แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-19 11:34:50

บทที่ 6

หนี

               หลายวันที่ผ่านมา หรงหรานตามเหล่ยเซินเข้าป่าทุกวัน ส่วนหนึ่งเพื่อสำรวจเส้นทาง อีกส่วนเพื่อทำความเข้าใจวิถีของผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใต้หุบเขาเล่อฉาง

               ในที่สุด หรงหรานก็พอจะคุ้นเคยเส้นทางเข้าออกระหว่างหมู่บ้านกับป่าขึ้นมาบ้างแล้ว

               หนำซ้ำ วิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้านใต้หุบเขาเล่อฉางยังเรียบง่ายมากๆ เพราะนอกจากปลูกผักเลี้ยงสัตว์ อาหารการกินเอย สมุนไพรรักษาโรคเอย รวมไปถึงเครื่องนุ่งห่มล้วนแล้วแต่หาได้จากแหล่งธรรมชาติ

               หรงหรานนั้นพอจะมีกำลังภายในอยู่แล้ว เนื่องจากเกิดในตระกูลนักรบ นางจึงได้รับการฝึกฝนวิชายุทธ์จากท่านพ่อ ดังนั้นเมื่อกำลังภายในของนางฟื้นคืนมานิดหน่อย ถึงเวลาที่นางต้องกลับบ้านแล้ว

               วันถัดมาหลังจากเหล่ยเซินเข้าป่าล่าสัตว์ หรงหรานที่บอกว่าจะอยู่เฝ้าบ้าน เปิดประตูมองซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นวี่แววของเหล่ยเซิน นางจึงถลกชายกระโปรง ก่อนจะวิ่งเต็มเหยียด ลัดเลาะไปตามเส้นทางออกจากหุบเขาเล่อฉาง

               ทว่า...วิ่งมาตั้งไกล และทั้งที่คิดว่าศึกษาเส้นทางมาอย่างดี สุดท้ายนางกลับหลงทางเสียอย่างนั้น 

               นางยืนปาดเหงื่อ หอบหายใจ พร้อมกับมองป่าโดยรอบอีกครั้ง

               ทันใดนั้นเอง...

               บรู้วววว

               เสียงหอนของหมาป่าพลันดังขึ้น

               เนื่องจากหลงทาง ทั้งเสียงหอนยังดังก้องป่า หรงหรานจึงไม่รู้ว่าเสียงของหมาป่าดังมาจากทิศทางใด แต่ที่แน่ๆ มันมีมากกว่าหนึ่งตัว!  

               หัวใจของหรงหรานหดเกร็ง นางกวาดตามองด้วยความระแวดระวัง หากก็เดินหน้าออกจากป่าต่อไป

               เสียงฝีเท้าของหมาป่าดังไล่ตามมา หรงหรานหวาดกลัวจนใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ 

               นางก้าวยาวต่อไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็ออกตัววิ่งเต็มฝีเท้า

               หรงหรานพอจะมีวรยุทธ์อยู่เล็กน้อย หากเผชิญหน้ากับหมาป่าแค่ตัวสองตัวยังพอสู้ไหว แต่ถ้ามาเป็นฝูงก็คงรอดยาก เผลอๆ ขืนรั้งอยู่นานอาจเจอหมีหรือเสือก็เป็นได้

               นางวิ่งต่อไป วิ่งไปเรื่อยๆ แบบไม่ลืมหูลืมตา ตอนนั้นเองใบหน้าก็ปะทะเข้ากับเงาร่างสูง

               ตุบ!

               หรงหรานหวาดกลัวว่าจะเป็นหมี แต่หลังจากสูดหายใจลึกสองสามเฮือกนางก็ทำใจเงยศีรษะมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

               ดวงตาคู่สวยพลันเบิกกว้างขึ้นมาทันใด เมื่อสิ่งแรกที่ปะทะเข้ามาในแนวสายตาคือเคราดกครึ้ม

               ละ เหล่ยเซิน!

