Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2025-08-19 11:33:41

บทที่ 5

น้ำตกหรรษา

               เช้าวันถัดมา หรงหรานลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับอาการอ่อนเปลี้ยและเมื่อยขบไปทั้งร่างจนลุกจากเตียงไม่ไหว เหล่ยเซินจึงต้มโจ๊กมาให้นางถึงเตียงนอน

               “ข้าไม่กิน”

               เพิ่งตระหนักได้ว่าเมื่อคืนตนถูกเขาบังคับให้แต่งงาน หนำซ้ำยังร่วมหอกันไปแล้ว หรงหรานทั้งเขินอายทั้งโกรธจึงสะบัดหน้าหนี ไม่ยอมกินโจ๊กที่เขาอุตส่าห์ต้มมาให้

               แต่ก็นั่นแหละ เหล่ยเซินไม่ใช่คนพูดมากหรือคอยพูดซ้ำหลายรอบ เขาตักโจ๊กขึ้นมาเป่า ก่อนจะนำมาจ่อติดปากของนาง

               เห็นแค่นั้นนางก็รู้ว่าต้องถูกบังคับให้กินโจ๊กเหมือนตอนนอนเป็นผักบนเตียงเป็นแน่แท้ นางจึงรีบบอกออกไป แต่เพราะยังอายกับเรื่องเมื่อคืนน้ำเสียงของนางจึงค่อนข้างแข็งกระด้าง

               “วางไว้ตรงนั้น เดี๋ยวข้าจะกินเอง”

               “เจ้ากำลังโกรธข้า ทำไม?”

               หรงหรานถลึงตาใส่เหล่ยเซิน นี่นางต้องพูดออกไปหมดหรือไม่ว่าเมื่อคืนเขาทำอุกอาจกับนางแค่ไหน

               ตั้งแต่ช่วยนางกลับมา ก็ถือว่าเขามีพระคุณกับนางอย่างใหญ่หลวงแล้ว ทว่า...แต่ละอย่างที่เขาทำกับนาง ต่อให้อยากซาบซึ้งสักแค่ไหน นางก็ซาบซึ้งไม่ลง

               เฮ้อ...

               คิดแล้วนางก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้

               “อ้าปาก”

               เหล่ยเซินออกคำสั่งอย่างไม่ดูเวล่ำเวลา เมื่อครู่นางเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ เขากลับสั่งให้นางอ้าปากกินโจ๊ก!?

               หรงหรานถลึงตาใส่เหล่ยเซินครั้งแล้วครั้งเล่า

               ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักคำว่า ‘รักหยกถนอมบุปผา’ โดยแท้

               อย่างไรก็ตาม เหล่ยเซินไม่ยอมวางถ้วยโจ๊กลงจนกว่าหรงหรานจะรับไปกินเอง ด้วยความจนใจ หรงหรานจึงรับถ้วยโจ๊กจากมือของเขา จากนั้นค่อยๆ ตักกินทีละคำ

               เมื่อเห็นนางกินโจ๊กได้ครึ่งถ้วยแล้ว เหล่ยเซินค่อยลุกจากขอบเตียง มีแวบหนึ่ง นางเห็นว่าริมฝีปากใต้หนวดเคราดกดำของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน

               หรงหรานตกตะลึงแทบจะขยี้ตาซ้ำๆ

               “นี่ท่าน...”

               ตอนที่เหล่ยเซินหันกลับมามองนาง พร้อมส่งเสียง “หือ?” เป็นคำถาม ใบหน้าของเขาก็เรียบนิ่ง ราวกับว่าก่อนหน้านั้นนางตาฝาดไป

               “ข้า...ข้าแค่อยากถามว่าวันนี้ท่านจะไปไหนหรือ”

               “ล่าสัตว์ หาของป่า” เขาตอบสั้นๆ แต่หลังจากทำหน้าครุ่นคิดเพียงครู่ก็ถามมาอีกว่า “อยากไปด้วยหรือไม่”

               หนึ่งเดือนที่ผ่านมา นางรักษาตัวอยู่ในบ้านของเหล่ยเซิน พออาการดีขึ้นก็เอาแต่นั่งๆ นอนๆ รู้สึกเบื่อหน่ายจนไม่รู้จะเบื่ออย่างไรแล้ว หากได้ออกไปข้างนอกคงดีไม่น้อย

               หรงหรานรีบตอบ “ดี ข้าอยากไปด้วย”

               เขาถามต่อไปอีก “ลุกจากเตียงไหวแล้วหรือ”

               “เอ่อ...”

