แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-19 11:30:36

บทที่ 4

แต่งงานกับคนป่าคลั่งรัก

               ตกเย็น อาหารที่ขึ้นโต๊ะมีมากกว่าเดิม หนึ่งในนั้นคือไก่ตุ๋นที่นางเรียกร้องไป

               อีกอย่าง อาหารส่วนใหญ่นั้นเป็นของที่ได้จากชาวบ้านเมื่อตอนกลางวันทั้งสิ้น หรงหรานมองอาหารและสุราด้วยสีหน้าฉงน

               “เจ้าคนป่าเถื่อนนี่ อยากเลี้ยงฉลองให้ข้าที่หายดีเหมือนกันสินะ”

               นางพูดยิ้มๆ

               เหล่ยเซินไม่ตอบ กลับก้มหน้ารินสุราใส่จอก

               เมื่อรินสุราใส่จอกทั้งสองใบเรียบร้อย จอกหนึ่งเขายื่นให้นาง อีกจอกเป็นของเขาเอง   

               “ชน” เขาบอกสั้นๆ

               นางทำตามด้วยสีหน้างุนงงเช่นเคย

               อึดใจต่อมา หลังจากกระดกสุราในจอกจนหมดแล้ว เหล่ยเซินก็พูดขึ้นว่า “แต่งงานเรียบร้อย”

               “เอ๊ะ!?” หรงหรานเอียงศีรษะร้องด้วยความแปลกใจ “เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ”

               แต่งงานหรือ แต่งงานอะไร

               ระหว่างคิดหรงหรานมองสุราที่เพิ่งดื่มเข้าไปสลับกับมองเหล่ยเซิน

               “แต่งงานเรียบร้อย” เขาย้ำ

               “เดี๋ยวสิ นี่คือสุราเคียงใจหรอกหรือ”

               “อืม”

               “ตลกแล้ว แค่ดื่มสุราไปจอกเดียวก็คือการแต่งงานหรือ ไม่สิ แต่งงานต้องมีแม่สื่อ และยังต้องมีพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยไม่ใช่หรือ”

               หรงหรานไม่ยอมรับ แต่งงานต้องมีญาติผู้ใหญ่ มีการกราบไหว้ฟ้าดิน แค่ดื่มสุราจอกเดียวกับอาหารจัดเต็มโต๊ะจะเรียกว่าแต่งงานได้อย่างไร  

               “หมู่บ้านนี้ไม่มีพิธีรีตองขนาดนั้น”

               “หา?”

               “คนที่นี่ หากรู้ว่าบ้านไหนกำลังมีงานมงคล พวกเขาก็จะเอาหมูเห็ดเป็ดไก่มาให้เพื่อร่วมยินดี และเจ้าก็รับมาโดยไม่ปฏิเสธ”

               สิ้นคำพูดนั้น หรงหรานสูดหายใจลึกติดๆ กันหลายเฮือก  

               “ใครจะรู้ว่าอาหารที่พวกเขาเอามาให้เหล่านี้จะมีไว้เพื่องานมงคล ที่สำคัญ ท่านมีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าเช่นนี้”

               “ข้าบอกไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ”

               “แต่ก็ควรถามความเห็นของข้าก่อนสิ!”

               เพราะเริ่มโมโห นางจึงขึ้นเสียงกับเขา  

               เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้าจะเข้าหอกับข้าเลยหรือไม่”

               “ไม่” นางตอบทันควัน

               อย่างไรเสีย ประเด็นสำคัญไม่ใช่คำถามนี้ เขาต้องถามนางว่า ‘จะยอมแต่งกับเขาหรือไม่’ ถึงจะถูก

               “แต่เจ้าดื่มสุราเคียงใจไปแล้ว”

               “เช่นนั้นจะถามข้าเพื่ออะไร”

               “เจ้าบอกให้ถาม”

               คราวนี้หรงหรานพูดไม่ออก ชายคนนี้โง่งมหรือดื้อรั้นกันแน่

               ดียิ่ง...อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้ขืนใจนางทันทีหลังจากดื่มสุราเข้าไป นางคิดอย่างประชด ว่าก็ว่าเถอะ บัดซบเอ๊ย ถามนางสักคำหรือไม่ว่ายินยอมแต่งด้วยหรือเปล่า

