หลังจากที่ปกรณ์เริ่มแสดงความกังวลและตัดสินใจที่จะออกตามหาขวัญอุษาคุณหญิงธัญญาก็เริ่มคิดมากขึ้นเกี่ยวกับหญิงสาวและสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอ แม้คุณหญิงจะไม่พูดอะไรมากกับลูกชาย แต่เธอรู้ดีว่าขวัญอุษาอาจกำลังเผชิญกับเรื่องใหญ่ที่ปกรณ์ไม่รู้ ความรู้สึกห่วงใยและความรักที่คุณหญิงมีต่อขวัญอุษา ทำให้เธอตัดสินใจที่จะสืบหาหญิงสาวด้วยตัวเอง แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ปกรณ์รู้ เพราะเธอไม่อยากให้ลูกชายต้องกังวลหรือหุนหันพลันแล่นเกินไป คุณหญิงเริ่มแผนการสืบหาขวัญอุษาอย่างเงียบ ๆ เธอใช้คนที่เธอไว้ใจได้ในการตามหาหญิงสาว โดยให้คนของเธอตามร่องรอยจากบ้านเก่า และตรวจสอบว่าพ่อของขวัญอุษาย้ายไปอยู่ที่ไหนหลังจากหนีไป “คุณหญิงครับ ผมได้ข่าวว่าคุณขวัญย้ายไปอยู่เชียงราย” คนของคุณหญิงรายงานเมื่อหนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มสืบหา “เธอไปอยู่กับพ่อของเธอที่สวนผลไม้ในเขตอำเภอแม่ลาวครับ” คุณหญิงที่ได้ยินข่าวนั้นถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง เชียงรายอยู่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ มาก การที่ขวัญอุษาเลือกไปอยู่ที่นั่นทำให้คุณหญิงเข้าใจว่าหญิงสาวต้องการหลีกหนีจากชีวิตเดิมจริง ๆ “เธอเป็นยังไงบ้าง” คุณหญิงถามด้วยความห่วงใย “เธอดูแลตัวเองดีค
หลังจากที่ขวัญอุษาย้ายมาอยู่ที่เชียงรายและตั้งหลักชีวิตใหม่ในสวนผลไม้ที่เธอกับพ่อซื้อไว้ ชีวิตของเธอเริ่มดีขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่เพียงแต่เธอจะดูแลตัวเองในช่วงตั้งครรภ์ได้ดี แต่รายได้จากการทำงานออนไลน์และการแปลเอกสารก็เพิ่มมากขึ้นอย่างที่เธอคาดไม่ถึง นอกจากงานออนไลน์ที่เธอทำเป็นหลัก ขวัญอุษาและพ่อยังได้เริ่มต้นทำสวนผลไม้เต็มรูปแบบ ผลไม้ในสวนของนายสาธิตก็เริ่มเติบโตและให้ผลผลิตมากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง ส้ม และลำไย ที่พวกเขาปลูกไว้เพื่อขาย ขวัญอุษาใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้การตลาดออนไลน์เพิ่มเติม เพื่อช่วยขายผลผลิตจากสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวันขวัญอุษามักจะสลับเวลาในการทำงานทั้งงานแปลเอกสารและดูแลสวนผลไม้ เธอเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นทั้งด้านการจัดการและการสร้างรายได้จากงานหลายช่องทาง นอกจากนี้เธอยังเปิดช่องทางการตลาดออนไลน์สำหรับการขายผลผลิตในสวนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งทำให้เธอสามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น “ลูกค้าเริ่มสั่งซื้อมากขึ้นทุกวัน” ขวัญอุษาบอกกับพ่ออย่างตื่นเต้น ขณะนั่งดูการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน “โชคดีที่เราได้ผลผลิตดีปีนี้ พ่อไม่ต้องกังวลเรื่องการขายเลย”
หลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณหญิงธัญญา ปกรณ์คิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาป่วยอาจจะเป็นไปได้ว่าขวัญอุษาอาจจะท้องลูกของเขา เขารู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้นถ้าสิ่งที่เขาคิดมันเป็นความจริงเขาจะดีใจมาก ปกรณ์ตัดสินใจที่จะออกตามหาขวัญอุษาให้เจอ และที่แรกที่เขาคิดได้ก็คือบ้านเดิมของเธอที่เขาเคยให้นักสืบไปสืบมาตั้งแต่เขากลับมาอยู่เมืองไทยปกรณ์รีบเตรียมตัวออกเดินทางไปยังบ้านเก่าของขวัญอุษาที่เคยอยู่กับพ่อ แม้เขาจะไม่คุ้นเคยกับสถานที่นั้นมากนัก แต่ความมุ่งมั่นที่จะตามหาหญิงสาวให้เจอทำให้เขาไม่ลังเลที่จะออกไปหาเธอเมื่อปกรณ์ขับรถมาถึงบ้านหลังเล็ก ๆตามที่อยู่ที่เขาเคยได้มา เขารู้สึกถึงความเงียบสงัดที่รายล้อมบ้านไว้ แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือบ้านดูรกร้างเหมือนไม่มีใครอยู่เป็นเวลานาน หน้าต่างปิดสนิท รั้วที่ควรมีคนดูแลก็เริ่มเก่าโทรม และดูเหมือนว่าทางเดินเข้าบ้านก็ไม่ได้ถูกใช้งานบ่อยนักปกรณ์ลงจากรถและเดินไปที่รั้วประตูบ้าน เขาชะโงกหน้ามองหาคนภายในรั้วบ้าน พร้อมกับเรียกชื่อของเธอ“ขวัญ ขวัญอยู่ไหม ขวัญอยู่ไหม”เสียงของเขาก้องอยู่ในความเงียบ ไม่มีการตอบกลับ ไม่มีเสียงใด ๆ จากในบ้าน ปกรณ์รู้สึกถึง