               เห็นนางอ้ำอึ้ง เหล่ยเซินจึงเปลี่ยนมาบอกด้วยความห่วงใย

               “เช่นนั้นเอาไว้เป็นวันอื่นเถิด”

               หรงหรานเกาแก้ม ก่อนจะพยักหน้าเชื่อฟัง อันที่จริง ให้ลุกจากเตียงวันนี้คงไม่ไหวเพราะนางทั้งเหมื่อยทั้งเพลีย เช่นนั้นจะยอมเชื่อฟังเขาสักครั้งก็แล้วกัน

               เมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งเหล่ยเซินก็ไม่ได้แตะต้องหรงหรานนับตั้งแต่คืนเข้าหอ ร่างกายของนางจึงกลับมาแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า

               สองสามวันถัดมา เหล่ยเซินจึงพาหรงหรานเข้าป่า

               เพราะเป็นบุตรสาวแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ พื้นเพนิสัยของหรงหรานจึงค่อนข้างโลดโพนหน่อยๆ อยู่แล้ว นางมองป่ากว้างอันเขียวขจีด้วยความตื่นเต้น รู้สึกถึงชีวิตที่แสนอิสระ

               เหล่ยเซินเดินนำหน้านางไปหลายก้าวแล้ว นางมองดูแผ่นหลังกว้าง ทันใดนั้นในอกก็รู้สึกร้อนวูบวาบ ว่าไปแล้ว ถึงใบหน้าของเหล่ยเซินจะเต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม แต่หุ่นของเขากำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อแต่ละหมัดก็ดูดีมาก ช่างเป็นร่างกายของคนที่พึ่งพาได้ ไม่แปลกใจเลยที่นางรู้สึกอุ่นใจยามนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา

               อีกอย่าง ทั้งที่เรี่ยวแรงเยอะขนาดนั้น หากยามร่วมรักกลับรู้จักหนักเบา รู้ว่าจะต้องเล้าโลมอย่างไร เอาใจนางอย่างไร และควรสอดใส่เข้ามาตอนไหนนางถึงจะได้ไม่เจ็บ...

               อ๊ะ ไม่สิ ห้ามคิดเรื่องนั้น!

               พอความคิดของหรงหรานเริ่มเตลิดไปถึงเรื่องบนเตียง นางรีบหยุดความคิด ก่อนมือเล็กจะยกขึ้นมาลูบจมูกที่เห่อร้อนด้วยความรู้สึกแปลกพิกล

               นอกจากนี้ หรงหรานยังรีบผละสายตาออกจากแผ่นหลังของเหล่ยเซิน จากนั้นดวงตาคู่งามก็มองซ้ายแลขวา เปลี่ยนมาสำรวจป่าเขารอบๆ

               หลังจากเดินลึกเข้ามาในป่าพอสมควร เหล่ยเซินก็พานางมาถึงน้ำตก 

               สารธารที่ลดหลั่งเป็นชั้นๆ บวกกับน้ำใสสะอาด รอบด้านคือแมกไม้และขุนเขา ราวกับที่นี่มีเพียงตัวเองและธรรมชาติ 

               หรงหรานยืนมองความงดงามนั้นด้วยสายตาตะลึง 

               ไม่คาดคิดเลยว่าใต้หุบเขาเล่อฉางที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นป่าหนาทึบและเต็มไปด้วยฝูงสัตว์อันตรายจะมีทรัพยากรที่สวยงามเช่นนี้ 

               ว่าไปแล้ว ตั้งแต่นอนรักษาตัวเป็นผักจนถึงตอนนี้ นางยังไม่ได้แช่น้ำดีๆ เลยสักครั้งนี่น่า 

               คิดแล้วหรงหรานก็ชะเง้อชะแง้คอมองดูลาดเลา ก่อนหน้านั้นเหล่ยเซินบอกว่าจะไปล่าสัตว์อีกที่หนึ่ง ดังนั้นที่นี่จึงมีเพียงนางคนเดียว เมื่อไม่เห็นเงาของคนอื่น นางรีบถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นลงไปแช่ในธารน้ำตก 

