Share

แค่เริ่มก็ล่มแล้ว (2)

“เอามา!” 

เมื่อเห็นว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่ชนะเป็นแน่ เฮ่ยเสี่ยวอู่จึงกัดฟันไม่โต้ตอบอีกฝ่าย พลางยื่นมือออกมาข้างหน้าด้วยท่าทีบ่งบอกถึงความมีโทสะ

“ขอบใจมากนะ…เสี่ยวอู่” เฮ่ยเสี่ยวฉางจับมือที่ยื่นมาดึงตนเองลุกพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ถึงแม้จะปากร้ายหน้าตาไม่รับแขกตลอดเวลา แต่เสี่ยวอู่ก็ยังมีน้ำใจกับเขาเสมอ ในใจยมทูตชุดขาวพลันรู้สึกตื้นตันจนต้องบีบกระชับมืออีกฝ่ายเเรงๆ

“...” 

เฮ่ยเสี่ยวฉาง...ไอ้เจ้ายมทูตสมองมีปัญหา

เฮ่ยเสี่ยวอู่สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งก่อนจะถลึงตาดุดันใส่ พลางเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยท่าทีคล้ายหมดความอดทน “เอา-วิญ-ญาณ-นาง-ต้น-ไม้-มา-ให้-ข้า” 

“วิญญาณนั่นอยู่กับข้าที่ไหนกันเล่า” ยมทูตชุดขาวพลันแยกเขี้ยวยิงฟันตอบ ก่อนจะถามกลับอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นคนรับนางไว้ได้ไม่ใช่หรือ” 

เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วส่ายหน้าพรืด” ข้าโดนเจ้าขัดขวาง เมื่อครู่ยังไม่ทันได้แตะถูกนางเลย จะไปอยู่กับข้าได้อย่างไรเล่า โง่เง่า!” เขาถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะจะไปรับเจ้าลูกเเสงนั่นได้ตอนไหน ช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย เฮ่ยเสี่ยวฉางผู้นี้

“ไม่ได้อยู่ที่ข้าเเละก็ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เช่นนั้นเเล้วนางอยู่ที่ไหนกัน” 

เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันเกิดอาการปวดศีรษะอย่างกะทันหันขึ้นมาทันที สองยมทูตยืนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เจ้าก้อนเเสงนั่นต้องกระเด็นไปไหนต่อไหนแล้วเป็นแน่ พวกเขาพยายามสอดส่ายสายตามองหารอบด้าน จนในที่สุดก็เห็นเเสงสว่างเรื่อๆ ที่ตกอยู่บนพื้นเบื้องหน้าสะพานหินที่จะเชื่อมต่อไปยังอีกภพหนึ่งที่มนุษย์เรียกขานกันว่า ‘โลกอนาคต’ นั่นเอง

“ไม่นะ!” 

สองยมทูตมองหน้ากันเเล้วต่างกรีดเสียงร้องตะโกน พลางพุ่งร่างไปยังบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ตี้จวินลงไปเกิดยังภพอดีต เกิดเจ้าวิญญาณกระบองเพชรนั่นข้ามสะพานไปภพอนาคต แล้วทั้งคู่จะมาเจอกันได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นท่านเทพจอมวายร้ายต้องเล่นงานพวกเขาถึงตายแน่นอน โทษฐานที่เป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลาไปถึงชาติหนึ่ง

พลั่ก!

