LOGINในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน กรมอาญาจับเจ้าหน้าที่ไปมากกว่าสิบคน ในจำนวนนี้ยังมีขุนนางขั้นสี่รวมอยู่ด้วย ทำให้คนของกรมการคลังเริ่มแตกตื่นหลายคนถึงขั้นเริ่มหารือกันอย่างลับๆ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ควรร้องเรียนเพื่อนร่วมงานของตนเองหรือไม่?แต่ในขณะที่ผู้คนกำลังแตกตื่น เฉินกั๋วเวยกลับเรียกทุกคนมาประชุมในที่ว่าการกรมการคลังกลางดึก คบเพลิงส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ของกรมการคลังเจ้าหน้าที่กรมการคลังหลายสิบคนยืนเรียงกันเป็นสองแถว บนใบหน้าแต่ละคนฉายแววกังวล“เฮ้อ ไม่รู้ว่าเรื่องราวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”“ใช่ๆ ทั้งที่แค่ฉู่อ๋องถูกลอบสังหาร เหตุใดกรมการคลังของพวกเราจึงถูกดึงเข้าไปพัวพัน?”“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กรมการคลังของเราถูกจับไปหลายคนแล้ว กรมอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะเยาะ”“ฮึ่ม กรมอาญาอยู่ในระดับเดียวกับพวกเรา พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาจับคนที่นี่ ข้าว่า อย่างมากก็พังพินาศกันไปทั้งสองฝ่ายเลย!”“ไม่ได้เด็ดขาด ฉู่อ๋องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ด้วย เมื่อไรที่พวกเราลงมือ จะยิ่งทำให้ฉู่อ๋องมีข้ออ้างเล่นงานพวกเรา”บางคนไม่พอใจ บางคนกังวล บางคนกลัวในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน ทันใดนั้
“ใต้เท้า แย่แล้ว ใต้เท้าจางแผนกการเงินถูกกรมอาญาจับไปแล้ว!”“เรียนใต้เท้า ใต้เท้าหานแผนกเบิกจ่ายถูกร้องเรียน กรมอาญาไปจับเขาที่จวน”“ใต้เท้า ใต้เท้าเฮ่อผู้ตรวจการณ์แผนกทะเบียนราษฎร์ถูกกรมอาญาพาตัวไปแล้ว”ที่ว่าการกรมการคลัง เรือนส่วนหลัง หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามารายงานอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเสนาบดีกรมการคลังเฉินกั๋วเวยก็บึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆกรมการคลังประกอบไปด้วยสี่แผนก ได้แก่แผนกทะเบียนราษฎร์ แผนกการคลัง แผนกเบิกจ่าย แผนกการเงิน เป็นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดของราชสำนัก ตอนนี้กรมอาญาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าคิดจะลงเล่นงานกรมการคลังแม้ไม่รู้ว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงทรงอนุญาตเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องเป็นเพราะฉู่อ๋องคอยผสมโรงอยู่เบื้องหลังแน่นอนหากไม่หาวิธีรับมือ กรมการคลังจบเห่แน่เฉินกั๋วเวยกล่าวเสียงเย็นด้วยสีหน้าบึ้งตึง “กรมอาญาจะจับคน พวกเราขวางไม่ได้ ทำได้เพียงหาทางอื่นเด็กๆ เอาบัตรเชิญของข้ามา ข้าจะไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท!”เรื่องราวบานปลายมาถึงขั้นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถควบคุมได้คนเดียวแล้ว จำเป็นต้องร่วมมือกับกลุ่มอำนาจอื่นๆขุนนางกรมการคลังเกี่ยวพันกับผู้คนมากม