               น้ำเย็นมาก ทว่าก็ให้รู้สึกสดชื่น 

               หรงหรานแหวกว่ายในธารน้ำใสสักพัก ก่อนจะเอนหลังพิงกับโขดหินใกล้ๆ กับจุดที่มีน้ำตกไหลลงมา เบื้องหลังโขดหินเป็นหน้าผา แม้หน้าผานี้จะไม่ได้สูงชันเท่าใดนัก หากกลับมีถ้ำหินย้อยซึ่งปกคลุมด้วยเถาวัลย์

               นางพริ้มตาเอนหลังกับโขดหิน ปล่อยตัวปล่อยใจอย่างผ่อนคลาย โดยลืมไปว่ายังมีใครบางคนอยู่ที่นี่ด้วย 

               เพิ่งเกิดความคิดนั้น เอวของหรงหรานถูกฝ่ามือใหญ่ประคอง จากนั้นร่างแบบบางของนางก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดอันทรงพลังและร้อนผ่าว  

               “ว๊าย!” 

               หรงหรานหวีดร้อง รีบเงยหน้ามองเจ้าของร่างกำยำตรงหน้า...เป็นเหล่ยเซิน(อีกแล้ว) 

               ไม่เพียงแค่เข้ามาขัดจังหวะสุนทรีย์ ชายหนุ่มยังถอดเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มิหนำซ้ำ 'สิ่ง' ที่จ่อติดกับท้องน้อยของหรงหรานยังให้สัมผัสคุ้นๆ อย่างยิ่ง 

               “ทะ...ท่านคิดจะทำอะไร”

               นางร้องเสียงหลงแม้จะเดาได้อยู่แล้วก็ตาม 

               แต่ว่า นี่มันกลางวันแสกๆ เลยนะ!

               เหล่ยเซินไม่ได้ตอบ กลับก้มหน้าประกบจูบปากของหรงหรานทันทีทันใด 

               “อื้อ...” 

               แม้จุมพิตของเขาจะเร่าร้อน แต่หนวดเคราดกหนากลับทำให้นางรู้สึกคันยุบยิบ 

               หรงหรานผลักอกเหล่ยเซิน ทว่าชายหนุ่มกลับอุ้มนางขึ้นนั่งบนโขดหิน ท่ามกลางความงุนงง เรียวขาขาวของหรงหรานถูกจับยกขึ้นมาพาดบ่ากว้าง 

               “ทะ ท่าน...อ๊า!”

               ไม่พูดพล่ามใดๆ เหล่ยเซินก็ก้มหน้าเชยชิมความหวานของบุปผาทันที เสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังหยาบโลน ไม่เพียงเท่านั้น ยามใบหน้าของเขาซุกอยู่ระหว่างกึ่งกลางลำตัวของนาง หนวดเครานั้นยังทิ่มแทงต้นขาและเนินเนื้ออูม ทั้งเจ็บทั้งคัน 

               “ฮึก...เจ้าบ้า ปล่อยข้านะ...อื้อ...อ๊ะ…”

               ทว่าลิ้นร้อนยังคงตวัดไปมาไม่หยุด 

               ถึงจะปฏิเสธ หากน้ำหวานจากบุปผากลับไหลเยิ้มไม่หยุด ซ้ำหัวใจเจ้ากรรมยังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

               ด้วยความอายและทำอะไรไม่ถูก หรงหรานยกเท้าถีบไหล่หนา แต่ก็นั่นแหละ เหล่ยเซินยึดจับข้อเท้าของนางเอาไว้ได้ ทั้งยังแหวกแย้มเรียวขาของนางกว้างยิ่งกว่าเดิม ลิ้นร้อนลวกดุนดันซ้ำๆ ที่กลางใจเกสร

               “อื้อ...อ่า...” 

               ไม่รู้ว่าเป็นบทลงโทษที่นางบังอาจถีบเขาหรือไม่ ลิ้นร้อนละเลงหนักขึ้นพร้อมกับนิ้วแกร่งที่สอดเข้ามาในกึ่งกลางความสาว  

               “มะ ไม่นะ...ปล่อย...อึก อื้อ...”

