ตรวจสุขภาพ
วันนี้ทางโรงพยาบาลที่ฉันประจำการอยู่ได้รับเชิญให้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ล่ะอย่างเข้าไปเป็นวิทยากรให้คำปรึกษากับนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดโครงการสวัสดิการตรวจสุขภาพประจำปีของมหาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน้อง ๆ นักศึกษาแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าไปให้คำแนะนำ และตรวจสอบเบื้องต้นให้ว่า เคสไหนสามารถให้นักศึกษาแพทย์ทำได้ หรือเคสไหนควรส่งต่อให้กับทางโรงพยาบาล
แน่นอนว่าทั้งฉัน และ แพรวต่างก็เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้ร่วมกับแพทย์คนอื่น ๆ อีก 6 คน รวมเป็น 8 คน
พวกเรามาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก ก็ที่มาคาเฟ่แมวนั่นแหละนะ
เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปอบรมนักเรียนแพทย์ ทั้งฉันกับแพรวก็ของปลีกตัวไปหาอะไรทานกันก่อน แน่นอนว่าสายตานักศึกษาหลาย ๆ คนต่างจับจ้องมาที่พวกเรา ไม่รู้มองเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ รอยยิ้มของนักศึกษาตามรายทางก็ทำให้ฉันและแพรวกระชุ่มกระชวยกันพอควร
“ไหน ๆ ก็มาถึงมหาลัยแล้วก็หาซะเลยสิ” ยัยแพรวหันมากระซิบก่อนจะเบือนหน้าไปยิ้มให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ฉันเองก็เช่นกัน อิอิ
“เป็นความคิดที่ดี เด็กเอ๊าะ ๆ คงทำเข็ดฟัน ฮ่า”
“อิบ้า ฉันหมายถึงให้แกไปส่องอาจารย์ผู้ชาย ไม่ได้ให้ไปส่องเด็ก” ยัยแพรวหันมาค้อนฉัน
“อ้าวเหรอ แต่ถ้าให้ฉันเลือกละก็ ฉันเลือกเด็กหนุ่มมากกว่านะ ฮ่า...” จริง ๆ ฉันก็แกล้งหยอกไปงั้น ก็ดูสภาพฉันสิ วัยทำงานขนาดนี้ เด็ก ๆ ที่ไหนจะอยากคบเป็นแฟนจริงมั้ยล่ะ
หลังจากที่เราสองคนหาอะไรรองท้องกันเสร็จ ก็กลับไปจัดเตรียมข้อมูลที่จะเริ่มอบรมให้นักศึกษาแพทย์เฉพาะทางของตัวเอง
บุคลิกของฉันกับแพรว แม้ดูจะสะดีดสะดิ้ง แรดนิ่ง ๆ เจ้าชู้หน่อย ๆ แต่พออยู่ในโหมดคุณหมอก็วางตัวดีไม่ได้ทำกิริยาไม่งามนะ เราสองคนรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรควรไม่ควร
อย่างเช่นตอนนี้ที่ฉันกำลังเป็นวิทยากรอยู่นั้น ก็จะสุขุม พูดจาฉะฉาน ใบหน้ายิ้มแย้ม ใครถามมา หรือต้องการคำปรึกษา ก็จะเต็มใจให้ความช่วยเหลือเต็มทีดังนั้น
“ใครมีอะไรสงสัยอีกมั้ยคะ” ฉันที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องประชุมเอ่ยถามนักศึกษาแพทย์คณะทันตแพทยศาสตร์
“ผมครับ” มีนักศึกษาหนุ่มยืนขึ้นถามฉัน
“เชิญค่ะ” ฉันยิ้มรับ
