เหยียนหลัวหวางก้าวเดินออกมาด้านนอกด้วยดวงตาแดงระเรื่อ สองมือโอบประคองก้อนเเสงกลมๆ อย่างทะนุถนอม หากรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าเทพจอมอันธพาลนั่นจะมาเยือน เขาคงพาอิ๋งอิ๋งน้อยไปซ่อนให้ไกลแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียนางให้แก่อีกฝ่ายเช่นนี้
ยิ่งคิดผู้ปกครองแดนนรกภูมิยิ่งยากจะทำใจ และในขณะที่กำลังจมอยู่กับความโศกานั่นเอง บุคคลในชุดดำและขาวคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมเสียงทักทายแสดงความเคารพจากผู้มาใหม่
“คารวะเหยียนหลัวหวาง”
“เฮ่ยเสี่ยวอู่ เฮ่ยเสี่ยวฉาง” เหยียนหลัวหวางขานชื่อสองยมทูตตรงหน้า “พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว จงนำนางไปเกิดใหม่ที่เดียวกับตี้จวินโดยเร็วเถิด ชักช้าไปเวลาบนโลกมนุษย์จะทำให้คลาดเคลื่อนกัน”
เห็นสีหน้าสองยมทูตมีความงุนงง เหยียนหลัวหวางพลันนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่เพิ่งมาถึงยังไม่รู้เรื่องราว จึงบอกเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ก่อนจะตัดใจส่งลูกเเสงก้อนกลมในมือให้เฮ่ยเสี่ยวฉางรับไป จากนั้นพญายมราชจึงหมุนกายเดินกลับห้องทำงานตนเองทั้งน้ำตา เขาทำใจไปส่งนางด้วยตนเองไม่ได้จริงๆ
‘โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า’
เฮ่ยเสี่ยวอู่มองก้อนกลมที่สว่างเรื่อบนมือเฮ่ยเสี่ยวฉาง ก่อนจะมองหน้าสบตากันอย่างไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง บางทีเทพเจ้าบนสวรรค์ก็พิเรนทร์เสียยิ่งกว่ามนุษย์ ดูเอาเถอะ ขนาดเจ้ากระบองเพชรต้นไม้จากโลกมนุษย์ธรรมดาๆ ยังสามารถกลายมาเป็นคู่วาสนาของเทพบรรพกาลได้เลย เวรกรรม...
เวรกรรมของเจ้ากระบองเพชรต้นนี้น่ะนะ...
“พวกเรารีบไปกันเถอะ เวลาบนโลกมนุษย์นั้นเดินเร็วกว่าทางยมโลกมากนัก” เฮ่ยเสี่ยวอู่บอกสหายร่วมงาน รีบส่งไปเกิดให้ไวที่สุดจะดีกว่า เพราะยามนี้เจ้าลูกแสงกลมๆ ในมือพวกเขา ถือเป็นสิ่งเรียกหาภัยมาสู่ตัวได้อย่างดีเยี่ยม หากเกิดเหตุหรือมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้วละก็ ตี้จวินผู้นั้นคงไม่ละเว้นพวกเขาทั้งสองเป็นแน่
สองยมทูตนำเจ้าก้อนแสงน้อยๆ ว่าที่คู่วาสนาของเทพบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่มายังด้านนอก บริเวณที่ต่อเเถวดื่มน้ำเเกงยายเมิ่ง พลางสอดส่ายสายตาหาสะพานที่ต้องการ
เท่าที่เหยียนหลัวหวางบอกกับพวกเขา ตามบทเเล้วตี้จวินจะลงไปเกิดเป็นคุณชายน้อยตระกูลคหบดีใหญ่ ด้วยความร่ำรวยเป็นเหตุทำให้ถูกปล้นฆ่ายกตระกูล ทว่าโชคดีที่ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ์ผ่านไปพบ และได้ช่วยเหลือพร้อมรับคุณชายเป็นศิษย์ของตนเอง เมื่อเติบใหญ่เขาฝึกวิชาสำเร็จจึงออกเดินทางตามหาศัตรูที่ฆ่าล้างสกุลตนเพื่อแก้แค้น