หลิงเฮ่าหรานไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ ทำได้เพียงหันไปมองฉู่หนิงฉู่อ๋องเป็นคนเสนอเรื่องนี้เอง ต่อจากนี้จะตรวจสอบอย่างไร ท่านต้องต้องพูดอะไรหน่อยกระมัง?“ฉู่อ๋อง แล้วท่านคิดเห็นอย่างไร?”ฉู่หนิงพลันแสยะยิ้ม มุมปากปรากฏรอยยิ้มพินิจพิเคราะห์ “ในเมื่อจะเล่นงานกรมการคลัง เช่นนั้นก็เริ่มจากเสนาบดีกรมการคลัง!”สีหน้าหลิงเฮ่าหรานเปลี่ยนไปฉับพลัน “ไม่มีมูล ไม่มีหลักฐาน จะไปตรวจสอบใต้เท้าเฉินได้อย่างไร?”“ไม่มีหลักฐานก็หา……”ฉู่หนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อีกเดี๋ยวกรมอาญาออกไปประกาศ ใครก็ตามที่แจ้งเบาะแสการทุจริต การฉ้อโกง หรือใช้อำนาจโดยไม่ชอบของเฉินกั๋วเวย เมื่อไรที่ยืนยันแล้ว ตบรางวังทองพันตำลึง!หากเป็นคนในกรมการคลังแจ้งเบาะแสการทำผิดของเฉินกั๋วเวย ไม่ว่าเมื่อก่อนเขาเคยทำผิดหรือไม่ ข้าจะไม่สืบสาวเอาความเรื่องที่ผ่านมานอกจากนี้ ยังอนุญาตให้แจ้งเบาะแสการทำผิดของคนในกรมการคลัง หากได้รับการยืนยันว่าทำผิดจริง ตบรางวัลทองพันตำลึง!”คำพูดที่หนักแน่นทำเอาฉินอ๋องผู้เฒ่ากับหลิงเฮ่าหรานยืนตะลึงอยู่ตรงที่เดิมหากเขียนประกาศเช่นนี้จริงๆ ต่อจากนี้จะต้องมีผู้คนมากมายมาแจ้งเบาะแสกันทำผิดของเฉินกั๋
“ท่านอ๋อง นี่เป็นบัตรเชิญจากใต้เท้าหลิง เชิญท่านไปที่ว่าการกรมอาญาในช่วงเช้า บอกว่าจะหารือเรื่องการตรวจสอบกรมการคลัง”วันรุ่งขึ้น เรือนส่วนหลังจวนอ๋องหร่านหมิงถือบัตรเชิญจากหลิงเฮ่าหรานเดินเข้ามาฉู่หนิงที่กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้นอนเผยอมุมปากเล็กน้อย “ดูเหมือนใต้เท้าหลิงได้นำเรื่องนี้ไปทูลเสด็จพ่อแล้ว จากนี้ทุกอย่างก็ง่ายแล้ว”ฉู่หนิงยื่นมือออกไปให้หร่านหมิงประคองตนเองลุกขึ้น แล้วมองไปทางเสิ่นหว่านอิ๋งที่อยู่ด้านข้าง “มื้อกลางวันไม่ต้องรอข้า”เสิ่นหว่านอิ๋งเดินเข้าไปจัดแจงเสื้อผ้าให้เขา แววตาเผยให้เห็นความกังวัลเสี้ยวหนึ่ง “จะทำเช่นนี้จริงหรือ? เรื่องนี้เมื่อเริ่มแล้วก็จะหยุดไม่ได้”เมื่อคืน ฉินหมิงบอกแผนของตนเองให้นางรู้แม้รู้สึกซาบซึ้งมากที่ฉู่หนิงออกหน้าให้ตระกูลเสิ่น แต่นางก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินไป เกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย พลาดเพียงนิดเดียวอาจพังพินาศทั้งหมดในบรรดาขุนนางกรมการคลัง ไม่ได้มีเพียงคนของอ๋อง กั๋วกง และขุนนางใหญ่ ยังมีคนของตระกูลใหญ่ด้วย แต่ต้องคนเหล่านี้ กลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาไม่ยอมจบง่ายๆ แน่และทั้งหมดนี้ เพียงเพื่อออกหน้าให้ตระกูลเสิ่น!