เพราะพุ่งเข้าไปอย่างกะทันหันพร้อมกัน เฮ่ยเสี่ยวฉางกับเฮ่ยเสี่ยวอู่จึงเกิดการปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง ยมทูตชุดดำกุมท้องที่ถูกศีรษะเพื่อนร่วมงานกระเเทกด้วยความจุก เวลานั้นเขาพลันลอบสบถสาบานกับตนเองในใจว่า สักวันจะต้องสังหารไอ้ยมทูตตรงหน้าให้ได้ ต้องวางเเผนฆ่าอีกฝ่ายทิ้งให้จงได้ คอยดูเถิด

ยังไม่ทันกล่าวคำก่นด่าออกจากปาก ก็เห็นเฮ่ยเสี่ยวฉางมองไปเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง เฮ่ยเสี่ยวอู่รับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ หันตามไปยังจุดที่อีกฝ่ายเบิกตามองค้างอยู่ แล้วก็มีอันต้องกรีดร้องในใจ

ภาพตรงหน้าพวกเขาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความคิด แต่ความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ เจ้าลูกเเสงกลมๆ นั่นตกอยู่บนพื้นทางข้ามสะพานเบื้องหน้านี่เอง และคงจะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่บังเอิญมีวิญญาณไอ้เด็กนรกที่ไหนไม่รู้วิ่งถลาเข้ามา หลังจากนั้นก็ง้างเท้าเตะเปรี้ยงเข้าให้เต็มแรง

“...” 

ต่อหน้าต่อตาสองยมทูตดินเเดนคนตาย วิญญาณกระบองเพชรน้อยคู่วาสนาของท่านเทพบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่ ถูกไอ้เด็กจากเเดนนรกเตะโด่งข้ามสะพานอนิจจังไปเกิดเป็นที่เรียบร้อย เเละที่สำคัญคือไม่รู้ว่าไปตกที่ใดเสียด้วย

“ไอ้เด็กชั่วร้าย เจ้าทำบ้าอะไรลงไป!” เฮ่ยเสี่ยวอู่เค้นเสียงตะคอกดุดัน

วิญญาณเด็กน้อยหันมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนจะเเลบลิ้นปลิ้นตาให้เเล้ววิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มองไม่เห็นเเม้เเต่เงาด้านหลัง

“เสี่ยวอู่...พวกเราทำคู่วาสนาตี้จวินหายไปแล้วสินะ ต้องถูกเขาฆ่าตายเเน่ๆ โธ่...ข้ายังไม่ได้ใช้วันลาหยุดงานให้คุ้มค่าเลย ชีวิตช่างสั้นนัก ฮือ...” 

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างหูทำให้เฮ่ยเสี่ยวอู่แทบเป็นบ้า เขาพยายามขบคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาตรงหน้าจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปน โดยมีเฮ่ยเสี่ยวฉางยืนเเหกปากร่ำไห้เป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง ยมทูตหนุ่มเหลือบมองสหายพลันคิดในใจ

‘ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลยละ...’ 

“หุบปากเสี่ยวฉาง! เวลานี้สิ่งที่เราควรทำก็คือทำให้ตี้จวินลืมเรื่องราวเกี่ยวกับภพเทพให้สิ้น แล้วหาวิธีที่จะให้เขาเสียเวลาอยู่บนโลกมนุษย์นานที่สุด เพื่อซื้อเวลาระหว่างที่พวกเราไปตามหานางต้นไม้ผู้นั้น” เฮ่ยเสี่ยวอู่ตวาดพลางอธิบายเเผนการที่คิดได้ให้อีกฝ่ายฟัง

เฮ่ยเสี่ยวฉางพลันหยุดร้องไห้ หันมาถามน้ำเสียงลังเล “แล้วพวกเราจะใช้วิธีไหนดีล่ะ” 

ใบหน้าคมดุในรูปลักษณ์บุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ชะงักไปเล็กน้อย เฮ่ยเสี่ยวอู่เม้มปากแน่น เสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูแหบแห้งผสมความลังเลชัดเจน

“น้ำเเกงยายเมิ่ง!” 