               “จะไปไหน”

               เสียงทุ้มเอ่ยถาม มิเพียงเท่านั้น มือหนายังกุมไหล่แบบบางทั้งสองข้างของหรงหรานแน่น 

               ลางสังหรณ์สั่งให้หรงหรานตอบออกไปตามตรง ขืนโกหกคงเป็นเรื่องใหญ่แน่

               “ข้า...จะกลับบ้าน” 

               “กลับบ้าน? เหตุใดไม่บอกข้าสักคำ”

               น้ำเสียงของเหล่ยเซินแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ และไม่ได้ละสายตาไปจากหรงหราน 

               นางหวาดกลัวจนตัวสั่น หากกระนั้น ห้วงหนึ่งของหัวใจก็มีความคำถาม 

               ...เขาตามนางจนเจอได้อย่างไร 

               ...เขาจะโกรธและลงโทษนางหรือไม่

               ยิ่งคำถามเหล่านั้นวนเวียนในหัว นางก็ยิ่งใจฝ่อ เข่าแทบทรุด

               กรรรร!!

               ประจวบเหมาะกับตอนนั้น ข้างหลังของหรงหรานมีฝูงหมาป่าวิ่งไล่ตามมาพอดี มันส่งเสียงขู่และตั้งท่าหยั่งเชิง

               เหล่ยเซินผละสายตาจากหรงหราน ก่อนจะดึงร่างแบบบางไปหลบข้างหลัง

               เขายืนเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว จากนั้นโก่งคอคำรามใส่

               เสียงขู่ของเขาดังก้องทั่วเขาทำเอานกที่เกาะตามกิ่งไม้ทั้งที่อยู่ละแวกนี้และละแวกใกล้ๆ แตกตื่นบินเตลิดหนี

               ฝูงหมาป่าวิ่งหางจุกก้น 

               หรงหรานเองยังตกใจจนเข่าอ่อนพับ ถึงตรงนี้ นางทรุดลงไปนั่งกองบนพื้นดินเสียแล้ว

               “เป็นอะไรไป”

               เหล่ยเซินนั่งยองๆ ถาม

               พลันนั้น ความอัดอั้นต่างๆ นานาผุดขึ้นมากลางอก ทั้งเรื่องของหยวนหลิงอวี้ เรื่องของลู่เมิ่งซุย และการพบเจอระหว่างนางกับเหล่ยเซิน แม้เขาจะช่วยเหลือนางให้รอดพ้นจากความตาย หากก็ไม่เคยทะนุถนอมนางเลยสักนิด พอคิดถึงเรื่องนี้ น้ำตาหยดใสก็ล่วงแหมะๆ ลงบนตัก จากที่ร้องไห้กระซิกๆ กลายเป็นฟูมฟายยกใหญ่

               “ฮื่อ...เหล่ยเซินคนบ้า คนป่าเถื่อน!”

               “เป็นอะไร”

               เหล่ยเซินเปลี่ยนท่าทีจากโกรธเป็นห่วงใย

               “เพราะท่านนั่นแหละ เพราะท่านคนเดียว”

               ด้วยไม่รู้จะกล่าวโทษใคร นางจึงนำความโกรธทั้งหมดมาลงที่เหล่ยเซิน

               “ข้า?”

               “ใช่ ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน” นางแผดเสียงใส่เหล่ยเซินพร้อมกับร้องไห้โฮ ตอนพูดประโยคถัดมาก็ตบอกตัวเองอย่างคับแค้นใจไปด้วย “ข้ารู้ว่าท่านหวังดีช่วยชีวิตข้า แต่สำหรับข้ากลับเป็นฝันร้าย ท่านแบกข้ากลับมาเหมือนแบกเหยื่อที่เพิ่งล่า ท่านจับข้ากรอกยาเหมือนอยากล้างลำไส้เหยื่อก่อนจะจับชำแหละ ท่านจับข้าถอดเสื้อผ้า เช็ดตัวให้ข้าทุกซอกทุกมุม ไม่สนใจว่าข้าจะอายหรือไม่ แม้แต่ส่วนลับของข้า...ท่านก็ไม่เว้น และยัง…และยังจับข้ากินอีกด้วย”