เช้าวันนี้ปกรณ์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน แม้จะพยายามลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปทำงาน แต่ทุกครั้งที่พยายามเคลื่อนไหว เขาก็รู้สึกเหมือนจะเวียนศีรษะจนต้องล้มลงนอนบนเตียงใหม่อีกรอบ นอนพักสักครู่อาการเวียนศีรษะก็ดีขึ้น แต่เขารู้สึกอ่อนเพลียจนแทบจะยืนไม่ไหวเมื่อเดินไปถึงโต๊ะอาหาร ปกรณ์พยายามจะทานอาหารเช้าตามปกติ แต่เพียงแค่กลิ่นอาหารก็ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ทันที เขาวางช้อนลงและก้มหน้าลงก่อนจะรีบวิ่งไปโก่งคออาเจียนในห้องน้ำ คุณหญิงธัญญานั่งสังเกตเห็นอาการของลูกชายที่ดูแปลกไป เธอรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง “ตากรณ์ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดแบบนี้” คุณหญิงถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล ปกรณ์ยกมือขึ้นปิดปากขณะที่พยายามพูด “ผม ไม่รู้เหมือนกันแม่ ผมรู้สึกคลื่นไส้และเวียนหัว ทานอะไรไม่ได้เลย” คุณหญิงพยายามจับหน้าผากของลูกชายเพื่อวัดอุณหภูมิ “ลูกดูแย่มาก เราไปโรงพยาบาลกันดีกว่า” แม้ปกรณ์จะพยายามปฏิเสธในตอนแรก แต่ความไม่สบายใจของคุณหญิงและอาการที่ไม่ดีขึ้นทำให้เขาต้องยอมตามไปโรงพยาบาล ที่โรงพยาบาล คุณหญิงพาปกรณ์เข้าพบแพทย์อย่
หลังจากที่ขวัญอุษาหายไป ชีวิตประจำวันของปกรณ์เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แม้ว่าภายนอกเขายังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งการทำงานและการออกไปพบปะเพื่อนฝูง มีแต่ความเงียบเหงาก็ยังคงอยู่ในใจเขาในเวลาที่เขาว่างไม่เปลี่ยนปกรณ์นั่งมองโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่าของขวัญอุษา เขาเริ่มรู้สึกว่าตอนที่มีหญิงสาวมาช่วยงานของเขา เธอคอยจัดการงานต่าง ๆ ให้เขาอย่างราบรื่นเป็นระเบียบทำงานได้ง่ายขึ้น ผิดกับตอนนี้พอไม่มีขวัญอุษามาช่วย บนโต๊ะทำงานของปกรณ์ มีเอกสารกองเต็มไปหมด แต่เขาไม่มีสมาธิที่จะทำงานอย่างที่เคย เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่หายไป บางอย่างที่เขาไม่เคยรู้ว่ามันสำคัญมากขนาดไหนจนกระทั่งมันไม่อยู่หลังจากวันทำงานที่เหนื่อยล้า ปกรณ์กลับมาที่บ้าน บ้านที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อมีขวัญอุษาคอยจัดการดูแลเรื่องต่าง ๆ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบเหงาเหมือนกัน บ้านที่เคยมีเสียงพูดคุยของขวัญอุษากับคุณหญิงธัญญาหรือกับคนรับใช้คนอื่นอย่างสดใส ตอนนี้เหลือเพียงเสียงเงียบงันและความว่างเปล่า ทุกครั้งที่เดินเข้าบ้าน เขาหวังจะเห็นขวัญอุษาอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ทุกครั้งที่เขาเดินผ่านห้องของเธอ เขารู้สึกไ
หลังจากที่ปกรณ์ได้ค้นพบความจริงจากเอกสารการเงินของขวัญอุษาที่บันทึกไว้โดยคุณหญิงธัญญา ความสงสัยและความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจทำให้เขาไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ ความเข้าใจผิดที่เขามีต่อขวัญอุษามาตลอด เริ่มทำให้เขาอยากรู้ความจริงทั้งหมด หลังจากนั้นปกรณ์เดินตรงไปหาคุณหญิงที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เขารู้ว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องหาคำตอบทั้งหมดที่ยังคงค้างคาในใจ คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมองลูกชายเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหา ใบหน้าหล่อเหลาของปกรณ์ดูเศร้าอย่างที่ไม่สามารถปิดบังได้ “คุณแม่ครับ” ปกรณ์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่น “พอดีผมเจอเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินของขวัญ ที่คุณแม่บันทึกไว้ มันเป็นความจริงใช่ไหมครับ กับสิ่งที่ผมเพิ่งรู้ว่าเธอคืนเงินให้แม่ทุกบาททุกสตางค์ และเธอหาเงินเองทั้งหมด ผมไม่เคยรู้มาก่อน แม่ทำไมไม่เคยบอกผมเลย” คุณหญิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามนั้น เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบออกไป “ตากรณ์ แม่ไม่ได้ปิดบังอะไร แม่แค่คิดว่าไม่จำเป็นต้องบอก หนูขวัญตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ไม่ต้องลำบากใจ เธอไม่ต้องการให้ใครมาว่าเธอเอาทีหลังได้ว่าเธอมาเกาะแม่กิน” ปกรณ์จ้องมองแม่ของเขา