วิลเลียมเกลียดความรู้สึกนี้เหลือเกิน หัวใจของเขาหนักอึ้งเมื่อเห็นสลิลนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศ จดจ่ออยู่กับการทำงาน พยายามจะเป็นพนักงานที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะเป็นได้ เขาเกลียดที่ตอนนี้ทำได้เพียงมองดูเธอในที่ทำงานเท่านั้น
นับตั้งแต่วันที่เธอวิ่งหนีเขาไป กำแพงน้ำแข็งที่มองไม่เห็นก็ถูกสร้างขึ้นขวางกั้นระหว่างพวกเขา เขาไม่เคยเจอเธอในบริเวณคอนโดมิเนียมอีกเลย เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงเขา และมันก็โคตรจะแย่ เขาไม่อยากให้เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน เขาคิดว่าตัวเองได้แสดงออกไปอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว แต่เธอกลับดูเหมือนจะไม่ต้องการจะสานต่อความสัมพันธ์นี้ น่าเสียดายที่สลิลมองเห็นแต่สิ่งที่อาจจะผิดพลาดระหว่างพวกเขาได้เท่านั้น ไม่ใช่มองเห็นสิ่งที่อาจจะเป็นไปในทางที่ดีได้เลย นี่มันบ้าสิ้นดี
“เธอเป็นพนักงานที่เก่งมากนะ นายควรจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่เธอยังอยากจะทำงานให้นายอยู่...” ลเลียมเตือนตัวเองเบา ๆ
แต่เขาก็ไม่สามารถจะรู้สึกเพียงแค่นั้นได้ เขากำลังติดอ
“เราถึงแล้วค่ะ”สลิลผงกศีรษะขึ้นจากไหล่แกร่งที่ใช้เป็นที่พักพิงมาตลอดทันทีที่ภาพเบื้องหน้าเริ่มคุ้นตา บ้านหลังเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้าย และคืนนี้ก็คงจะไม่ได้มาสร้างความทรงจำที่ดีใด ๆ เช่นกัน“นั่นแหละค่ะ บ้านฉัน แต่ทำไมมันถึงได้ดูมืดขนาดนี้นะ ฉันไม่ชอบเลย”ความหวาดกลัวระลอกใหม่เข้าครอบงำเธอ บางทีเธออาจจะมาช้าเกินไป ไอ้สารเลวนั่นอาจจะพาแม่ของเธอหนีไปแล้วก็เป็นได้“จอดตรงนี้ค่ะ” เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรวดเร็ว “รออยู่ที่นี่นะคะ ฉันจะเข้าไปดูข้างในเองค่ะ”สลิลรีบกระโดดลงจากรถก่อนที่วิลเลียมจะทันได้โต้แย้ง เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องอยากจะไปกับเธอ อยากจะมาช่วยชีวิตเธอ เพราะเขาคืออัศวินตัวจริง แต่เธอต้องการให้เขาอยู่ในรถ เธอไม่อยากให้เขามาเห็นความยุ่งเหยิงในชีวิตครอบครัวของเธอ เธอไม่อยากให้เขามาเห็นมันด้วยตาตัวเองจริง ๆ เพราะมันมากเกินไปเธอผลักประตูหน้าบ้า
วิลเลียมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่เพียงว่าเสียงฟูมฟายของสลิลที่ดังมาจากปลายสายนั้น คือสัญญาณของเรื่องเลวร้าย ร้ายแรงที่สุด เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้รับสายเธอในลักษณะนี้ เขาคิดว่าเธอคงจะตั้งใจพยายามจะกลับบ้านเองให้ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดพลาด บางอย่างที่สร้างความเสียหายให้กับเธอ...สลิลผู้อ่อนหวานและไร้เดียงสาของเขา...ผู้ซึ่งไม่สมควรจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลยฝ่าเท้าของเขากดลึกจมคันเร่ง เข็มความเร็วบนหน้าปัดตีสูงขึ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไปมากโข แสงไฟนีออนของเมืองหลวงยามค่ำคืนสาดผ่านกระจกรถเป็นเพียงเส้นสีที่พร่าเลือน หัวใจของเขาเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก ภาพจินตนาการที่เลวร้ายที่สุดนับร้อยนับพันผุดขึ้นมาในหัว เขามีประสบการณ์เที่ยวกลางคืนมามากพอที่จะรู้ว่าสถานเริงรมย์เหล่านั้นสามารถจะกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมได้ขนาดไหน เขาเกลียดมัน...เกลียดภาพผู้ชายมากหน้าหลายตาในคลับพวกนั้นที่จ้องมองผู้หญิงราวกับเป็นเหยื่อตอนนี้เขาเอาแต่คิดว่าตัวเองไม่ควรจะปล่อยให้เธอออกไปเลย...