               ถึงตรงนี้หรงหรานระบายความอึดอัดคับอกออกมาจนสิ้น

               “เพราะเจ้าใกล้ตาย ข้าต้องรีบพาเจ้ากลับมารักษา”

               น้ำเสียงของเหล่ยเซินยังคงเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน

               นางสูดหายใจลึกด้วยความฉุนเฉียว 

               “แต่ท่านก็ควรเบามือกับคนใกล้ตายไม่ใช่หรือ ตอนจับข้ากรอกยาอีก ท่านไม่กลัวว่าข้าจะสำลักยาตายหรืออย่างไร”

               “ข้าไม่ทันคิด หมอชราฮั่วบอกว่าหากเจ้าไม่รีบดื่มยาทันทีเจ้าจะตาย”

               คำตอบนั้นทำเอานางอึ้งจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

               ต่อให้รีบร้อนอยากช่วยรักษา แต่สตรีเปราะบาง ซ้ำยังมีสภาพล่อแล่ใกล้ตาย เขาควรจะใช้วิธีอื่น อย่างใช้ช้อนป้อนยาให้นางทีละคำ แต่เรื่องพวกนั้นช่างเถอะ นางอยากกลับบ้าน ป่านนี้ท่านพ่อท่านแม่นางคงเป็นห่วงแทบตายแล้วกระมัง

               “ข้าอยากกลับบ้าน”

               นางบอก

               ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองนางนิ่ง ผ่านไปหลายอึดใจ ในที่สุดเหล่ยเซินก็ยอมตอบนาง

               “ไม่ได้”

               น้ำตาของนางพรั่งพรูออกมาอีกระลอก

               ชายหนุ่มเคราดกมองนางอย่างร้อนรนเหมือนทำอะไรไม่ถูก ชั่วครู่สั้นๆ เขาก็กอดนางเต็มวงแขน ก่อนจะผละตัวออกมาแล้วช่วยเช็คน้ำตาให้

               “อย่าร้อง”

               “สำหรับคนป่าเถื่อนอย่างท่านเป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ข้าเป็นคน มีพ่อมีแม่ มีครอบครัว ข้าอยากกลับบ้าน ท่านเข้าใจหรือไม่!”

               คำพูดของหรงหรานทำเอาเหล่ยเซินนิ่งอยู่นานสองนาน แต่แล้ว ในที่สุดเขาก็ขยับปากพูด

               “ข้าจะไปกับเจ้า”

               “หา?”

               “ข้าจะไปกับเจ้า”

               เขาพูดซ้ำ

               “ข้าไม่ต้องการ”

               “แต่ข้าเป็นสามีเจ้า” เหล่ยเซินพูดเนิบๆ

               หรงหรานสูดหายแรงๆ ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

               คนที่ถูกบังคับแต่งงานคือนาง ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นสามีนางอีกหรือ

               “ก็บอกว่าไม่ต้องการอย่างไรเล่า เหล่ยเซิน ข้าจะบอกตรงๆ เลยก็ได้ ข้าอยากกลับบ้านเพราะอยากหนีท่าน เข้าใจชัดหรือไม่”

               ทว่า…

               เหล่ยเซินยังคงหน้านิ่ง นั่งจับมือนาง ทั้งยังบอกว่า “ในป่าอันตราย ข้าจะไปกับเจ้า และข้าก็ต้องเจอพ่อแม่เจ้าด้วย”

               นางปวดใจยิ่งนัก ผู้ชายคนนี้จะหน้าด้านไปถึงไหน

               “ทำไมต้องทำกับข้าเช่นนี้” 

               หรงหรานถามพลางทำไหล่ห่อเหี่ยว 

               “เพราะข้าชอบเจ้า”

               “...”