พายุฝนกำลังจะโหมกระหน่ำใส่แวดวงขุนนางในเมืองหลวง……หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม พระราชวัง ภายในตำหนักอิงอู่เสนาบดีกรมอาญาหลิงเฮ่าหรานรายงานการตัดสินใจของฉู่หนิงต่อฮ่องเต้บนราชบัลลังก์ ฮ่องเต้ฟังหลิงเฮ่าหรานรายงานจนจบด้วยสีพระพักตร์ไร้อารมณ์ แต่กลับนิ่งเงียบไปพักใหญ่ภายในห้องโถงที่ว่างเปล่า บรรยากาศเงียบสงัด ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่งหลิงเฮ่าหรานยืนก้มโค้ง สายตามองปลายจมูก รอคอยคำตอบของฮ่องเต้เงียบๆทุกคนที่มีตาล้วนสามารถมองออก ฉู่หนิงต้องการอาศัยคดีลอบสังหารออกหน้าให้หลิวโส่วเริ่น จงใจตรวจสอบกรมการคลังเพื่อระบายความโกรธในฐานะเสนาบดีกรมอาญา มีพระบัญชาของฮ่องเต้อยู่เบื้องหน้า หลิงเฮ่าหรานไม่กล้าขัดคำพูดของฉู่หนิงแต่ในฐานะผู้มีความประพฤติดี หลิงเฮ่าหรานไม่อยากกลายเป็นมีดในมือฉู่หนิง ลงมือกับเพื่อนร่วมงานในราชสำนักด้วยกันจึงทำได้เพียงให้ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยเรื่องนี้แทนบนราชบัลลังก์ ฮ่องเต้เงียบขรึมไปพักใหญ่ แววพระเนตรเปลี่ยนไปมา ดวงพระเนตรเปล่งแสงเย็นที่น่าตกใจออกมาเป็นระยะหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮ่องเต้หรี่พระเนตร ทรงตรัสถามเสียงเย็น “การตัดสินใจของฉู่หนิง ถูกส่งมาถึงเจ้าหลัง
“ท่านอ๋อง คดีลอบสังหารของท่านไม่เกี่ยวข้องกับขุนนางกรมการคลังเลยนะ”เฉินกั๋วเวยกล่าวอย่างขมขื่น สีหน้าเต็มไปด้วยความจนใจ “ยิ่งกว่าไปนั้น กรมการคลังเกี่ยวข้องกับรากฐานของต้าฉู่ หากมีการตรวจสอบทั้งหมด จะต้องนำมาซึ่งความวุ่นวายแน่นอนอีกทั้งตอนนี้เป็นช่วงเพราะปลูกของฤดูใบไม้ผลิ ไม่ควรสร้างปัญหาให้ราชสำนักตอนนี้ ท่านอ๋องโปรดพิจารณา” หากมีการตรวจสอบกรมการคลังจริง มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้ารับการตรวจสอบได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยนิสัยของฉู่หนิง หากจะมีการตรวจสอบจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นแค่การตรวจสอบทั่วไป แต่มันคือการแก้แค้นคราวนี้ยุ่งยากแล้วล่วงเกินดาวหายนะท่านนี้ ไม่รู้เลยว่าควรจะจบเรื่องนี้อย่างไรฉู่หนิงมองเฉินกั๋วเวยที่ทำหน้าขมขื่น แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ใต้เท้าเฉินคิดจะใช้ความชอบธรรมของราชสำนักมาข่มข้าอย่างนั้นหรือ?”“นี่……กระหม่อมไม่กล้า”“ไม่กล้า?”“ฮึ่ม!”ฉู่หนิงแค่นเสียงเย็น ‘ฮึ่ม’ แล้วลุกพรวดขึ้นมา รัศมีบนกายแผ่ออกมากดดันเฉินกั๋วเวย และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าพูดอ้อมไปอ้อมมาก็คือกำลังข่มขู่ข้า!”“เหตุใดหลายปีมานี้ ท้องพระคลังของต้าฉู่จริงขาดแคลน แม้แต่อาหารและเงินก็ไม






