กุญแจบ้านในมือของอิงฟ้าเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟในใจของเธอ คำสารภาพรักและการเสนอจะยกเลิกสัญญาจำนองของคิณณ์ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทั้งเป็นความหวังที่ริบหรี่และกับดักที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอต้องการเวลาเพื่อลำดับความคิดและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการ
ตลอดทางเดินกลับบ้าน ภาพของคิณณ์ปรากฏขึ้นในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในมุมของนักธุรกิจที่เย็นชา เจ้าระเบียบ นายทุนลึกลับ และผู้ชายที่คุกเข่าสารภาพรักอย่างจริงจัง เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหน? หรือนี่เป็นเพียงกลลวงอันแยบยลของนักธุรกิจที่ช่ำชอง? เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล "เป็นยังไงบ้างอิงฟ้า? คุณคิณณ์ว่ายังไงบ้าง?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน อิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋าและวางลงบนฝ่ามือของแม่ "เขา... เขายกเลิกสัญญาจำนองแล้วค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจและไม่เชื่อหู "จริงเหรออิงฟ้า! ยกเลิกจริงเหรอ! แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา!" พ่อถามเสียงสั่นด้วยความดีใจระคนไม่เข้าใจ "เขาบอกว่าไม่ต้องจ่ายค่ะพ่อ เขาบอกว่าเขา... เขาไม่ได้ต้องการบ้านของเรา" อิงฟ้าพูดติดๆ ขัดๆ "แล้วเขาต้องการอะไร?" แม่ถามอย่างสงสัย อิงฟ้าเงียบไปอีกครั้ง เธอไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ฟังอย่างไรดี เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังคงสับสน "เขา... เขามีเหตุผลของเขาค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเลี่ยงๆ "เขาแค่... อยากให้โอกาสเราได้เริ่มต้นใหม่" แม้จะยังคงสงสัย แต่ความโล่งอกที่บ้านไม่ต้องถูกจำนองอีกต่อไปก็ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกดีขึ้นมาก พวกเขากอดอิงฟ้าแน่นด้วยความรักและความซาบซึ้งใจ แต่ในใจของอิงฟ้ากลับยังคงเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไร้คำตอบ หลายวันต่อมา อิงฟ้ายังคงมาทำงานตามปกติ เธอพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด แต่ทุกครั้งที่สายตาของเธอไปสบกับคิณณ์ ไม่ว่าจะในห้องประชุม ทางเดิน หรือแม้แต่ตอนที่เขาเดินผ่านแผนกบัญชี หัวใจของเธอก็จะเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ คิณณ์เองก็ดูเหมือนจะพยายามเข้ามาพูดคุยกับเธอมากขึ้น แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างไว้อย่างเหมาะสม วันหนึ่ง คิณณ์เรียกอิงฟ้าเข้าไปพบในห้องทำงานของเขา "คุณอิงฟ้า มีอะไรจะปรึกษาผมไหมครับ" คิณณ์ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติ อิงฟ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถามในสิ่งที่ค้างคาใจเธอมาตลอด "ท่านประธานคะ... เรื่องที่ท่านประธานบอกว่า..." อิงฟ้าเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง "เรื่องที่ท่านประธานบอกว่า... ต้องการดิฉัน ท่านประธานหมายความว่ายังไงคะ" คิณณ์ยิ้มบางๆ เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ "ผมหมายความอย่างที่พูดทุกอย่างครับคุณอิงฟ้า" คิณณ์ตอบเสียงทุ้มต่ำ "ผมรู้ว่าการที่เรามาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้มันอาจจะดูแปลก แต่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" "แต่ทำไมต้องเป็นดิฉันคะ" อิงฟ้าถามอย่างไม่เข้าใจ "ท่านประธานเป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่โต มีผู้หญิงมากมายที่พร้อมจะอยู่ข้างๆ ท่านประธาน" คิณณ์ส่ายหน้าช้าๆ "ผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาเพราะเงินทอง หรือเพราะตำแหน่งของผม" เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่จริงใจ "ผมสนใจคุณอิงฟ้า เพราะคุณเป็นคุณ คุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง อดทน และมีความตั้งใจ ผมเห็นสิ่งเหล่านั้นในตัวคุณตั้งแต่แรกเห็น" "แต่ดิฉัน... ดิฉันยังคงสับสนค่ะท่านประธาน" อิงฟ้าสารภาพ "เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก และดิฉันไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อท่านประธานได้มากแค่ไหน" คิณณ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ "ผมรู้ครับ และผมจะให้เวลาคุณคิดทบทวนอย่างเต็มที่" เขาเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขา และหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมา "แต่ผมอยากให้คุณพิจารณาทางเลือกนี้ด้วย" เขาเลื่อนเอกสารฉบับหนึ่งมาตรงหน้าอิงฟ้า อิงฟ้ามองดูเอกสารและพบว่ามันคือสัญญาฉบับใหม่ "นี่คือสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้ฉบับใหม่ครับ" คิณณ์อธิบาย "แม้ว่าผมจะยกเลิกสัญญาจำนองบ้านของคุณแล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้คุณได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน" อิงฟ้าอ่านรายละเอียดในสัญญา มันเป็นสัญญาเงินกู้ระยะยาวที่ไม่มีดอกเบี้ย และสามารถผ่อนชำระได้ตามความสามารถของเธอ โดยมีเงื่อนไขเดียวคือเธอต้องยังคงทำงานที่บริษัทของเขาต่อไป "ทำไมท่านประธานถึงทำแบบนี้คะ" อิงฟ้าถามอย่างไม่เข้าใจ "เพราะผมอยากให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น และผมก็อยากให้คุณยังคงอยู่ใกล้ผม" คิณณ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง "นี่คือสิ่งที่ผมสามารถทำได้เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของผมที่มีต่อคุณ" อิงฟ้ามองหน้าคิณณ์อีกครั้ง ความรู้สึกของเธอตีกันมั่วไปหมด เขาเป็นคนดีจริงอย่างที่เขาพูด หรือเขากำลังใช้โอกาสนี้เพื่อควบคุมชีวิตของเธอต่อไป? "แล้วถ้าดิฉันไม่ตกลงล่ะคะ" อิงฟ้าถามอย่างกล้าหาญ คิณณ์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "ผมจะไม่บังคับคุณหรอกครับ คุณอิงฟ้า" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ผมจะยอมรับการตัดสินใจของคุณทุกอย่าง" เขาเดินเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง และจับมือของเธอขึ้นมาประสานไว้ในมือของเขา "แต่ผมขอให้คุณได้ลองเปิดใจให้ผมได้ไหมครับ" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา "ผมรู้ว่าผมทำผิดพลาดไปในตอนแรก แต่ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาสผมได้แก้ไขมัน" อิงฟ้ามองมือของคิณณ์ที่จับมือของเธอไว้แน่น หัวใจของเธอเต้นระรัว เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เธอควรจะเชื่อเขาดีไหม? หรือนี่เป็นเพียงแค่เกมอีกเกมหนึ่งที่เขากำลังเล่นกับเธอ? "ดิฉันไม่รู้ค่ะท่านประธาน" อิงฟ้าสารภาพ "ดิฉันยังต้องการเวลาค่ะ" คิณณ์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ "ได้ครับ ผมจะให้เวลาคุณคิด" เขายิ้มบางๆ "แต่ผมหวังว่าคุณจะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และหวังว่าสิ่งนั้น... จะมีผมอยู่ในนั้นด้วยนะครับ" อิงฟ้าเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ยังคงสับสน เธอต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับความช่วยเหลือและคำสารภาพรักจากคิณณ์ หรือจะเลือกที่จะปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างและเดินหน้าในเส้นทางของตัวเองโดยลำพัง เธอเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอ และมองไปที่เอกสารสัญญาฉบับใหม่ที่คิณณ์มอบให้ มันเป็นทางเลือกที่ยากลำบากจริงๆ เธอจะเลือกอะไร? จะเชื่อในความจริงใจของคิณณ์ และเปิดใจยอมรับเขาเข้ามาในชีวิต หรือจะเลือกที่จะเก็บความระแวงและเดินหน้าต่อไปด้วยตัวเอง? ทางเลือกที่หนึ่ง: ยอมรับความช่วยเหลือและเปิดใจให้กับคิณณ์ เธออาจจะลองให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเอง และดูว่าความรู้สึกที่เขามีให้เธอนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เธออาจจะได้พบกับความรักและความมั่นคงที่เธอไม่เคยคาดคิด ทางเลือกที่สอง: ปฏิเสธความช่วยเหลือและตัดขาดจากคิณณ์ เธออาจจะเลือกที่จะเดินหน้าด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งพาใคร และไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตของเธอ เธออาจจะใช้ความสามารถของตัวเองในการสร้างชีวิตใหม่ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพียงลำพัง อิงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอหยิบเอกสารสัญญาฉบับใหม่ขึ้นมาดูอีกครั้ง สายตาของเธอจับจ้องไปที่ลายเซ็นของคิณณ์ หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอจะตัดสินใจอย่างไรกับเส้นทางชีวิตที่กำลังจะเปลี่ยนไปนี้?หลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างอิงฟ้ากับคิณณ์ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างมั่นคงและลึกซึ้ง อิงฟ้าได้เห็นคิณณ์ในมุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่แค่เจ้านายผู้เย็นชา แต่เป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เขามักจะสังเกตเห็นเมื่อเธอเหนื่อยล้า และหาทางมาทำให้เธอผ่อนคลายอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกาแฟแก้วโปรดมาให้ หรือแค่เดินผ่านมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ใจเธอสั่นไหวส่วนคิณณ์เองก็ตกหลุมรักอิงฟ้ามากขึ้นทุกวัน เขารู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็ง ความอดทน และความสดใสที่เธอมี แม้จะเผชิญกับปัญหามากมายเพียงใด เธอก็ยังคงยิ้มและเดินหน้าต่อไปได้เสมอ เขามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอดชีวิตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่ความลับในที่ทำงานอีกต่อไป แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำของคิณณ์ที่แสดงออกถึงความใส่ใจต่ออิงฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ก็ทำให้เพื่อนร่วมงานต่างเข้าใจตรงกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปไกลกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง"พี่อิงฟ้าคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะเนี่ย ท่านประธานดูรักพี่อิงฟ้าจะแย่แล้วนะ" น้องเมย์แซวพลางยิ้มกว้
กุญแจบ้านที่คิณณ์คืนให้ยังคงอยู่ในมือของอิงฟ้า เอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไร้ดอกเบี้ยก็วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของคิณณ์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความหวังผุดขึ้นในห้วงความคิด เธอใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนเกี่ยวกับคำพูดของเขา ทุกคำพูดของเขา แม้จะเริ่มต้นจากความลับและการปิดบัง แต่ก็ดูเหมือนจะซ่อนความปรารถนาดีและความรู้สึกที่จริงใจเอาไว้"หนูจะลองดูค่ะแม่" อิงฟ้าพูดกับแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารเช้า "หนูจะลองให้โอกาสคุณคิณณ์"แม่มองหน้าอิงฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและกังวลในคราวเดียวกัน "อิงฟ้ามั่นใจแล้วเหรอลูก?""หนูไม่รู้ว่าหนูมั่นใจแค่ไหนค่ะแม่" อิงฟ้าสารภาพ "แต่หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราจริงๆ แล้วหนูก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากหนูจริงๆ"พ่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอนะ" พ่อพูดพลางตบไหล่ลูกสาวเบาๆ "แต่ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด ลูกต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราจะช่วยกันหาทางออก""ค่ะพ่อ" อิงฟ้ายิ้มให้กับพ่อและแม่ คำพูดของท่านทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นเมื่อมาถึงบริษัท อิงฟ้าเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยหัวใจที่เ
กุญแจบ้านในมือของอิงฟ้าเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟในใจของเธอ คำสารภาพรักและการเสนอจะยกเลิกสัญญาจำนองของคิณณ์ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทั้งเป็นความหวังที่ริบหรี่และกับดักที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอต้องการเวลาเพื่อลำดับความคิดและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการตลอดทางเดินกลับบ้าน ภาพของคิณณ์ปรากฏขึ้นในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในมุมของนักธุรกิจที่เย็นชา เจ้าระเบียบ นายทุนลึกลับ และผู้ชายที่คุกเข่าสารภาพรักอย่างจริงจัง เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหน? หรือนี่เป็นเพียงกลลวงอันแยบยลของนักธุรกิจที่ช่ำชอง?เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล"เป็นยังไงบ้างอิงฟ้า? คุณคิณณ์ว่ายังไงบ้าง?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนอิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋าและวางลงบนฝ่ามือของแม่"เขา... เขายกเลิกสัญญาจำนองแล้วค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจและไม่เชื่อหู"จริงเหรออิงฟ้า! ยกเลิกจริงเหรอ! แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา!" พ่อถามเส