               แน่นอน คำตอบของเหล่นเซินทำให้หรงหรานพูดไม่ออก เสี้ยวหนึ่งของหัวใจนางอ่อนยวบอย่างไม่รู้ตัว

               “ข้าจะกลับบ้านพร้อมเจ้า”

               เขายืนยันเมื่อเห็นนางเงียบ

               หรงหรานหลบสายตาสีดำสนิทที่จ้องมองมา ก่อนจะตอบออกไป

               “กะ...ก็ได้ ในเมื่อพูดไปท่านก็ไม่ฟังข้าอยู่ดี เช่นนั้นอยากทำอะไรก็เชิญ!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 41

    บทที่ 41ปลอบโยนชายา ตั้งแต่ถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนหลังม้า ฟางถิงถิงก็อยู่ไม่สุข นางเอาแต่คลอเคลียเจ้าของร่างหนา ไม่เพียงแหวกสาบเสื้อของเซียวอวิ้นหยางให้เปิดกว้าง ตลอดทางกลับจวนอ๋อง มือน้อยยังซุกซนไต่ไปทั่วแผงอกแข็งแกร่ง ลูบคลำตรงนั้น จับตรงนี้ ทำให้ผู้อื่นปั่นป่วนหัวใจ โชคดีที่เซียวอวิ้นหยางมีจิตใจมั่นคงและอ่านสถานการณ์ออก อ๋องหนุ่มใช้เสื้อคลุมตัวใหญ่ของตนคลุมร่างของฟางถิงถิงเอาไว้ ให้พูดตรงๆ เซียวอวิ้นหยางไม่ได้อายหากผู้อื่นเห็นว่าตนถูกชายาลวนลาม แค่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นความเย้ายวนอันงดงามของภรรยาเท่านั้นเอง เมื่อควบม้าผ่านประตูเข้ามาภายในตำหนัก เซียวอวิ้นหยางตวัดตัวลงจากหลังม้าพร้อมอุ้มฟางถิงถิงเดินเข้าห้องนอนใหญ่ ใบหน้าของฟางถิงถิงแดงก่ำเหมือนจะกลั่นเลือดออกมาได้อยู่แล้ว หนำซ้ำยังชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาหรี่ปรือคล้ายคนเลื่อนลอย เซียวอวิ้นหยางปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่แนบติดกับแก้มนวลพลางถามด้วยความห่วงใย “ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง” คำตอบของฟางถิงถิงคือเสียงครางและพยายามถอดเสื้อผ้าของนางออกจากตัว “ร้อน...อื้อ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 40

    บทที่ 40ยืมดาบฆ่าคน (2) “แม่นางช่างสุนทรีย์ไม่น้อย นี่เป็นกลิ่นไม้จันทร์หอมผสมกับหลันฮวา(ดอกกล้วยไม้)อบแห้งขอรับ” หนุ่มน้อยคนนั้นกล่าว “แม่นาง เชิญดื่มขอรับ” คราวนี้เป็นชายหนุ่มรูปงามอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ เขารินสุราใส่จอกให้กับฟางถิงถิง ก่อนจะเดินไปนั่งที่ตั่งกลางห้องซึ่งถูกจัดเตรียมไว้สำหรับบรรเลงพิณ ฟางถิงถิงดื่มสุราท่ามกลางเพลงพิณที่ถูกบรรเลงอย่างอ่อนช้อย นางพริ้มตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและ...ร้อน... ร้อนหรือ!? คิดแล้วนางรีบยกจอกสุราขึ้นมองด้วยความสงสัย เพิ่งดื่มไปได้เพียงจอกเดียว คงไม่ได้เมาเร็วขนาดนี้หรอกกระมัง ตอนนั้นเอง จู่ๆ ลมหายใจของนางก็หอบกระชั้นอย่างน่าสงสัย ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่นาง เสียงพิณหยุดลง ก่อนเสียงหอบหายใจของชายหนุ่มหน้าหล่อกับหนุ่มน้อยจะดังขึ้นตามทีหลัง “ระระ ร้อนจัง แฮ่ก...ทำไมเล่า” หนุ่มน้อยหน้ามนพูดด้วยท่าทีกระสับกระส่าย “...ข้าก็ด้วย” ชายหนุ่มเจ้าของพิณกุมอกพร้อมพูดกับตัวเอง “มีบางอย่างแปลกๆ” ฟางถิงถิงพึมพำ ชายหนุ่มทั้งสองได้ยินอย่างนั้นก็มีท่า