               “พอเลย ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ยอมรับงานแต่งนี้” นางสรุป

               “แต่ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้กันหมดแล้ว”

               เนื่องจากเหล่ยเซินบอกคนทั้งหมู่บ้านว่าจะแต่งงาน พวกเขาเหล่านั้นจึงนำอาหารมาให้เพื่อแสดงความยินดี รวมถึงสุราเคียงใจ อีกทั้งนางยังรับของเหล่านี้มาเองกับมือ บอกว่าไม่แต่งเอาตอนนี้เกรงว่าสายไปแล้วกระมัง

               แม้ไม่มีการจัดงานใหญ่โต ไม่มีพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่แค่คำบอกกล่าวสองสามคำ ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ก็กันถ้วนทั่ว

               หรงหรานฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สักครู่สั้นๆ นางพลันลุกจากเก้าอี้แล้วพุ่งเข้าใส่เหล่ยเซินหมายขย้ำคอเขาให้ตาย งานแต่งนี้จะได้เป็นโมฆะ

               “ตายซะ เจ้าคนป่าเถื่อน!”

               รู้ว่าวิธีเช่นนี้เป็นการกระทำของคนที่โง่เขลา แต่เมื่อความโมโหบังตา ทุกคนต่างทำสิ่งโง่เขลากันทั้งนั้น

               ทว่าพอสองมือยื่นออกไปหมายบีบคอหนาๆ ของเหล่ยเซิน หรงหรานก็เป็นฝ่ายถูกเขาจับยึดข้อแขน ถูกช้อนขึ้นอุ้ม ก่อนจะพาไปที่เตียงนอน

               เมื่อร่างแบบบางถูกวางบนเตียงที่ปูด้วยขนสัตว์

               เขาไม่พูดพล่ามใดๆ ถอดชุดของนางออก ไม่สิ แทนที่จะเรียกว่าถอด ต้องบอกว่าเขากระชากชุดออกด้วยความดิบเถื่อนต่างหาก

               “บัดซบเอ๊ย! ปล่อยข้านะ”

               นางกรีดร้อง ยกเท้าถีบเร่าๆ แต่แล้วมือหนาก็ขยำทรวงงามขาวผ่อง มืออีกข้างที่ว่างก็ลูบไล้ไปทั่วส่วนเว้าส่วนโค้ง

               “...อ่าาา”

               ทั้งที่ไม่เต็มใจ หากนางกลับอ่อนระทวยใต้มือสากหนาของเหล่ยเซิน

               ดีที่เขารู้จักวิธีเล้าโลม ไม่ได้ดันทุรังจ้วงแทงเข้าใส่ทันที

               ไม่สิ นางไม่ควรเคลิบเคลิ้ม

               หรงหรานผลักไสเหล่ยเซิน ทั้งทุบทั้งตี ทั้งยังยกเท้าถีบไม่ยั้ง

               แต่แล้ว มือหนาที่ขยำทรวงอกอิ่มสวยก็เปลี่ยนมาบดคลึงเม็ดทับทิมที่อยู่ปลายถัน นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของเหล่ยเซินบดขยี้ยอดอกที่เริ่มแข็งคัดเป็นไต  

               “อ๊ะ อื้อ...”

               ไม่เพียงเล้าโลมทรวงอกงาม เหล่ยเซินยังโน้มหน้าลงมาประกบปากของนาง หนวดเคราของเขาทำเอานางคันยุบยิบ แต่ลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพลงปากทำให้เคลิบเคลิ้มอย่างแปลกพิกล

               นางเปิดปากตอบรับจูบของเขา 

               ทันใดนั้น นางรับรู้ได้ถึงนิ้วหยาบที่ลูบไล้เนินสาวเบื้องล่าง

               “อ๊าาา!!!”

               ความเสียวแล่นพล่านจากกึ่งกลางลำตัว เอวบางสั่นระริก  

               “จุ๊บ...”

               เหล่ยเซินยังคงพรมจูบทั่วใบหน้าของหรงหราน  

               “อื้อ อ๊าาา”

               มือหยาบกระด้างปรนเปรอร่างกายแบบบาง ซ้ำจูบอันเร่าร้อนยังทำให้นางรู้สึกดีเกินบรรยาย นางอดจะสบถในใจมิได้

               ‘บ้าเอ๊ย บ้าเอ๊ย!’  

               ใช่ หรงหรานคงบ้าไปแล้ว ทั้งที่สภาพไม่ต่างจากถูกบังคับ แต่ร่างกายกลับเร่าร้อนดั่งถูกไฟเผา ยิ่งถูกเล้าโลมสมองของนางก็ยิ่งขาวโพลน ดวงตาคู่สวยหรี่ปรืออย่างเคลิ้มลอย   

               จังหวะนั้นเอง เหล่ยเซินผละตัวออกแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเอง เมื่ออาวุธร้ายคู่กายถูกชักออกมา หรงหรานก็ตื่นจากภวังค์

               ท่อนร้อนที่ผงาดอย่างอหังการตรงหน้ามีขนาดใหญ่ มิหนำซ้ำรอบๆ ยังมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นบอกถึงความแข็งแรงอันทรงพลัง นางสะดุ้งเฮือก ตื่นจากอาการเคลิบเคลิ้ม และอดคิดไม่ได้ว่า ‘ข้าจะตายเพราะอาวุธของเขาหรือไม่’

               พอได้สติ หรงหรานรีบส่ายหน้าระรัวพร้อมกระถดถอยตามสัญชาตญาณป้องกันตัว

               “ไม่มีทาง ใส่เข้ามาไม่ได้หรอก”

               “ได้”

               “ท่านอยากทำให้ข้าตายหรือ”

               “เจ้าไม่ตายหรอก”

               ระหว่างที่ทั้งสองโต้เถียงกันไปมานั้นเอง เหล่ยเซินดึงนางกลับมาอยู่ใต้ร่างดั่งเดิม เขาเล้าโลมนางด้วยมือและริมฝีปากต่อ มิหนำซ้ำนิ้วแกร่งยังสอดเข้ามาในใจกลางบุปผาเพื่อเปิดทางให้สะดวกยิ่งขึ้น

               “อ๊า!”

               นางหวีดร้อง สะโพกลอยขึ้นจากเตียง

               ไม่ได้เจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนหน้านั้นถูกเขาเล้าโลมจนเกิดอารมณ์หวามไหว บุปผางามจึงหลั่งน้ำหวานออกมาทำให้นิ้วแกร่งสอดเข้ามาได้อย่างสะดวก ถึงอย่างนั้นก็ยังคับแน่นอยู่ดี   

               “ข้าชอบเจ้า”

               เหล่ยเซินประกาศ 

               ร่างกายของหรงหรานร้อนวูบวาบเมื่อได้ยินอย่างนั้น ลืมสิ้นเรื่องที่เขากระทำป่าเถื่อนกับนางตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้

               เหล่ยเซินก้มหน้าลง ก่อนลิ้นสากร้อนจะกวาดเลียยอดปทุมถันสีหวาน ความดื้อรั้นของเขาทำเอานางใจอ่อนยวบ ในท้องปั่นป่วน  

               “ดะ ได้...ข้ายอมเป็นเมียเจ้า....อ๊ะ อ๊ะ ก็ได้”

               เสียงของนางสั่นเครือ สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปาก นอกจากเสียงครวญคราง

               ในตอนนั้น นิ้วที่สองและสามถูกสอดเข้ามาในดอกบัวตูมซึ่งบานสะพรั่งแล้ว สะโพกผายแอ่นโค้ง หญิงสาวครางอื้อๆ อ๊าๆ พร้อมกับส่วนล่างที่กระเด้งกระดอนรับกับจังหวะนิ้วซึ่งขยับอยู่ในกาย

               เสียงครางของนางดังกลบเสียงเฉอะแฉะยามที่เขาขยับนิ้วระรัว

               หลังจากเหล่ยเซินเตรียมพร้อมให้นางเรียบร้อย อาวุธแสนอหังการก็ถูกจับดันเข้ามาในกายสาว เขาดันเข้ามาช้าๆ กระทั่งสุดลำ

               ทั้งที่ยังไม่ได้ขยับ ข้างในของนางก็เสียววาบจราวกับจะปลดปล่อยอยู่รอมร่อ

               “อื้อ...อ๊า...”