มือของคิณณ์ที่จับมือของอิงฟ้าไว้แน่นยังคงอุ่นซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย คำสารภาพที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" และการที่เขาเอากุญแจบ้านมาคืน มันทำให้โลกทั้งใบของอิงฟ้าหมุนคว้าง เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ระหว่างความโกรธที่ยังคงคุกรุ่น กับความรู้สึกประหลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ"ท่านประธาน... พูดอะไรคะ" อิงฟ้าถามเสียงสั่น ร่างกายยังคงแข็งทื่อคิณณ์กระชับมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความรู้สึกผิดที่ยากจะปิดซ่อน"ผมรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะเชื่อ" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ "แต่ผมพูดความจริงทุกอย่าง" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ผมขอเริ่มต้นอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหมครับ"อิงฟ้าเงียบไป เธอสับสนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ในตอนนี้ เธอแค่พยักหน้ารับช้าๆ คิณณ์จึงค่อยๆ ปล่อยมือของเธอออก และเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา พลางผายมือเชิญให้อิงฟ้าไปนั่งที่เก้าอี้รับรองฝั่งตรงข้าม"ผมเข้าใจว่าคุณคงรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวผมมาก" คิณณ์เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ "ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจ
คำสารภาพของ คิณณ์ ที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งโกรธที่ถูกหลอก เจ็บปวดที่โดนปิดบัง และประหลาดใจกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา สถานการณ์นี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจริงๆอิงฟ้ามองหน้าคิณณ์ ใบหน้าของเขาจริงจัง แต่แววตากลับฉายแววปรารถนาและอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"ท่านประธานกำลังพูดเรื่องอะไรคะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ท่านประธานเป็นเจ้าหนี้ของดิฉัน! ท่านประธานหลอกให้ดิฉันจำนองบ้านกับบริษัทของท่านประธานเอง! แล้วท่านประธานจะมาพูดว่าต้องการดิฉันได้ยังไงคะ!" อิงฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนโดนเล่นตลกกับชีวิตคิณณ์ยื่นมือออกไปราวกับจะแตะใบหน้าของเธอ แต่อิงฟ้าก็สะบัดหน้าหนีอย่างรวดเร็ว"ผมรู้ว่าผมทำผิดที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลยแม้แต่น้อย""ไม่ทำร้ายเหรอคะ! การที่ดิฉันต้องมานั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ กังวลเรื่องบ้านแทบตาย โดยที่ท่านปร
คำสารภาพของคิณณ์ที่ว่า "ผมคิดว่าผม... สนใจในตัวคุณ คุณอิงฟ้า" ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ สับสน และประหลาดใจ ยิ่งเขาบอกว่า "ผมคิดว่าคุณคือคนที่ผมตามหามาตลอด" ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดเข้าไปในโลกอีกใบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน"ท่านประธาน... คือ... ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ" อิงฟ้าตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรคิณณ์ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในตอนนี้หรอกครับ แค่รู้ไว้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบคุณ" เขาพูด พลางลดมือลงจากไหล่ของเธอ "และที่สำคัญ ผมหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะทำให้คุณมองผมในแง่ดีขึ้นบ้าง"อิงฟ้ายังคงยืนนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในเกมที่เธอไม่รู้จักกฎ คิณณ์เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา ราวกับว่าบทสนทนาอันแสนประหลาดเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องปกติทั่วไป"เอาล่ะ... กลับไปทำงานได้แล้ว" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดูมีนัยยะบางอย่างที่อิงฟ้าอ่านไม่ออกอิงฟ้าเด