“คุณหมอสุดสวยมีแฟนรึยังครับ” สิ้นคำเสียงนักศึกษาแพทย์ในห้องประชุมก็โฮ่ร้องกันเซ็งแซ่กึกก้อง ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้
“หมอโสดค่ะ” ฉันตอบนักศึกษาไปแบบไม่คิดมา แต่เสียงในห้องประชุมกับร้องดังกันมากขึ้น ทำเอาฉันอดยิ้มร่าไม่ได้ เนี่ยแหละนะชีวิตวัยมหาลัย นึกถึงตอนฉันเรียน ฉันเองก็คึกคักแบบนี้เหมือนกัน
หลังจากการบรรยายผ่านไปได้ด้วยดี ฉันก็กลับมายังห้องพักรับรองที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ ดูเหมือนแพทย์บางท่านจะขอตัวกลับกันก่อน แต่ที่ฉันยังไม่กลับเพราะอยากรอแพรวจึงยังนั่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในห้องนี้
“นานจัง...” ฉันบ่นเพราะเมื่อเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าผ่านไปราวเกือบชั่วโมงได้ จนพบว่ามีข้อความไลน์ส่งมาเมื่อ ครึ่งชั่วโมงก่อน
แพรว : ออย ฉันกลับก่อนนะ พี่เจเดนมารอรับฉันบอกไม่อยากไปเขาก็ลากฉันขึ้นรถเฉย ขอโทษเพื่อน ไว้คุยกัน
“...” ฉันนั่งนิ่งอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมา “แล้วนี่ฉันนั่งรออะไรอยู่” ฉันลุกขึ้นส่ายหัวอย่างเสียอารมณ์ก่อนจะคว้ากระเป๋าของตัวเองเดินออกจากห้องรับรอง
ฉันเดินสัมผัสบรรยากาศยามเย็นในมหาลัย นักศึกษาเบาบางลงไปมาก ไม่ได้พลุ่งพล่านเหมือนช่วงบ่าย
“หูย...กล้ามแน่น ๆ” ฉันที่กำลังเดินผ่านสนามบาสก็ไม่พลาดที่จะมองไปยังเหล่านักศึกษาชายรวมตัวกันเล่นบาส ไม่ใช่แค่ฉันที่มองหรอก เพราะสาว ๆ มหาลัยก็เกาะขอบรั้วตะแกรงเหล็กมองกรี๊ดกร๊าดไม่ต่างกัน พอนึก ๆ ดูแล้วสมัยก่อนฉันก็ทำแบบนี้ พูดแล้วก็ขำตัวเองฮ่า...
ฉันยืนมองอยู่ใต้ต้นไม้ถอยออกมา ยิ่งมองยิ่งเพลิน ถ้าไม่ติดว่าอายุ 27 แล้วเนี่ยคงตะโกนเรียก ‘รุ่นพี่คะ หันมาทางนี้หน่อยค่า’ แน่นอน
“กรี๊ด.........นั่นมันพี่เวย์วิศวะคอมคนหล่อหาตัวจับยากนินา”
“ไหน ๆ เฮ้ยจริงด้วยไม่คิดว่าพี่เวย์จะมาเล่นบาส ข่าวด่วน มึงรีบถ่ายรูปรีบโพสต์เลย”
ฉันที่ได้ยินเสียงสนทนาของเหล่านักศึกษาสาว อวดอ้างสรรพคุณหนุ่มหล่อในมหาวิทยาลัย ก็พานทำให้อยากเห็นขึ้นมา จึงเดินเข้าไปรวมตัวกับสาว ๆ มหาลัยคงเนียนอยู่ล่ะมั้ง เริ่มแรกก็ทำเนียนตีสนิทน้อง ๆ ทำเป็นไม่ได้สนใจคนในสนามมากนัก เมื่อคุยกันจนถูกคอจึงเอ่ยถามพอเป็นพิธี
“ว่าแต่น้อง ๆ คะ คนไหนชื่อน้องเวย์เหรอ พอดีพี่เห็นทุกคนบอกว่าหล่อ”
“คนนั้นค่ะพี่สาว พี่เวย์ วิศวะคอมปี 4 หล่อมากเลยค่ะ” เด็กสาวชี้ไปทางผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังรวมอยู่กับเพื่อน ๆ ข้างสนามบาส ฉันเพ่งสายตามองอย่างพินิจ ก็หล่อสมคำร่ำลือจริง ๆ แค่ยืนรวมกับเพื่อนออร่าก็โดดเด่นออกมามากกว่าใคร รูปร่างก็ดีสุด ๆ แต่......