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 39

    บทที่ 39ยืมดาบฆ่าคน (1) ขนอ่อนบนหลังคอของเซียวจื้ออี้กับหลินซวงเอ๋อร์ลุกชัน พวกเขาไม่เคยรู้สึกหนาวสะท้านราวกับกำลังย่างเท้าลงสู่ขุมนรกเช่นนี้มาก่อน แต่สายตาของหยางอ๋องทำให้รู้สึกเช่นนั้นได้! หลินซวงเอ๋อร์ดึงสติกลับมาได้เร็วกว่ารัชทายาทเซียวจื้ออี้ นางที่ยังประกบมือบนแก้มฝั่งที่ถูกตบใช้จังหวะนั้นทวงความยุติธรรม “ท่านอ๋อง หม่อมฉันแค่มาเยี่ยมพระชายาฟาง แต่...แต่ถูกพระชายาทำร้ายร่างกาย จะให้คิดอย่างไรได้เพคะ” ยามพูด หลินซวงเอ๋อร์ทำหน้าเศร้าสร้อย ร่างกายของฝ่ายนั้นผอมบางอยู่แล้ว ประกอบกับแก้มซ้ายที่บวมแดง พอมายืนอยู่ตรงหน้าอ๋องนักรบที่มีร่างสูงใหญ่อย่างเซียวอวิ้นหยาง ท่าทางอ่อนแอเปราะบางนั้นแลดูน่าสงสารมากกว่าเดิม ทว่า... คำตอบของหยางคือ...สายตาดุดันที่สาดมอง หลินซวงเอ๋อร์สะดุ้ง แม้จะหวาดกลัว แต่ยังคงทำใจกล้า มองตอบเซียวอวิ้นหยางแกมขอร้อง “ท่านอ๋อง ได้โปรดมอบความยุติธรรมให้กับหม่อมฉันด้วยเพคะ” “ยุติธรรมหรือ ได้สิ” หยางอ๋องพยักหน้าบอก “ข้าจะลงโทษคนของข้าเอง” หลินซวงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 38

    บทที่ 38ใครกล้าแตะต้องนาง...ตาย! (2) หลายวันต่อมา ในที่สุดรัชทายาทเซียวจื้ออี้ก็หาจังหวะมายังตำหนักหยางอ๋องจนได้ หลังจากสืบทราบมาว่าฮ่องเต้เรียกเซียวอวิ้นหยางเข้าเฝ้าในเช้าวันหนึ่ง รัชทายาทเซียวจื้ออี้ก็หาได้รอช้า รีบเดินทางมาตำหนักหยางอ๋องพร้อมกับหลินซวงเอ๋อร์ เมื่อมาถึง ทั้งสองก็วางอำนาจใหญ่โตทันที เทียบกันแล้ว ระหว่างตำแหน่งรัชทายาทกับชายาอ๋อง แน่นอนว่าฟางถิงถิงต้องให้ความเคารพรัชทายาทที่มีศักดิ์สูงกว่า แต่สำหรับหลินซวงเอ๋อร์ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย นางจึงเมินเฉยฝ่ายนั้นอย่างสมบูรณ์ ฟางถิงถิงย่อกายให้กับรัชทายาท แต่กับหลินซวงเอ๋อร์ นางเมินหน้าหนี หลินซวงเอ๋อร์เห็นอย่างนั้นก็เขย่าแขนรัชทายาท ทั้งยังส่งสายตาแง่งอน รัชทายาทเข้าใจความหมายจึงหันไปกล่าวตำหนิฟางถิงถิง “พระชายาฟาง หยางอ๋องคงตามใจเจ้าจนทำให้ลืมฐานะของตนไปแล้วหรืออย่างไร ถึงได้ไม่ให้ความเคารพคนของข้า” ฟางถิงถิงย่อมเข้าใจคำพูดนั้น รัชทายาทต้องการให้นางมอบความเคารพหลินซวงเอ๋อร์ เพราะยิ่งเข้าใจ ฟางถิงถิงจึงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ นางแสร้งมอ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 37

    บทที่ 37ใครกล้าแตะต้องนาง...ตาย! (1) แสงอรุณส่องผ่านหน้าต่างฉลุลายอันประณีต แสงสว่างนั้นปลุกฟางถิงถิงให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางอาการปวดระบม มือน้อยนวดเฟ้นเอวและสะโพกของตนป้อยๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนข้างกายที่ยังหลับสนิท เซียวอวิ้นหยางมีรูปร่างสูงใหญ่ ด้วยเพราะเป็นอ๋องนักรบ ถึงได้มีกล้ามเนื้อบึกบึนสมส่วน ส่วนฟางถิงถิงรูปร่างบอบบาง เทียบกันแล้ว นางไม่ต่างจากกระต่ายตัวน้อยที่ถูกราชสีห์รังแก แรกเริ่มแม้เขาจะทำอย่างอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป แต่เมื่ออารมณ์ปะทุถึงขีดสุด ความอ่อนโยนนั้นเปลี่ยนเป็นโจนจ้วง นางเองก็สุขสมจนสติหลุด ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า พอคิดถึงเรื่องน่าอายนั้น หัวใจเจ้ากรรมก็สั่นสะท้านขึ้นมา ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผ่าว ถึงอย่างนั้นนางกลับพลิกตัวนอนตะแคงโดยหันหน้าไปทางเซียวอวิ้นหยาง จ้องใบหน้าเขาคล้ายต้องการเก็บทุกรายละเอียด ยามที่ถูกเขาจับจ้อง ดวงตาคมคู่นี้ช่างลึกล้ำและเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนา เพียงแค่ถูกจ้องมองนาง ร่างกายของนางก็เหมือนถูกสะกด ระหว่างคิด ฟางถิงถิงลูบมือบนเปลือ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 36

    บทที่ 36คืนเข้าหอมีค่าดั่งทองพันชั่ง เมื่อเทียนทุกเล่มดับลงภายในห้องหอก็ตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างฉลุลายประณีต ท่ามกลางความมืดสลัวนั้น ฟางถิงถิงได้ยินเสียงลมหายใจของเซียวอวิ้นหยางที่หนักหน่วงขึ้น ชัดเจนขึ้น มิหนำซ้ำทรวงอกของเขายังขยับขึ้นๆ ลงๆ ราวกับกำลังพยายามข่มกลั้นความปรารถนา หญิงสาวยื่นมือแตะแผงอกร้อนผ่าวของหยางอ๋อง พูดเสียงอ่อนเสียงหวานคล้ายกำลังวอนขอ “ท่านอ๋อง” ทันใดนั้น... ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำ ริมฝีปากบางบดขยี้กลีบปากเนียนนุ่ม แล้วร่างของนางก็สั่นระริก เสียงครางหวานๆ ดังอยู่ในลำคอ “อ...อือ...” เซียวอวิ้นหยางระดมจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแค่ถูกจูบ ฟางถิงถิงก็แทบจะเสียอาการ ร่างแบบบางสะท้านไม่หยุด ...อยากได้มากกว่านี้ หญิงสาวปรือตารับจูบเร่าร้อนอย่างเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากเนียนนุ่มเผยอเปิดเล็กน้อย ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้นปลายลิ้นร้อนก็ดุนดันเข้ามาในโพลงปาก อ๋องหนุ่มกระหวัดลิ้นพัวพันกับลิ้นของฟางถิงถิง ระหว่างจูบมือหนาค่อยๆ ปลดชุดกลางสีขาวขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status