หลังจากนั้นเพียงเวลาไม่นาน สองยมทูตก็มาโผล่เบื้องหน้าร่างสูงเพรียวของเทพบรรพกาล เฮ่ยเสี่ยวฉางรีบเข้าไปเบียดยายเมิ่งที่กำลังนั่งตักน้ำแกง พลางกุลีกุจอตักน้ำใสๆ ใส่ชามให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง ยายเมิ่งเงยหน้ามองการกระทำของยมทูตชุดขาวด้วยรอยยิ้มพิกล ทว่าไม่เอ่ยปากอันใด

มือเรียวดุจหยกสลักยกชามน้ำเเกงขึ้นดื่มช้าๆ รูปลักษณ์เเละกิริยาที่เห็นนั้นพิลาสล้ำสะกดทุกสายตา เมื่อดื่มจนหมดหลงเหลือเพียงชามเปล่า เจ้าตัวจึงยกอีกมือขึ้นปาดคราบน้ำบนริมฝีปากออก ทุกท่วงท่าที่เเสดงออกให้เห็นนั้นแสนจะธรรมดา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสามารถละสายตาจากภาพที่เห็นได้แม้แต่นิดเดียว

ช่างโดดเด่นหาใครเทียบเคียงในสามสิบเอ็ดภพภูมิได้ยากจริงๆ

เฮ่ยเสี่ยวอู่ส่ายหน้าไล่ความคิดในหัวเล็กน้อย รูปโฉมของตี้จวินไม่ต่างจากคำเล่าลือ เเต่พวกเขามีสิ่งสำคัญมากกว่านั้นที่ต้องทำ เท้าของยมทูตหนุ่มจึงเหยียบเรียกสติสหายร่วมงานทันที เฮ่ยเสี่ยวฉางพลันได้สติก็นึกถึงจุดประสงค์ขึ้นมา จึงรีบตักน้ำแกงในหม้อใส่ชามเพื่อให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าดื่มเพิ่มอีกชาม

“หือ...” 

เทพบรรพกาลเลิกคิ้วมองมาที่เฮ่ยเสี่ยวฉางอย่างแปลกใจ ยมทูตชุดขาวพลันสะดุ้งเฮือกรีบอธิบายอย่างที่เตี๊ยมกับสหายร่วมอาชีพเมื่อครู่ทันที

“คะ...คือว่า เพราะตี้จวินมีตบะเเก่กล้าพลังเทพสูงส่ง นะ...น้ำเเกงชามเดียวอาจปกปิดความจำภพเทพได้ไม่หมด…” 

คิ้วเรียวดำสนิทได้รูปเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องลงไปเกิดในโลกมนุษย์ เรื่องราวที่ยมทูตตรงหน้าพูดมาจึงเป็นสิ่งที่เพิ่งเคยได้ยินเช่นกัน ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เรื่องตบะพลังเทพอันใดนั่นก็มีเหตุผลอยู่ คิดได้ดังนั้นมือหยกจึงยกน้ำแกงชามที่สองขึ้นดื่มอย่างไม่อิดออด เนื่องด้วยต้องการจบด่านเคราะห์นี้ให้ได้เร็วที่สุด

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   พบกันอีกครั้ง

    ท้องฟ้ายามราตรีมืดมิดเป็นสีดำสนิท หยาดฝนเม็ดใหญ่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสายราวม่านน้ำตก เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะสลับกับสายลมที่กรรโชกแรง หยูหนิงในร่างลูกสุนัขจิ้งจอกกำลังยืนหอบหายใจหนักหน่วง ด้านหลังของร่างเล็กคือผาหินอันไร้หนทางให้หลบหนี ส่วนเบื้องหน้ามีเจ้าสัตว์ร้ายลำตัวยาวเหยียดกำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาดุร้ายสายลมสายหนึ่งพัดผ่านร่างเล็กจ้อยที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน ทำให้รู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวที่สะท้านสะเทือนหัวใจ หยูหนิงอดที่จะร้องครางเสียงแผ่วออกมาไม่ได้ ทว่าน่าเสียดายนัก ท่าทางอันน่าสงสารที่แสดงออกนั้น ไม่สามารถเรียกความเห็นใจจากเจ้าอสรพิษตรงหน้าได้แม้แต่น้อย มันยังคงจ้องมองเธอประหนึ่งเหยื่ออันโอชะ ลิ้นสีแดงแลบตวัดผ่านจมูกเปียกชื้นราวกับต้องการชิมรสชาติเจ้าตัวน้อยตรงหน้า เห็นอย่างนี้หยูหนิงอยากจะบอกกับมันเสียเหลือเกินว่าพี่ชาย ถึงนายจะกินฉันลงไปก็ไม่ทำให้อิ่มท้องได้หรอกนะ แถมกระดูกอาจจะไปติดซอกฟันเอาเสียเปล่าๆมองการจากไปของครอบครัวตัวเองในชาตินี้ หยูหนิงก็อดนึกสะท้อนในใจไม่ได้ แม้จะใช้เวลาอยู่ร่วมกันเพียงไม่นาน แต่ความผูกพันย่อมเริ่มก่อตัว ความอาลัยมีหรือจะไม่มีได้ คิดไปเธอพลันเร