“ทำไมคุ้นหน้าจังแฮะ” นั่นคือความคิดที่ผุดตามออกมา
‘กรี๊ด.........พี่เขาเดินมาทางนี้ด้วย’
เสียงกรี๊ดของสาว ๆ ที่เกาะขอบรั้วตะตะแกรงเหล็กดังขึ้นแรงอีกครั้ง ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์ความนึกคิดของตน จวบจนเห็นน้องผู้ชายคนที่กำลังอยู่ในความคิดเดินข้ามสนามบาสมาฝั่งที่พวกเรายืนอยู่
‘ยิ่งเข้ามาใกล้ยิ่งหล่อจริง ๆ และก็ยิ่งคุ้นตา’
เขายืนอยู่ตรงหน้าสาว ๆ ที่มีรั้วตะแกรงเหล็กกั้นอยู่ (และมันก็ตรงกับที่ฉันยืนอยู่ด้วย) ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้ว่า
ตอนนี้ฉันจึงกอดอกรอดูว่าน้องผู้ชายคนนี้จะทำอะไร หรือแค่มาทำให้หัวใจสาวน้อยเหล่านี้เต้นโครมครามเล่น ๆ เท่านั้น ถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้มันคงสำเร็จแล้วล่ะ เพราะน้อง ๆ ผู้หญิงที่เกาะรั้วตะแกรงเหล็กตอนนี้เงียบเฉียบใบหน้าแดงก่ำกันอย่างมิได้นัดหมาย นี่ขนาดน้องผู้ชายไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำนะ
“พี่มาหาผมเหรอ” จากที่ทุกคนเงียบตอนนี้ยิ่งเงียบไปกว่าเดิมเมื่อ แม้แต่ฉันเองที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็ต้องพล้อยเงียบไปด้วย นัยน์ตาคมคายคู่นั้นมองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามองฉันอยู่ จนทำให้เด็กสาวรอบ ๆ สนามบาส ต่างก็มองมาที่ฉันอย่างเคลือบแคลงใจ ว่าเหตุใดหนุ่มหล่อมหาลัยคนนี้ถึงเอ่ยทักพี่สาวต่างวัยราวกับรู้จักกันมาก่อน
“พี่???....” ฉันพูดพลางชี้หน้าตัวเองเพื่อยืนยันคำตอบของเขา
“ใช่..ในนี้มีใครแก่จนผมเรียกพี่ได้บ้างล่ะ” ใช่ค่ะและนั่นคือคำตอบที่ทำให้ฉันแทบหน้าหงาย
“เหอะ...เรียกให้มันดี ๆ หน่อยแล้วเรารู้จักกันรึไงหนุ่มน้อย” แม้หน้าตาจะหล่อปานฟ้า แต่พอเจอเรียกแก่ ก็พานเอาเซ็งได้จริง ๆ นะ
“จำกันไม่ได้แล้วเหรอ เมื่อคืนยัง....” ฉันที่ได้ยินคำว่าเมื่อคืน จู่ ๆ ภาพในบาร์โฮสต์นั้นก็ลอยแว้บเข้ามาในสมอง
“หรือว่านายคือ......” ฉันจ้องมองน้องเขาตาไม่กะพริบ
“ทีนี้จะเดินมาคุยกับผมได้รึยัง” รอยยิ้มมุมปากนั้นแถมยังเอียงคอมองมาอย่างตั้งใจ ทำเอาสาว ๆ ในนั้นรัวชัตเตอร์กันไม่พัก กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ในขณะที่ฉันเริ่มจะกรอกตาบนด้วยความหมั่นไส้
ฉันปลีกตัวออกมาคุยกับน้องเขาที่ม้าหินอ่อนห่างจากคนอื่นๆ พอประมาณ ก็รู้แหละว่าสายตาจำนวนมากของคนรอบสนามจดจ้องมาทางเราทั้งคู่อยู่ แถมเพื่อน ๆ ของน้องเขาในสนามก็มองกันมาอย่างยกใหญ่
ถามว่าฉันอายมั้ย ก็ไม่นะ ดีไม่ดีคนเหล่านั้นอาจกำลังจะคิดว่าพวกเราเป็นพี่น้องกันซะมากกว่า
“อยากคุยเรื่อง...” ฉันเริ่มเปิดประเด็นก่อนพลางจ้องหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่หลบสายตาใด ๆ
“มาทำอะไรที่นี่...มาตามผม???” แค่คำพูดแรกของชายตรงหน้าเอ่ยออกมา ก็ทำเอาฉันหลุดขำ
“ฮ่า...ตามน้องมาเนี่ยนะถามจริ๊ง...พี่จะตามมาได้ไงคะเมื่อคืนขนาดชื่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“แล้วที่มา มหาลัยผมนี่คืออะไร มาหาเหยื่อเหรอ” ตอนแรกฉันก็ขำอยู่หรอก แต่เมื่อเจอคำพูดที่ดูเหมือนยัดเหยียดให้ฉันเป็นคนร่าน ๆ แล้วเริ่มชักหงุดหงิดแล้วแฮะ
“ไม่มีอะไรดี ๆ จะพูดกับผู้ใหญ่แล้วรึไง คิดอะไรตื้น ๆ พี่มาทำงานค่ะน้อง...”