เสียงดนตรีเบสหนัก ๆ ดังกระแทกเข้ามาในโสตประสาทจนแผ่นอกของสลิลสั่นสะเทือน แสงไฟหลากสีที่สาดส่องไปมาอย่างบ้าคลั่งทำให้เธอเริ่มปวดหัวตุบ ๆ และคลื่นมนุษย์ที่เบียดเสียดกันแน่นขนัดก็ทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ออก กลิ่นเหงื่อ กลิ่นแอลกอฮอล์ และควันบุหรี่จาง ๆ ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วจริง ๆสลิลพยายามจะเขย่งปลายเท้าเพื่อมองหาคนอื่น ๆ ในกลุ่มแต่ก็ไร้ผล อลิชาที่เพิ่งจะยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเมื่อครู่ ก็หายวับไปกับตาอีกแล้ว เธอรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งให้อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรของผู้คนที่ไม่รู้จัก แม้ว่าคืนนี้เธอจะได้ทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ มากขึ้น และดีใจที่ได้เห็นกันนอกสภาพแวดล้อมของออฟฟิศ แต่ตอนนี้ค่ำคืนนี้มันเลยจุดนั้นไปแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าพวกเขาแต่ละคนอยู่ที่ไหนกันบ้าง และการต้องอยู่คนเดียวเช่นนี้มันก็ไม่ได้สนุกอย่างที่ควรจะเป็นเลยสักนิด ตอนนี้เธอพร้อมจะกลับบ้านเต็มแก่แล้วความรู้สึกแปลกแยกเข้าเกาะกุมหัวใจของเธอ มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย เหมือนได้ย้อนกลับไปในช่วงมัธยมและมหาวิทยาลัย ที่เธอเป็นได้เพียง
วิลเลียมเกลียดความรู้สึกนี้เหลือเกิน หัวใจของเขาหนักอึ้งเมื่อเห็นสลิลนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศ จดจ่ออยู่กับการทำงาน พยายามจะเป็นพนักงานที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะเป็นได้ เขาเกลียดที่ตอนนี้ทำได้เพียงมองดูเธอในที่ทำงานเท่านั้นนับตั้งแต่วันที่เธอวิ่งหนีเขาไป กำแพงน้ำแข็งที่มองไม่เห็นก็ถูกสร้างขึ้นขวางกั้นระหว่างพวกเขา เขาไม่เคยเจอเธอในบริเวณคอนโดมิเนียมอีกเลย เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงเขา และมันก็โคตรจะแย่ เขาไม่อยากให้เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน เขาคิดว่าตัวเองได้แสดงออกไปอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว แต่เธอกลับดูเหมือนจะไม่ต้องการจะสานต่อความสัมพันธ์นี้ น่าเสียดายที่สลิลมองเห็นแต่สิ่งที่อาจจะผิดพลาดระหว่างพวกเขาได้เท่านั้น ไม่ใช่มองเห็นสิ่งที่อาจจะเป็นไปในทางที่ดีได้เลย นี่มันบ้าสิ้นดี“เธอเป็นพนักงานที่เก่งมากนะ นายควรจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่เธอยังอยากจะทำงานให้นายอยู่...” ลเลียมเตือนตัวเองเบา ๆแต่เขาก็ไม่สามารถจะรู้สึกเพียงแค่นั้นได้ เขากำลังติดอ
‘นี่ฉันกำลังทำบ้าอะไรอยู่?’คำถามดังก้องอยู่ในหัวของสลิล ทำไมเธอถึงปล่อยให้วิลจูงมือเข้ามาในห้องนอนของเขาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ เธอเพิ่งจะบอกเขาไปหยก ๆ ว่าพวกเขาคงต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง กำแพงแห่งความเข้มแข็งที่เพิ่งจะก่อขึ้นเมื่อครู่พังทลายลงไม่เป็นท่า เธอคิดว่าตัวเองได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ากำลังจะปล่อยเขาไป แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นได้เพียงเหยื่อผู้สมยอม...ยอมจำนนต่อความรู้สึกรุนแรงที่หัวใจมีต่อเขา สลิล...เธอช่างอ่อนแอเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษผู้นี้จุมพิตที่เขามอบให้ครั้งนี้ไม่ได้ร้อนแรงบ้าคลั่ง แต่กลับอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความทะนุถนอม วิลเลียมประคองร่างบางให้นั่งลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา ทุกสัมผัสของเขาเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความนุ่มนวลที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนบางที...อาจเป็นเพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าทุกอย่างคือ ‘ครั้งแรก’ สำหรับเธอ เขารู้ว่าเขาคือคนที่พรากความสาวของเธอไป ความตระหนักรู้นั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างประหลาด สลิลไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับ
สลิลยังคงรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ วิลเลียมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าเขายังคงทำตัวเหมือนทุกอย่างปกติ ในไม่ช้าเธอก็จะคล้อยตามความคิดของเขา เธอจะผ่อนคลายกับสถานการณ์นี้ได้ในที่สุดก่อนหน้านี้เขาอาจจะตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับเรื่องต่าง ๆ ได้แล้ว และเขาก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มันมา“อาหารพร้อมแล้วครับ เชิญนั่งก่อนได้เลยครับ” เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องงานของเขาไม่เป็นผลชายหนุ่มผายมือไปยังโต๊ะอาหารที่เขาตั้งใจจัดเตรียมไว้ สเต๊กเนื้อสันในกลิ่นหอมกรุ่นวางเคียงข้างสลัดผักสดใหม่ แสงเทียนสีนวลสะท้อนกับแก้วไวน์เจียระไนอย่างงดงามสลิลทำตามที่เขาขออย่างเงียบ ๆ เธอนั่งลงโดยแทบจะไม่สนใจจะมองไปรอบ ๆ ด้วยซ้ำว่าห้องพักของเขามันโล่งเตียนแค่ไหน เขาไม่ได้ใส่ใจจะตกแต่งสถานที่แห่งนี้เลยสักนิดเพราะมันเป็นเพียงบ้านพักในวันทำงานของเขาเท่านั้น แต่ถึงเธอจะถามค