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   ยมทูตที่ไร้ความรับผิดชอบที่สุด

    ปลายเดือนหกสายฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาด ในหุบเขามังกรฟ้าที่เงียบสงบมีเพียงจวินเทียนเฮ่อที่พักอาศัย หลายปีก่อนหน้านี้อาหม่าที่ติดตามเขาได้ถึงแก่กรรมไปตามวัย ทำให้ที่แห่งนี้เหลือเพียงเขาพำนักอาศัย วิชาที่อาจารย์สอนสั่งมานับเป็นเลิศหาใดเปรียบ จวบจนทุกวันนี้ตัวเขาคล้ายจะหยุดอายุขัยไว้ที่วัยยี่สิบกว่าปีเท่านั้นดวงตาคู่เรียวเหม่อมองฝ่าสายฝนที่บดบังทัศนวิสัย เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังขึ้นเป็นบางเวลา จวินเทียนเฮ่อบอกกับตัวเองท่ามกลางความเงียบงันว่า การเฝ้ารอคอยบางครั้งก็เนิ่นนานชวนให้รู้สึกว่ายากจะทานทนเสียจริง“เสี่ยวฉาง นี่พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันแน่” หยูหนิงก้าวเดินตามสองยมทูตไปในความมืดอย่างไม่รู้ทิศทาง ช่วงหลายวันมานี้เฮ่ยเสี่ยวอู่กับเฮ่ยเสี่ยวฉางเอาแต่ซุบซิบกันตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยกันปิดบังจนทำให้เธอเกิดความรู้สึกกังวลอย่างประหลาด ในใจก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดทำอะไรแปลกๆเฮ่ยเสี่ยวฉางก้าวนำด้วยรอยยิ้มสดชื่น มุมปากโค้งเป็นแนวกว้างอย่างอารมณ์ดี หลังจากคิดหาหนทางอยู่เป็นนาน ในที่สุดพวกตนก็พบวิธีดีๆ ที่จะทำให้ด่านเคราะห์ของตี้จวินผ่านพ้นไปได้ ในขณะที่สหายกำลังอยู่ในความเบิกบาน เฮ่ยเสี่ยวอู่ก

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   เอาแต่ใจที่สุดก็คือเทพ

    แดนสวรรค์...นอกจากเทพซื่อมิ่งแล้วยังมีอีกหนึ่งที่เฝ้าดูเหตุการณ์วุ่นวายดังกล่าวอยู่ ซึ่งก็หาใช่ผู้ใดใครอื่น แต่เป็นประมุขสวรรค์นายของเขานั่นเอง เง็กเซียนมองเรื่องราวที่จบลงด้วยดีอย่างไม่พอใจ เจ้าเอ้อร์หลางนั่นช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี ตนอุตส่าห์ชักนำให้มาพบกับมารดามนุษย์ของตี้จวินแล้วแท้ๆ แต่กลับจัดการไม่ได้แม้แต่วิญญาณต้นไม้ธรรมดาดวงหนึ่ง“หากเจ้าวิญญาณต้นไม้นั่นมีอันเป็นไป ตี้จวินก็จะไม่มีทางผ่านด่านเคราะห์ เขารับคำสาบานไปแล้วย่อมไม่กล้าตระบัดสัตย์กลับคืนแดนเทพ ข้าก็จะไม่ต้องมีตัวหายนะเป็นหนามยอกอก เรื่องดีๆ เช่นนี้กลับถูกเจ้าเอ้อร์หลางทำเสียหายได้ น่าโมโหนัก น่าโมโหที่สุด” ผู้ปกครองแดนสวรรค์บ่นพึมพำสบถกับตนเองลั่นตำหนัก ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคืองผู้ใต้บังคับบัญชาเซียนรับใช้หลายนางพากันก้มหน้าลงต่ำ แม้แต่ผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา พวกเขาล้วนรู้นิสัยไร้เหตุผลของเจ้านายดี จึงไม่มีใครคิดอยากวุ่นวาย ดูท่านเทพเอ้อร์หลางเป็นตัวอย่างก็น่าจะเข้าใจ เพราะเพียงแค่ความเห็นไม่ลงรอยยังถูกโยนข้อหาใส่ ทุกวันนี้แม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยปี ก็ยังต้องเผชิญวิบากกรรมอยู่บนโลกมนุษย์เลยเทพซื่อ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   กลยุทธ์ถอยเพื่อตั้งหลัก

    หยูหนิงที่หนีออกมานั้นกำลังมืดแปดด้าน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเพิ่งจะหลบหนีออกมาจากเขตอาคมของนักพรตได้อย่างง่ายดาย ในหัวมีเพียงคำพูดของไป๋เฟิ่งที่ร้องเตือนให้ซ่อนตัวเท่านั้น และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะไม่ทำตาม ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าการชำระวิญญาณที่นักพรตนั่นเอ่ยถึง จะเป็นการส่งไปเกิดใหม่หรือทำให้ดวงวิญญาณแตกสลายกันแน่ร่างเล็กทะยานไปในอากาศ ดวงตากลมหรี่ลงครุ่นคิด สุดท้ายก็มุ่งหน้าไปทางเรือนมู่ตานที่คุ้นเคย “ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” เธอยังคงเชื่อมั่นในประโยคนี้ ความมั่นใจจึงล้นปรี่อีกครั้งยามกระโดดข้ามผ่านขอบหน้าต่างเข้าสู่ห้องนอนของเจ้าของเรือน ยังไม่ได้พูดคุยกับคนที่สู้อุตส่าห์ติดตามมาแม้แต่คำเดียว แล้วใครเล่าจะยอมจากไปโดยไม่คิดขัดขืน“ยังไม่ได้คุยกันสักคำ ใครจะยอมทำตามเล่า นักพรตบ้า”เทพซื่อมิ่งได้ยินวาจาพึมพำความในใจก็นึกขบขันจนหัวร่องอหงาย นางต้นไม้นี่ช่างน่าสนใจอะไรเช่นนี้ บอกว่ามาเพื่อบุรุษก็ทำดั่งพูดจริงๆ ไม่มัวมานั่งอายขวยเขิน มุ่งตรงหาเป้าหมายอย่างแน่วแน่ แม้แต่ในยามคับขันก็ยังไม่ลืมเหตุผลของตน สตรีที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้เหมาะสมยิ่งนักกับท่านเทพอันธพาลคิ้วเรียวยาวถูกเจ้าขอ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   นักพรตปรากฏกาย

