เจตสุวีย์เดินไปบ้านแม่และไปถามถึงซินแสประจำครอบครัว“ม๊า โจอยากให้ซินแสมาที่บ้านหน่อยน่ะครับ มาวันนี้ก็ได้ โจยอมจ่ายแพงหน่อย”มาดามจันจิราทำหน้าแปลกใจที่ปกติเจตสุวีย์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ เขามักพูดว่ามันไร้สาระ “มีอะไรเหรอโจ? มีสิ่งเร้นลับหรือยังไงลูก”“แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยครับม๊า เจไม่ค่อยชอบโจเลยอ่ะ ชอบหงุดหงิดใส่ แล้วเป็นกับโจแค่คนเดียวด้วยนะ”“เอ่อ…หรือตอนหนูอายท้อง โจชอบเถียงกับน้องหรือเปล่า? เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ม๊าก็เดามั่ว”อีกชั่วโมงต่อมา ซินแสได้มาที่บ้าน ทำเอาไอรดาแปลกใจ แต่ก็คิดว่าคงมาดูฮวงจุ้ยบ้านซินแสที่ได้รับข้อมูลมา ก็ขอวันเดือนปี เวลาตกฟากของลูกชายจากไอรดา จากนั้นซินแสขอรูปของแมทธิวจากโทรศัพท์ของเจตสุวีย์ไปดูอีกครั้ง โดยมองที่รูปสลับกับเด็กน้อยที่นั่งบนตักแม่ “แววตาเหมือนกันมาก” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปแมทธิวไปที่เด็กน้อย “มีความสุขที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้สินะ ถึงได้กลับมาอีกครั้ง”ไอรดาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเบิกตากว้าง มองที่เจตสุวีย์ที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ “หมายความว่ายังไงคะ?”“คุณผู้หญิงสังเกตพฤติกรรมลูก มีอะไรที่คล้ายคนในรูปบ้างมั้ย? หรือทำไมเด็กถึงไม่ค่อยเข้ากั
เจตสุวีย์ประคบประหงมภรรยายิ่งกว่าไข่ในหินและดูแลไม่ให้คลาดสายตา จวบจนวันแต่งงานที่อเมริกาก็มาถึง รอบนี้คุณปู่คุณย่าของเธอได้มีโอกาสบินไปร่วมงานนี้ด้วยบ้านกิตติโสภณได้ทุ่มเต็มที่ให้กับงานนี้ ทั้งดอกไม้เต็มพื้นที่ ของชำร่วย อาหาร คนเสิร์ฟคอยบริการทั่วทั้งงาน งานมาในธีมสากลแบบฝรั่ง มีบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจทั้งของเจตสุวีย์และพ่อก็พร้อมใจกันมาร่วมงานแต่งครั้งแรกของพวกเขาเพื่อนของเจตสุวีย์และไอรดาได้มาร่วมด้วยในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว ทุกคนบินมาร่วมงานกันอย่างชื่นมื่น โดยมีครอบครัวสมิธที่มาร่วมงานด้วยยกเว้นพ่อแม่ของแมทธิว ซึ่งพวกเขาแค่กล่าวคำอวยพรให้เท่านั้น มีเพียงอากงและอาม่าจากไต้หวันที่ยังเอ็นดูบินมาร่วมงานตามคำเชิญ“พวกเขาคงไม่พอใจที่แมทธิวจากไปได้แค่หนึ่งปี หนูก็แต่งงานใหม่” ไอรดากล่าวกับเจตสุวีย์ด้วยสีหน้าที่เศร้า“พี่จะพาหนูกับมาร์ตินไปเที่ยวหาพวกเขาบ่อยๆ คนที่พวกเขาไม่ชอบคือพี่ ไม่ใช่หนู”หลังจากปาร์ตี้สละโสด พวกเขาก็พามาร์ตินไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของแมทธิว ก่อนจะบินไปโมนาโกเพื่อขึ้นเรือสำราญสำหรับฮันนีมูนสามประเทศมี DM เข้ามาที่ไอจีของไอรดาในคืนวันแรกที่อยู่บนเรือ เธ
