เสียงก้องกังวานของเสียงสังเคราะห์ที่ประกาศกฎ 13 ข้อ ค่อยๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่หนักอึ้งกว่าเดิม บรรยากาศภายใน อควาเรียมไตรตันแปรเปลี่ยนจากความลึกลับน่าค้นหา เป็นความตึงเครียดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แสงไฟสลัวจากตู้ปลาขนาดยักษ์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างในโถงทางเดินอันกว้างใหญ่ เผยให้เห็นใบหน้าของผู้คนที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและสับสน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!” เจมส์โพล่งขึ้นมาเป็นคนแรก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและหงุดหงิด เขากวาดตามองไปรอบๆ ราวกับจะหาต้นตอของเสียงนั้น “ใครเล่นตลกอะไรแบบนี้วะ? เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” เขาก้าวไปที่ประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทและพยายามดันมันสุดแรง แต่ประตูนั้นแน่นหนาราวกับผนังคอนกรีต เขาหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่นำพวกเขามาด้วยแววตาตำหนิ “คุณ! นี่มันอะไรกัน? เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับหุ่นยนต์ดวงตาของเขาว่างเปล่า แสงจากตู้ปลาสะท้อนในแววตานั้นดูมืดมิดและไร้ชีวิต “กฎ... คือสิ่งเดียวที่นำทางท่าน” เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกนั้นทำให้เจมส์รู้สึกขนลุก
“กฎบ้าอะไรกัน! ผมมาที่นี่เพราะถูกเพื่อนท้าให้มาดูว่ามีผีไหม ไม่ได้มาเล่นเกมบ้าบอนี่!” เจมส์ยังคงโวยวาย สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่เชื่ออย่างรุนแรง เขายังคงยึดติดกับความคิดว่าทุกสิ่งต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงการแกล้งกันเท่านั้น
กวินเดินเข้ามาใกล้เจมส์ “ใจเย็นก่อนเจมส์” เขากล่าวเสียงเรียบ ดวงตาของกวินยังคงจับจ้องไปที่ตู้ปลาและโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป “ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา...” แรงจูงใจของกวินคือการไขปริศนาสิ่งลี้ลับ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา “เสียงกระซิบ… มีข่าวลือมานานเกี่ยวกับอควาเรียมนี้ว่ามีเสียงกระซิบจากสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น” เขารู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้คือความจริงที่เขาตามหามาตลอด
แพรวายืนนิ่งอยู่ข้างๆ เธอกำลังใช้สายตาสำรวจทุกตารางนิ้วของบริเวณนั้นอย่างละเอียด ใบหน้าของเธอยังคงสงบ แต่ดวงตาฉายแววครุ่นคิด เธอไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ แต่เชื่อในความจริงที่ซ่อนอยู่ “ดูแผนผังดีๆ นะคะ อควาเรียมแห่งนี้กว้างขวางเกินกว่าที่จะเป็นแค่ที่จัดแสดงธรรมดา” เธอเอ่ยบอกกับทุกคน แรงจูงใจของเธอในการมาที่นี่คือการค้นหาคำตอบเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมของครอบครัว และทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
มิกิเองก็เริ่มเงียบไปเล็กน้อยจากท่าทีฮึกเหิมเมื่อครู่ แต่ไม่นานเธอก็หยิบกล้องมือถือขึ้นมา “โอเคทุกคน! สถานการณ์พลิกผันนิดหน่อย! ดูเหมือนเราจะติดอยู่ในอควาเรียมปริศนาที่ออกกฎเองได้! นี่มันคอนเทนต์ระดับไวรัลเลยนะ!” เธอเริ่มถ่ายคลิปอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ แต่ความต้องการที่จะสร้างคอนเทนต์ที่น่าตื่นเต้นและโดดเด่นก็มีมากกว่า เธอพยายามบังคับให้เจมส์ที่ยังคงหัวเสียอยู่หันมาทางกล้อง “เจมส์! ทำหน้ากลัวๆ หน่อยสิ! ผู้ชมชอบอะไรแบบนี้!”
