@เหตุการณ์เมื่อวาน...
วริษาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังปึงปังจากนอกตัวบ้านผ่านหน้าต่างเข้ามา หากทว่าเธอก็ยังมีกะจิตกะใจลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่สนจะออกไปดูที่มาของเสียงพวกนั้น เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
เสียงดังมาจากบ้านข้าง ๆ แม้กว่าจะลอยผ่านลมมาเข้าหูเธอได้ก็ต้องเดินทางผ่านอากาศ หากกระนั้นความเงียบสงบของบ้านหลังเล็ก ๆ ของเธอก็ทำให้พอจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายพวกนั้น
หญิงสาวกดมุมปากเป็นรูปสระอิเบา ๆ อย่างเย้ยหยัน ขึ้นชื่อว่าบ้านผู้ดีมีตระกูลแต่ใครจะรู้ดีไปกว่าคนวงใน ว่าความจริงแล้วสันดานเน่าเฟะกันแค่ไหน
แต่จนแล้วจนรอดคนที่เพิ่งใช้เวลาขัดสีฉวีวรรณตัวเองแล้วแช่น้ำอุ่นอยู่ราวชั่วโมงเศษก็ต้องขมวดหัวคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงปึงปังไม่หยุดหย่อน ล่าสุดมันดังอยู่ที่ประตูห้องเธอ
ปึง ๆ ๆ ๆ
“คุณฝน! คุณฝน! คุณหญิงให้มาตามค่ะ ได้ยินไหม!”
“ตายหรือยังเถอะ เรียกกันคอแทบแตก” เสียงตะโกนเรียกจากสาวใช้ที่ไม่ได้ต่างจากคำก่นด่ากลาย ๆ ตามด้วยคำถามที่ราวกับเป็นคำสาปแช่งดังขึ้นทำเอาวริษาต้องกระแทกลมหายใจ หากกระนั้นก็ยังต้องรีบแต่งตัวให้เสร็จอย่างไว
เสียงของหัวหน้าแม่บ้าน คนสนิทที่สุดของมารดาเธอไม่มีความเกรงอกเกรงใจกันเลยสักนิด แทบจะจิกหัวอยู่แล้ว หากกระนั้นวริษาก็เคยชิน ลงทุนมาเรียกถึงที่เองโดยไม่ส่งลูกน้องแม่บ้านคนอื่นมาแปลว่าคงมีเรื่องใหญ่
“เฮ้อ...” หญิงสาวพรูลมหายใจอึดอัด ไม่ทันได้ก้าวเท้าขวาออกจากบ้านก็งานเข้าแล้วน่ะสิ
เกิดเป็นวริษาแค่หายใจก็ผิดแล้ว
หญิงสาวรีบคว้าสูทสีครีมนวลสะอาดตามาสวมทับเสื้อแขนกุดแล้วหยิบกระเป๋าติดมือมาด้วยเลยทีเดียว โดยไม่ต้องกลับขึ้นมาเอาอะไรที่ห้องอีกก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวขาเรียวยาวออกไปดูสถานการณ์ เพื่อจะพบว่าเสียงปึงปังพวกนั้นมาจากบิดา
ส่วนนายหญิงของบ้านที่ได้ชื่อว่ามารดาเธอกลับนั่งกัดกรามกรอดแล้วกำหมัดแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าเนื้ออุ้งมือ ตอนนี้ท่านดูสงบกว่าใครแม้หางตาที่ตวัดมองมาทางเธอทันทีที่เดินเหยียบย่างเข้ามาในรัศมีสายตาจะเย็นยะเยือกขนาดไหน
ใบหน้าของท่านณรงค์หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ยับยู่ แววตาวาวโรจน์บ่งบอกถึงความเหลืออด โกรธ โมโห และหนักใจ ในขณะที่คุณหญิงศรีนางผู้เป็นภรรยากำลังโกรธจนไหล่สั่น
ในมือของท่านกำกระดาษแผ่นหนึ่งไว้แน่นคล้ายกำลังขยำมันจนยับไม่ต่างจากรอยย่นบนหน้าสามี
หากแม้จะโกรธสักเพียงไหนก็แทบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกจากปากของศรีนางอีก มีเพียงหยาดน้ำสีใสไหลเอ่อคลอสองข้างแก้มคล้ายว่ากำลังเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุดหลังได้อ่านข้อความในจดหมายที่ลูกสาวคนโตได้ทิ้งไว้ให้
...ฟ้าขอโทษนะคะที่ทำตามสัญญาไม่ได้ ฟ้ายังอยากใช้ชีวิต อยากเดินทาง อยากทำตามหัวใจ พ่อกับแม่เข้าใจฟ้านะ
รัก ^^...