ส่วนวิญญาณกระบองเพชรน้อยจะถูกส่งไปเกิดเป็นบุตรสาวของตัวการใหญ่ ทั้งสองคนพบหน้าและตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบโดยที่ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เมื่อความรักล้ำลึกจนยากจะตัดใจ ความจริงกลับปรากฏขึ้นบีบคั้น บิดาของอีกฝ่ายคือศัตรูที่ต้องชำระแค้นให้ได้ ทว่าผู้ที่ขวางหน้าศัตรูอยู่นั้นคือสตรีที่เขารักสุดชีวิต
ทางด้านหญิงสาวเองก็จนใจไม่น้อย เพราะไม่อาจปล่อยให้คนรักสังหารผู้ให้กำเนิด นางจึงจำต้องขวางทางดาบชายหนุ่มทั้งน้ำตา แต่เมื่ออาวุธถูกฟาดฟันออกไปแล้วย่อมไม่อาจรั้งกลับคืน และเมื่อนางสิ้นชีพลงเขาก็จมอยู่กับความรักที่ไม่สมหวังไปตลอดชีวิต
‘อืม...บทละครคราวนี้ซื่อมิ่งเขียนได้ดียิ่งนัก อย่างน้อยก็ดีกว่าคราวเหยียนหลัวหวางที่ถูกวางบทให้เป็นขันทีแอบหลงรักผู้เป็นนาย โดยไท่จื่อที่เขาหลงรักก็คือองค์เง็กเซียนที่ลงมาเผชิญด่านเคราะห์พร้อมกันนั่นเอง’
แน่นอนว่าสิ่งที่เฮ่ยเสี่ยวอู่กับเฮ่ยเสี่ยวฉางไม่รู้ก็คือ เทพชะตาซื่อมิ่งผู้น่าสงสารนั้นต้องถูกกระชากคอบังคับให้เขียนอยู่สามราตรีเต็มๆ เพื่อที่จะให้ได้บทละครเรียบง่ายและตรงใจท่านเทพจอมวายร้าย...
เฮ่ยเสี่ยวฉางยืนนิ่งต่อเเถวสะพานอนิจจังเพื่อรอที่จะนำเจ้าก้อนแสงในมือไปส่ง ส่วนเฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อนร่วมงานคอยสังเกตรอบด้านอย่างไม่ไว้ใจ เพราะอะไรกันนะ ทำไมวันนี้เขาถึงมีความรู้สึกว่าหางตามันกระตุกแปลกๆ ชอบกล
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่แถวก็เคลื่อนมาจนถึงเฮ่ยเสี่ยวอู่ ยมทูตชุดดำยื่นมือมารับลูกแสงจากมือคนข้างหลัง เฮ่ยเสี่ยวฉางเองก็กำลังจะส่งวิญญาณดวงสำคัญให้เพื่อนร่วมงาน ทว่าฉับพลันนั้นกลับมีแรงกระเเทกจากด้านหลังมาชนถูกเขาอย่างแรง
“เหวอ...”
เสียงร้องอุทานตกใจดังขึ้น พร้อมกับร่างในรูปลักษณ์ชราของเฮ่ยเสี่ยวฉางเซถลาไปด้านหน้า เจ้าก้อนเเสงที่ถืออยู่ในมือก็กระเด็นไกลไปในอากาศ พุ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสะพานที่พวกเขาต้องส่งเจ้าวิญญาณไร้ลักษณ์นี่ข้ามไป ทั้งคู่เงยใบหน้าขึ้นมองตามสิ่งที่กระเด็นลอยไปกลางอากาศดวงตาไม่กะพริบ ถ้าหากทำคู่วาสนาตี้จวินผู้ชั่วร้ายนั่นสูญหาย พวกเขาต้องถูกเทพจอมอันธพาลนั่นทุบตีจนตายเป็นแน่!
เฮ่ยเสี่ยวฉางเเละเฮ่ยเสี่ยวอู่ต่างคิดตรงกันในใจโดยไม่ต้องนัดหมาย ดังนั้นร่างหนึ่งขาวหนึ่งดำจึงกระโดดตัวลอยเข้าหาเจ้าลูกแสงกลางอากาศทันที โดยเฉพาะเฮ่ยเสี่ยวอู่นั้นแทบไม่ได้มองดูเพื่อนร่วมงานแม้แต่น้อย เขาลอยตัวยื่นมือเพื่อคว้าเจ้าก้อนแสงที่อยู่ตรงหน้า พลางแสดงท่าทางโล่งอกโล่งใจเมื่อเห็นว่าของสำคัญยังอยู่ดี ทว่า...
โป๊ก!
ตุ้บ!
เฮ่ยเสี่ยวฉางที่กระโดดตามมาติดๆ พลันพุ่งร่างเอาหัวโหม่งใส่เพื่อนร่วมงานอย่างหยุดไม่อยู่ ก่อนจะพากันร่วงหงายหลังก้นกระเเทกพื้น เจ็บจนหน้าตาเหยเก
“เฮ่ยเสี่ยวฉาง ไอ้เจ้ายมทูตเซ่อซ่า นี่เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไรกัน!”