“ใครจะรู้ เห็นเอาแต่ยิ้มเรี่ยราดไปทั่วมหาลัย”
“เห็นพี่เหรอ??? …แล้วจะให้พี่ทำหน้าหมาไม่รับประทานเหมือนน้องเหรอคะ”
“...” สิ้นคำที่ฉันพูด ชายตรงหน้าก็กอดอกคิ้วขมวด น้องเขาจะต่อยหน้าฉันรึเปล่าเนี่ย
“ว่าแต่พี่เห็นคนเขาเรียกน้องว่า เวย์ ชื่อเวย์เหรอเราอ่ะ”
“อืม....เวย์”
“ใช้ได้ ชื่อสอดคล้องกับใบหน้าอยู่นะ”
“ยังไง..” ใบหน้าหล่อคมคายจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง ยิ่งมองเข้าไปใน นัยน์ตาคู่นั้นก็ทำเอาใจคนแก่กว่าอย่างฉันสั่นไหวได้นะเนี่ย
“ชื่อดี หน้าก็หล่อ”
“เต๊าะ???”
“ตลอดไป...”
“เหอะ....พูดแบบนี้ไปแล้วกี่คนละ”
“คนแรกจะเชื่อพี่รึเปล่าคะน้อง”
“ใครเชื่อก็โง่แล้ว....” น้ำเสียงน้องเขาหนักแน่นมาก ทำเอาฉันเกือบหลุดขำ
“งั้นก็ลองมาพิสูจน์สิ”
“พิสูจน์???” น้องเขาเลิกคิ้วมองมา ฉันได้ทีก็ยื่นมือถือให้ไป
“แอดไลน์ ให้เบอร์ด้วยยิ่งดี” มือหนาของน้องเขารับไปก่อนจะกดยุกยิกที่มือถือแล้วส่งคืนฉันมา แต่ฉันไม่วางใจหรอกเพราะน้องเขาอาจจะแกล้งใส่เบอร์คนอื่น ไม่ก็เมมเบอร์ปล่อยเงินกู้ตามเสาไฟฟ้าก็ได้ ฉันจึงต้องทดสอบโดยการส่งไลน์ไป ต่อด้วยกดเบอร์โทรออกทันที
‘Line!!!’ ‘เสียงมือถือดังขึ้น’
น้องเขาหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะโชว์มันให้ฉันดูว่านั่นคือมือถือของเขาพลางยกยิ้มมุมปากยิ้มร้าย
หนทางรักษาเมื่อฉันกลับไปที่ห้องพักแพทย์ ก็ทำการค้นหาโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่คุณหมอท่านนั้นแนะนำมาทันที“ประเทศนี้คุ้น ๆ แฮะ เดี๋ยวนะหรือว่าฉันจะให้แพรวช่วยได้ ครอบครัวแพรวอยู่ทางโน้นนินา” พอฉันนึกออกก็โทรหาแพรวทันทีOi : แกอยู่ไหนแพรวแพรววี่ : ว่าไงออยฉันก็อยู่ที่ห้องพักในตึกจิตเวชนะสิOi : ว่างออกมาเจอกันตอนนี้หน่อยมั้ย ด้านล่างตึกแกก็ได้แพรววี่ : ได้สิOi : เดี๋ยวเจอกันหลังคุยไลน์กันเสร็จฉันก็ปรี่ตัวไปตึกจิตเวชทันทีซึ่งแพรวเองก็นั่งตรงม้าหินอ่อนด้านล่างตึกรออยู่แล้ว แพรวที่เห็นฉันหน้าตาตื่นมาก็ทำหน้าตกใจ“เป็นอะไร หรือน้องเวย์เขา....”“ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่อาการก็ไม่ดีจริง ๆ น้องยังไม่ฟื้นสติเลย”“ใจเย็น ๆ ฉันว่าต้องมีวิธีรักษา”“เพราะพอมีทางแม้จะหนึ่งเปอร์เซ็นต์ฉันก็จะทำเนี่ยแหละ แพรวแกต้องช่วยฉันนะ”“จะให้ฉันช่วยไงละออย ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย”“ฉันจำได้ว่าแกเคยอยู่ประเทศนี้มาก่อนใช่ไหม” ฉันยื่นมือถือที่มีรายละเอียดของโรงพยาบาลและผู้เชียวชาญให้แพรวดู"อืม..ใช่นี่มันประเทศที่ญาติฉันอยู่เอง บ้านเกิดของอาเอ็ดเวิร์ดล่ะ ฉันก็จบหมอจากมหาวิทยาลัยที่นั่น โรงพยาบาลนี้