“รักห่าอะไรกันล่ะ!” เสียงของณรงค์ที่ลอดผ่านไรฟันเกือบจะกลายเป็นเสียงคำราม มาพร้อมกับเสียงตบโต๊ะดังปัง!
ทำเรื่องแสบไว้แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ารัก
“เพราะคุณนั่นแหละ ให้ท้ายมันดีนักถึงได้กล้าสร้างเรื่องวุ่นวายขนาดนี้”
“คุณหยุดโทษฉันแล้วมาหาทางออกกันไม่ดีกว่ารึไง” คุณศรีนางสวนกลับเสียงกร้าว เจ็บใจจากลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจทำแสบไว้ไม่พอ ยังต้องมาเจอคนเป็นผัวด่าอีกต่างหาก ทั้งที่ก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้วริศราเสียนิสัย แต่ตอนนี้มันใช่เวลาที่จะมาโยนความผิดใส่กันที่ไหน
“จะเอาไงล่ะทีนี้” ณรงค์แทบจะทึ้งหัวตัวเอง แต่สิ่งที่ทำได้ดีกว่าทึ้งหัวคือการหยิบแจกันใกล้มือมาปาใส่ผนังบ้าง ปาลงพื้นบ้างเพื่อระบายโทสะ
“เกิดอะไรกันขึ้นเหรอคะ คุณพ่อ” วริษายืนลอบสังเกตสถานการณ์อยู่หลายนาทีกว่าจะได้เอ่ยออกไป เธอถามเสียงแผ่ว เรียบนิ่ง และระแวดระวังอย่างที่สุด หากทว่าก็ยังเจือความเป็นห่วงเป็นใย แต่คนเป็นแม่ที่ได้ฟังกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นสักนิด
คุณหญิงศรีนางตวัดหางตามามองยายลูกชังอีกครั้งแล้วก็ยิ่งขุ่นเคืองหนักกว่าเก่า ตรงกันข้ามกับท่านณรงค์ที่ดวงตาคู่คมเหี่ยวย่นกลับทอประกายขึ้นมาระยิบระยับ ราวกับได้เห็นแสงแห่งความหวังอยู่รำไรที่ปลายอุโมงค์
“ฝน มาพอดีเลย” ท่านณรงค์รีบจ้ำอ้าว ก้าวยาว ๆ ข้ามเศษซากปรักหักพังของเหล่าแจกันของสะสมราคาแพงที่ตนเองเป็นคนปามันลงไปกองที่พื้นเองกับมือ มุ่งตรงไปหาลูกสาวคนเล็กแล้วรวบสองแขนเรียวเสลาเอาไว้
แววตาดุคมมองเธออย่างอ่อนโยน แต่แทนที่วริษาจะยินดีเธอกลับเกิดความระแวงขึ้นมาทันใด
ไม่ดีแน่... ทุกครั้งที่ท่านมองเธอแบบนี้คือมีเรื่องที่ต้องการจากเธอ อยากให้เธอทำอะไรบางอย่างให้ ทว่าเรื่องที่ต้องทำมันไม่เคยเกิดประโยชน์ต่อเธอเลยสักครั้ง มักจะเป็นเรื่องที่ทำให้หนักใจมากกว่า และใช่... เธอเดาถูกเมื่อบิดาพูดต่อว่า
“พรุ่งนี้ลูกต้องหมั้นแทนพี่ฟ้านะ” ไม่ใช่คำบอกเล่าหรือคำขอร้องแต่อย่างใด แต่เป็นคำสั่ง!