               ร่างบางสั่นสะท้าน ในขณะชายหนุ่มดื่มด่ำน้ำหวานอย่างตะกละตะกลาม

               เมื่อเหล่ยเซินเร่งจังหวะนิ้วและลิ้นด้วยความเร็ว ร่างกายของหรงหรานพลันสั่นระริก เรียวขาหดเกร็ง อึดใจนั้นเองนางครางเสียงสูงและคล้ายว่าในร่างกายมีดอกไม้ไฟแตกพร่า

               เหล่ยเซินปล่อยมือจากต้นขาของหรงหรานเป็นอิสระ  

               หรงหรานเพิ่งจะหอบหายใจด้วยอาการเหม่อลอย ร่างกายกำยำกลับแทรกเข้ามากลางระหว่างลำตัว เหล่ยเซินจับท่อนร้อนเข้ามาในช่องทางคับแน่นอันอ่อนนุ่ม ทว่าก่อนหน้านี้เหล่ยเซินเตรียมความพร้อมให้กับหรงหรานแล้ว ตอนสอดใส่เข้ามาจึงไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด เมื่อท่อนลำอันใหญ่โตเข้ามาจนสุดทาง บั้นเอวแกร่งก็โยกไหวตามแรงของอารมณ์ หรงหรานโยกคลอนบนโขดหิน

               แรงขยับของชายหนุ่มยิ่งรุนแรงเท่าไร นางก็ยิ่งส่งเสียงครวญครางด้วยความรัญจวนดังมากเท่านั้น   

               “อื้อ...อ๊างงง” 

               ในขณะที่เหล่ยเซินควบขี่หรงหรานประหนึ่งควบม้า ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ทั่วร่างแบบบางที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ก่อนมือข้างหนึ่งจะขยับมาเคล้นคลึงยังทรวงงาม

               “อ๊ะ อ๊ะ...อื้อ...เหล่ย...เหล่ยเซินคนบ้า อ๊า!”

               ถึงจะพูดออกมาอย่างนั้น หากหรงหรานกลับเคลิ้มลอยไปกับความรัญจวนที่ชายหนุ่มปรนเปรอให้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 47

    บทพิเศษต่างก็คลั่งรักพอกลับมาถึงตำหนักท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เซียวอวิ้นหยางถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปนั่งบนเตียงขนาดใหญ่เอ่ยปากบอกพร้อมกับตบลงบนตักของตนด้วยประกายตาที่สั่นไหว “มานี่” ทีแรกฟางถิงถิงงุนงงเล็กน้อย แต่แล้วก็นึกได้ว่าตอนขี่ม้ารับลมชมวิวอยู่ข้างนอก เซียวอวิ้นหยางทั้งบอกรักทั้งจูบนางอย่างดูดดื่ม ช่วงเวลานั้นบรรยากาศเป็นใจยิ่งนัก หากไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก เขาคงครอบครองนางตรงนั้นแล้วกระมัง นางยิ้มน้อยๆ พร้อมเดินเข้าไปนั่งลงบนตักของสามี จากนั้นยกสองมือขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรง ภายในห้องไม่ได้จุดเทียน มีเพียงแสงสว่างสีเงินยวงจากดวงจันทร์ที่ลอดเข้ามาทางกรอบหน้าต่าง กระนั้นตอนที่สบประสานสายตากันก็ยังมองเห็นว่าพวกเขาต่างก็โหยหากันมากแค่ไหน เซียวอวิ้นหยางโอบกอดเอวบาง ซ้ำยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปกดจูบกลีบปากอิ่มสวย “อื้อ...” เสียงของนางดังลอดออกจากริมฝีปากแผ่วเบา มิหนำซ้ำยังเผยอริมฝีปากเพื่อเปิดรับลิ้นร้อนที่ชอนลึกเข้ามาในโพรงปาก ทันใดนั้นราวกับเปลวไฟแห่งราคะถูกจุดให้ลุกโชยขึ้นกลางอก มือใหญ่ที่ป

