล้วรำพึงรำพันเบา ๆ
“ตาย ๆ ๆ ๆ ฉันว่าฉันต้องไปตรวจร่างกายบ้างแล้ว!”
หลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมเป็นครั้งสุดท้าย หญิงสาวก็เดินฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี
มานั่งนึก ๆ ดูแล้ว ถึงเธอจะซุ่มซ่ามจนทำคาราเมลหกรดใส่ตัวเองจนเปียกไปหมด แต่ถ้าแลกกับการถูกพี่นัทลูบหัว เธอก็ว่ามันคุ้มแล้วแหละ!
รถยนต์คันหรูค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนที่แสนติดขัดอย่างเชื่องช้า หากเป็นเวลาปกติเธอคงหงุดหงิด แต่วันนี้มันไม่ปกติ!
“ได้ยินไหม หัวใจฉัน มันกำลังบอกรักกกก รักเธออยู่~ “
ปากเล็กเอื้อนเอ่ยเนื้อเพลงออกมาเป็นทำนองเคล้าคลอไปกับเพลงที่ดังลอยออกมาจากลำโพง ร้องไปก็หน้าแดงด้วยความเขินอายไป เมื่อเนื้อเพลงมันช่างตรงกับความในใจของเธอเหลือเกิน
เฮ้อออ ได้ยินไหมพี่นัท ได้ยินไหมว่าฟ้าใสชอบพี่!
อยากจะเดินเข้าไปตะโกนใส่หน้าคนสองมาตรฐานนั่นดัง ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่พอถึงเวลาจริงเธอก็ทำได้แค่ตะโกนอยู่ในใจ
ใช้เวลาติดแหงกอยู่บนท้องถนนนานกว่า 2 ชั่วโมง ฟ้าใสก็ขับรถกลับมาถึงคฤหาสน์ของครอบครัวในที่สุด
ขาเรียวก้าวฉับ ๆ เข้ามาด้านในพลางกวาดสายตามองหาลูกรักของเธอไปด้วย แต่ก็เจอเพียงหญิงสูงวัยที่วิ่งออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าตื่น ๆ
“คุณหนู! กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“ค่ะ”
ฟ้าใสตั้งท่าจะเดินขึ้นไปพักผ่อนบนห้องแต่พอสบกับสายตาเป็นห่วงเป็นใยของแสงดาว แม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ เธอจึงชะงักฝีเท้าแล้วหันไปเอียงคอมองเป็นเชิงถาม
“นมมีอะไรอยากจะคุยกับฟ้าใสหรือเปล่าคะ”
“เอ่ออ คือ...คุณท่านเรียกหาเจ้าค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ คนนั้นถึงอยากจะเจอกับฟ้าใส”
“นมไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่คุณท่านเรียกหาคุณหนูตั้งแต่สาย ๆ แล้ว นมโทรหาแต่ก็ติดต่อคุณหนูไม่ได้เลย”
ฟ้าใสทำหน้างุนงงพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงเพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือสีชมพูมุ้งมิ้ง พลันคิ้วเรียวก็มุ่นเข้าหากันจนเป็นปมยุ่งเหยิงเมื่อพบว่าข้างในนั้นว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของเจ้าเครื่องมือสื่อสาร
หายอีกเครื่องแล้วเหรอ? นี่มันรุ่นล่าสุดเลยนะ เธอยังใช้ไม่คุ้มเงินที่จ่ายไปเลยนะ!
“สงสัยจะทำหล่นอีกแล้วค่ะ นมคะ ฟ้าใสขอยืมมือถือหน่อยได้ไหมคะ”
“นี่เจ้าค่ะ”
ฟ้าใสรับโทรศัพท์ยุคดึกดำบรรพ์ที่รองรับ 3G เป็นรุ่นแรก ๆ มากดต่อสายหาเบอร์ของตัวเอง
ใจดวงน้อยเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขณะฟังเสียงรอสายที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ก็ได้แต่หวังว่าถ้าคนที่เก็บไปนั้นเป็นคนดีมากพอ เธอก็อาจมีหวังที่จะได้มันคืน
ในจังหวะที่สายที่สามกำลังจะถูกตัดไปนั้น ปลายสายก็กดรับสายในที่สุดก่อนจะตามด้วยเสียงทุ้มนุ่มของผู้ตอบรับ
( สวัสดีครับ )
“....”