“อย่าถ่ายรูป หรือวิดีโอใดๆ ภายในอควาเรียม” เจ้าหน้าที่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ราวกับเป็นเสียงที่ผุดขึ้นมาจากกำแพง
มิกิชะงัก เธอจำหนึ่งในกฎเหล็กได้ทันที “อ่อ! ข้อ 6! ห้ามถ่ายรูปนี่หว่า!” เธอเก็บมือถือลงอย่างรวดเร็ว แม้จะเสียดายโอกาสที่จะได้เก็บภาพเหตุการณ์สำคัญ แต่ก็ยังคงความทะเยอทะยานที่จะทำให้คลิปของเธอดังอยู่
ต้น ช่างภาพมือสมัครเล่น มองการกระทำของมิกิด้วยความเข้าใจ เขาเองก็มีความต้องการที่จะบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านเลนส์กล้อง “ผมเข้าใจความรู้สึกนะ” ต้นกล่าวเบาๆ กับมิกิ “แต่ดูเหมือนกฎนี้จะจริงจังกว่าที่คิด” เขามองไปที่เงาปริศนาที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในตู้ปลาขนาดยักษ์ แสงสลัวทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา อันที่จริงเขาก็แอบเสียดายเล็กน้อยพลางคิดในใจว่าแม้จะถ่ายภาพไม่ได้ แต่เขาสามารถสังเกตและจดจำรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำไปเล่าเรื่องในภายหลัง
อิฐยังคงยืนนิ่ง สังเกตการณ์ทุกคนเงียบๆ ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ป้ายไฟที่ติดอยู่เหนือตู้ปลาแต่ละโซน พยายามจดจำรายละเอียด พลางนึกไปถึงแผนผังของอควาเรียมไตรตันที่เคยศึกษามาอย่างลับๆ “อควาเรียมนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง... ไม่น่าจะเป็นแค่สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำทั่วไป” อิฐคิดในใจ เขานึกถึงเอกสารเก่าๆ ที่เขาเคยรวบรวมไว้เกี่ยวกับอควาเรียมแห่งนี้ เขารู้สึกว่าความลับที่เขาตามหามานานกำลังจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า
ในระหว่างนั้นพลอยมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ด้วยความสนใจ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความไร้เดียงสาและความหลงใหลในสัตว์น้ำ เธอเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาที่มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ เปล่งประกายออกมา ดึงดูดสายตา “สวยจังเลย…” เธอกระซิบเบาๆ มือของเธอยกขึ้นช้าๆ ราวกับต้องการสัมผัสผิวกระจกที่ดูเย็นเฉียบ
“พลอย! อย่าแตะกระจก!” เจมส์ร้องเตือนเสียงดังด้วยสัญชาตญาณ เขาจำกฎข้อ 1 ได้ และไม่ต้องการให้ใครละเมิดมันอีกหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อครู่
พลอยชะงักเล็กน้อย หันมามองเจมส์ด้วยความแปลกใจ “ทำไมล่ะเจมส์? ก็แค่มอง...” เธอยังไม่เข้าใจถึงความจริงจังของสถานการณ์นัก
หมอกที่ปกติเป็นคนเงียบขรึมและช่างสังเกต กำลังจับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่อย่างไม่วางตา เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวเขา ไม่ใช่แค่ท่าทางที่ไร้อารมณ์ แต่ยังรวมถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา หมอกรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของความลับทั้งหมด ‘ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกฎ... ก็หมายความว่าสิ่งที่เราต้องทำคือพยายามเข้าใจกฎ’ หมอกคิดในใจ เธอเชื่อว่าการสังเกตคือการเข้าใจสิ่งที่คนอื่นไม่พูดออกมา
ลุงแดงยืนพิงกำแพง ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูที่ปิดสนิท เขาไม่พูดอะไรมาก แต่แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้บางอย่างที่ซ่อนอยู่ ลุงแดงเคยขับรถรับส่งพนักงานที่อควาเรียมนี้มาก่อน และเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองที่ผิดจรรยาบรรณ ซึ่งทำให้เขามีความเชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจำได้ว่ามีข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของพนักงาน และการเห็นเงาลึกลับในตู้ปลา ลุงแดงมองไปที่ตู้ปลาขนาดยักษ์ ราวกับกำลังมองหาบางสิ่งที่เขารู้จัก
“พวกเราต้องหาทางออก!” กวินเป็นคนแรกที่เริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ในการหาทางออกจากที่นี่ “เราไม่รู้ว่าเกมบ้าๆ นี่จะจบลงเมื่อไหร่ และมีอะไรซ่อนอยู่” เขาเดินไปที่แผนผังอควาเรียมที่ติดอยู่บนผนัง มันเป็นแผนผังที่ดูเรียบง่าย แต่มีบางโซนที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ
“ทางออกอยู่ที่ไหน?” แพรวาถามขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงของเธอยังคงสงบแต่แฝงไว้ด้วยความกังวล แพรวาเริ่มมองเห็นว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่แค่การไขปริศนา แต่เป็นการเอาชีวิตรอด เธอต้องการปกป้องตัวเองและคนที่เหลือ และเธอต้องการความจริงเกี่ยวกับพ่อของเธอ
“เจ้าหน้าที่คนนี้รู้เรื่องทั้งหมดแน่ๆ” มิกิกระซิบกับต้น “แต่ดูสิ เขานิ่งมากเลย”
“หรือจริงๆ เขาอาจจะควบคุมอยู่ก็ได้” ต้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
เจ้าหน้าที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ตอบคำถามใดๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา แสงสลัวๆ จากตู้ปลาทำให้เงาของพวกเขาทอดยาวบิดเบี้ยวบนพื้น ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่
กวินเริ่มเดินสำรวจไปตามโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไป ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินตามไปอย่างช้าๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อไป
‘โซนปลาน้ำลึก’
ป้ายเหนือตู้ปลาขนาดใหญ่ระบุไว้ แสงสีน้ำเงินเข้มส่องสว่างออกมาจากภายในตู้ เผยให้เห็นเงาตะคุ่มของสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดที่ว่ายวนอยู่เบื้องหลัง ความเย็นยะเยือกเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในอากาศ
“นี่คือโซนแรกที่เราจะสำรวจงั้นเหรอ?” เจมส์เดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาพวกนั้น เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วจดจ้องสายตาเพ่งมองเข้าไปข้างใน พลางเอ่ยถามด้วยเสียงหงุดหงิด เขายังคงไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“เราต้องทำความเข้าใจสถานที่นี้กันก่อน” กวินตอบพลางก้าวเข้าไปใกล้ตู้ปลา แววตาของเขามีประกายความตื่นเต้นปนกับความระมัดระวัง
“เจมส์” แพรวาเอ่ยเรียกเสียงนิ่ง
“…”
“เจมส์!”
“ห้ะ!”
“ไปกันได้แล้ว! ยืนจ้องอยู่ได้ นิ่งจนคิดว่าหลับไปซะละ” แพรวาบ่นพลางมองด้วยแววตาสงสัย
“โทษที ฉันดูเพลินไปหน่อย”
พวกเขาพากันเดินผ่านโซนปลาน้ำลึกที่เต็มไปด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่ที่บรรจุสัตว์ทะเลน้ำลึกรูปร่างประหลาด บางชนิดมีแสงในตัวเอง บางชนิดดูน่ากลัวจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ดังแว่วมาจากทุกทิศทาง เหมือนเสียงกระซิบที่ลึกลับ
“พวกคุณได้ยินอะไรไหม?” แพรวาถามขึ้นมาเบาๆ เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ไม่ใช่เสียงน้ำ แต่เป็นเสียงที่เหมือนกำลังพยายามพูดบางอย่าง
“เสียงกระซิบ… มันดังมาจากตู้ปลา” กวินพึมพำ เขาจำได้ว่าในข่าวลือก็มีการพูดถึงเสียงกระซิบนี้เช่นกัน
“บ้าหน่า! ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” เจมส์ตอบ เขากุมขมับ “นี่นายกำลังเล่นตลกกับพวกเราอยู่เหรอ”
มิกิหันมามองเจมส์ “นายยังไม่เชื่อเรื่องแบบนี้อีกเหรอเจมส์? นี่มันของจริงแล้วนะ!”
“ฉันก็ได้ยิน...” ต้นพูดเสริม “เสียงมันเบามาก เหมือนมีคนกระซิบอยู่ข้างหู”
ฟ้าหลับตาลงช้าๆ เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่แปลกประหลาดภายในอควาเรียมนี้ มันเป็นพลังงานที่ค่อนข้างเก่าแก่และมืดมิด “มีบางอย่างที่กำลังสื่อสารกับเรา” เธอเอ่ยขึ้น “แต่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับเสียงกระซิบ พลอยก็เหลือบไปเห็นตู้ปลาขนาดเล็กที่อยู่มุมห้อง มันเป็นตู้ปลาที่ดูโดดเด่นกว่าตู้ปลาอื่นๆ เพราะมีแสงสีเขียวมรกตส่องประกายออกมา ราวกับมีบางสิ่งล้ำค่าซ่อนอยู่ภายใน “ว้าว! นั่นมันอะไรน่ะ?” พลอยเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาอย่างไม่ลังเล
“ระวังนะพลอย!” กวินร้องเตือน
แต่ไม่ทันแล้ว พลอยยกมือขึ้นไปแตะกระจกตู้ปลาที่มีแสงสีเขียวนั้นอย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้น เสียงกระซิบที่เคยแผ่วเบา ก็ดังขึ้นชัดเจนและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม จนแทบจะเป็นเสียงคำรามที่ดังมาจากทุกทิศทาง
“ห้ามแตะกระจกของตู้ปลา!”