@หลายปีต่อมา...“วันเกิดปีนี้ลูกสาวป๋าอยากได้อะไรคะ” ศิระกอดลูกสาวสุดที่รักไว้แนบอกแล้วหอมหน้าผากนวลอย่างทะนุถนอมรักใคร่ครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว ลูกสาวของตนกำลังโตเป้นสาวสะพรั่ง ยิ่งโตก็ยิ่งสวยมาก สวยจัดเหมือนแม่ สวยจนคนเป็นพ่อทั้งหวงทั้งห่วง ไม่อยากให้คลาดสายตาไปไหน“อืม... อยากได้เยอะแยะไปหมดเลยค่ะป๊ะป๋า” เซญ่ากอดเอวสอบของบิดา ออดอ้อนออเซาะเหมือนอย่างเคย เธอไม่เคยขาดอะไรเลยในชีวิตเพราะครอบครัวอบอุ่น กินดีมีสุข มีแต่คนรักคนคอยเอาใจและทุกคนพร้อมจะประเคนทุกอย่างให้แต่ก็นะ... ป๊ะป๋าถามแบบนี้ เด็กเอาแต่ใจอย่างเธอจะไม่อ้อนขอนั่นขอนี่เพิ่มก็กระไร“เอาอะไรว่ามา ป๋าเสกให้หนูได้ทุกอย่างเลย รู้ใช่ไหม” ศิระว่า ถึงจะเอาดาวเอาเดือน ป๊ะป๋าก็จะไปควานหาหินอุกกาบาตมาให้จนได้“นี่ ๆ อย่าเยอะ ทั้งคู่น่ะ” อิษยะที่เดินโอบไหล่วริษาเมียรักเข้ามา มืออีกข้างถือจานคุกกี้ของเมียมาวางไว้บนโต๊ะกลางก่อนจะรีบถลามาแยกศิระและเซญ่าออกจากกันจะปล่อยให้มันตามใจลูกจนเสียคนแบบนี้ไม่ได้“ลูกโตเป็นสาวแล้ว มากอดมาหอมแบบนี้ได้ไง” คนต่อว่าคนอื่นกลับคว้าลูกมากอดแนบอกแล้วจูบกลางกระหม่อมลูกสาวรัว ๆ เรียกเสียงหัวเราะของสาวน้อยเซญ่
“ไม่! เซจะอาบน้ำกับพี่คี!” เสียงเด็กหญิงโวยวายจนคนมีศักดิ์เป็นลุงอย่างชยินแทบจะกุมขมับ ไม่รู้จะจัดการอย่างไร“หนูเป็นผู้หญิงนะเซญ่า พี่คีเป็นผู้ชาย..” ชยินที่กำลังจะอธิบายให้หลานสาวตัวน้อยฟังใหม่อีกรอบก็ต้องชะงักเพราะเจ้าตัวเถียงทันควัน“หม่ามี้บอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายสิทธิเท่าเทียมกันนี่คะ” เซญ่ากอดอกเชิดหน้า น่ารักอยู่หรอก แต่บางทีก็น่าตีเป็นบ้า“เฮ้อ... กูจะบ้า!” ชยินกัดฟันข่มใจเวลาเซญ่าดื้อมาก ๆ บางทีก็อยากจะจับมาตีให้ก้นลาย แต่ติดตรงที่เขาเอ็นดูเด็กน้อยเอามาก ๆ อย่างกับลูกในไส้ และที่สำคัญคือเซญ่าเป็นคุณหนูแห่งตระกูลลีละวีระพันธุ์ เป็นยอดดวงใจของศิระและเป็นหลานรักของท่านสันต์ ใครจะมาแตะต้องมั่วซั่วไม่ได้ ขืนเผลอไปแตะให้เนื้อตัวเป็นรอยแดงแค่เสี้ยวปลายเล็บ เขาคงได้โดนจับโบกปูนถ่วงน้ำตายแหง ๆ“มีอะไรกันคะ” วริศราที่ได้ยินเสียงดังโวยวายจากในห้องน้ำก็รีบจ้ำอ้าวเข้ามาดู หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันทีที่มองพ่อของลูกกำลังยืนเท้าสะเอวแล้วพรูลมหายใจท่าทางแบบนี้คงเพราะจนปัญญา จัดการยัยหลานตัวแสบไม่ได้ล่ะสิท่าหึ! สมน้ำหน้า“เซญ่าอยากอาบน้ำกับผมฮะ แต่พ่อจัดการไม่ได้” คีรินที่ยืนรออาบน้ำอยู่ก็ตอ
