กุญแจบ้านที่คิณณ์คืนให้ยังคงอยู่ในมือของอิงฟ้า เอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไร้ดอกเบี้ยก็วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของคิณณ์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความหวังผุดขึ้นในห้วงความคิด เธอใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนเกี่ยวกับคำพูดของเขา ทุกคำพูดของเขา แม้จะเริ่มต้นจากความลับและการปิดบัง แต่ก็ดูเหมือนจะซ่อนความปรารถนาดีและความรู้สึกที่จริงใจเอาไว้
"หนูจะลองดูค่ะแม่" อิงฟ้าพูดกับแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารเช้า "หนูจะลองให้โอกาสคุณคิณณ์" แม่มองหน้าอิงฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและกังวลในคราวเดียวกัน "อิงฟ้ามั่นใจแล้วเหรอลูก?" "หนูไม่รู้ว่าหนูมั่นใจแค่ไหนค่ะแม่" อิงฟ้าสารภาพ "แต่หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราจริงๆ แล้วหนูก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากหนูจริงๆ" พ่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอนะ" พ่อพูดพลางตบไหล่ลูกสาวเบาๆ "แต่ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด ลูกต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราจะช่วยกันหาทางออก" "ค่ะพ่อ" อิงฟ้ายิ้มให้กับพ่อและแม่ คำพูดของท่านทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้น เมื่อมาถึงบริษัท อิงฟ้าเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยหัวใจที่เต้นรัว เธอเคาะประตู และเมื่อได้รับอนุญาต เธอจึงก้าวเข้าไป คิณณ์เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ ใบหน้าของเขาดูประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเธอมาหาตั้งแต่เช้า "คุณอิงฟ้า มีอะไรหรือเปล่าครับ" คิณณ์ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน อิงฟ้ายื่นเอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้คืนให้เขา "ดิฉัน... ดิฉันตกลงค่ะ" คิณณ์มองเอกสารในมือของเธอ สลับกับมองใบหน้าของอิงฟ้า แววตาของเขาปรากฏแววดีใจอย่างเห็นได้ชัด "คุณตัดสินใจแล้วเหรอครับ" คิณณ์ถามย้ำ เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง "ค่ะ ดิฉันจะลองเปิดใจให้ท่านประธานได้พิสูจน์ตัวเอง" อิงฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงขึ้น "แต่ดิฉันขอเรียนให้ท่านประธานทราบว่า ดิฉันยังไม่ลืมเรื่องที่ท่านประธานปิดบังดิฉัน และดิฉันก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของท่านประธานทั้งหมด" คิณณ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าอิงฟ้า ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอด้วยความจริงใจ "ผมเข้าใจครับคุณอิงฟ้า และผมจะทำให้คุณเชื่อใจผมให้ได้" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ เขาเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้แน่น "ขอบคุณนะครับ ที่ให้โอกาสผม" อิงฟ้ารู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในมือของเธอ เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ราวกับปลดปล่อยความกังวลบางอย่างออกไป "แล้วเรื่องสัญญา... ท่านประธานจะให้ดิฉันเริ่มผ่อนชำระเมื่อไหร่คะ" อิงฟ้าถาม คิณณ์ยิ้มบางๆ "คุณยังไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นในตอนนี้หรอกครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณได้บ้านของคุณคืนแล้ว และคุณก็ปลอดภัยจากพวกแก๊งเงินกู้นอกระบบแล้ว" เขาหยุดไปครู่หนึ่ง "จากนี้ไป ผมอยากให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินอีกต่อไป" "แล้วท่านประธานจะให้ดิฉันเชื่อใจท่านประธานได้ยังไงคะ ในเมื่อท่านประธานเคยปิดบังดิฉันมาแล้ว" อิงฟ้าถามตรงๆ คิณณ์สบตาอิงฟ้าอย่างจริงจัง "ผมรู้ว่าการสร้างความเชื่อใจมันต้องใช้เวลา" เขาเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา "ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นด้วยการกระทำของผม" "การกระทำแบบไหนคะ" อิงฟ้าถาม "ผมจะเริ่มต้นด้วยการแนะนำคุณให้ครอบครัวของผมรู้จัก" คิณณ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "และผมจะให้คุณได้รู้จักครอบครัวของผมเช่นกัน" คำพูดของคิณณ์ทำให้อิงฟ้าตกใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ "ท่านประธาน... หมายความว่ายังไงคะ" อิงฟ้าถามเสียงสั่น "ผมอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม คุณอิงฟ้า" คิณณ์ตอบด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ "และผมอยากให้ครอบครัวของเราทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนี้" อิงฟ้าเงียบไป เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรดี การแนะนำให้ครอบครัวรู้จักกันมันหมายความว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังจะก้าวไปอีกขั้น และนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน "แล้ว... ครอบครัวของท่านประธานจะว่ายังไงคะ" อิงฟ้าถามด้วยความกังวล คิณณ์ยิ้มบางๆ "ครอบครัวของผมไม่ใช่คนหัวโบราณหรอกครับ พวกท่านเป็นคนใจกว้าง และพร้อมที่จะทำความรู้จักกับคนที่ผมรัก" คำว่า "คนที่ผมรัก" ทำให้อิงฟ้าหน้าแดงก่ำไปหมด "แล้วครอบครัวของดิฉันล่ะคะ" อิงฟ้าถาม "ผมจะไปแนะนำตัวเองกับครอบครัวของคุณด้วยครับ" คิณณ์ตอบ "และผมจะอธิบายทุกอย่างให้พวกท่านฟังด้วยตัวเอง" อิงฟ้ารู้สึกประหลาดใจกับความเด็ดขาดของคิณณ์ เขาไม่ได้เพียงแค่พูด แต่เขากำลังลงมือทำทันที "ท่านประธาน... ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ" อิงฟ้าพูดอย่างเกรงใจ "ไม่ลำบากหรอกครับ" คิณณ์ตอบ "ผมอยากให้ครอบครัวของคุณมั่นใจว่าผมจะดูแลคุณเป็นอย่างดี" หลังจากนั้นไม่กี่วัน คิณณ์ก็ทำตามที่พูดจริงๆ เขาพาอิงฟ้าไปพบกับครอบครัวของเขาในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูริมทะเล พ่อแม่ของคิณณ์เป็นคนใจดีและอบอุ่นกว่าที่เธอคิดไว้มาก พวกท่านให้การต้อนรับอิงฟ้าเป็นอย่างดี และดูเหมือนจะชื่นชอบอิงฟ้าไม่น้อย ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจขึ้นมาก "คุณคิณณ์เล่าเรื่องหนี้สินของคุณให้เราฟังหมดแล้วนะหนูอิงฟ้า" คุณหญิงแม่ของคิณณ์พูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น "ไม่ต้องกังวลไปนะลูก เราจะถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ทำให้หนูได้รู้จักคุณคิณณ์มากขึ้น" "คุณคิณณ์เขาเป็นคนดีนะลูก เขารักใครรักจริง" ท่านประธานพ่อของคิณณ์เสริม "ถ้าหนูเปิดใจให้เขา ลูกชายพ่อก็จะดูแลหนูอย่างดีที่สุด" คำพูดของครอบครัวคิณณ์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา และยิ่งทำให้เธอเชื่อมั่นในความจริงใจของคิณณ์มากขึ้น หลังจากนั้น คิณณ์ก็พาอิงฟ้าไปที่บ้านของเธอ เพื่อแนะนำตัวเองกับพ่อแม่ของอิงฟ้า บรรยากาศตอนแรกค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิณณ์เริ่มต้นอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดให้พ่อกับแม่ของอิงฟ้าฟัง "ผมขอโทษนะครับคุณพ่อคุณแม่ ที่ไม่ได้บอกความจริงเรื่องการรับจำนองบ้านของน้องอิงฟ้าตั้งแต่แรก" คิณณ์พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและสุภาพ "ผมมีเหตุผลของผม และผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน้องอิงฟ้าเลยแม้แต่น้อย" คิณณ์ใช้เวลาอธิบายทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องที่เขาตั้งบริษัทสินทรัพย์พรรณรายขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ติดหนี้นอกระบบ การที่เขาบังเอิญไปเจอเคสของอิงฟ้า และเหตุผลที่เขาเลือกที่จะปิดบังความจริงในตอนแรก เพราะกลัวว่าอิงฟ้าจะเข้าใจผิดและไม่ยอมรับความช่วยเหลือ พ่อกับแม่ของอิงฟ้านั่งฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปตามคำอธิบายของคิณณ์ จากความกังวลเป็นความเข้าใจ และสุดท้ายก็กลายเป็นความโล่งอก "พ่อไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนดีๆ แบบคุณคิณณ์อยู่ในโลกนี้" พ่อของอิงฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ "ขอบคุณมากนะครับคุณคิณณ์ ที่ช่วยชีวิตครอบครัวของเราไว้" "ผมไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนอะไรหรอกครับคุณพ่อ" คิณณ์ตอบ "ผมแค่ต้องการให้น้องอิงฟ้ามีความสุข" เขาหันไปสบตาอิงฟ้า "และผมก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าผมจะดูแลน้องอิงฟ้าให้ดีที่สุด" คำพูดของคิณณ์ทำให้พ่อแม่ของอิงฟ้าซาบซึ้งใจ และในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับในตัวคิณณ์ หลังจากผ่านเรื่องราวทั้งหมด อิงฟ้าก็ค่อยๆ เปิดใจให้กับคิณณ์มากขึ้น เธอได้เห็นมุมมองที่แตกต่างของเขา ไม่ใช่แค่เจ้านายผู้เย็นชา แต่เป็นผู้ชายที่มีความจริงใจ อบอุ่น และใส่ใจ เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะเชื่อใจเขา และความรู้สึกดีๆ ที่เคยเป็นแค่ประกายเล็กๆ ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นในหัวใจของเธอ วันหนึ่ง คิณณ์พาอิงฟ้าไปทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติก "คุณอิงฟ้า... ตอนนี้คุณเชื่อใจผมมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ" คิณณ์ถามด้วยรอยยิ้มอบอุ่น อิงฟ้าพยักหน้าเล็กน้อย "ค่ะท่านประธาน... ดิฉันเริ่มจะเชื่อใจท่านประธานแล้ว" "เรียกผมว่าคิณณ์เฉยๆ เถอะครับ" คิณณ์พูดพลางจับมือของเธอไว้บนโต๊ะ "เราไม่ได้เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องแล้วนะ" อิงฟ้ายิ้มบางๆ "ค่ะ... คุณคิณณ์" "แล้ว... คุณรู้สึกยังไงกับผมบ้างครับ" คิณณ์ถาม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง อิงฟ้าเงียบไป เธอรู้สึกเขินอาย แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะเปิดใจแล้ว เธอก็จะไม่ลังเลอีกต่อไป "ดิฉัน... ดิฉันก็รู้สึกดีกับคุณคิณณ์ค่ะ" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอแดงก่ำ "อาจจะยังไม่เท่าคุณคิณณ์ แต่ดิฉันจะพยายามเรียนรู้และทำความรู้จักคุณคิณณ์ให้มากขึ้นค่ะ" คิณณ์ยิ้มกว้าง เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น "แค่นี้ก็พอแล้วครับคุณอิงฟ้า" คิณณ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข "ผมจะรอวันที่คุณเปิดใจรับผมเข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่" ค่ำคืนนั้น อิงฟ้ากลับบ้านด้วยหัวใจที่พองโต เธอรู้ว่าเส้นทางความรักของเธอกับคิณณ์อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และยังคงมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องเผชิญ แต่เธอก็พร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้ากับเขาแล้ว เพราะในที่สุด เธอก็ได้ค้นพบแล้วว่า ภายใต้เงาของหนี้สินที่เคยมืดมิด มีความรักที่แท้จริงซ่อนอยู่ และเธอก็พร้อมที่จะเปิดใจรับมันเข้ามาในชีวิตหลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างอิงฟ้ากับคิณณ์ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างมั่นคงและลึกซึ้ง อิงฟ้าได้เห็นคิณณ์ในมุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่แค่เจ้านายผู้เย็นชา แต่เป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เขามักจะสังเกตเห็นเมื่อเธอเหนื่อยล้า และหาทางมาทำให้เธอผ่อนคลายอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกาแฟแก้วโปรดมาให้ หรือแค่เดินผ่านมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ใจเธอสั่นไหวส่วนคิณณ์เองก็ตกหลุมรักอิงฟ้ามากขึ้นทุกวัน เขารู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็ง