เขากลับถึงบ้าน เมื่อไขประตูเข้าไปก็เจอธนัชชางัวเงียพึ่งตื่นอยู่ที่โซฟาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิด นั่นทำให้เขาแปลกใจ
“ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนอนที่บ้านครับ” “หนูเป็นห่วงพี่โจจะเมาค่ะ เลยมารอ ไม่ได้ยินเสียงรถเลย สงสัยหนูมัวหลับลึกไปหน่อย” “ผมไม่ได้เมามาก แค่มึนๆ นิดหน่อย ขอบคุณมาก” “พี่โจไม่อยากให้หนูอยู่ดูแลพี่เหรอคะ?” เจตสุวีย์ที่เมานิดหน่อยและกำลังปลื้มใจที่จะได้ติดต่อกับคนที่เขารักอีกครั้ง ทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ “อยากดูแลอะไรตอนนี้ มันดึกแล้วนะ เกือบตีสอง” ทำให้ธนัชชาอายขึ้นมาที่เหมือนเธอเสนอตัวก่อน แต่เจตสุวีย์นั้นเขาเหมือนเสือที่เห็นเหยื่อ จึงเดินไปใกล้ๆ แล้วถาม กลิ่นตัวที่หอมของเขาผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้เธอรู้สึกใจสั่นไหวสุดๆ “ดูแลพี่บนเตียงเหรอ หรือยังไง?” “เอ้อ..หนู..เห็นว่าเราตกลงกันแล้วและพี่โจก็ใจกว้างโอนมาให้หนูก่อนตั้งมากมาย จะให้หนูกลับไปนอนที่บ้านสบายใจเฉิบโดยไม่สนใจพี่ว่าถึงบ้านหรือยัง รู้สึกเหมือนเอาเปรียบพี่ค่ะ” แต่เขาไม่ต้องการเพราะเธอไม่ดึงดูดใจมากพอ แถมเขาอยากขึ้นไปบนห้องเพื่อคุยกับไอรดาแล้วด้วย “ไม่เป็นไรครับ น้องไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ฝากมาไขประตูเปิดให้แม่บ้านกับคนสวนสักแปดโมงให้ที เพราะผมอาจจะนอนตื่นสาย” เจตสุวีย์เข้าไปจุ๊บแก้มเธอหนึ่งทีให้จบๆ แล้วยิ้มให้พอเป็นพิธี ซึ่งวิธีนี้เขาใช้ประจำกับผู้หญิงที่อยู่ในอุปถัมป์ แต่ธนัชชาหน้าแดง คิดไปไกลมากมาย “ฝันดีนะคะพี่โจ” เขาหันหลังขึ้นบันไดไปทันทีโดยไม่ตอบอะไรและไม่หันมามองเธออีกเลย มีแค่เธอที่มองเขาขึ้นไปจนลับตาและเสียงประตูห้องนอนที่ปิดลง แต่เธอกลับไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าเขาคงง่วงมากจริงๆ เขาไปล้มตัวบนเตียงแล้วดูเวลาว่าที่อเมริกาพึ่งจะสิบเอ็ดโมง เขาตื่นเต้นผุดลุกผุดนั่งอยู่แบบนั้น ว่าจะพิมพ์ข้อความอะไรส่งไปหาเธอดี ทำยังกับเหมือนพึ่งเคยจีบผู้หญิงครั้งแรก พี่ไม่สนหรอกว่าหนูจะมีใคร..พี่ไม่ติดมาตั้งแต่หนูเริ่มคบแมทธิว ไหนๆ พี่ก็ไม่ได้ดีในสายตาหนูอยู่แล้ว แต่ผู้ชายคนนี้รักหนูไม่แพ้ใครแน่นอน.. มีข้อความเข้ามาทางไอจีจากจูน ทำให้ไอรดาอมยิ้ม “อาย ที่นั่นใกล้จะเที่ยงแล้ว กินอะไรหรือยัง? หรือมัวดูหลานอยู่น๊า นี่พึ่งไปเที่ยวกลับมาจากบาร์ นอนไม่หลับ” “ก็คงกินพวกสลัดผัก ไก่ย่าง ไข่ต้ม ซุป ฉันเบื่ออาหารจะแย่ คิดถึงเมืองไทยจัง อาหารไทยที่นี่ก็ไม่ถูกปาก ร้านอาหารไทยอยู่ห่างไปสี่ไมล์ แมทธิวไปซื้อมาให้ทุกวัน แต่นี่เขาจะไม่อยู่สามวัน ฉันคงน้ำหนักลดแน่ๆ ว่าแต่เธอโทรคุยได้นะจูน ถ้าขี้เกียจพิมพ์” “ไม่ล่ะ กลัวรบกวนหลาน ถ้าเธอไม่ว่างฉันจะพิมพ์เอาไว้ ว่างก็มาตอบอะไรแบบนี้” “ตกใจเลย ปกติเธอไม่พิมพ์มาอะไรดึกๆ ที่ไทยกี่โมงแล้วนะ..