ธนัชชาและแฟนหนุ่มนั่งกับพื้นประจันหน้ากับเจตสุวีย์ คนหนึ่งหน้าตาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกคนก็มองหน้าเขาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ“อยากได้เงินหรือความช่วยเหลืออะไรมั้ย? นัชชาให้คุณเท่าไหร่? ผมให้ได้มากกว่านะ ออกคุกมาคุณก็มีเงินใช้สบายๆ ขอแค่ยอมพูดความจริง”เจตสุวีย์ชอบใช้เงินจบปัญหา นี่คือสไตล์ของเขาเวลาต้องการความรวดเร็วและสะดวก“หนูจะแจ้งความกลับ ที่กักขังหน่วงเหนี่ยว ติดสินบนให้คนอื่นใส่ร้ายหนู”“ไม่ต้องห่วง เพราะจบจากการสนทนาอันน่ารังเกียจกับคุณ ผมจะส่งคุณให้ตำรวจพอดี เชิญแจ้งได้เท่าที่พอใจ ผมสนใจอย่างเดียวเกี่ยวกับคุณ..คือเรื่องแม่ ถ้าท่านรู้ว่าคุณใช้เงินของผมมาทำร้ายผม รู้ว่าลูกสาวคนเดียวจะต้องเข้าคุก ท่านจะเสียใจแค่ไหน”พอพูดถึงแม่ของเธอ ธนัชชาออกอาการทันที ป่านนี้แม่คงจะเป็นห่วงและตามหาเธอ ทั้งที่เธออยู่แค่ตรงกันข้ามในบ้านหลังนี้เท่านั้น แฟนของธนัชชาจึงรีบพูดขอความเห็นใจ “ตอนนี้พวกคุณก็ปลอดภัยดี ให้อภัยพวกเราได้มั้ยครับ ผมกับนัชชาจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก” พูดจบก็ยกมือไหว้เจตสุวีย์ ธนัชชาที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปถลึงตาใส่ทันที “ผมรอดมาก็จริง แต่คนที่พวกคุณเกือบทำให้ตายคือ
ไอรดาที่เสิร์ฟความรักให้สามีเต็มที่ เธอเพลียหลับไปจากการเจออะไรมาทั้งวันและคืนนี้อีกค่อนคืน เจตสุวีย์จึงปล่อยให้ภรรยาพักผ่อน เขาออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนเธอ “พรุ่งนี้ออกมาตอนเช้านะ จะได้มาถึงนี่สักเที่ยง แล้วจะส่งพิกัดให้”เขาติดต่อกับกลุ่มที่จับตัวธนัชชาและแฟนหนุ่ม สั่งให้ขังไว้ในห้อง โดยไม่ต้องมัดหรือบังคับทำร้ายพวกเขา เช้าวันต่อมาตำรวจได้แจ้งว่าพบเบาะแสจากร้านขายโทรศัพท์มือถือที่หนองคายว่ามีคนนำโทรศัพท์มาขายให้โดยน่าจะขโมยมาเพราะไม่สามารถปลดล็อกหน้าจอได้จำนวนสองเครื่อง จึงไม่รับซื้อแต่ได้ภาพหน้าตาของผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดในร้านแทน หนึ่งในสี่ผู้ต้องหาที่ลูกน้องของเจตสุวีย์จับได้ถูกส่งตัวให้ตำรวจ ได้ให้ปากคำว่ารับจ้างงานมาจากผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นิรมล พอตำรวจเช็กจากเบอร์โทรศัพท์ก็ปรากฏว่าลงทะเบียนเป็นชื่อแฟนเก่าของธนัชชา เจตสุวีย์กลับถึงบ้านพร้อมไอรดา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปที่บ้านพ่อแม่ของเขา ก็เจอทุกคนอยู่พร้อมหน้า ไอรดารีบเข้าไปกอดลูกชายที่จูนอุ้มอยู่ ส่วนมาดามจันจิราที่น้ำตาซึมก็รีบเข้าไปกอดลูกชาย“ปลอดภัยนะอาย ทุกคนพากันกังวลไม่ได้หลับไม่นอนที่เธอกับพี่