ความอดทน และความสดใสที่เธอมี แม้จะเผชิญกับปัญหามากมายเพียงใด เธอก็ยังคงยิ้มและเดินหน้าต่อไปได้เสมอ เขามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอดชีวิตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่ความลับในที่ทำงานอีกต่อไป แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำของคิณณ์ที่แสดงออกถึงความใส่ใจต่ออิงฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ก็ทำให้เพื่อนร่วมงานต่างเข้าใจตรงกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปไกลกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง"พี่อิงฟ้าคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะเนี่ย ท่านประธานดูรักพี่อิงฟ้าจะแย่แล้วนะ" น้องเมย์แซวพลางยิ้มกว้
กุญแจบ้านที่คิณณ์คืนให้ยังคงอยู่ในมือของอิงฟ้า เอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไร้ดอกเบี้ยก็วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของคิณณ์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความหวังผุดขึ้นในห้วงความคิด เธอใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนเกี่ยวกับคำพูดของเขา ทุกคำพูดของเขา แม้จะเริ่มต้นจากความลับและการปิดบัง แต่ก็ดูเหมือนจะซ่อนความปรารถนาดีและความรู้สึกที่จริงใจเอาไว้"หนูจะลองดูค่ะแม่" อิงฟ้าพูดกับแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารเช้า "หนูจะลองให้โอกาสคุณคิณณ์"แม่มองหน้าอิงฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและกังวลในคราวเดียวกัน "อิงฟ้ามั่นใจแล้วเหรอลูก?""หนูไม่รู้ว่าหนูมั่นใจแค่ไหนค่ะแม่" อิงฟ้าสารภาพ "แต่หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราจริงๆ แล้วหนูก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากหนูจริงๆ"พ่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอนะ" พ่อพูดพลางตบไหล่ลูกสาวเบาๆ "แต่ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด ลูกต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราจะช่วยกันหาทางออก""ค่ะพ่อ" อิงฟ้ายิ้มให้กับพ่อและแม่ คำพูดของท่านทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นเมื่อมาถึงบริษัท อิงฟ้าเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยหัวใจที่เ
กุญแจบ้านในมือของอิงฟ้าเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟในใจของเธอ คำสารภาพรักและการเสนอจะยกเลิกสัญญาจำนองของคิณณ์ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทั้งเป็นความหวังที่ริบหรี่และกับดักที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอต้องการเวลาเพื่อลำดับความคิดและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการตลอดทางเดินกลับบ้าน ภาพของคิณณ์ปรากฏขึ้นในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในมุมของนักธุรกิจที่เย็นชา เจ้าระเบียบ นายทุนลึกลับ และผู้ชายที่คุกเข่าสารภาพรักอย่างจริงจัง เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหน? หรือนี่เป็นเพียงกลลวงอันแยบยลของนักธุรกิจที่ช่ำชอง?เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล"เป็นยังไงบ้างอิงฟ้า? คุณคิณณ์ว่ายังไงบ้าง?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนอิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋าและวางลงบนฝ่ามือของแม่"เขา... เขายกเลิกสัญญาจำนองแล้วค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจและไม่เชื่อหู"จริงเหรออิงฟ้า! ยกเลิกจริงเหรอ! แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา!" พ่อถามเส