เสียงสังเคราะห์นั้นกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
แสงสีเขียวมรกตจากตู้ปลาขนาดเล็กนั้นเริ่มกะพริบถี่ขึ้น ก่อนจะส่องสว่างจ้าจนแสบตา พลอยกรีดร้องเสียงหลง เมื่อมือของเธอที่แตะกระจกเริ่มมีรอยไหม้แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พลอย!” กวินรีบปรี่เข้าไปดึงตัวพลอยออกมาทันที แต่รอยไหม้ที่มือของพลอยกลับไม่เหมือนรอยไหม้ทั่วไป มันเป็นรอยไหม้ที่คล้ายกับตราประทับรูปทรงแปลกประหลาด
“โอ๊ย! อะไรเนี่ย! มันร้อนมากเลย!” พลอยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนว่ากฎเหล่านั้นไม่ใช่แค่คำขู่ แต่มันคือความจริงที่อันตรายถึงชีวิต
อิฐมองไปที่รอยไหม้บนมือของพลอยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เขาเริ่มเชื่อมั่นแล้วว่าความลับที่เขาตามหามานานกำลังจะถูกเปิดเผยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอควาเรียมนี้ เขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมที่ไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิต
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่งเช่นเดิม ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับว่าเขาเป็นเพียงผู้เฝ้ามองความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
กวินกอดปลอบพลอยที่ยังคงสะอื้นไห้ เขาตระหนักแล้วว่า อควาเรียมแห่งนี้คือสิ่งมีชีวิตที่กำลังเล่นเกมกับพวกเขา และพวกเขาจะต้องทำความเข้าใจกฎของมันให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เราต้องหาทางออก... ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” กวินพึมพำกับตัวเอง เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวาดกลัวที่ปะปนกัน
และในความมืดสลัวนั้น เสียงกระซิบจากตู้ปลาที่อยู่รอบตัวก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียงแผ่วเบา แต่เป็นเสียงที่ดูเหมือนกำลังหัวเราะเยาะความพยายามที่ไร้ผลของพวกเขา
กวินยังคงหมดสติอยู่ข้างๆ แพรวาที่นั่งดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด ท่าทางของเธอดูเหมือนกำลังต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของเธอ ความหวาดกลัวยังคงแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ แพรวายังคงเจ็บปวดเมื่อได้รู้ว่าพ่อของเธออาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตประหลาดภายในตู้ปลาเหล่านั้น ความสิ้นหวังกัดกินหัวใจพวกเขาทุกคน อิฐที่เคยดูเข้มแข็งบัดนี้ท่าทีดูอ่อนแรงลงมาก แม้จะพยายามปลอบใจเพื่อนๆ ที่เหลืออยู่ แต่เขาเองก็ไม่อาจยอมรับได้ว่าสภาพจิตใจตของเขายังคงปกติดี เพราะมันไม่ปกติความจริงอันน่าสะพรึงกลัวหลังการเปิดเผยของอิฐที่ว่าอควาเรียมไตรตันคือศูนย์วิจัยลับที่ทำการทดลองมนุษย์ และแท้จริงแล้วแม่ของกวินคือผู้สร้างแกนพลังงานที่ควบคุมทุกสิ่งที่นี่“นี่มัน... เกินกว่าที่เราจะรับไหวแล้วนะ” พลอยพึมพำ น้ำเสียงสั่นเครือ รอยตราประทับบนมือของเธอยังคงเต้นระริกราวกับมีชีวิต เธอเกาะแขนแพรวาแน่น ราวกับหาที่พึ่งสุดท้ายแพรวากอดปลอบพลอย แม้ตัวเธอจะยังไม่แข็งแรงดี แต่แววตาของเธอมุ่งมั่นไม่น้อย “ไม่... เราต้องไม่ยอมแพ้” เธอเงยหน้ามองอิฐ “แกนพลังงานนั่น... มันอยู่ที่ไหนกันแน่?”อิฐก้มลงมองสมุดบันทึกในมือของแพรวา “ข้อมูลเบื้องต้นระ
