ทิชชูชิ้นดังกล่าวถูกจับยัดเอามาในปากเล็กโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะตามมาด้วยประโยคสั้น ๆ ทว่ากลับสามารถทำลายบรรยากาศดี ๆ ให้ย่อยยับลงได้ในพริบตาเดียว
“ยัยเด็กไม่เต็มบาท!”
ภาพในจินตนาการพังทลายลงจนแตกละเอียดยิบไม่มีชิ้นดีทันที!
จากที่วาดฝันไว้ว่าชายหนุ่มจะใช้ทิชชูเช็ดปากให้อย่างอ่อนโยน คนทั้งคู่จะตกอยู่ในภวังค์แห่งรักของกันและกัน แล้วเขาก็จะค่อย ๆ รั้งตัวเธอเข้าไปใกล้เพื่อมอบจุมพิตอันแสนหวานให้ ตามฉากในซีรี่ส์เกาหลีที่เธอชอบดู
แต่ไหงกลับกลายเป็นไอ้ทิชชูชิ้นนั้นดันถูกยัดเข้ามาในปากของเธอ แทนที่จะเป็นปากหนาหยักได้รูปที่ดูแล้วน่าจะมีสัมผัสนุ่ม ๆ นั่นล่ะ ทำไม!?
ฟ้าใสรีบคายกระดาษทิชชูที่ยับยู่ยี่และเปียกชื้นลงบนถาดทันทีที่ได้สติ เธอตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่รุ่นพี่ก่อนจะหยิบทิชชูสะอาดอีกแผ่นมาเช็ดคราบน้ำลายผสมฟองนมที่เปรอะตามรอบขอบปากออกอย่างลวก ๆ
“พี่นัท! ทำอะไรของพี่เนี้ย!?”
“พี่แค่จะทิ้งขยะ”
“ทิ้งขยะก็เอาไปทิ้งตรงนู้นสิ! เอามาทิ้งอะไรในปากฟ้าใส!”
“อ้าว ไม่ได้เหรอ?”
“นี่จะหลอกด่าว่าปากฟ้าใสเหมือนถังขยะเหรอคะ?”
“พี่ยังไม่ได้พูดซะหน่อย หึหึ”
ฟ้าใสพ่นลมหายใจออกแรง ๆ พลางกลอกตามองบนใส่รุ่นพี่อย่างเหลืออด ทำไมกับเพื่อนของเธอนี่พูดจาไพเราะมีหางเสียงที่ลงท้ายด้วยครับ ๆ ทุกคำ แต่ดูคำที่ใช้พูดจากับเธอสิ จะมีคำว่าครับก็ต่อเมื่อประชดประชันหรือหลอกด่าเธอเท่านั้นแหละ
“สองมาตรฐาน!”
ฟ้าใสชำเลืองมองพลางทำปากขมุบขมิบก่นด่าเสียงแผ่วเบา ฮึ้ย! ที่เธอเคยชม ๆ ไปนั้นว่าหล่อว่าดี เธอขอถอนคำพูด!
นัทมองท่าทีเกรี้ยวกราดของหมอสาวแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ นึกเอ็นดูคนงอน ก่อนจะผลักแก้วกระดาษที่บรรจุน้ำเปล่าอยู่ด้านในให้เธอได้ดื่มเพื่อล้างปาก
มือเล็กรีบหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มอึกอึก เพื่อไล่เศษไยของทิชชูบางส่วนที่ติดตามปลายลิ้นให้ลื่นไหลลงคอไปด้วยกัน จะให้เธอมานั่งขูดลิ้นต่อหน้าผู้ชายที่หมายปองก็ยังไงอยู่ เพราะถ้าเป็นผู้ชายมึน ๆ แบบพี่เกมส์ก็ว่าไปอย่าง
“แล้วนี่มาทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
“ฟ้าใสมาหาพี่นะ ...”
เสียงหวานหลุบหายไปในลำคอทันทีหลังเกือบหลุดปากพูดจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา เธอสบเข้าสายตาคำถามของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องเธอตาเขม็งแล้วออกอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อย
“เอ่อ...พี่.... พี่เกมส์ ใช่ค่ะ! ฟ้าใสมาหาพี่เกมส์ค่ะ!”