น้ำเสียงคุ้นหูดังลอยออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์ ทำเอาฟ้าใสนิ่งงันไปชั่วขณะด้วยความไม่แน่ใจว่า 'ใช่' หรือเธอแค่หมกมุ่นไปเอง
( สวัสดีครับ ได้ยินผมไหมครับ )
“พะ...พี่ พี่นัทเหรอคะ?”
( ไง ยัยเด็กไม่เต็มบาท )
ชัด! ชัดเลย! ประโยคร้ายกาจแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้อีก! นอกจากรุ่นพี่ผู้สองมาตรฐานของเธอนั่นเอง ว่าแต่โทรศัพท์ของเธอไปอยู่กับเขาได้ยังไงเนี้ย?
“โทรศัพท์ฟ้าใสไปอยู่กับพี่ได้ยังไงคะ”
( หยิบมา )
“ไม่ยักรู้ว่าพี่นัทรับอาชีพเสริมด้วย”
( คุณนภาสินีครับ คุณแน่ใจเหรอว่าจะพูดกับผู้มีพระคุณแบบนี้ )
ฟ้าใสถึงกับกลอกตามองบนให้กับประโยคที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ทว่าเธอรู้ว่านั่นคือการประชดประชันของเขา
ดู๊ดู! พูดจากับเธอทีไรก็แบบนี้ตลอดเลย จะไม่ให้เธอน้อยใจได้อย่างไร
“กราบขอบพระคุณคุณณัฐพลมาก ๆ นะเจ้าคะที่เก็บโทรศัพท์เอาไว้ให้ ไม่ทราบว่าคุณณัฐพลสะดวกจะให้นภาสินีคนนี้ ไปรับคืนได้ที่ไหนคะ ที่โรงพยาบาลได้เลยไหมคะ”
( คอนโดเอสตอนสามทุ่ม พี่มีผ่าตัดแค่นี้ก่อนนะ)
ติ้ด!
แล้วสายก็ถูกตัดไปเลยโดยที่ฟ้าใสยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เพราะมัวแต่ตกตะลึงกับชื่อของสถานที่ที่เขาเพิ่งแจ้งมา
คอนโด S?
กรี๊ดดด พี่นัทชวนฉันขึ้นคอนโด!
“รับรองค่ะว่ามันจะไม่หวาดเสียวแบบเจ้าพวกนั้นหรอก”ฟ้าใสยืนยันเสียงหวานพลางกระชับมือที่เกาะกุมกันให้แนบแน่นขึ้น เข้าใจถึงความหวาดวิตกของคนข้างกายที่สีหน้าออกอาการอย่างชัดเจนว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเจ้าเครื่องเล่นพวกนี้อีกแล้วนัทก้าวเดินไปตามแรงฉุดของภรรยาอย่างว่าง่าย แม้ใจแกร่งจะยังสั่นไหวและหวาดหวั่นว่าจะถูกพาตัวไปทรมาน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มหวานหยดของคนอารมณ์ดีที่มีความมุ่งมั่นเขาก็ใจอ่อนแล้วยอมใจเธอโดยไม่มีข้อแม้เดินลัดเลาะตามทางเดินไม่นานภรรยาก็หยุดฝีเท้าลงก่อนหันมาคลี่ยิ้ม นัทกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วขมวดคิ้วงุนงง เมื่อพบว่าเธอพามาต่อแถวเพื่อใช้บริการเจ้าจักรยานน้ำลายการ์ตูนหลากสีสันที่ทะเลสาบซึ่งตั้งอยู่บริเวณโซนหน้าของสวนสนุกแม้แสงแดด จะยังร้อนอยู่พอสมควรทว่ายังดีที่มีสายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านนำเอาไอน้ำให้ลอยขึ้นมากระทบผิวกายบ้างเป็นระยะ ๆ บรรยากาศจึงไม่แย่นักกับการปั่นจักรยานน้ำในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน“ครั้งแรกที่ฟ้าใสได้มาปั่นจักรยานน้ำที่นี่ ก็คือตอนวันเกิดครบอายุเก้าขวบแหละ ตอนนั้นชอบมาก ๆ เลย ถึงขนาดอธิษฐานตอนเป่าเค้กเลยนะคะว่าขอให้พ่อกับแม่พาฟ้าใสมาอีกทุกปี แต่สุดท้ายมันก็เป็
กรี๊ดดดดเสียงกรี๊ดดังระงมไปทั่วบริเวณจนนัทนิ่วหน้า ยกนิ้วขึ้นมาอุดสองหูเพื่อปิดกั้นเสียงแหลม ๆ ของผู้คนที่กำลังถูกเครื่องเล่นเหวี่ยงสะบัดไปมาดวงตาคมกริบมองตามเครื่องเล่นตรงหน้าแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ มันที่มีลักษณะคล้ายเรือลำใหญ่ ทว่าเจ้าลำนี้กลับแล่นอยู่กลางอากาศแทนที่เป็นผืนน้ำ และมีผู้โดยสารเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นร่วมยี่สิบชีวิตที่กำลังกรีดร้องขอชีวิตกันดังลั่น“อ่า ฟะ...