อืมม ตีสองแล้วนี่ ไม่หลับไม่นอน” “พรุ่งนี้วันเสาร์ ฉันไม่ต้องไปทำงานน่ะ แล้วเธอคิดว่าจะมาไทยตอนไหนนะ?” “คงรอลูกครบขวบน่ะ ถึงจะพาไปหาคุณปู่คุณย่าที่เชียงใหม่ แมทธิวไม่ให้บินไปไหนเด็ดขาด ถ้าลูกเขายังคออ่อนอยู่ขนาดจะนั่งเฟิร์สยังไม่ให้เลย ไม่อยากให้ลูกปรับเวลาไม่ได้” น่าหมั่นไส้..นายจะหวงลูกไปไหน นั่นอาจจะเป็นลูกฉันก็ได้แมทธิว “ทำไมเธอให้ลูกชายใช้นามสกุลทางเธอล่ะ?” “อืม..ก็บ้านฉันไม่มีทายาทผู้ชายตอนนี้ ลูกพี่ลูกน้องก็ยังไม่แต่งงาน พึ่งจะเรียนจบเอง ฉันเลยกลัวว่านามสกุลของพ่อจะหายไปน่ะ แต่ฉันแพลนไว้ว่าจะมีลูกคนที่สองให้บ้านของแมทธิวนะ” “แล้วถ้าลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงล่ะทำไง?” “ก็คงตามนั้น ถึงทางพ่อเขาจะเป็นคนไต้หวันและนิยมลูกชายก็ตาม แต่ฉันว่าสมัยนี้โลกเรามันเปลี่ยนไปแล้วนะ ผู้หญิงก็เป็นหัวหน้าครอบครัวได้ แต่งงานแล้วให้ลูกใช้นามสกุลทางผู้หญิงก็ได้สมัยนี้ สะดวกจะตาย” งั้นก็ขอให้ลูกคนที่สองของแมทธิวเป็นผู้หญิงแล้วกัน… “ฉันคิดถึงเธอมากเลยนะ ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง” ไอรดาถึงกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ที่วันนี้เพื่อนสนิทของเธอพิมพ์มาใช้คำพูดแปลกๆ “ฉันก็คิดถึงเธอนะจูน แล้วพี่บิวเป็นยังไงบ้าง? เธอบอกว่าป๊ากับม๊ารับรู้ ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดอะไรใช่มั้ย? แล้วพี่โจล่ะ ว่ายังไงบ้าง?” เจตสุวีย์ยิ้มกว้างให้ตัวเองทันทีที่เธอเอ่ยถึงเขา เพราะขนาดให้จูนพิมพ์บอกไปตอนอยู่ที่บาร์ว่าเขามาด้วย เธอยังไม่เอ่ยถึงเขาแม้แต่นิดเดียว “พี่โจก็คงปล่อยแล้วล่ะ ขี้เกียจจะบ่น” ไอรดาส่งอีโมจิหัวเราะขำให้แทน นั่นทำให้เขายิ้มไปด้วย “ฉันอยากส่งของให้เธอ ได้ไหม?” “ส่งอะไรกันจูน บ้าเหรอ ไม่ต้องๆ” เจตสุวีย์พิมพ์คุยกับเธอร่วมชั่วโมง ถามนั่นถามนี่โดยที่ไอรดาคิดว่าเป็นจูน เธอรู้สึกเพลิดเพลินกับการแชทคุยมาก อาจจะเพราะเหงาและคิดถึงเพื่อน คิดถึงเมืองไทยนั่นเอง คืนนี้เป็นคืนแรกที่เจตสุวีย์นอนหลับได้อย่างมีความสุข หลังจากเจอเรื่องแย่ๆ มาตลอดตั้งแต่เขาพลาดไปทำร้ายเธอและกิจการที่มีร่วมกันเข้า นั่นเพราะทระนงตัวมากเกินไปว่าจะชนะไอรดาได้ เขาตื่นมาในช่วงสายแล้วลงไปย้ายรูปวาดของไอรดามาไว้ที่ห้องนอน เพื่อที่จะได้เห็นเธอตลอดเวลา ภาพของเธอที่เขาจ้างนักวาดจากรัสเซียมาวาดให้ โดยในภาพ เธอใส่เซทเพชรสีชมพูอมม่วง ทั้งสร้อยและตุ้มหู ที่เขาเคยทำให้เธอเพื่อจะขอหมั้น แต่เธอถอดมันทิ้งไว้ที่ห้องน้ำในบ้านที่ซื้อเพื่อเธอ ในคืนที่เธอเป็นของเขา… เขายังเก็บเซทเพชรหายากนี้ไว้ตลอด โอกาสที่จะได้เอาให้เธออีกครั้งนั้นช่างน้อยนิดแทบจะเป็นศูนย์ เขารู้ว่ามันดูลมๆ แล้งๆ แต่หัวใจเขากลับไม่ยอมแพ้ ธนัชชาที่รอเวลาห้างเปิดและรีบเรียก Taxi ไปที่พารากอนและตรงดิ่งไปซื้อน้ำหอมที่เคาท์เตอร์แบรนด์ทันที เธอประหม่านิดหน่อยที่มาซื้อของราคาแพงครั้งแรก น้ำหอมที่ราคาสองหมื่นทอนสองร้อยบาททำเอาเธอลมแทบจับ จากนั้นเธอไปทำเล็บ ต่อขนตาและทำผมลอนใหญ่ยาวดูสวย เข้า shop เพื่อซื้อเครื่องประทินผิวและเครื่องสำอางแบรนด์มากมาย พอกลับบ้านในตอนเย็น ทำเอาแม่ของเธอที่เตรียมไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลถึงกับตกใจระคนแปลกใจที่เธอเอาเงินที่ไหนมาแต่งตัวและซื้อของมามากมาย “นัชชา อะไรเนี่ย? เอาเงินที่ไหนมาซื้อของเยอะแบบนี้?” เธอยิ้มให้แม่เขินๆ ก่อนจะนั่งที่โซฟาแล้วดึงแม่มานั่งด้วย “หนูเริ่มคบคนคนหนึ่งมาสักพักแล้ว เขาไม่เคยล่วงเกินหนูเลย แต่ให้เงินหนูมาเพราะสงสารที่เห็นหนูลำบาก ปีนี้ปีสุดท้ายหนูก็จะจบแล้ว แม่ไม่ต้องให้ค่าขนมหนูแล้วนะ เพราะเขาจะรับผิดชอบให้เอง หนูจะช่วยค่าผ่อนบ้านหลังนี้ด้วยนะ” แม่ถึงกับทำตาโต จับมือลูกสาวแน่น “แล้วเขาคือใคร ไม่พามาให้แม่รู้จักหน่อยล่ะ แม่ควรต้องดีกับเขาด้วยที่ดีกับลูก ถึงขนาดให้โดยไม่ล่วงเกินลูก” “ไว้สักพักนะแม่ พี่เขาทำงานหนักมาก เพราะออกจากบ้านมาสร้างตัวเอง เขาเป็นคนเก็บตัว แต่ถ้าแม่ได้เจอพี่เขา รับรองว่าแม่ต้องชอบพี่เขา ทั้งหล่อ ขาว สูง ใจดีมาก” “อายุอานามเท่าไหร่นั่น?” “น่าจะสามสิบต้นๆ เองค่ะ พอดีหนูไม่ได้ถามอายุขนาดนั้น” “แปลกคน คบกันแต่ไม่ถามอายุ” “พี่เขาดูหนุ่มจะตาย หนูเลยไม่ถามหรอก” ธนัชชาพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง จากนั้นแม่ก็ออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน เธออาบน้ำแต่งตัวพรมน้ำหอมที่เจตสุวีย์ชอบ แล้วส่งข้อความไปหา “พี่โจหิวมั้ยคะ กินอะไรหรือยัง?” “ถ้าน้องจะมากินกับผมก็สั่งมาได้เลย พอดีผมทำงานนิดหน่อย” เธอจึงสั่งอาหารมาแล้วไปเดินไปหาเขาที่บ้าน ก่อนจะตรงไปที่ห้องทำงาน เคาะประตูเบาๆ ไปสองที เจตสุวีย์ก็บอกให้เข้ามาหาได้ “พี่โจ จะให้หนูเตรียมอาหารให้เลยมั้ยคะ?” กลิ่นน้ำหอมโชยเข้าจมูกของเขา และตอบโดยไม่มองหน้าเธอ เอาแต่จ้องโน้ตบุ๊ค “หอมมาก ผมชอบกลิ่นนี้” ธนัชชายืนอยู่ใกล้เขา แต่สังเกตว่ารูปภาพคนรักของเขาหายไป “เอ๊ะ..รูปภาพผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว” เขาเหลือบหางตามองเธอนิดหน่อย แล้วตอบอย่างเย็นชา “เธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้น แต่คือ สุดที่รักของผม” คำตอบที่ทำเอาธนัชชาสะอึกและน้อยใจตั้งแต่เริ่มความสัมพันธ์กับเขาได้ไม่เท่าไหร่ “ค่ะ รูปสุดที่รักของพี่โจ ไม่อยู่ที่ห้องนี้” เธอแกล้งพูดประชดเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พลาดที่สุด “แล้วมันสำคัญกับน้องตรงไหนครับ? ที่รูปเธอจะอยู่หรือไม่อยู่” “หนูแค่ถามเท่านั้นเองค่ะ” เจตสุวีย์หมุนเก้าอี้หันมามองที่เธอยืนอยู่ แล้วจ้องหน้าด้วยสายตาที่คมกริบ “ผมย้ายรูปเธอไปไว้ที่ห้องนอน เพราะจะได้เห็นเธอตลอดเวลา” เขาตอบแล้วลุกขึ้นเดินผ่านเธอตรงไปยังห้องกินข้าว ธนัชชารีบเดินตามไปและไปจัดการเตรียมอาหารใส่จานให้ เขานั่งกินเงียบๆ ไม่พูดอะไร และเลื่อนดูโทรศัพท์พลางกินข้าวไปด้วย นั่นทำให้เธอน้อยใจจนต้องกินข้าวทั้งน้ำตา เจตสุวีย์เหลือบตาดูเธอที่กินข้าวด้วยน้ำตาที่ไหลอยู่เงียบๆ เขาวางช้อนแล้วพูดด้วยเสียงที่ไพเราะ และยื่นมือให้เธอมาหาเขา “นัชชา มาหาผมสิ” เธอวางช้อนมองเขาด้วยสายตาที่กลัวเกรงปนเสียใจ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้มาหาเขาที่ดึงมือเธอมานั่งตัก เจตสุวีย์ใช้นิ้วมือที่เรียวสวยปาดน้ำตาให้ และแขนอีกข้างที่กอดเอวเธอเอาไว้ “วันนี้ทำผมมาใหม่สวยดีนะ ผมชอบ ไม่ต้องร้องไห้นะ ผมจะให้น้องดูแลได้ยังไง ถ้าหากเสียใจอยู่แบบนี้” “หนูขอโทษที่ทำให้พี่โจไม่พอใจค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ” “คุณแม่น้องเลิกงานเช้าใช่มั้ย?” ธนัชชาพยักหน้าแทนคำตอบ “อยากอยู่กับผมมั้ยคืนนี้? แต่ถ้าผมทำให้น้องรู้สึกไม่ดีก็พักผ่อนที่บ้านดีกว่านะ” “หนูอยากอยู่ค่ะ” เขาให้เธอลุกขึ้น บอกให้เธอไปอาบน้ำแปรงฟันอีกครั้งแล้วค่อยมาหาที่ห้องนอนชั้นบนในตอนสามทุ่ม แต่ก่อนเธอจะออกไป เขาคว้ามือเธอไว้ “น้องเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนมั้ย? ไม่ต้องคิดมากกับคำถาม ผมแค่ถามเพราะจะได้รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวยังไง” “เคยค่ะ กับแฟนที่นอกใจ” “โอเค แล้วเจอกันนะ” ธนัชชาเริ่มกินยาคุมรายเดือนหลังจากวันที่คุยตกลงกันแล้ว ตอนนี้เธอตื่นเต้นมาก รีบอาบน้ำแล้วพรมน้ำหอมบางๆ อีกครั้ง เจตสุวีย์นอนเอนหลังบนเตียง เลื่อนดูข้อความในไอจีที่เขาได้สนทนากับไอรดาเมื่อคืนวนไปวนมาพลางยิ้มกับตัวเอง ตอนนี้เขาดูเวลาพึ่งจะหกโมงเช้าที่อเมริกา เลยต้องอดทนรอให้สักแปดโมงจะได้ใช้ไอจีของน้องสาวทักไปคุยกับเธออีก เพราะฉะนั้นการอยู่กับธนัชชาสำหรับเขา มันคือการฆ่าเวลาเท่านั้น เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น เขาบอกให้เธอเข้ามาได้ แต่พอเขาเห็นการแต่งตัวของเธอ มันทำให้เขาหมดอารมณ์ เธอถอดเสื้อกันหนาวที่คลุมมาออก เสื้อยืดสีขาวรัดรูปและกางเกงขาสั้นแบบสุดๆ ช่างเหมือนกับสาวสก๊อยที่ไหนสักที่ เจตสุวีย์อดไม่ได้ที่จะแอบเปรียบเทียบกับไอรดาอยู่ในใจ ถึงกับทำให้เขาแอบถอนหายใจไม่ให้ธนัชชาเห็น “พี่เหนื่อยยังไงไม่รู้ น้องดูแลพี่หน่อยแล้วกันนะ” เขาทำเสียงอ้อนอย่างไพเราะกับเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้ธนัชชาถึงกับหน้าแดง แต่ก็พร้อมจะเอาใจเขาทุกอย่างที่เขาต้องการธนัชชาที่เก้อเขินเขาที่นอนเอนหลังอยู่ เริ่มเดินมาใกล้ๆ ข้างเตียง ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างตัวเขา แต่เจตสุวีย์กลับมองเธอเฉยๆ เท่านั้น“เอ่อ..พี่โจจะให้หนูทำอะไรคะ คือ..หนูไม่เคยเริ่มก่อน”เฮ้อ..ภรรยาเก่าของแมทธิวยังรู้งานมากกว่านี้ แต่เอาเถอะ..เธอคงไม่รู้งานเท่ากับสาวกลางคืนอย่างกานต์วิภาที่ผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าเจตสุวีย์คิดแบบนั้นก็ลุกไปปิดไฟ แล้วไปยืนใกล้เธอที่นั่งบนเตียง จับมือเธอให้มาลูบสัมผัสที่เป้ากางเกงนอนของเขา ธนัชชาเขินมากแต่ดีที่เขารู้ใจเธอแล้วปิดไฟ ทำให้ไม่ต้องอายมากเกินไป เธอเริ่มใช้สองมือลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง จนมันแข็งตัวพองขึ้นก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงของเขาลงไปกองกับพื้นถึงตอนนี้เธอแอบเสียดายนิดหน่อยที่ปิดไฟจนไม่เห็นเรือนร่างของผู้ชายที่เธอหลงรัก“ผมไปนอนบนเตียงดีกว่านะ”เขาขึ้นไปนอนโดยถอดกางเกงที่กองอยู่ปลายเท้าออกไป ธนัชชาเลื่อนตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเขาแล้วใช้ปากโลมเลียเพื่อหวังทำให้เขาพอใจ สำหรับเจตสุวีย์ที่คิดว่าขนาดปิดไฟเธอยังอ้อยอิ่ง ทำให้เขาเบาเกินไปจนแทบจะไ
ช่วงที่ธนัชชาพยายามโอ้โลมเขา กอดจูบไปทั่ว แต่พอจะจูบปากเขากลับเบือนหน้าหนีตลอด จนเธอไม่เข้าใจ “พี่โจรังเกียจหนูเหรอคะ?” เธอถามเสียงอ่อยๆ แต่เขาส่ายหน้า “ทำต่อเถอะ ผมแค่ไม่ชอบจูบใครน่ะ” “แปลกจัง” เธอฟังคำตอบที่แปลกของเขาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะถอดกางเกงให้แล้วใช้ปากดูดกลืนน้องชายของเขาที่แข็งตัวมากในตอนนี้ เจตสุวีย์เอาแต่มองรูปคนที่เขารักอยู่ตลอด เขาจำตอนที่ได้ร่วมรักกับไอรดา เธอร้องไห้อ้อนวอนเขาให้หยุด จำความรู้สึกในกายเธอที่นุ่มนิ่มและรัดรึงนั้นได้ดีเมื่อเธอสู้กับเขาจนหมดแรงต้านทาน อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำนั้น พวยพุ่งออกมาอย่างมากมาย จนธนัชชาที่ใช้ปากให้และไม่รู้ตัวว่าเขาใกล้เสร็จ ถึงกับตกใจที่เขาพรั่งพรูคาปากเธอจนเลอะไปหมด พร้อมกับเสียงครางเบาๆของเจตสุวีย์ที่ลืมตัวหลุดพูดออกมา “ไอรดา..” จากความตกใจที่เขาเสร็จโดยไม่บอกและความน้อยใจที่วันนี้คือวันเกิดของเธอ แต่เขากลับพูดชื่อผู้หญิงอื่นทั้งที่เธอเป็นคนทำ ธนัชชาวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปบ้วนปากและแอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง “นัชชา เข้าห้องน้ำเสร็จหรือยัง ผมขอเข้าหน่อย” เธอเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เจตสุวีย์เห็นแต่
พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่ “บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”“อ้อ ครับๆ”ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย “จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค” เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผ
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกพี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหาเจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลังเจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanfordจากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้
เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”“แค่คนเดียวพอ”วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหน
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
เช้ามาไอรดาต้องตกใจที่เจอเจตสุวีย์นอนอยู่ข้างมาร์ติน แต่เธอไม่ต้องการปลุกเขาเพราะจะรบกวนทั้งคู่ จึงรีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวออกมาชงนมไว้ให้ลูกและลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกชาย พอไปถึงห้องครัวก็มีคุณแม่บ้านที่ทำอาหารของมาร์ตินไว้รออยู่แล้ว“คุณไอรดาไม่ต้องทำนะคะ เพราะป้าทำไว้ให้น้องมาร์ตินแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้น้องตื่นหรือยังคะ?”“อ๋อ..ยังไม่ตื่นเลยค่ะ หนูก็เลยรีบลงมาเผื่อจะได้หยิบจับอะไรได้ วันหลังถ้ามีอะไรให้หนูช่วยก็บอกได้ค่ะ ไม่อยากรบกวนให้คุณป้าต้องตื่นเช้าขนาดนี้”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอรู้ว่าที่บ้านนี้จะมีเด็กเล็กมาอยู่ด้วย ทุกคนตื่นเต้นดีใจกันไปหมด โดยเฉพาะคุณจันจิรา”เธอจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง เพื่อไปปลุกเจตสุวีย์ ด้วยการจับตัวเขาแล้วเขย่าเบาๆ เขาจับมือเธอไว้ทันทีก่อนจะลืมตา ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ไอรดายอมรับว่าเขามีหน้าตาที่หล่อจนผู้หญิงคนไหนที่เห็นก็ต้องใจอ่อน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเมื่อแปดปีก่อน..เธอเคยหลงรักเขาไอรดาพยายามดึงมือออก แต่เขาจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนเธอจะกระซิบคุยเพราะมาร์ตินยังไม่ตื่น“พี่โจไม่ต้องไปไหนหรือไง? รีบออกไปเลยก่อนใครจะมาเห็นอยู่ที่นี่”เขาดึงเธอจนลงไปนั่งบน
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