ความสิ้นหวังของอิฐทวีคูณจากปกติขึ้นมาก ในเวลานี้เหลือเพียงแค่เขาคนเดียวที่ยังเป็นปกติ ไม่ได้ละเมิดกฎ และไม่ได้โดนลงโทษ การที่เขาได้เห็นเพื่อนร่วมทริปในครั้งนี้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากผลลัพธ์ของการไม่ยอมทำตามกฎยิ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่ จากคนปกติกลายเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมประหลาดเกินกว่าจะเข้าใจได้ ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีโอกาสได้ออกไปจากที่นี่ในแบบเดียวกันกับตอนที่เข้ามาหรือเปล่ายังดีที่พลอยพอจะมีสติมากที่สุดในบรรดาทุกคน รวมถึงลุงแดงที่ถึงแม้จะมีอาการหวาดระแวงจากการถูกสิ่งลึกลับตามล่า แต่ก็ยังพอจะพูดคุยได้รู้เรื่อง ต่างกับคนอื่นๆ ที่ตอนนี้ราวกับถูกสะกดเอาไว้กับอควาเรียม แทบจะไม่รับรู้เรื่องราวในชีวิตอีกต่อไปแล้ว“เราจะได้ออกไปจากที่นี่จริงๆ ใช่ไหม” พลอยพูดเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้“เราต้องออกไปได้สิ” อิฐกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถึงแม้ว่าจะยากก็ตาม”“ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย” พลอยพูดพลางสะอื้น น้ำตาไหลลงข้างแก้ม อิฐได้แต่ถอนหายใจไม่รู้จะปลอบยังไง เพราะลำพังตัวเขาเองก็แทบจะประคองสภาพจิตใจของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว“ไม่เป็นไรนะ พวกเราต้องรอด อย่าเพิ่งถอดใจ” อิฐบอกแม้ว่าเขาเองก็ไม่ม
หลังจากแพรวาหมดสติไปในสภาพหวาดกลัวจากการถูกจองจำในความจริงอันมืดมิดของอดีตที่เชื่อมโยงกับอควาเรียมไตรตัน การเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆ ยิ่งตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่าอควาเรียมแห่งนี้ไม่ได้เพียงแค่ล้อเล่นกับชีวิตของพวกเขา แต่กำลังบิดเบือนจิตใจและตัวตนของพวกเขาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมันอย่างช้าๆกวินประคองร่างของแพรวาที่ยังคงหมดสติอยู่ เขาพยายามเรียกชื่อเธออีกครั้ง แต่แพรวาไม่ตอบสนอง “แพรวา...เธอต้องกลับมานะ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่เธอยังนอนนิ่ง ไม่ไหวติง...“เราต้องหาทางออก!” กวินหันไปหาอิฐแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ก่อนที่เราจะกลายเป็นเหมือนพวกเขา!” เขากวาดตามองเพื่อนๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างน่ากลัว แม้จะรู้สึกผิดที่ช่วยเหลือพวกเขาไม่ได้ แต่เขาก็ยังอยากที่ก้าวออกจากที่นี่ไปอย่างคนปกติอิฐหันไปมองกลุ่มคน “ไม่ได้! เราจะต้องไปต่อ เราต้องหาทางเข้าถึงแกนพลังงานให้ได้”“นายแน่ใจนะ”“เชื่อใจฉันเถอะ ฉันมั่นใจว่าถ้าเราเจอแกนพลังงานของที่นี่ แล้วทำลายมัน เราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน” อิฐให้คำมั่น น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมากพอที่จะทำให้กวินสบา
สภาพของลุงแดงที่ร่วงตกลงมาบนพื้นเมื่อครู่สร้างความหวาดผวาให้กับกลุ่มคนที่เหลืออย่างหนัก หลังจากที่ลุงแดงถูกตามล่าจากการละเมิดกฎ บทลงโทษที่เกิดขึ้นกับลุงแดงก็น่ากลัวเสียจนขวัญผวา ตอนที่ลุงแดงลอยค้างอยู่ในอากาศเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการของทุกคนไปมาก ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆ ยิ่งตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่าอควาเรียมไตรตันไม่ใช่แค่สถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำ แต่เป็นกับดักที่กลืนกินพวกเขาไปทีละคน แสงสลัวจากตู้ปลาที่ดูบิดเบี้ยวในทางเดินสะท้อนใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความพ่ายแพ้ลุงแดงได้สติ เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้น เขาพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง กวินรีบเข้าไปประคองลุงที่ยังคงตัวสั่นไม่หยุด ใบหน้าของลุงซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด “ลุงแดง! เป็นยังไงบ้างครับ!” กวินถามด้วยความเป็นห่วง เขามองลุงแดงอย่างหดหู่ก่อนจะเบนสายตามองไปที่เพื่อนๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างน่ากลัว “เมื่อไหร่เรื่องบ้าพวกนี้มันจะจบสักที!!