การ์ดที่มีสองความรู้สึก เขายังเก็บทุกอย่างเอาไว้จนถึงตอนนี้ ความรู้สึกผิด จนไม่อยากให้อภัยตัวเองในวันนั้น เขารู้ว่าทำผิดกับเธอมากมาย และหลายครั้งที่ยี่หวายอมให้อภัยเขาเสมอ แต่วันนั้นเขาพึ่งรู้ตัวว่า ได้เสียเธอไปแล้วจริง ๆ
“ยี่หวา… ทำไมไม่รับสายพี่เลยล่ะ ไม่นะยี่หวา อย่าทิ้งพี่ไปแบบนี้สิ ยี่หวา! รับสายพี่สิ”
เขาร้องไห้จนเกือบขาดใจ กอดการ์ดใบนั้นเอาไว้ และกระหน่ำโทรหาเธอ จนกระทั่งยี่หวาปิดเครื่องไป สองวันที่เขาพยายาม จนกระทั่งเพื่อนมาเจอเขาอยู่ในห้อง และรีบพาส่งโรงพยาบาล กลัวว่าเขาจะไม่มีแรงสอบปลายภาค
หลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาก็พยายามติดต่อยี่หวาอีกครั้ง แต่เธอบล็อกเขาทุกเส้นทางการติดต่อ แม้แต่ตอนที่เขาจะไปต่างประเทศ ก็ไม่มีโอกาสได้บอกลาเธอ
“ยังใจร้ายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะยี่หวา พี่รู้ว่าตัวเองทำผิด แต่ทำไมแม้แต่คำขอโทษ ก็ยังไม่ให้โอกาสพี่ได้พูดเลยล่ะ”
หลังจากที่เขาไปเรียนต่อ เคยลองคบกับคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครเหมือนกับยี่หวา เขาคบกับผู้หญิงคนอื่นได้ไม่เกินสามเดือน ก็ต้องเลิกรากันไป แต่เขาไม่เคยเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะทุกครั้ง มักจะมีเงาผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ในใจของเขาเสมอ และไม่เคยลืม ไม่คิดว่าผ่านมาห้าปี จะมีโอกาสพบกับเธออีกครั้ง แต่ว่า…
“มีแฟนแล้วเหรอ ถ้ามีแฟนแล้วจริง ๆ ทำไมเธอถึงยังทำสีหน้าแบบนั้น และยังร้องไห้อีกล่ะ ถ้ามีแฟนแล้วจริง ๆ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ยี่หวาเธอโกหก! ฉันรู้จักเธอดีกว่าใคร สองปีที่คบกัน ฉันรู้นิสัยเธอดีที่สุด ครั้งนี้ต่อให้ต้องทุ่มเทแค่ไหน ก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว”
สองวันต่อมา / โรงพยาบาล
ยี่หวาและทีมงานของเธอ มาที่โรงพยาบาลอีกครั้งตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้มาจัดการเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ ที่จะใช้ในงานครั้งนี้ ร่วมกับการใช้เครื่องมือแพทย์
“พร้อมแล้วค่ะพี่หวา”
“โอเค เนมไปบอกทางเจ้าหน้าที่ได้เลยว่า เราเชื่อมต่อระบบเข้าไปในเครื่องมือแพทย์แล้ว”
“ครับพี่หวา”
“น้ำหวาน เดี๋ยวตรวจดูระบบไฟฟ้าให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนเริ่มงานอย่าให้มีเรื่องผิดพลาด ถ้าไม่มั่นใจ ระบบสำรองเตรียมให้พร้อมได้เลย”
“ค่ะพี่หวา”
ยี่หวาเดินดูงานจนครบแล้ว ถึงได้เดินกลับไปที่นั่ง ตอนนี้ทีมแพทย์ที่จะเข้าอบรม เริ่มทยอยเดินเข้ามาในงาน หนึ่งในนั้นมีหมอติณณ์ด้วย เขาไม่ได้แวะทักเธอ เหมือนกับหมอธนิตและคุณดุสิต ที่เดินมาทักเธอที่หน้างาน ก่อนจะเดินเข้าไป
“สวัสดีครับคุณยี่หวา วันนี้มาดูแลด้วยตัวเองเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะคุณหมอ บอสสั่งมาเป็นพิเศษน่ะค่ะ ผิดพลาดไม่ได้”
“เยี่ยมไปเลยครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ไปครับหมอติณณ์”
“อืม ไปสิ”
ยี่หวายิ้มให้พวกเขา แต่หมอติณณ์แทบจะไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำ ยี่หวารีบเบี่ยงหน้าหนีทันที
“ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว”
ยี่หวาเดินมาดูระบบงานของเธอต่อ ซึ่งพวกเธอดูแลเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์เบื้องหลัง ซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องมือแพทย์ที่ต้องใช้งานในวันนี้ ไม่เกี่ยวกับหน้างาน