เฮ่ยเสี่ยวอู่ร้องตวาดด่าอีกคนอย่างเหลืออด หลังจากถูกสหายกระโดดเอาหัวพุ่งปะทะกลางอากาศ จนร่วงหล่นก้นกระแทกพื้น นอนแอ้งแม้งหมดสภาพ ท่ามกลางสายตาของเหล่าวิญญาณในบริเวณนั้น
ในขณะเดียวกันเฮ่ยเสี่ยวฉางเองก็ร้องโอดโอย เจ้าตัวพยายามลุกจากพื้นด้วยท่าทีทุลักทุเล ก่อนจะปัดเศษดินออกจากก้นน้อยๆ ของตนเอง พลางบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก
“ก็ข้าเป็นห่วงวิญญาณกระบองเพชรน้อยนี่นา เจ้านั่นแหละ รู้ว่าข้าจะพุ่งมาเหตุใดจึงไม่หลบกันเล่า”
เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วถลึงดวงตาโปนแทบหลุดออกจากเบ้า เจ้าเพื่อนร่วมงานที่เเสนโง่เง่าเกินบรรยายนี่ เขาถูกอีกฝ่ายชนจากด้านหลังจะไปมองเห็นได้อย่างไร ที่สำคัญอีกฝ่ายยังคิดจะให้ผู้ถูกชนเป็นคนหลบอีกอย่างนั้นหรือ ไอ้เจ้ายมทูตไร้หัวคิดเอ๊ย ต้องถูกจับให้เป็นคู่หูกับยมทูตไร้สมองเช่นนี้ช่างเป็นอะไรที่โชคร้ายจนเปรียบไม่ได้เลยทีเดียว
จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนเป็นปี โลกมนุษย์ทั้งอดีตเเละอนาคตผันผ่านไปตามกาลเวลากระบองเพชรน้อยต้นไม้จากเมืองมนุษย์ถูกนำลงสู่ยมโลก ได้ไอหยินเเละหยาดน้ำทิพย์จากสระมรกตหล่อเลี้ยงจนเริ่มมีพลังวิญญาณ ทว่ายังมิทันได้สร้างรูปลักษณ์ของตนเองขึ้นมา นางกลับถูกความมักง่ายของมหาเทพบรรพกาลนอกฝั่งฟ้าเล่นงาน โดนเปลี่ยนเเปลงวิญญาณด้วยพลังเทพ ต้องเข้าสู่วัฏสงสารเพื่อเวียนว่ายตายเกิดบัดนี้นางถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว อิ๋งอิ๋งน้อยของเหยียนหลัวหวางมีชื่อใหม่ในชาติภพนี้ว่า 'หยูหนิง' เกิดในครอบครัวสกุลหยูที่มีฐานะค่อนข้างดี ทว่าตอนที่หยูหนิงเกิด ในห้องคลอดนั้นไร้เสียงร้องของทารกให้ได้ยิน มีเพียงความเงียบที่แผ่ขยาย ไม่ว่าคุณหมอหรือนางพยายาลจะใช้วิธีไหน เด็กน้อยก็เพียงแค่นอนมองตาเเป๋วข่าวร้ายที่มาพร้อมการเกิดของลูกสาวทำให้ผู้เป็นเเม่เเทบหัวใจสลาย สามีที่เป็นช่างภาพไปถ่ายงานนอกสถานที่ เกิดอุบัติเหตุรถที่โดยสารพลิกคว่ำ เพราะคนขับรถบัสประมาทจึงทำให้สามีเสียชีวิต ทว่าคนในตระกูลหยูกลับพากันกล่าวโทษว่าเพราะลูกสาวเธอเป็นตัวซวยเฮอะ สารเลว...เด็กเกิดมาจะไปรู้เรื่องอะไร รถบัสพลิกคว่ำเพราะคนขับหลับใน
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมือง X ประเทศจีนภายในห้องคลอดที่กำลังวุ่นวาย เเพทย์เเละพยาบาลต่างวิ่งวุ่นทำงานเเข่งกับเวลา บนเตียงนอนสีขาวสะอาดตามีร่างหญิงสาวนอนกระสับกระส่ายอยู่ พร้อมเสียงออกคำสั่งของคุณหมอผู้ทำคลอดดังเร่งเป็นช่วงๆ“คุณนายหยู เบ่งอีกค่ะ...เบ่งอีก ใกล้เเล้ว...เด็กใกล้คลอดเต็มทีเเล้ว” ภายในห้องคลอดวุ่นวายกับการต้อนรับอีกหนึ่งชีวิตใหม่ที่กำลังจะกำเนิด ด้านนอกห้องมีหญิงชายคู่หนึ่งชะเง้อมองผ่านกระจกอย่างรอคอย เเม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้ก็ตามในขณะที่ทั้งคู่พยายามเพ่งมองผ่านกระจกอยู่นั้น ร่างโปร่งเลือนรางของวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยผ่านหน้าพวกเขาไป ร่างเรืองเเสงนั้นลอยไปหยุดหน้าเตียงหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ก่อนที่รูปลักษณ์เเบบหญิงสาวจะเเปรเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มเเสงขนาดใหญ่ เเล้วพุ่งเข้าหาหน้าท้องกลมนั่นทันทีฟิ้ว...!ยังไม่ทันที่วิญญาณหญิงสาวผู้นั้นจะพุ่งเข้าไปเกิดในครรภ์คนบนเตียง ฉับพลันกลับมีลูกบอลเเสงสีเรื่อพุ่งเข้ามาจากทิศทางข้างหน้าต่างห้อง เบียดกลุ่มเเสงของวิญญาณหญิงสาวจนเธอกระเด็นออกจากเป้าหมายทะลุผนังห้องไปอีกด้าน เธอมองภาพนั้นพลางกรีดร้องโวยวาย ดวงตาเห็นเจ้าลูกกล