“นายครับ ผมจะเข้าไปก่อนนะ นายตามผมไปเอานายหญิงมา รีบหนีไปก่อนแล้วค่อยเจอกันทีหลัง ผมจะคุ้มกันให้ ตำรวจกำลังมาทางนี้แล้ว แต่เราไม่มีเวลาพอ”“อีกสองคนอยู่ในนั้นน่าจะมีปืน ต้องอย่าให้มันจับไอรดาไปเป็นตัวประกันได้ เราจะลำบาก”“คุณโจ…คุณสิทธิศักดิ์ชุบเลี้ยงผมมา ท่านขอให้ดูแลคุณ ผมจะทำสุดความสามารถ ยังไงลูกเมียผมก็จะไม่ลำบาก”“ไม่..”เจตสุวีย์พูดได้เท่านั้น ลูกน้องเขาเดินย่องและเล็งปืนอย่างระมัดระวัง พลางยิงขู่ อีกมือก็ทำสัญญาณให้ไอรดาที่ค่อยๆคลานมาลุกวิ่ง เขากระหน่ำยิงขู่ไปสามสี่นัดเพื่อซื้อเวลาให้เจตสุวีย์เข้าไปหาเธอแล้วจับมือดึงให้ลุกขึ้นวิ่ง จนรถกระบะมีรอยพรุนของกระสุนที่หมดลง รถอาวดี้ที่ติดหล่มในนาไปแล้ว ทำให้เจตสุวีย์ที่มือถือปืนข้างหนึ่งและจูงเธอวิ่งหลบไปด้านหลังรถเพื่อใช้เป็นที่กำบังในตอนที่หนี มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด “ที่รัก วิ่งนะ อย่าหยุด”ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พวกเขาวิ่งสลับกับเดินผ่านต้นไม้ทึบๆ จนแน่ใจว่าพ้นอันตรายแล้วจึงให้เธอนั่งพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเจตสุวีย์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ เสื้อเชิ้ตขาวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและเปื้อนดินนิดหน่อย กระดุมที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็
ขณะที่เจตสุวีย์กำลังยืนอยู่นอกรถที่ปั๊มน้ำมัน ตอนนี้ลูกน้องอยู่กับเขาสามคน เขาจึงสั่งให้หนึ่งคน ขับรถของไอรดากลับบ้านและคอยดูแลป้ารินและมาร์ติน “นายครับๆ พวกเราทุกคนพก GPS ขนาดเล็กติดตัวเสมอ เราเช็กจากเขาดูว่าอยู่ที่ไหนได้นี่ครับ ตอนนายให้พวกเราพกไว้ทุกคนนายมีข้อมูลเข้าถึง GPS ของพวกเราทุกคนได้นะ”เจตสุวีย์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามัวจะคลุ้มคลั่งที่ภรรยาหายจนลืมคิดไป เมื่อเขาเปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ขึ้นมาก็ตาวาวทันที จึงรีบโทรบอกพ่อของเขาว่า GPS ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเคลื่อนไปในความเร็วที่รู้ได้ทันทีว่ายังอยู่ในรถ เขาดื่มเกลือแร่ที่ซื้อจากในร้านสะดวกซื้อแล้วรีบขับรถออกตามไปทันที “โทรไปเบอร์พ่อผมให้หน่อย บอกว่าเราอยู่เส้นทางไหน”ขับรถไล่ตามกันไปอยู่สองชั่วโมงครึ่ง สัญญาณนั้นขับผ่านอุทยานเขาใหญ่ แล้วจอดที่ร้านอาหารหนึ่งไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าลำตะคลอง ส่วนเจตสุวีย์ที่ขับรถเร็วเพราะใจเขาอยากตามไปให้ใกล้ที่สุด ซึ่งตอนนี้เขาขับผ่านโรงพยาบาลแก่งคอยแล้ว ห่างจากสัญญาณไปอีกแค่ 74 กม.“นายครับ พวกมันหยุดพักแต่อยู่บนทางหลัก ผมส่งข้อความถึงคุณสิทธิศักดิ์แล้ว”จูนที่โทรมาว่าไม่เจอ User และ Password ที่จะ