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ค่ะพี่หวา ยังพอมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง”
“งั้นก็ดี พี่ขอไปดื่มกาแฟสักหน่อยนะ”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
ยี่หวาเดินออกไปจากห้องประชุม เพื่อจะไปที่ร้านกาแฟในตึกของโรงพยาบาล ซึ่งเธอคุ้นเคยดี เพราะไปนั่งที่นั่นบ่อย ๆ เวลามาทำงานที่นี่ แต่น่าแปลกที่เธอไม่เคยเจอหมอติณณ์เลย
“ลาเต้ร้อนค่ะ”
เธอสั่งกาแฟและเดินไปนั่งรอที่เคาน์เตอร์ และหยิบมือถือขึ้นมา และนั่งดูอะไรเพลิน ๆ จนไม่ได้ยินเสียงเรียกให้รับออเดอร์ แต่ไม่นานลาเต้เย็นก็ถูกนำมาวางข้าง ๆ เธอจึงหันไปทันที
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ยิน… คุณหมอติณณ์”
“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยงกาแฟสักแก้ว คงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม”
ยี่หวาพูดไม่ออก แต่ตอนนี้กาแฟก็มาวางตรงหน้าแล้ว เธอจะไม่รับก็คงไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ ทำไมคุณหมอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ”
“ผมก็เหมือนคุณ แค่เดินออกมาดื่มกาแฟแก้ง่วงน่ะ ถูกเรียกไปที่ห้องประชุม หลังจากการผ่าตัดใหญ่มาสามเคสติด ไม่ใช่เรื่องชวนง่วงหรอกเหรอ”
“สามเคสเลยเหรอคะ งานคุณหมอหนักมากจริง ๆ นะคะ”
เธอพยายามคุยกับเขาให้เป็นปกติ แต่พยายามเว้นระยะห่าง ด้วยคำพูดที่เป็นแบบกึ่งทางการ และไม่แทนตัวเองด้วยชื่อเหมือนเดิม
“ก็เป็นปกติของหมอทุกคน ผมพึ่งจะย้ายมาที่นี่ไม่ถึงสามเดือน ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องช่วยคุณหมอคนอื่นไปก่อน”
“คุณหมอพึ่งจะย้ายมาเองเหรอคะ มิน่าล่ะ”
“ทำไมคุณถึงไม่เคยเห็นหน้าผมใช่ไหม”
ยี่หวาหันไปดื่มกาแฟของตัวเองอีกครั้ง เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่า เธอคิดอะไรอยู่
“ถ้าคุณอึดอัด ผมจะไม่รบกวนเวลาดื่มกาแฟของคุณ ผมแค่อยากหาเพื่อนคุยแก้ง่วงเท่านั้น”
“ไม่หรอกค่ะ ร้านกาแฟเป็นสถานที่สาธารณะ ฉันจะอึดอัดเพราะคุณหมอได้ยังไง”
“งั้นก็ดีเลย คุณพูดเองนะ”
ยี่หวาหมดสติไปทันที หลังจากที่งานเทุกอย่างเสร็จแล้ว หมอติณณ์อุ้มเธอออกมา และรีบพาไปที่ห้องตรวจทันที มุกและต้นรีบโทรไปแจ้งบอส และตามงานที่เหลือทันที แต่ยี่หวาทำงานระบบทุกอย่าง จบก่อนที่เธอจะล้มลง หมอติณณ์รีบพาเธอไปที่ห้องเอกซเรย์ และตรวจเธอทันทีห้องพักฟื้นยี่หวาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอได้ยินเสียงเครื่องมือแพทย์ และเสียงคนที่คุยกัน เธอแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร แต่แค่ลืมตาขึ้นมา ก็เห็นแค่แผ่นหลังผู้ชาย ที่สวมชุดกาวน์สีขาวลาง ๆ“ผมรบกวนพวกคุณ แจ้งไปที่บริษัทของพวกคุณว่า หัวหน้างานพวกคุณ ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองสัปดาห์”“ได้ค่ะคุณหมอ มุกจะรีบแจ้งให้บอสทราบค่ะ โชคดีที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าพี่หวาป่วยที่อื่นล่ะก็ คงทำอะไรไม่ถูกกันเลย”“อาการเธอค่อนข้างรุนแรง ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ตอนนี้ต้องให้เธอพักผ่อนมาก ๆ”“ได้ค่ะคุณหมอ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่รบกวนแล้วนะคะ”เสียงเปิดประตูออกไปอีกครั้ง ตอนนี้ยี่หวาพยายามขยับตัวลุก หมอติณณ์หันมาเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว เขาเลยรีบเข้ามาทันที“อย่าพึ่งลุก ยังปวดท้องอยู่หรือเปล่า”“ไม่ค่ะ นี่…”“นอนลงไปก่อน เดี๋ยวพี่จะคุยด้วย หวาบอกแล้วว่าจะไม่ดื้อกับพี่ จำ