เจียนตาย“เวย์ลูกน้า...เขา...เขา ฮือ..” ยังไม่พฉันจะได้ฟังคำตอบจากแม่ของ เวย์ คุณน้าเขาก็ร้องไห้ออกมาเสียก่อน พานทำให้ฉันอกสั่นขวัญแขวนไปหมด“คุณน้าใจเย็น ๆ นะคะ เกิดอะไรขึ้นกับเวย์คะ”“ลูกน้า...ถูกรถชนบาดเจ็บสาหัสอาการหนัก 50/50 หนูออยน้าจะทำยังไงดี ฮือ....”“คุณน้าอยู่โรงพยาบาลไหนคะ ออยจะรีบไปด่วนเลยค่ะ”มือไม้ฉันสั่นไปหมด เมื่อแม่ของเวย์บอกว่าเขาถูกรถชนยังไม่ฟื้น ตอนนี้เวย์ถูกพาส่งโรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่ ฉันจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพพกบัตรเข้างานไปด้วย เผื่อจะช่วยคุณน้าดำเนินการอะไรได้บ้างฉันขับรถเหยียบคันเร่งด่วนจี๋มือไม้สั่น พยายามตั้งสติแม้ดวงตาจะมีน้ำตาเล็ดลอดซึมออกมาบ้าง แต่ฉันจะร้องไห้โฮไม่ได้เด็ดขาดเพราะฉันยังหวังว่าเขาจะไม่เป็นไรเมื่อมาถึง ฉันวิ่งหน้าตาตื่นไปยังแผนกห้องฉุกเฉิน บุคลากรหลายคนเดินมาถามฉันมากมายว่าเกิดอะไรกับฉัน ซึ่งเอาจริงฉันไม่สามารถตอบพวกเขาได้เพราะไม่งั้นฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่แน่ณ.ห้องฉุกเฉินฉันเดินมองหาคุณน้าทั่วบริเวณ จนพบผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งก้มหน้ากุมขมับ ดวงตาแดงก่ำรับ เธอดูไม่ได้แก่มากขนาดนั้นน่าจะอ่อนกว่าแม่ฉันสักเล็กน้อยแน่นอนฉันเองก็กล้า ๆ กล
สุขสันต์วันเกิดฉันถึงกับแข้งขาอ่อนไร้เรี่ยวแรง หายใจรัวระรินแต่ถามว่ามีความสุขมั้ยก็ต้องตอบว่ามีความสุขมาก ๆ เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูฉันก่อนจะหอมฟอดใหญ่ไปทั่วแก้ม“ดีขึ้นรึยังครับ”“ก็ดีขึ้น แต่พี่ไม่มีแรงยืนเลย”“พี่ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวผมจัดการเอง กอดคอผมไว้ก็พอ” เขาพูดจบ ก็ยกตัวฉันขึ้นในท่าลิงอุ้มแตง ฉันกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกมาก แต่สองมือแกร่งของเขาก็โอบอุ้มฉันไว้อย่างนี้“อ่ะ...นี่มัน” ฉันรับรู้ได้ถึง ปลายหัวหยักของเขาที่ตอนนี้จ่ออยู่ช่วงล่างของฉันก่อนมันจะค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา“อั่ก...” เชี่ยเอ้ย..