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 46

    บทที่ 46คลี่คลาย (2) ย้อนกลับมาทางเซียวอวิ้นหยาง ทันทีที่กลับเข้าตำหนักก็ถูกภรรยาวิ่งเข้ามาสวมกอด “เป็นอย่างไรเพคะ ถูกฝ่าบาทลงโทษหรือไม่” ฟางถิงถิงร้อนรนถามหลังจากผละออกไป ทั้งยังมองสำรวจร่างกายของเซียวอวิ้นหยางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสีหน้ากังวล เซียวอวิ้นหยางยิ้มมองพระชายาสุดที่รัก ยื่นมือลูบเส้นผมนุ่มลื่นของนางพลางกล่าวว่า “ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แค่ถูกฝ่าบาทตำหนินิดหน่อยเท่านั้นเอง” “แค่นั้นจริงๆ หรือเพคะ” “แค่นั้นจริงๆ” เซียวอวิ้นหยางย้ำ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังบอกเล่าเกี่ยวกับราชโองการให้นางฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องที่เซียวจื้ออี้ถูกถอดออกจากตำแหน่งรัชทายาท หลินซวงเอ๋อร์ถูกเนรเทศ และเสนาบดีหลินถูกพักงาน รวมถึงเรื่องที่เขาและนางจะต้องเดินทางกลับดินแดนซีโจวด้วยกัน เมื่อมองจากสีหน้าแล้วเห็นเซียวอวิ้นหยางไม่ได้โกหก ฟางถิงถิงจึงถอนใจด้วยความโล่งอก “จะอยู่เมืองหลวงหรือต่างแดนหม่อมฉันไม่คิดมากหรอกเพคะ แต่ที่สงสัย พระองค์ร่วมมือกับองค์ชายสามตั้งแต่เมื่อไร” “ที่แท้เจ้าก็ติดใจ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 45

    บทที่ 45คลี่คลาย (1) เพียงคืนเดียว วีรกรรมของเซียวออวิ้นหยางก็ดังมาถึงพระกรรณฝ่าบาท โดยเฉพาะฆ้องปากแตกอย่างเสนาบดีหลินจะอยู่เฉยได้หรือในเมื่อบุตรสาวของตนถูกกระทำเช่นนั้น เสนาบดีหลินรีบเข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เรื่องที่หยางอ๋องกับองค์ชายสามรังแกบุญสาวของตนมาเรียกร้องหาความเป็นธรรม แน่นอนว่าเซียวอวิ้นหยางก็ถูกเรียกเข้าเฝ้าภายในตำหนักส่วนพระองค์เช่นเดียวกัน “คราวนี้เจ้าทำเกินไปแล้ว ถ้ารัชทายาทเจ็บตัวขึ้นมา เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ” “ไม่เจ็บตัวหรอกพ่ะย่ะค่ะ ตรงนั้นยังมีทหารตั้งสองนายคอยคุ้มกันรัชทายาท” “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ภาพลักษณ์ที่รัชทายาทถูกจับมัด ร้องไห้ฟูมฟายถูกแพร่งพรายออกไปแล้ว คราวนี้เจ้าตัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังมีอีก คุณหนูหลินเองก็เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย เจ้ารู้หรือไม่” “ฝ่าบาทคงลืมไปแล้วกระมัง ชื่อเสียงของหลินซวงเอ๋อร์เสื่อมเสียตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ความผิดของกระหม่อมสักหน่อย” “แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้...เฮ้อ!” ทันทีที่มาถึงตำหนักส่วนพระองค์ เซียวอวิ้นห

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 44

    บทที่ 44มีแค้นต้องชำระ (2) “จับข้ามัดเนี่ยนะคือเล่นสนุก?” รัชทายาทถามหน้าตาขึงขัง “ถูกต้อง ข้าอยากลองเปลี่ยนจากผู้ล่าให้เป็นผู้ถูกล่าบ้าง” “เจ้าสาม เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้รึ!?” รัชทายาทเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่องค์ชายสาม หากแต่ฝ่ายหลังกลับไม่มีท่าทีว่าจะหวาดกลัว ตรงข้าม องค์ชายสามยิ้มครึ้มใจแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน ทว่าน้ำเสียงกลับน่าขนลุกสุดๆ “เสด็จพี่รัชทายาท ข้าได้ยินมาว่าเสด็จอาของเราเก่งเรื่องล่าสัตว์ สมัยอยู่ที่ซีโจวแค่ผิวปากครั้งเดียว ฝูงหมาป่าละแวกใกล้ๆ ก็กรูกันเข้ามา ข้าอยากเห็นเสด็จอาควบคุมฝูงหมาป่ากับตาตัวเอง ท่านอยากเห็นหรือไม่” “มะ...หมายความว่ายังไง” “มาดูวิธีเรียกหมาป่าของเสด็จอากันดีกว่า ข้าอยากเห็น เสด็จพี่รัชทายาทก็ช่วยให้ความร่วมมือหน่อยเถอะ” เมื่อองค์ชายสามพูดจบ เสียงผิวปากยาวแหลมก็ดังขึ้นอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า ก่อนเสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่าจะดังตามหลัง รัชทายาทกับหลินซวงเอ๋อร์ที่ถูกมัดขยับไปไหนไม่ได้หวาดกลัวตัวสั่นเทิ้ม สักครู่ต