ฟ้าใสครับ พี่ว่าเราไปเล่นอันอื่นที่มัน เอ่อ ดูปลอดภัยกว่านี้ไหมครับ”นัทสะกิดหัวไหล่มนของภรรยาที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถเพื่อให้เข้ากับสถานที่แล้วคัดค้านเสียงอ่อนเสียงหวาน หวังจะเอาตัวเองให้รอดจากการถูกเหวี่ยงไปมาซ้ำ ๆ บนไอ้เครื่องนั้น แต่คนตรงหน้าก็ยังตั้งมั่นที่จะเล่นมันให้ได้“ลองอันนี้แหละค่ะ ดูจากแถวแล้วหนูว่ามันต้องสนุกแน่ ๆ เลย”“สนุกหรือสยองกันแน่วะ”นัทบ่นพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะรีบฉีกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร เมื่อภรรยาตวัดสายตามามองด้วยความสงสัย อย่าหาว่าเขาป้อดเลยนะ แต่ภาพของผู้โดยสารเซตก่อนหน้าที่ถลาลงมายืนเกาะต้นไม้แล้วอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายยังคงติดตาเขาอยู่เลยมือใหญ่ยกขึ้นปาดเ
คนมือไวรีบดันบราเซียร์สีขาวสะอาดตาขึ้นไปกองอยู่ใต้คางแล้วอ้าปากลงไปตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างหนักหน่วง“อา พะ...พอ พอเลยค่ะ อื้อออ”ฟ้าใสร้องห้ามปรามเสียงขาดกระท่อนกระแท่น พยายามรวบรวมสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงแล้วผลักใบหน้าคมคายออกจากสองเต้าอย่างแรง ใบหน้านวลแดงก่ำ สองมือสาละวนกับการดึงเสื้อผ้าขึ้นมาปิดบังเนื้อตัวด้วยความเขินอาย หากเป็นแสงสลัวแบบเมื่อคืนเธอคงปล่อยผ่าน แต่ว่าตอนนี้มันสว่างโร่ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาหลายกิโลจากการเร่งผลิตลูกน้อยคนที่สอง ส่งผลให้ร่างกายของเธอดูอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ซ้ำยังเต็มไปด้วยรอยแตกลายจนดูคล้ายแผนที่โลกเข้าไปทุกที“ฮืม ปิดทำไมละครับ”นัทเอ่ยถามเสียงนุ่มพลางดึงมือเล็กมาเกาะกุมแล้วยึดไว้แน่น คนส่ายหน้าไม่ยอมตอบแล้วรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เปิดช่องให้เขาก้มลงไปหอมแก้มนุ่มได้อย่างสบายใจ“ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไง พี่ก็รักหนูเหมือนเดิมนะ”ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรงระรัวทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างใบหู สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงแต่ก็แสร้งทำเป็นแง่งอนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย“ไม่ต้องมายกยอปอปั้นเลยค่ะ ห
แสงแดดสาดส่องเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านสีทึบซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ ตกกระทบลงบนใบหน้าหวานเข้าพอดิบพอดี ปลุกให้ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้นในในช่วงใกล้เที่ยงของวัน“อื้ออ”ความเมื่อยขบตรงเข้าโจมตีทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาได้ เธอค่อย ๆ ประคองร่างขึ้นมานั่งที่ปลายเตียงพลางชะโงกหน้าไปมองเปลนอนของลูกน้อยซึ่งอยู่ในห้องถัดไป พลันคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า“หายไปไหนทั้งพ่อทั้งลูกเนี้ย”ฟ้าใสพึมพำบ่นด้วยความไม่เข้าใจ ถึงแม้สามีจะตื่นก่อนเป็นปกติในทุกวัน ทว่าครั้งนี้มันแปลกไปตรงที่เขาไม่คิดแม้แต่จะปลุกเธอ มิหนำซ้ำยังหายตัวไปพร้อมกันทั้งพ่อและลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดมือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดคลุมที่ชายหนุ่มวางเตรียมไว้ให้บนปลายเตียงมาคลุมร่างเปลือยเปล่าแล้วมุ่งหน้าเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อชำระล้างคราบแห้งกรังที่สามีฝากรักไว้ให้เมื่อคืนเท้าเล็กเปลือยเปล่าก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวก่อนหยุดชะงักลงที่หน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตาเบิกกว้างฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบชุดเดรสสีครีมสุดละมุนจากแบรนด์ดังถูกแขวนไว้พร้อมกระดาษโน้ตใบเล็ก ชุดพิเศษ สำหรับคนพิเศษ ในวันพิเศษ
ใจดวงน้อยอ่อนยวบลงแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อนเว้าวอน แล้วไหนจะฝ่ามือที่กอบกุมแล้วเคล้นคลึงสองเต้าอย่างหนักหน่วงอีก “พี่นัท มะ...ไม่เอา อื้ออ”ฟ้าใสสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วร้ายสะกิดยอดถันผ่านเนื้อผ้าระรัว ร้องปรามได้ไม่กี่คำก็อ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ ปล่อยให้คนหื่นช้อนตัวขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วพาตัวกลับมายังเตียงนุ่มในที่สุดทันทีที่แผ่นหลังแนบไปกับเตียงนุ่ม ชุดนอนตัวบางก็ถูกคนใจร้อนดึงทึ้งจนขาดวิ่นหลุดติดมือก่อนจะปลิวหายไปอยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้องอย่างน่าสงสารปากร้อนพรมจูบไปตามเนินเนื้ออวบอิ่มที่เพิ่มขยายขึ้นตามน้ำหนักตัวของผู้เป็นแม่ แล้วย้ายมาตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างมูมมามจนเกิดเสียงลามกพร้อม ๆ กับเนื้ออ่อนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก“พี่นัท บะ...เบาหน่อยค่ะ อ๊ะ จะ...เจ็บ”ฟ้าใสครางกระเส่าพลางบิดเร่าร่างกายไปมา สะดุ้งเฮือก ๆ ยามฟันคมขบกัด เกิดเป็นความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่านที่แสนรัญจวนใจแตกต่างจากเวลาที่ลูกน้อยดูดดึงอย่างสิ้นเชิงเธอแอ่นกายเข้าหาสัมผัสวาบหวามพร้อมกับสอดมือเข้าใต้เรือนผมสีดำของสามีแล้วออกแรงกดให้ใบหน้าคมคายแนบไปกับเต้าอวบมากขึ้น ฟันคมขบกัดไปตามเนื้อนุ่ม
“อุแง แอะ แอ้!~”เสียงร้องไห้จ้าดังลั่นห้อง ทำเอาฟ้าใสที่เพิ่งผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อสิบนาทีก่อน ถึงกับสะดุ้งเฮือกสุดตัวด้วยความตกใจฟ้าใสลนลานหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ก่อนพุ่งตัวไปยังห้องนอนเล็กที่ถูกสร้างประตูเชื่อมแล้วเปิดทิ้งไว้เพื่อความสะดวกแก่การดูแลเด็กตัวน้อย ขาเรียวชะงักแล้วหยุดยื่นอยู่ตรงกรอบประตู ทอดมองสามีที่ยืนตระกองกอดลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษไว้ในอ้อมแขนแล้วเห่กล่อมอยู่ข้างเปลนอน ในขณะที่เนื้อตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่แล้วคลี่ยิ้มหวานออกมา“ชู่ววว ไม่เอาไม่ร้องน้า เอเอ๊~”“แอะ แอ้ มามาา”“จะหามาม๊าเหรอครับ มาม๊ายังหลับอยู่เลยครับ อยู่กับปะป๊าก่อนน้า”“แอะแอ้!”“หื้มม หนูเพิ่งจะขวบเดียวนะ ขี้นเสียงใส่ปะป๊าแล้วเหรอ”“มา หม่ำ!”นัทส่ายหน้ายิ้ม ๆ มองปากเล็กที่อ้า ๆ หุบ ๆ รอท่าอย่างน่ารักน่าชังแล้วรีบหันไปหยิบขวดนมซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เข้ามาเจอลูกสาววัยขวบเศษกำลังร้องไห้จ้ามายื่นให้ ส่งผลให้เสียงร้องงอแงเงียบลงทันควัน“ไม่รู้ไปได้นิสัยดื้อรั้นแล้วก็ชอบเถียงแบบนี้มาจากใครกันนะ หื้ม? ไอ้ตัวแสบ”นัทพึมพำบ่น ทอดมองเด็กโมโหหิวที่ตั้งหน้าต