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นพลอยมองลุงแดงด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงสั่นเครือ “มันคืออะไรน่
ความโกลาหลและความสิ้นหวังเข้าปกคลุมกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างหนัก หลังจากต้นแสดงอาการคลุ้มคลั่งและทำลายโทรศัพท์ของตัวเอง เพราะถูกภาพหลอนจากอควาเรียมตามหลอกหลอน บรรยากาศภายใน อควาเรียมไตรตันยิ่งทวีความมืดมิดและน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว แสงไฟสลัวสีฟ้าจากตู้ปลาที่ส่องกระทบใบหน้าของพวกเขายิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูหมดหวัง เลือนราง และไร้ความหวังมากขึ้นกว่าเดิมใบหน้าของกวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เพื่อนของเขากำลังถูกอควาเรียมกลืนกินไปทีละคนอย่างช้าๆ เจมส์ยังคงนอนแน่นิ่ง มิกิอยู่ในสภาพเงียบงันไร้การตอบสนอง ฟ้าพูดจาไม่รู้เรื่องราว ส่วนต้นก็กลายเป็นคนคลุ้มคลั่งไม่มีใครรู้ว่ารายต่อไปจะเป็นใคร...“เราจะเหลือรอดกี่คนกันนะ” พลอยสะอื้นถาม ทุกคนได้ฟังก็รู้สึกหดหู่ไม่ต่างกัน แต่ไม่มีใครคิดโกรธเพราะรู้ดีว่าเธอกำลังสิ้นหวัง“ไม่เป็นไรนะ เราต้องรอด เราต้องออกไปได้แน่นอน” แพรวาบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาเชื่อมั่น เธอไม่อยากให้หญิงสาวข้างกายรู้สึกกลัวไปมากกว่านี้มิกินั่งนิ่งอยู่ที่มุมห้อง ไม่ได้รับรู้ว่ารอบตัวเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะเดียวกันฟ้าก็พูดพึมพำออกมาไม่ได้ศัพท์
ความจริงอันน่าตกใจเกี่ยวกับแม่ของกวินและการค้นพบสมุดบันทึกของนักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมก่อตั้งอควาเรียมไตรตัน ทำให้บรรยากาศภายในกลุ่มยิ่งทวีความตึงเครียดขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว แสงสลัวจากตู้ปลาที่ดูบิดเบี้ยวในทางเดินสะท้อนใบหน้าของทุกคน เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัวที่ผสมผสานกับความอยากรู้อยากเห็นในความลับที่กำลังถูกเปิดเผยกวินกุมสมุดบันทึกเล่มเก่าไว้แน่นในมือ ดวงตาของเขาจ้องมองลายมือที่คุ้นเคยของแม่ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย “แม่ของฉัน รู้เรื่องนี้มาตลอดอย่างนั้นเหรอ?” กวินพึมพำ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและความไม่เชื่อ “ทำไมแม่ถึงไม่เคยบอกอะไรผมเลย...” เขารู้สึกเหมือนถูกหักหลัง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีแรงผลักดันที่จะค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนี้ให้ได้แพรวาเดินเข้ามาใกล้กวิน เธอมองไปที่สมุดบันทึกด้วยความสนใจ “บางที... แม่ของนายอาจถูกบังคับให้ทำอะไรบางอย่าง” แพรวากล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเข้าใจ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของฉันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน” เธอคิดถึงปมของตัวเองที่เชื่อมโยงกับอควาเรียม และต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อขอ