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 43

    บทที่ 43มีแค้นต้องชำระ (1) ภายในกระโจม ฟางถิงถิงนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์โดยมีม่านเอ๋อร์ สาวใช้ประจำตัวคอยบีบนวดไหล่ให้ “อือ...ม่านเอ๋อร์บีบนวดได้ดีที่สุด” “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู อ๊ะ ไม่สิๆ ขอบพระทัยเพคะพระชายา ว่าแต่ พระชายามีเรื่องอะไรสนุกๆ หรือเพคะ เห็นอมยิ้มตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” “ข้ายิ้มหรือ” ฟางถิงถิงถามพลางแตะหน้าตัวเอง ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังยิ้มอยู่ “พระชายายิ้มอยู่จริงๆ เพคะ” ม่านเอ๋อร์ย้ำ “อย่างนั้นหรือ” “เพคะ” เมื่อครู่นั้น ฟางถิงถิงกำลังคิดถึงเซียวอวิ้นหยาง และเรื่องสนุกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเพราะเหตุนี้นางจึงอารมณ์ดีจนเผลอยิ้มออกมาก็เป็นได้ ฟางถิงถิหันไปหยิบขนมชิ้นหนึ่งแล้วส่งให้กับม่านเอ๋อร์ “อะไรหรือเพคะ” ม่านเอ๋อร์ถามด้วยความใสซื่อ “วันนี้ข้าอารมณ์ดี อีกอย่าง ฝีมือการนวดของเจ้าก็พัฒนาขึ้น ข้าให้รางวัลน่ะ” “ขอบพระทัยเพคะ” ม่านเอ๋อร์ย่อกายทำความเคารพ ก่อนจะรับขนมจากเจ้านายด้วยสีหน้าเบิกบานแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย ฟางถ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 42

    บทที่ 42เอาคืน ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดทำให้ฟางถิงถิงถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ตอนได้สติและตื่นขึ้นมาร่างกายของนางจึงปวดระบมมากกว่าปกติ หนำซ้ำนางยังรู้สึกผิดต่อเซียวอวิ้นหยาง เขาช่วยเหลือนางครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่ช่วยบรรเทาความร้อนจากพิษกำหนัดก็ด้วย...คิดแล้วก็หันมองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาหลงใหล “ขอบคุณ...สามี” นางกระซิบบอกเขาด้วยความซาบซึ้ง ดวงตาคู่งามยังคงจับจ้องใบหน้าคมสันของสามี ในมุมมองของเซียวอวิ้นหยาง ตั้งแต่ที่สัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองตน สัญชาตญาณของนักล่าก็ตื่นตัว ทว่าคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่หาใช่คนอื่น หากเป็นฟางถิงถิง ชายาของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงแกล้งหลับต่อไป ทว่าตอนที่ได้ยินนางเรียกเขาว่า 'สามี' วิญญาณนักล่าราวกับประทับลงร่าง ทันทีที่เปลือกตาของเขาเปิดขึ้น มือใหญ่ก็เอื้อมมือออกไปโอบกอดเอวบางแล้วดึงนางเข้ามาแนบอก ครั้นร่างนุ่มนิ่มแนบชิดหน้าอกแกร่ง เซียวอวิ้นหยางอดจะสูดหายใจลึกไม่ได้ แค่ได้กอดภรรยา ความปรารถนาก็พลอยจะตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง ตรงข้ามกับฟางถิงถิง พอถูกโอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status