ลึกจนจุกไปหมด“พั่บ...พั่บ...พั่บ” เขาจับสะโพกของฉันขึ้นลงตามจังหวะของตนยิ่งเขาใกล้ถึงฝั่งเท่าไหร่เขาก็ยิ่งขยับฉันเร็วขึ้น แต่เพราะท่านนี้มันต้องใช้แรงมาก เสียงครางกับเสียงหอบหายใจของเขาก็แรงปะปนกันไปหมด“ผมไม่ไหวแล้วพี่...อึก...อื้อ...” เขากระตุกตัวแรงก่อนจะกอดร่างฉันแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ก่อนจะอุ้มฉันเดินไปที่ห้องนอนแล้วทิ้งร่างลงไปที่เตียงพร้อมกัน...“พอก่อนพี่เหนื่อย ขอพักนะ”“ได้...ผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นแต่ถ้าพี่ตื่นมาเมื่อไหร่จัดไปอีกรอบ ผมซื้อมาเยอะต้องใช้ให้คุ้ม”“คนบ้า!!!”
อดอยากปากแห้ง‘บรืน...บรืน’ เวย์กับฉันขับรถออกจากบ้านของฉัน ฉันที่นั่งอยู่ข้างคนขับได้ปรับเบาะเอนลงก่อนจะนอนอย่างสบายใจจนคนขับข้าง ๆ หันมามองเสี้ยววิก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อฉันนั่งไถ่มือถือเล่นในขณะที่รถยังคงแล่นไปตามถนนสายหลักมุ่งกลับคอนโด แต่แล้วเวย์ก็จอดรถเทียบข้างทางก่อนจะหันมาเอ่ยถามฉัน“ผมจะแวะร้านสะดวกซื้ออะไรไรหน่อยมั้ย”“ไม่ล่ะที่ห้องพี่ยังพอมีพวกเครื่องดื่ม ขนม”“งั้นเดี๋ยวมา รอในนี่ก่อนแล้วกัน”“อื้อ” ฉันหันไปพยักหน้าให้เวย์ก่อนที่จะสนใจไถ่มือถือต่อ นั่งรอไม่นานก็กลับมาพร้อมกับของมากมายในถุง จากนั้นเขาก็โยนมันไปเบาะนั่งด้านหลัง“ซื้ออะไรมากมายเนี่ย จะเอากลับคอนโดเหรอ”“ใช่ แต่เป็นคอนโดพี่นะ คืนนี้ผมจะนอนด้วย” ฉันที่นอนไถ่มือถืออย่างสบายใจ ถึงกับดีดตัวลุกนั่ง“หืม วันนี้จะมานอนด้วยเหรอ ทำไมล่ะ” ฉันหันไปจ้องคนข้าง ๆ“แล้วนอนไม่ได้รึไง” คนหน้าหล่อหันมายักคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถาม“ก็ไม่ใช่ว่านอนไม่ได้ แต่งงไง ว่าทำไมถึงอยากนอนด้วยวันนี้”“ไม่อยากนอนกับแฟนแล้วจะให้ไปนอนกับผู้หญิงที่ไหนหรือว่า...โอ๊ย พี่ดึงหูทำไม” พอเวย์พูดคำว่าผู้หญิงที่ไม่ได้หมายถึงฉันขึ้นมาพานทำให้หัวฉันเดือดปุด
เปิดตัวห้องนอนหลังจากปะทะคารมกับพ่อแม่ไปแล้ว ฉันก็ขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงเตียงพลางหยิบมือถือขึ้นมาดูว่า เวย์ส่งข้อความมาบอกรึยังWAY : ผมถึงคอนโดแล้วOi : [อิโมจิ โอเค] [อิโมจิเศร้า]WAY : พี่เป็นอะไรOi : เวย์ คือว่า....