เกือบไปแล้วววว! ยังดีที่ยั้งปากทัน! จะบอกว่ามาหายัยนิลก็เดี๋ยวถูกสงสัยอีกว่าแล้วทำไมมานั่งกับพี่เกมส์ได้ งั้นเอารายนั้นมาเป็นข้ออ้างไปก่อนก็แล้วกัน
นัทหัวเราะดังขึ้นเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้รับ จะมาหาเพื่อนเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาเห็นเธอเดินเตร็ดเตร่อยู่บนตึกผู้ป่วยศัลยกรรมชัด ๆ
“คิดถึงพี่เหรอ?”
“ค่ะ เฮ้ย! ไม่! ไม่ใช่!”
“หึหึ”
ยิ่งเห็นคนตรงหน้าออกอาการมากเท่าไหร่ นัทก็ยิ่งอยากจะไล่ต้อนคนชอบแถให้จนมุมมากขึ้น เพราะเขาเข้ามาในร้านไล่หลังกับเธอเพียงนิดเดียวเท่านั้น บทสนทนาต่าง ๆ จึงลอยเข้าหูเขาทั้งหมด
ในเรื่องความรู้สึกที่ฟ้าใสมีต่อเขานั้น ต่อให้เธอไม่พูดออกมา สีหน้าและแววตาเธอก็บอกอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เอ็นดูรุ่นน้องคนนี้ เพียงแต่เขานึกเอ็นดูในแบบพี่เอ็นดูน้องเท่านั้น
เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือการดูแลรักษาและต่อชีวิตให้กับผู้อื่น แล้วไอ้ความซุ่มซ่ามป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ของเธอเนี้ย มันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียอยู่บ่อย ๆ จนต้องคอยมองเธอตลอดเวลาเมื่อครั้งได้รับหน้าที่ให้ช่วยดูแลนักศึกษาแพทย์ ผิดกับหญิงสาวอีกคนที่หัวไวและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากกว่า
ฟ้าใสค้อนปะหลับปะเหลือกใส่คนสองมาตรฐานเสียใหญ่โต แล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบระรัวหวังให้ความหวานละมุนของมันช่วยลดความเดือดดาลของเธอลงบ้าง
นัทมองใบหน้าหงิกงอของหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนลง พลางวางฝ่ามืออุ่นจัดทาบลงบนศีรษะเล็กแล้วโคลงไปมาเบา ๆ อย่างหยอกเย้า พูดเอ็ดคนโดดงานอย่างไม่จริงจังนัก
“กลับไปทำงานได้แล้ว ยัยเด็กไม่เต็มบาท!”
ฟ้าใสนิ่งงันไปชั่วขณะ ตกใจในความอ่อนโยนที่มาอย่างกะทันหันจนตั้งรับไม่ทัน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณที่ถูกสัมผัสทำเอาใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะทะลุออกมากองด้านนอก
แล้วไหนจะเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดขึ้นมาเพื่อสร้างบรรยากาศนี่อีก มาได้จังหวะพอดีอย่างกับรู้ใจ!
ดวงตากลมโตสบประสานสายตากับอีกฝ่าย เหม่อมองเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในแววตานิ่ง ๆ คู่นั้นราวกับตกอยู่ในภวังค์ พลันมือไม้ก็อ่อนแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
ตุ้บ! เพล้ง!
รอบนี้ไม่ใช่เสียงภาพจินตนาการที่แตกสลายแต่อย่างใด ทว่าเป็นแก้วเครื่องดื่มในมือของเธอเนี้ยแหละที่ร่วงหลุดมือลงบนตัก ก่อนจะกลิ้งหลุน ๆ ตกลงไปนอนพุงแตกอยู่บนพื้นร้าน ดึงดูดทุกสายตาของลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านให้หันมามองเธอเป็นตาเดียว
“อ๊ะ! แย่แล้ว ๆ”
ฟ้าใสทำตาโตด้วยความตกใจแล้วรีบผุดลุกขึ้น มือเล็กเอื้อมออกไปหมายจะคว้าเก็บเอาเศษแก้วมาไว้ในถาด แต่ก็ถูกใครบางคนยึดข้อมือแล้วบีบแน่นจนเธอนิ่วหน้า
หมับ!
“ยัยเอ๋อ คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้?”