เพราะนวัตกรรมและหัตถการความสวยความงามในปัจจุบันล้ำหน้าไปไกล ยิ่งทำงานไม่หนัก พักผ่อนเพียงพอ ที่สำคัญคือเมื่อมีความสุขหน้าตาผิวพรรณก็ยิ่งดูสดใส อ่อนกว่าวัย“เมียสวยเนอะ” อิษยะกระแทกไหล่ศิระที่ยืนเต๊ะท่า สองมือล้วงกระเป๋าเหมือนจะไม่สนใจโลกหรือสนใจใคร หากทว่านัยน์ตาสีถ่านกลับจ้องมองแต่วริษาไม่คลาดสายตาผู้หญิงสวยจัดที่อยู่ในชุดเจ้าสาวราคาแปดหลักกำลังเดินมาหยุดต่อหน้าพวกเขา ที่ยืนอยู่บนบัลลังก์ดอกไม้ แต่เธอช่างเลอค่าเหลือเกิน จนเขาคิดว่าชุดเจ้าสาวราคาแปดหลักก็ยังถูกเกินไป ไม่คู่ควรเลยสักนิดอยากจะหาเพชรที่มีค่าสูงที่สุดในโลกเอามาประโคมบนชุดเพื่อที่จะได้ทัดเทียมเท่า คู่ควรกับเจ้าสาวของเขา หากทำได้งานแต่งที่แสนเรียบง่าย ณ โรงแรมใหญ่ติดทะเล วิวแหลมพันวาอยู่ด้านหลัง เห็นผืนน้ำจรดฟ้าอย่างที่วริษาวาดฝันเธอมักจะฝันถึงงานแต่งงานที่อบอุ่น สวยงาม และเรียบง่ายพวกเขาทั้งสองก็พร้อมที่จะเนรมิตให้ ส่วนเรื่องอลังการให้ไปอยู่ที่ค่าใช้จ่าย สองหนุ่มแค่ปิดโซนหนึ่งของโรงแรมมาจัดเลี้ยงเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนเท่านั้นแขกก็มีเพียงเพื่อนสนิท พันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญ และญาติ ๆ เท่านั้น แต่ที่ว่ามาก็ปาไปเกือบร้อย
เจ้าสาวแสนสวยใช้ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไปตามข้อความแต่ละบรรทัด สลับกับภาพถ่าย หากฉับพลันก็มีเสียงเรียกขานจากทีมงานออแกไนซ์ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตนะคะเจ้าสาว อีก 10 นาทีจะถึงเวลาแล้วค่ะ”“หน้าเลอะหมดแล้ว” เสียงของอบอุ่นสั่นเครือเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนรัก นัยน์ตาคู่สวยที่แม้จะมีน้ำตา หากทว่าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นจากใจหญิงสาวรับกระดาษทิชชูจากคิมหันต์มาช่วยซับตรงปลายหางตาและหัวตาของว่าที่เจ้าสาวอย่างรู้งาน กันไม่ให้หน้าตาสะสวยเลอะเปรอะเปื้อนมาสคาร่า“เดี๋ยวก็เป็นหมีแพนต้าออกไปหรอก” คิมหันต์แซวแล้วก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อวริษายกมือฟาดอกเข้าให้“เพราะแกนั่นแหละ เอามาให้พี่ตอนนี้ทำไมก็ไม่รู้” สู้ให้ตอนจบงานเสียยังจะดีกว่า รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องของมารดาผู้ให้กำเนิดนั้นมีอิทธิพลต่อวริษาแค่ไหนตั้งแต่เธอได้เป็นแม่คนก็ยิ่งเข้าใจว่ามารดารักเธอแค่ไหน ท่านต้องเสียสละอะไรบ้างในการมีชีวิตหนึ่งออกมา และท่านต้องทรมานแสนสาหัสในการที่ต้องโดนพรากลูกจากอกอย่างไรเธอรับรู้และเข้าใจแม้กระทั่งความเอื้ออารีจากคุณหญิงศรีนาง ผู้ที่เธอเคยคิดว่าร้ายกาจ หากท่านไม่มีความเอ็นดูอยู่บ้างก็คงปล่อยให้เธ