               หรงหรานแยกขาออกกว้างตามสัญชาตญาณความต้องการ ทั้งยังบิดเอวอย่างเร่าร้อนไปด้วย

               “ข้าจะขยับแล้วนะ”

               เขาบอก ก่อนประคองสะโพกงามให้ลอยสูงกว่าเดิม อึดใจต่อมาบั้นเอวแกร่งก็เริ่มโยกไหว จากจังหวะเนิบช้าค่อยเร่งความเร็ว

               หรงหรานโยกคลอนไปตามจังหวะของเหล่ยเซิน พร้อมส่งเสียงครวญครางรัญจวนด้วยความสุขสม

               ท่อนร้อนอันใหญ่โตยามเสียดสีเข้าๆ ออกๆ ทำเอานางเสียววาบจนขนลุกขนชันไปทั้งร่าง

               “อ๊ะ อื้อ...อ๊ะๆ อ๊า!”

               ตอนที่เหล่ยเซินเร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อย หรงหรานก็ครางเสียงแหลมพร้อมกับเอวบางที่สั่นกระตุก ในที่สุดนางก็แตะขอบสวรรค์ หากกระนั้น บั้นเอวแกร่งยังคงขยับเข้าขยับออกอย่างต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังท่ามกลางความสุขรัญจวน

               ตลอดทั้งคืนนางถูกเขาจับหงายจับคว่ำ ถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งรุ่งสาง เขาจึงยอมผละออกจากนาง

               หรงหรานที่ตัวเล็กกว่าเหล่ยเซิน พอนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดดูเหมือนจะเข้ากันอย่างพอดิบพอดี ซ้ำร่างกายของเขายังอบอุ่นและให้รู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างยิ่ง พอปิดเปลือกตาลง นางก็เข้าเฝ้าเทพเจ้าแห่งความฝันทันที

              

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 41

    บทที่ 41ปลอบโยนชายา ตั้งแต่ถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนหลังม้า ฟางถิงถิงก็อยู่ไม่สุข นางเอาแต่คลอเคลียเจ้าของร่างหนา ไม่เพียงแหวกสาบเสื้อของเซียวอวิ้นหยางให้เปิดกว้าง ตลอดทางกลับจวนอ๋อง มือน้อยยังซุกซนไต่ไปทั่วแผงอกแข็งแกร่ง ลูบคลำตรงนั้น จับตรงนี้ ทำให้ผู้อื่นปั่นป่วนหัวใจ โชคดีที่เซียวอวิ้นหยางมีจิตใจมั่นคงและอ่านสถานการณ์ออก อ๋องหนุ่มใช้เสื้อคลุมตัวใหญ่ของตนคลุมร่างของฟางถิงถิงเอาไว้ ให้พูดตรงๆ เซียวอวิ้นหยางไม่ได้อายหากผู้อื่นเห็นว่าตนถูกชายาลวนลาม แค่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นความเย้ายวนอันงดงามของภรรยาเท่านั้นเอง เมื่อควบม้าผ่านประตูเข้ามาภายในตำหนัก เซียวอวิ้นหยางตวัดตัวลงจากหลังม้าพร้อมอุ้มฟางถิงถิงเดินเข้าห้องนอนใหญ่ ใบหน้าของฟางถิงถิงแดงก่ำเหมือนจะกลั่นเลือดออกมาได้อยู่แล้ว หนำซ้ำยังชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาหรี่ปรือคล้ายคนเลื่อนลอย เซียวอวิ้นหยางปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่แนบติดกับแก้มนวลพลางถามด้วยความห่วงใย “ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง” คำตอบของฟางถิงถิงคือเสียงครางและพยายามถอดเสื้อผ้าของนางออกจากตัว “ร้อน...อื้อ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 40