สายตาคมกริบของรุ่นพี่สะกดให้เธอค่อย ๆ เบนสายตากลับไปมองเศษแก้วที่แตกกระจายอีกครั้งแล้วกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ที่เธอมักโดนของมีคมบาดอยู่เป็นประจำ หวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่นี่ เธอมักจะโดนรุ่นพี่ Intern ที่ดูแลดุอยู่เป็นประจำ เพราะเมื่อไหร่ที่เธอเผลอไปสบเข้ากับสายตานิ่ง ๆ คู่นั่นของเขา มันมักจะทำให้เธอเผลอลืมตัวแล้วมือไม้อ่อน ทำของพังจนได้บริจาคเลือดอยู่เป็นประจำ
แต่ไม่ว่าจะโดนดุจนเสียน้ำตาไปสักกี่รอบ นิสัยนี้มันก็ไม่หายไปเสียที แล้วเธอก็ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เอาเสียเลย
เธอรู้ดีว่ารุ่นพี่ชอบผู้หญิงแบบไหน เธอพยายามที่จะพัฒนา พยายามที่จะเก็บอาการของตัวเองแล้ว แต่ทว่าพอเขาขยับเข้ามาใกล้ เธอเป็นอันต้องเสียสติทุกที
“ไปล้างตัวแล้วกลับบ้านไปซะ ตรงนี้พี่จะจัดการเอง”
“แต่ว่า....”
“ไป ล้าง ตัว”
น้ำเสียงหนักแน่นบวกกับสายตาดุ ๆ ของรุ่นพี่ที่ส่งมา ทำให้เธอไม่กล้าต่อปากต่อคำหรืออิดออดอีกนานนัก
เธอรีบหันไปกล่าวขอโทษขอโพยกับพนักงานที่วิ่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์เก็บกวาดในมือ ก่อนจะพาร่างที่เปียกปอนและเหนียวเหนอะหนะตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด
“ผมต้องขอโทษแทนลูกสาวผมด้วยนะ”“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมมาก่อนเวลาเองครับ”“วันนี้มีธุระที่ไหนอีกหรือเปล่า อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะพ่อนัท”“คงไม่สะดวกค่ะ!”ในที่สุดฟ้าใสก็ไม่อาจทนนั่งปั้นหน้าอยู่ในวงสนทนานี้ได้อีกต่อไป เธอพูดโพล่งขึ้นมากลางวงโดยสนใจว่าคนข้าง ๆ จะตกใจหรือไม่“อ่า งั้นเหรอ แล้วลูกล่ะหิวหรือยัง ให้แสงดาวตั้งโต๊ะเลยไหม”“คงไม่รบกวนหรอกค่ะ เชิญคุณท่านทานก่อนได้เลยค่ะ ฟ้าใสขอตัวนะคะ”สีหน้าของคู่สนทนาเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อถูกตัดบทอย่างไร้เยื่อใย แต่ฟ้าใสรู้ว่านั่นมันก็แค่การแสดงฉากฉากหนึ่งเท่านั้น เธอผุดลุกขึ้นยืนพลางหันไปฉุดมือของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นตามถ้อยคำสร้างภาพที่คนคนนั้นพูดพ่นออกมา มันทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียจนแทบจะอาเจียนอยู่รอมร่อ หากทนฝืนอยู่นานกว่านี้อีกหน่อยเธอคงเก็บอาการไม่อยู่แน่ ๆ“ฟ้าใส!”“พี่นัทมีธุระจะคุยกับฟ้าใสใช่ไหมคะ เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะค่ะ!”แรงฉุดกระชากของหมอสาวแทบไม่สามารถดึงตัวให้เขาลุกขึ้นได้หรอกหากเขาไม่ยินยอม ทว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองระคนเจ็บปวดคู่นั้น มันทำให้เขาขัดใจเธอไม่ลง“ผมขออนุญาตนะครับ”“อืมม ตามสบายนะ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกเด
ก้อกก้อกก้อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ก่อนจะตามด้วยเสียงของแม่นม ผู้ที่เปรียบเสมือนแม่คนที่สองร้องเรียกเธออยู่หน้าประตู“คุณหนู! คุณหนูตื่นหรือยังเจ้าคะ!?”“ค่ะนม”ฟ้าใสซึ่งรู้สึกตัวตื่นมาได้สักพักแล้ว แต่ยังคงนอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงนอนอย่างเกียจคร้าน หันไปขานรับก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู“ มีอะไรหรือเปล่าคะ”“มีแขกมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ”“หะ? แขก? ใครคะ?”“คุณณัฐพลเจ้าค่ะ”“อ๋อ~ ณัฐพล หะ! ณัฐพล เอ่อ ณัฐพลที่เป็นหมอ หล่อ ๆ สูง ๆ ขาว ๆ หน้าดุ ๆ แก้มนุ่ม ๆ ใช่ไหมคะนม!?”ฟ้าใสทำตาโต ถลาเข้าไปเกาะแขนหญิงสูงวัย แล้วพยายามอธิบายรูปพรรณสัณฐานของบุคคลที่คิดว่า ‘ใช่’ รัวเร็วด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเขย่าแขนเร่งเร้าเอาคำตอบอย่างร้อนรนเมื่ออีกฝ่ายมัวแต่อ้ำอึ้งอึกอัก“เอ่อ คงใช่ ... ใช่ กระมังคะ”แสงดาวอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะใช่คนเดียวกันกับที่เจ้านายพูดถึงหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายก็แต่งกายด้วยชุดลำลองธรรมดาทั่วไปแต่เท่าที่ฟังจากคำบรรยายแล้วก็เข้าเค้าไปเสีย 8 ใน 10 ส่วนเรื่องแก้มนุ่มไหมนั้น.... เธอไม่น่าจะตอบได้“แล้วตอนนี้พี่นัทเขาอยู่ที่ไหนคะ??”“นั่งรออยู
@เช้าวันถัดมา ครืดครืด ครืดครืด ครืดครืดคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดของผู้เป็นเจ้าของ หลังถูกรบกวนจากเสียงแจ้งเตือนที่ดังระรัวติด ๆ กันไม่หยุดหย่อนตลอดช่วงเช้าของวันหยุดจนจำต้องตื่นขึ้นมาก่อนเวลาที่ต้องการดวงตาคมกริบเหลือบไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ปรากฏตัวเลข 07:50 บนหัวเตียงแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ยัยเด็กนี่มีธุรกิจพันล้านหรือยังไง ทำไมโทรศัพท์ถึงส่งเสียงดังตลอดเวลาแบบนี้นัทเอื้อมมือไปหยิบเจ้าโทรศัพท์มือถือเครื่องสีชมพูขึ้นมา หมายจะกดปิดเสียงเพื่อตัดความรำคาญ ทว่านิ้วมือกลับชะงักค้างอยู่เหนือปุ่มกด“หึ!”ความงัวเงียสลายหายไปทันทีเมื่อมองเห็นชื่อของเจ้าของข้อความที่ส่งมาก่อกวนนับสิบฉบับเต็ม ๆ ตาตั้งแต่เช้า ไม่ยักรู้ว่าก่อนว่าทั้งสองจะสนิทชิดเชื้อกันจนมีเรื่องให้ต้องสนทนากันมากมายขนาดนี้พี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : ยัยเด็กเอ๋อ เป็นยังไงบ้าง ขาหายเจ็บหรือยัง‘พี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : ถ้าเจ็บหนักก็แวะมาที่โรงพยาบาลได้นะพี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเสียสละช่วยตรวจดูให้พี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : แลกกับกาแฟสักแก้วสองแก้ว หรือถ้าอยากได้ข้อมูลอย่างอื่น พี
เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันดังขึ้นเมื่อคนข้าง ๆ ขยับตัวพลางยกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วหลับต่ออย่างสบายอกสบายใจ“ยัยเด็กกะโปโลเอ๊ย”นัทหันไปมองเด็กขี้เซาที่ขดม้วนหนีลมแอร์ราวกับเม่นตัวเล็กแล้วอมยิ้มน้อย ๆ อาศัยจังหวะที่รถยนต์จอดแน่นิ่งขณะรอสัญญาณไฟจราจร หันไปดึงเสื้อเชิ้ตสำรองที่มักแขวนเอาไว้ติดรถแล้วค่อย ๆ วางคลุมลงบนร่างของหมอสาวอย่างเบามือฟ้าใสขยับตัวเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงเงาวูบไหวที่ลอยไปมาอยู่เหนือร่าง ทว่าเปลือกตาของเธอกลับหนักอึ้งเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมามองมันความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง มือเล็กจึงเอื้อมมาดึงรั้งแล้วกำเสื้อเชิ้ตไว้ในมือแน่น ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นบนใบหน้าราวกับกำลังฝันดี ก่อนที่เธอจะผ่อนลมหายใจแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง.ไม่นานรถยนต์ก็แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง นัทปลดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองก่อน จากนั้นจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็กเพื่อปลดล็อกให้เธอด้วยเช่นกัน“อื้ออ”เสียงหวานครางแผ่วเบาพลางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดึงรั้งที่พาดทับบนลำตัว พลันดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจเมื่อสิ่งแรกที่ปะทะสายตา คือข้างแก้มขาว ๆ นวลเนียน
น้ำค้างหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ขยับเข้าไปยืนใกล้ ๆ พี่ชายพลางใช้หัวไหล่กระแซะแขนอีกฝ่ายพร้อมส่งสายตาหยอกล้อ“ฮั่นแน่~ ไม่ต้องทำขรึมกลบเกลื่อนหรอกน่าาาา คนนี้จริงจังเหรอ ฮ่า ๆ ถึงขนาดพาขึ้นห้องเลยอะ”“ไม่ต้องมามอง ไม่ต้องมาทำหน้าล้อเลียน มันไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่นัดมาเอาของ”“จะเอา แค่ของเหรอคะ โอ๊ย!”ฝ่ามือพิฆาตฟาดเข้าที่กลางกระหม่อมอันบอบบางของน้ำค้างทันควัน เธอแบะปากคล้ายจะร้องไห้ เพราะน้ำหนักมือที่พี่ชายฟาดมาแต่ละครั้งนั้น ไม่เคยมีคำว่าปราณี“ไอ้พี่บ้า! ฮืออ เจ็บนะ!”“เจ็บแล้วก็จำ! อยากมีน้องเป็นคน ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง!“ถ้าจะพูดขนาดนี้ ด่าน้องมาตรง ๆ เลยก็ได้ค่ะ! ที่ถามนี่ก็เพราะเป็นห่วงหรอกนะ!”“ยุ่ง! เป็นเด็กเป็นเล็ก เอาเวลาไปตั้งใจเรียนไป!”“ใครเล็ก ไม่เล็กสักหน่อย ออกจะอวบอึ๋มบึ้มบั้ม! นี่ไง ๆ”น้ำค้างโอ้อวด ใช้สองมือดันหน้าอกหน้าใจที่มีขนาดเกินตัวให้นูนขึ้นมาเด่นชัดกว่าเดิม แล้วลอยหน้าลอยตาใส่พี่ชายอย่างท้าทาย“ถ้าเปลี่ยนเป็นสมอง พ่อกับแม่คงจะดีใจน่าดู”“น้ำค้างก็มีทุกอย่างแหละค่ะ”นัทถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างเอือมระอา ปรายตามองสีหน้าภาคภูมิใจของน้องสาวแวบหนึ่งแล้วเลือก
“ทำอะไรกันน่ะ!”เสียงแหลม ๆ ของผู้มาใหม่ทำให้สองหมอที่กำลังไล่ปล้ำกันในศึกแย่งยิงโทรศัพท์ หยุดเคลื่อนไหวแล้วชะงักแข็งค้างในท่าเดิมด้วยกันทั้งคู่ทันทีฟ้าใสค่อย ๆ หันไปมองโฉมหน้าของผู้มาใหม่อย่างช้า ๆ ใบหน้าหวานเจื่อนลงถนัดตาเมื่อพบว่าเจ้าของประโยคเมื่อครู่เป็นเด็กสาววัยรุ่นในชุดนักศึกษารัดรูปพอดีตัว และมีใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราราวกับตุ๊กตาไม่มีผิดทั้งคำถาม ทั้งสีหน้า และการมีอภิสิทธิพิเศษถึงขนาดรู้รหัสผ่าน ทำเอาใจดวงน้อยวูบโหวงและตระหนักได้ว่า ... ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เรียกว่า ‘คนพิเศษ’ ที่แท้จริงนัทอาศัยจังหวะที่หมอสาวกำลังตกตะลึงกับการมาของบุคคลที่สามจนลืมเรื่องโทรศัพท์มือถือไปแล้ว รีบสาวเท้าเข้ามายืนขวางกั้นระหว่างสองสาวทันที“มาทำไมน้ำค้าง มีอะไร?”“พี่นัท! นั่นใครคะ!?”น้ำค้างไม่ตอบแต่ถามสวนกลับไปแทน สายตาเอาแต่จับจ้องใบหน้าสะสวยนั่นอย่างไม่วางตา แล้วเดินตรงรี่เข้าไปหาหญิงสาวแปลกหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้ในระยะ 2 เมตร พี่ชายก็แทบจะถลาเข้ามากินหัวเธอแล้ว“แฟนเหรอ!?”“ไม่ใช่! ถ้าไม่มีธุระอะไรก็เข้าห้องไปได้แล้ว อย่าวุ่นวาย!”“ขอทักทายก่อนสิ น้องเป็นคนมีสัมมาคารวะน้าาาา”“เข้