มือของคิณณ์ที่จับมือของอิงฟ้าไว้แน่นยังคงอุ่นซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย คำสารภาพที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" และการที่เขาเอากุญแจบ้านมาคืน มันทำให้โลกทั้งใบของอิงฟ้าหมุนคว้าง เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ระหว่างความโกรธที่ยังคงคุกรุ่น กับความรู้สึกประหลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ"ท่านประธาน... พูดอะไรคะ" อิงฟ้าถามเสียงสั่น ร่างกายยังคงแข็งทื่อคิณณ์กระชับมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความรู้สึกผิดที่ยากจะปิดซ่อน"ผมรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะเชื่อ" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ "แต่ผมพูดความจริงทุกอย่าง" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ผมขอเริ่มต้นอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหมครับ"อิงฟ้าเงียบไป เธอสับสนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ในตอนนี้ เธอแค่พยักหน้ารับช้าๆ คิณณ์จึงค่อยๆ ปล่อยมือของเธอออก และเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา พลางผายมือเชิญให้อิงฟ้าไปนั่งที่เก้าอี้รับรองฝั่งตรงข้าม"ผมเข้าใจว่าคุณคงรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวผมมาก" คิณณ์เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ "ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจ
คำสารภาพของ คิณณ์ ที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งโกรธที่ถูกหลอก เจ็บปวดที่โดนปิดบัง และประหลาดใจกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา สถานการณ์นี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจริงๆอิงฟ้ามองหน้าคิณณ์ ใบหน้าของเขาจริงจัง แต่แววตากลับฉายแววปรารถนาและอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"ท่านประธานกำลังพูดเรื่องอะไรคะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ท่านประธานเป็นเจ้าหนี้ของดิฉัน! ท่านประธานหลอกให้ดิฉันจำนองบ้านกับบริษัทของท่านประธานเอง! แล้วท่านประธานจะมาพูดว่าต้องการดิฉันได้ยังไงคะ!" อิงฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนโดนเล่นตลกกับชีวิตคิณณ์ยื่นมือออกไปราวกับจะแตะใบหน้าของเธอ แต่อิงฟ้าก็สะบัดหน้าหนีอย่างรวดเร็ว"ผมรู้ว่าผมทำผิดที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลยแม้แต่น้อย""ไม่ทำร้ายเหรอคะ! การที่ดิฉันต้องมานั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ กังวลเรื่องบ้านแทบตาย โดยที่ท่านปร
คำสารภาพของคิณณ์ที่ว่า "ผมคิดว่าผม... สนใจในตัวคุณ คุณอิงฟ้า" ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ สับสน และประหลาดใจ ยิ่งเขาบอกว่า "ผมคิดว่าคุณคือคนที่ผมตามหามาตลอด" ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดเข้าไปในโลกอีกใบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน"ท่านประธาน... คือ... ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ" อิงฟ้าตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรคิณณ์ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในตอนนี้หรอกครับ แค่รู้ไว้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบคุณ" เขาพูด พลางลดมือลงจากไหล่ของเธอ "และที่สำคัญ ผมหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะทำให้คุณมองผมในแง่ดีขึ้นบ้าง"อิงฟ้ายังคงยืนนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในเกมที่เธอไม่รู้จักกฎ คิณณ์เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา ราวกับว่าบทสนทนาอันแสนประหลาดเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องปกติทั่วไป"เอาล่ะ... กลับไปทำงานได้แล้ว" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดูมีนัยยะบางอย่างที่อิงฟ้าอ่านไม่ออกอิงฟ้าเด