    เมื่อยามค่ำมาเยือนภายในบ้านสกุลจวินเงียบสงบไร้เสียงอึกทึก ทว่านั่นเป็นเพียงมุมมองในด้านของมนุษย์เท่านั้น เพราะในมุมมองโลกที่สามเวลานี้มีสองดวงวิญญาณกำลังเคลื่อนที่ตามกันไม่ห่างโดยมีสตรีเป็นผู้นำ ดวงวิญญาณของหญิงสาวก็คือหยูหนิงนั่นเอง และแน่นอนว่าวิญญาณบุรุษที่อยู่ด้านหลังย่อมเป็นไป๋เฟิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย“หยูหนิงหมายความว่าอย่างไร ที่เจ้าบอกว่ามีวิธีช่วยให้ข้าสมหวัง”ไป๋เฟิ่งเอ่ยถามน้ำเสียงสั่นไหว ดวงตาเหลือบมองฝ่ามือที่ถูกจับจูงโดยคนข้างหน้าไม่กะพริบ วิญญาณไม่มีเลือดเนื้อและร่างกายจึงไร้ความรู้สึก ทว่ามือที่ถูกเกาะกุมนั้นกลับมีความอบอุ่นไปจนถึงจิตใจ“ใช่แล้ว นี่นับว่าเป็นโอกาสอันดีของเจ้าเลยรู้หรือไม่” เสียงใสตอบด้วยน้ำเสียงยินดีครั้งแรกที่หยูหนิงเอ่ยปากเรื่องช่วยเหลืออีกฝ่าย เธอยังคิดว่าคงต้องรอจนสองยมทูตกลับมา ไหนเลยจะบังเอิญมีเรื่องโชคดีเข้ามาก่อน เห็นไป๋เฟิ่งมีสีหน้างงงวยหยูหนิงจึงอมยิ้มพลางอธิบายเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียดที่แท้เมื่อสามวันก่อนบุตรชายของลูกผู้น้องญาติห่างๆ นายท่านจวินได้เดินทางจากบ้านเดิมมาขอพักพิงชั่วคราวเพื่อเตรียมตัวเข้าสอบเป็นจิ้นซื่อที่จะถึงในปีนี้ ไป๋เฟิ่

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   วิญญาณบุรุษผู้อาภัพ (2)

    เวลาผ่านไปหลายวันภายในบ้านสกุลจวินยังคงเงียบสงบ เนื่องจากหลิวซีเยี่ยนได้รับคำแนะนำจากท่านนักพรตให้หยุดเรื่องพิธีดูตัวเอาไว้ก่อน จึงไม่มีเหตุผลให้วิญญาณร้ายต้องปรากฏตัวมาไล่ตัดวาสนาดอกท้อหญิงสาวเหล่านั้น อีกทั้งสองยมทูตเองก็ยังไม่สามารถปลีกตัวมาหาได้ ทำให้หยูหนิงในตอนนี้มีเวลาว่างมากพอที่จะมานั่งเสวนากับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามา‘ไป๋เฟิ่ง’ คือนามของผู้มาใหม่ วิญญาณบัณฑิตหนุ่มผู้สิ้นชีพลงในวัยเพียงแค่ยี่สิบปี ซึ่งแฝงตนมากับโต๊ะเขียนหนังสือไม้สลักเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่นายท่านจวินเพิ่งจะได้มาครอบครอง ไป๋เฟิ่งเองก็ได้เล่าถึงสาเหตุที่ตนเองต้องมาผูกติดอยู่กับโต๊ะตัวนี้ให้หยูหนิงฟังอย่างละเอียดแต่เดิมยามเป็นมนุษย์ไป๋เฟิ่งเกิดในสกุลไป๋ที่เป็นตระกูลบัณฑิตเก่าแก่แห่งต้าเหลียว บรรพบุรุษของเขาทุกรุ่นล้วนแต่รับราชการ อุทิศตนเพื่อบ้านเมืองมาตลอด เมื่อมาถึงยุคสมัยของตัวไป๋เฟิ่งก็ยังมีพี่ชายที่เป็นความหวังของบ้าน ทว่าก่อนวันสอบเพียงไม่กี่วัน ไป๋มู่ผู้เป็นพี่ชายก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อนเพราะไม่อาจทนมองบิดามารดาผู้เฒ่าจมอยู่กับความผิดหวัง ไป๋เฟิ่งที่เดิมร่างกายอ่อนแอจึงตัดสินใจสืบทอดเจต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status