ร่างระหงในชุดแต่งงานสีขาวยืนมองตัวเองผ่านกระจกเงาด้วยแววตาเป็นประกายสุกใส เธอในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อหลายปีก่อนเหลือเกินบนใบหน้ามีแต่ประกายความอิ่มเอิบ ความสุขที่เอ่อล้นจนกลายเป็นแสงออร่าส่องผ่านม่านดวงตา ใบหน้า และรอยยิ้มทุกขณะ แทบจะทะลุออกมาผ่านทุกอณูเนื้ออยู่แล้วหากเป็นไปได้“สวยจังครับ” เสียงทุ้มแผ่วพร่าวริษาละสายตาจากกระจกเงาหันไปมองชายหนุ่มผู้ที่จ้องเธอจากด้านหลังด้วยนัยน์ตาคมเป็นประกายหนึ่งในผู้ชายอีกคนในชีวิต ที่นับวันเธอก็ยิ่งรักยิ่งผูกพัน จนบางครั้งสองผัวก็หึงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล“ใช่ม้า! พี่ก็ว่างั้นแหละ” วริษาหันกลับมาสบตาแล้วก็ยิ้มจนตาหยีให้น้องชาย เสียงหวานหยอกล้อ“แหม ไม่ปฏิเสธเลย? หึหึ” คิมหันต์ส่ายหน้าระอาใจกับคนหลงตัวเอง หากก็ไม่เถียงหรอก เพราะวริษาสวยสง่าออร่าจริง ๆเขาเอ่ยชมพี่สาวต่างบิดาด้วยความจริงใจ ใบหน้าของวริษาราวกับกำลังมีเงาของมารดาทาบทับอยู่บนนั้น นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของท่านนานเหลือเกิน... แต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำเชื่อว่า ณ ตอนนี้มารดาคงกำลังมองพี่สาวของเขาที่กำลังมีความสุข ยิ้มมองลงมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มพอ ๆ กันกับวริษาตอนนี้ ณ ที
“งื้อ! ไม่ได้สิคะ อ๊ะ!” วริษาที่สถาปนาตัวเองเป็นสาววายมือสมัครเล่นไม่ทันได้เก็บเกี่ยวภาพความทรงจำนั้นเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่กะพริบตา จะร้องท้วงแต่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นกรี๊ดลั่นเมื่อร่างสวยโดนศิระคว้าหมับเข้าให้“มานี่เลยยายตัวแสบ” เขาอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มแตงแต่หันหลังให้เขา หันหน้าเธอไปหาอิษยะหญิงสาวผวาเฮือก ไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำคนตรงหน้าก็ย่อตัวลงนั่งในระดับที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายสามารถทักทายกับกลีบกายสาวได้แบบพอดิบพอดี นิ้วหยาบยาวลูบสำรวจสองกลีบอวบอูมแล้วแยกออกจากกันเพื่อที่เรียวลิ้นร้อนจะสามารถปาดเลียร่องรักของเธอได้ถนัด อิษยะรัวเรียวลิ้นซ้ำ ๆ จนน้ำลายเหนียวเหนอะเปรอะเปื้อนปะปนกับหยาดน้ำรักสีใสที่รินไหล“ฮื้อ! พวกพี่ขี้โกง อ๊า!” วริษาอยากจะทักท้วงเหลือเกินแต่กระนั้นก็ทำได้เพียงร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษาเพราะอิษยะสอดนิ้วกลางเข้าสำรวจภายในโพรงกำมะหยี่คับแน่น“อ่า... แน่นจังเลยครับ” ครั้งแรกที่ได้รุกล้ำเธอหลังจากทำรีแพร์มา เมียเขาแน่นมาก ตอดตุบ ๆ จนนิ้วเดียวยังยากขยับ แล้วแบบนี้เขาจะยัดท่อนลำเข้าไปได้อย่างไร “ดะ เดี๋ยว ๆ อื้อ!” สองเรียวขาโดนจับถ่างอ้า สอดสองแขนกำยำช้อนไว้ใต้ข้อพับข