    บทที่ 40ยืมดาบฆ่าคน (2) “แม่นางช่างสุนทรีย์ไม่น้อย นี่เป็นกลิ่นไม้จันทร์หอมผสมกับหลันฮวา(ดอกกล้วยไม้)อบแห้งขอรับ” หนุ่มน้อยคนนั้นกล่าว “แม่นาง เชิญดื่มขอรับ” คราวนี้เป็นชายหนุ่มรูปงามอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ เขารินสุราใส่จอกให้กับฟางถิงถิง ก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่งกลางห้องซึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับบรรเลงพิณ ฟางถิงถิงดื่มสุราท่ามกลางเพลงพิณที่ถูกบรรเลงอย่างอ่อนช้อย นางพริ้มตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและ...ร้อน... ร้อนหรือ!? คิดแล้วนางรีบยกจอกสุราขึ้นมองด้วยความสงสัย เพิ่งดื่มไปได้เพียงจอกเดียว คงไม่ได้เมาเร็วขนาดนี้หรอกกระมัง ตอนนั้นเอง จู่ๆ ลมหายใจของนางก็หอบกระชั้นอย่างน่าสงสัย ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่นาง เสียงพิณหยุดลง ก่อนเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มหน้าหล่อกับหนุ่มน้อยจะดังขึ้นตามทีหลัง “ระระ ร้อนจัง แฮ่ก...ทำไมเล่า” หนุ่มน้อยหน้ามนพูดด้วยท่าทีกระสับกระส่าย “...ข้าก็ด้วย” ชายหนุ่มเจ้าของพิณกุมอกพร้อมพูดกับตัวเอง “มีบางอย่างแปลกๆ” ฟางถิงถิงพึมพำ ชายหนุ่มทั้งสองได้ยินอย่างนั้นก็มีท่า

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 39

    บทที่ 39ยืมดาบฆ่าคน (1) ขนอ่อนบนหลังคอของเซียวจื้ออี้กับหลินซวงเอ๋อร์ลุกชัน พวกเขาไม่เคยรู้สึกหนาวสะท้านราวกับกำลังย่างเท้าลงสู่ขุมนรกเช่นนี้มาก่อน แต่สายตาของหยางอ๋องทำให้รู้สึกเช่นนั้นได้! หลินซวงเอ๋อร์ดึงสติกลับมาได้เร็วกว่ารัชทายาทเซียวจื้ออี้ นางที่ยังประกบมือบนแก้มฝั่งที่ถูกตบใช้จังหวะนั้นทวงความยุติธรรม “ท่านอ๋อง หม่อมฉันแค่มาเยี่ยมพระชายาฟาง แต่...แต่ถูกพระชายาทำร้ายร่างกาย จะให้คิดอย่างไรได้เพคะ” ยามพูด หลินซวงเอ๋อร์ทำหน้าเศร้าสร้อย ร่างกายของฝ่ายนั้นผอมบางอยู่แล้ว ประกอบกับแก้มซ้ายที่บวมแดง พอมายืนอยู่ตรงหน้าอ๋องนักรบที่มีร่างสูงใหญ่อย่างเซียวอวิ้นหยาง ท่าทางอ่อนแอเปราะบางนั้นแลดูน่าสงสารมากกว่าเดิม ทว่า... คำตอบของหยางคือ...สายตาดุดันที่สาดมอง หลินซวงเอ๋อร์สะดุ้ง แม้จะหวาดกลัว แต่ยังคงทำใจกล้า มองตอบเซียวอวิ้นหยางแกมขอร้อง “ท่านอ๋อง ได้โปรดมอบความยุติธรรมให้กับหม่อมฉันด้วยเพคะ” “ยุติธรรมหรือ ได้สิ” หยางอ๋องพยักหน้าบอก “ข้าจะลงโทษคนของข้าเอง” หลินซวงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 38