เฮ้อ..WAY : หืม เป็นอะไรครับไม่สบายอะไรรึเปล่าOi : เมื่อกี้พ่อแม่พี่เห็น เราสองคนบนรถWAY : แล้ว???Oi : ไม่ตกใจรึไง พี่แทบคอขาดบาดตายเลยนะWAY : พ่อแม่พี่ไม่ชอบผม??Oi : ไม่ใช่แบบนั้น เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เวย์ว่างมั้ย แต่ถ้าเวย์ไม่ว่างพี่ก็ไม่ว่าอะไรWAY : ว่าง พรุ่งนี้เจอกัน งั้นรีบนอนเถอะยิ่งดื่มหนักมาอยู่Oi : โอเค คิดถึงนะคะฉันวางมือถือไว้บนหัวเตียงก่อนจะนอนไปทั้งแบบนั้น ดูซกมกใช่มั้ยล่ะ จริง ๆ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยนะ แต่วันนี้เพราะดื่มหนัก โดนกดดัน พานทำให้ไม่มีแรงเลย ดังนั้นทำแบบนี้สักวันจะเป็นไรไปจริงมั้ย (Zzz)ฉันตื่นเช้าลุกขึ้นมา ขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู ให้ตายเถอะเกือบ 10 โมงแล้วเหรอเนี่ยปกติแม่ต้องขึ้นมาเรียกกินข้าวเช้าไม่ใช่รึไงฉันเกาหัวหงึก ๆ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำแปรงฟันหยิบเสื้อยืดเน่า ๆ กางเกงสั้น ที่ใส่ประจำตอนอยู่บ้าน รวม
โดนตั้งด่านสืบสวน“คนขี้เซาครับตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มหล่อปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ ฉันขยี้ตาเบา ๆ ก่อนจะมองตาปรือไปที่เวย์ ก่อนจะเบือนสายตามองไปด้านหลัง“อ่า ถึงบ้านพี่แล้วเหรอ”“ผมมาถูกทางไหม ใช่บ้านพี่รึเปล่า”“อืม บ้านพ่อแม่พี่เอง จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่เดินเข้าไปเอง”“...”“ไม่โกรธใช่มั้ย รอให้พี่คุยกับพ่อแม่พี่ก่อนไว้จะพามาเที่ยวบ้านพี่นะ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” เวย์พูดแบบนั้นก็จริง แต่หน้าฟ้องว่างอนมากจนฉันต้องใช้สองมือจับใบหน้าเขาให้หันมาที่ฉัน“เวย์ มองพี่”“หืม...”“พี่รักเวย์นะคะ แน่นอนว่าถ้าคนนั้นจะเป็นใคร ต้องเป็นเวย์แน่นอนให้เวลาพี่หน่อย”“รู้แล้วนา...รีบเข้าบ้านเถอะครับ”“บอกไม่โกรธ แล้วทำไมไล่พี่เหรอ”“ไม่ได้ไล่” เขาพยายามจะฉีกยิ้มให้ฉันสบายใจแต่ดูไงก็เหมือนเด็กงอนเอาแต่ใจอ่ะ“เราจะไม่ได้เจอกันสองวันไม่คิดจะหอมก่อนพี่ลงรถรึไง” สิ้นคำฉันเวย์ใช้สองมือหนากุมใบหน้าฉันก่อนจะประกบริมฝีปากหนาลงทาบกับริมฝีปากบางของฉันอย่างเร็วจนฉันไม่ทันตั้งตัวเวย์ดูด ดึงริมฝีปากฉันอย่างเอาแต่ใจด้วยความรุนแรงปลางสอดลิ้นสากรุกล้ำโพรงปากฉัน พยายามกวัดเกี่ยวลิ้นบางฉันอย่างร้อนแรงจนฉันต้องสอดมือไปใต้รักแ