ยายเมิ่งอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าท่านเทพดื่มน้ำแกงเยอะเกินกว่าที่กำหนด นางจึงรีบอ้าปากหมายกล่าวคำห้ามปรามทันทีปึ้ก!เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันกระทืบเท้ายายเมิ่ง หยุดการกระทำของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้ากระบวยจากเฮ่ยเสี่ยวฉางมาตักน้ำเเกงใส่ในชามจนเต็มอีกครั้ง“แต่สองชามนั้นมีไว้สำหรับเทพทั่วๆ ไป เทพที่มีพลังระดับตี้จวินต้องสามเท่านั้นถึงจะพอ” ดวงตาคู่งามตวัดมองหน้าคนพูดอยู่ครู่หนึ่ง ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของเฮ่ยเสี่ยวอู่และเฮ่ยเสี่ยวฉาง ท่านเทพบรรพกาลก็ยกชามน้ำแกงขึ้นดื่มเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะออกคำสั่งน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้าจัดการเรื่องวิญญาณต้นไม้นั่นอย่าให้เกิดผิดพลาดได้เล่า” สั่งจบร่างสูงก็ก้าวเดินขึ้นสู่สะพานอนิจจังอย่างสง่างามเพื่อเข้าสู่วัฏสงสารในทันที“เสี่ยวอู่ ทำอย่างไรดี น้ำเเกงตั้งสามชาม หากเป็นวิญญาณคนธรรมดากินมากกว่าหนึ่งชาม ก็ต้องไปเกิดเป็นคนสติไม่สมประกอบเเล้ว” “นั่นเเหละที่ต้องการ หากตี้จวินเป็นเช่นนั้นย่อมไม่มีทางระลึกถึงเรื่องราวของตนเองในภพเทพได้แน่นอน ส่วนพวกเราก็เเค่รีบหาวิญญาณต้นไม้นั่นให้พบโดยไว แล้วนำนางกลับมายังภพนี้ จากนั้นค่อยสร้างเห
“เอามา!” เมื่อเห็นว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่ชนะเป็นแน่ เฮ่ยเสี่ยวอู่จึงกัดฟันไม่โต้ตอบอีกฝ่าย พลางยื่นมือออกมาข้างหน้าด้วยท่าทีบ่งบอกถึงความมีโทสะ“ขอบใจมากนะ…เสี่ยวอู่” เฮ่ยเสี่ยวฉางจับมือที่ยื่นมาดึงตนเองลุกพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ถึงแม้จะปากร้ายหน้าตาไม่รับแขกตลอดเวลา แต่เสี่ยวอู่ก็ยังมีน้ำใจกับเขาเสมอ ในใจยมทูตชุดขาวพลันรู้สึกตื้นตันจนต้องบีบกระชับมืออีกฝ่ายเเรงๆ“...” เฮ่ยเสี่ยวฉาง...ไอ้เจ้ายมทูตสมองมีปัญหาเฮ่ยเสี่ยวอู่สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งก่อนจะถลึงตาดุดันใส่ พลางเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยท่าทีคล้ายหมดความอดทน “เอา-วิญ-ญาณ-นาง-ต้น-ไม้-มา-ให้-ข้า” “วิญญาณนั่นอยู่กับข้าที่ไหนกันเล่า” ยมทูตชุดขาวพลันแยกเขี้ยวยิงฟันตอบ ก่อนจะถามกลับอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นคนรับนางไว้ได้ไม่ใช่หรือ” เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วส่ายหน้าพรืด” ข้าโดนเจ้าขัดขวาง เมื่อครู่ยังไม่ทันได้แตะถูกนางเลย จะไปอยู่กับข้าได้อย่างไรเล่า โง่เง่า!” เขาถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะจะไปรับเจ้าลูกเเสงนั่นได้ตอนไหน ช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย เฮ่ยเสี่ยวฉางผู้นี้“ไม่ได้อยู่ที่ข้าเเละก็ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เช่นนั้นเเล้วนางอยู่ที่ไหนกัน” เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันเกิ
เหยียนหลัวหวางก้าวเดินออกมาด้านนอกด้วยดวงตาแดงระเรื่อ สองมือโอบประคองก้อนเเสงกลมๆ อย่างทะนุถนอม หากรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าเทพจอมอันธพาลนั่นจะมาเยือน เขาคงพาอิ๋งอิ๋งน้อยไปซ่อนให้ไกลแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียนางให้แก่อีกฝ่ายเช่นนี้ยิ่งคิดผู้ปกครองแดนนรกภูมิยิ่งยากจะทำใจ และในขณะที่กำลังจมอยู่กับความโศกานั่นเอง บุคคลในชุดดำและขาวคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมเสียงทักทายแสดงความเคารพจากผู้มาใหม่“คารวะเหยียนหลัวหวาง”“เฮ่ยเสี่ยวอู่ เฮ่ยเสี่ยวฉาง” เหยียนหลัวหวางขานชื่อสองยมทูตตรงหน้า “พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว จงนำนางไปเกิดใหม่ที่เดียวกับตี้จวินโดยเร็วเถิด ชักช้าไปเวลาบนโลกมนุษย์จะทำให้คลาดเคลื่อนกัน”เห็นสีหน้าสองยมทูตมีความงุนงง เหยียนหลัวหวางพลันนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่เพิ่งมาถึงยังไม่รู้เรื่องราว จึงบอกเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ก่อนจะตัดใจส่งลูกเเสงก้อนกลมในมือให้เฮ่ยเสี่ยวฉางรับไป จากนั้นพญายมราชจึงหมุนกายเดินกลับห้องทำงานตนเองทั้งน้ำตา เขาทำใจไปส่งนางด้วยตนเองไม่ได้จริงๆ‘โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า’เฮ่ยเสี่ยวอู่มองก้อนกลมที่สว่างเรื่อบนมือเฮ่ยเสี่ยวฉาง ก่อนจะมองหน้าสบตากันอย่างไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง บางทีเทพเจ
“ด่านรัก!” เหยียนหลัวหวางร้องตะโกนเสียงดังลั่น ดวงตาผู้ยิ่งใหญ่เเห่งเเดนยมโลกมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยเเววเหลือเชื่อ นี่เทพนอกคอกผู้นี้คิดจะสร้างความวุ่นวายอะไรให้เเก่พวกเขาอีกยามนี้เเดนสวรรค์ถูกปกครองโดยเง็กเซียนฮ่องเต้ เหล่าเทพรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นปานดอกเห็ด ทว่าบรรดาเทพยุคเก่ากลับเริ่มเสื่อมถอย ในหมู่เทพบรรพกาลนอกขอบฟ้า หลายองค์บ้างถึงกาลเเตกดับ บางองค์ก็ลงไปเผชิญกับด่านเคราะห์เล่นเเก้เบื่อเเต่นั่นไม่ใช่กับผู้ที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขา จอมเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้หาได้เคยให้ความสนใจแก่ผู้ใด อีกทั้งยังมีความเป็นมาลึกลับเกินกว่าจะกล่าวถึง เพราะเทพบรรพกาลองค์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไรนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้ เเม้เเต่เหล่าเทพในยุคก่อนด้วยกันเองก็ตามเนื่องด้วยเขานั้นไร้ตัวตนอย่างยิ่ง ทำให้แม้แต่บนหินสามชาติก็หาได้มีชื่อสลักดั่งผู้อื่น นับว่าเป็นเทพที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง ไร้ซึ่งความเป็นมา ไร้นามให้ขับขาน ดังนั้นเหล่าบรรดาเทพเซียนทุกตนจึงพากันขนานนามอีกฝ่ายว่า ‘ตี้จวิน’ จนติดปากเเต่พลังของเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้กลับมิได้ไร้ตัวตนเหมือนสถานะของเขาแม้แต่น้อย เมื่อรวมเข้ากับนิสัย ‘มองหน้