    บทที่ 38ใครกล้าแตะต้องนาง...ตาย! (2) หลายวันต่อมา ในที่สุดรัชทายาทเซียวจื้ออี้ก็หาจังหวะมายังตำหนักหยางอ๋องจนได้ หลังจากสืบทราบมาว่าฮ่องเต้เรียกเซียวอวิ้นหยางเข้าเฝ้าในเช้าวันหนึ่ง รัชทายาทเซียวจื้ออี้ก็หาได้รอช้า รีบเดินทางมาตำหนักหยางอ๋องพร้อมกับหลินซวงเอ๋อร์ เมื่อมาถึง ทั้งสองก็วางอำนาจใหญ่โตทันที เทียบกันแล้ว ระหว่างตำแหน่งรัชทายาทกับชายาอ๋อง แน่นอนว่าฟางถิงถิงต้องให้ความเคารพรัชทายาทที่มีศักดิ์สูงกว่า แต่สำหรับหลินซวงเอ๋อร์ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย นางจึงเมินเฉยฝ่ายนั้นอย่างสมบูรณ์ ฟางถิงถิงย่อกายให้กับรัชทายาท แต่กับหลินซวงเอ๋อร์ นางเมินหน้าหนี หลินซวงเอ๋อร์เห็นอย่างนั้นก็เขย่าแขนรัชทายาท ทั้งยังส่งสายตาแง่งอน รัชทายาทเข้าใจความหมายจึงหันไปกล่าวตำหนิฟางถิงถิง “พระชายาฟาง หยางอ๋องคงตามใจเจ้าจนทำให้ลืมฐานะของตนไปแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ให้ความเคารพคนของข้า” ฟางถิงถิงย่อมเข้าใจคำพูดนั้น รัชทายาทต้องการให้นางมอบความเคารพหลินซวงเอ๋อร์ เพราะยิ่งเข้าใจ ฟางถิงถิงจึงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ นางแสร้งมอ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37ใครกล้าแตะต้องนาง...ตาย! (1) แสงอรุณส่องผ่านหน้าต่างฉลุลายอันประณีต แสงสว่างนั้นปลุกฟางถิงถิงให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางอาการปวดระบม มือน้อยนวดเฟ้นเอวและสะโพกของตนป้อยๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนข้างกายที่ยังหลับสนิท เซียวอวิ้นหยางมีรูปร่างสูงใหญ่ ด้วยเพราะเป็นอ๋องนักรบ ถึงได้มีกล้ามเนื้อบึกบึนสมส่วน ส่วนฟางถิงถิงรูปร่างบอบบาง เทียบกันแล้ว นางไม่ต่างจากกระต่ายตัวน้อยที่ถูกราชสีห์รังแก แรกเริ่มแม้เขาจะทำอย่างอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป แต่เมื่ออารมณ์ปะทุถึงขีดสุด ความอ่อนโยนนั้นเปลี่ยนเป็นโจนจ้วง นางเองก็สุขสมจนสติหลุด ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า พอคิดถึงเรื่องน่าอายนั้น หัวใจเจ้ากรรมก็สั่นสะท้านขึ้นมา ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าว ถึงอย่างนั้นนางกลับพลิกตัวนอนตะแคงโดยหันหน้าไปทางเซียวอวิ้นหยาง จ้องใบหน้าเขาคล้ายต้องการเก็บทุกรายละเอียด ยามที่ถูกเขาจับจ้อง ดวงตาคมคู่นี้ช่างลึกล้ำและเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา เพียงแค่ถูกจ้องมองนาง ร่างกายของนางก็เหมือนถูกสะกด ระหว่างคิด ฟางถิงถิงลูบมือบนเปลือ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง เมื่อเทียนทุกเล่มดับลงภายในห้องหอก็ตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างฉลุลายประณีต ท่ามกลางความมืดสลัวนั้น ฟางถิงถิงได้ยินเสียงลมหายใจของเซียวอวิ้นหยางที่หนักหน่วงขึ้น ชัดเจนขึ้น มิหนำซ้ำทรวงอกของเขายังขยับขึ้นๆ ลงๆ ราวกับกำลังพยายามข่มกลั้นความปรารถนา หญิงสาวยื่นมือแตะแผงอกร้อนผ่าวของหยางอ๋อง พูดเสียงอ่อนเสียงหวานคล้ายกำลังวอนขอ “ท่านอ๋อง” ทันใดนั้น... ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำ ริมฝีปากบางบดขยี้กลีบปากเนียนนุ่ม แล้วร่างของนางก็สั่นระริก เสียงครางหวานๆ ดังอยู่ในลำคอ “อ...อือ...” เซียวอวิ้นหยางระดมจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแค่ถูกจูบ ฟางถิงถิงก็แทบจะเสียอาการ ร่างแบบบางสะท้านไม่หยุด ...อยากได้มากกว่านี้ หญิงสาวปรือตารับจูบเร่าร้อนอย่างเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากเนียนนุ่มเผยอเปิดเล็กน้อย ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้นปลายลิ้นร้อนก็ดุนดันเข้ามาในโพลงปาก อ๋องหนุ่มกระหวัดลิ้นพัวพันกับลิ้นของฟางถิงถิง ระหว่างจูบมือหนาค่อยๆ ปลดชุดกลางสีขาวขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status