หมอติณณ์ขับรถไปที่คอนโด ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ซึ่งสำหรับเขาแล้ว การตกแต่งและขนาดของห้อง อีกทั้งราคาซึ่งเจ้าของเสนอมา ทำให้เขาตัดสินใจได้ไม่ยากเลย “ถ้าคุณหมอไม่ชอบ ยังมีอีกสองห้องนะคะ แต่อยู่ชั้นล่างลงไป เล็กกว่าห้องนี้หน่อย”“ไม่ครับ ผมชอบห้องนี้มาก ทุกอย่างลงตัวมาก อีกอย่างก็อยู่ไม่ไกลที่ทำงานผมด้วย”เขาตัดสินใจได้ไม่ยากเลย เพราะนอกจากห้องจะมีขนาดใหญ่สองห้องนอน สองห้องน้ำ และยังอยู่ใกล้ทั้งโรงพยาบาล สถานีรถไฟฟ้า ใจกลางเมืองหลวง กับราคาที่เขาจับต้องได้ หลายปีที่ผ่านมา เขาทำงานเก็บเงินมาได้เยอะมาก แต่ไม่เคยซื้อทรัพย์สินเก็บไว้ แพงที่สุดก็น่าจะเป็น รถยนต์ที่เขาใช้อยู่เท่านั้น“คุณตกลงซื้อง่ายขนาดนี้เหลยเหรอหมอติณณ์ ไม่น่าเชื่อเลย”“ผมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้มาก่อนแล้ว แค่ยังลังเลอยู่เท่านั้นเองครับหมอธนิต ต้องขอบคุณมากเลยที่แนะนำผม เพราะห้องที่ติดต่อผมมา ไม่ได้เพอร์เฟคขนาดนี้”“คุณชอบก็ดีแล้วครับ”สองวันต่อมาวันนี้หมอติณณ์ออกมาจากห้องผ่าตัด และพบกับทีมงานที่ต้องเข้ามาจัดการระบบในแผนก ซึ่งเขาเห็นว่ายี่หวากลับมาทำงานแล้ว แต่สีหน้าและท่าทางของเธอ ยังดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แต่เขา
ยี่หวาสะอึกไปเล็กน้อย เมื่อเขาบอกว่าเป็นแค่ รุ่นพี่ ของเธอเท่านั้น ตอนนี้เธออยากกลับไปพักผ่อน และไม่อยากรอรถนาน เพราะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอบคุณมากนะคะ”“ตามมาสิ”เธอเดินตามเขาไป และเริ่มกุมท้อง แต่พยายามไม่ให้ติณณ์ภพเห็น เขาขึ้นรถและหันมาบอกเธอ“คาดเข็มขัดด้วยสิ”“อ้อ ค่ะขอโทษค่ะ”เธอรีบทำที่เขาบอก ครั้งก่อนเขาเป็นคนคาดให้เธอ วันนี้จึงได้ลืมตัว เมื่อเขาขับรถออกมาจากโรงแรม รถก็เริ่มติดไฟแดง ยี่หวารู้สึกมวนท้อง และพยายามไม่พูดอะไร ส่วนเขาเห็นอาการเธอไมค่อยดี“เป็นอะไรไป ปวดท้องเหรอ ไปโรงพยาบาลก่อนดีไหม”"เปล่าค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่… เบื่อรถติด"“หึ นิดหน่อยก็ทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากอยู่กับผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ”เธอไม่อยากทะเลาะกับเขา ตอนนี้เธออยากกลับไปนอนพักที่ห้องให้เร็วที่สุด โชคดีที่หลังจากนั้น ถนนก็ค่อนข้างโล่ง ทั้งเธอและเขาไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งเขามาจอดส่งเธอที่หน้าตึก“ถึงแล้ว”“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”“ไม่เป็นไรครับ”เธอปลดเข็มขัดออก วันนี้เขาจอดที่หน้าตึก ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาไปจอดในลานจอดรถ เมื่อเธอลงจากรถและปิดประตู เขาก็ขับออกไปทันที “ยังจะคาดหวังอะไรอีก เขาบ
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ในหัวใจของเธอ กลับเจ็บจนรู้สึกได้ และแทบจะก้าวขาไม่ออก เมื่อกลับไปที่โต๊ะ สายใจก็ถามขึ้นมา“หนูยี่หวา ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า”“เปล่าค่ะคุณน้า ไม่เป็นอะไรค่ะ สงสัยจะลายตาเพราะแสงไฟค่ะ”“แบบนี้นี่เอง เห็นต้อมบอกว่าช่วงนี้หนูทำงานหนัก ยังไงต้องรักษาสุขภาพด้วยนะ เป็นอะไรไปมันจะไม่คุ้มเอา”“ค่ะน้าสาย ขอบคุณนะคะ”ยี่หวานั่งมองงานแต่งงาน ที่เริ่มพิธีไปเรื่อย ๆ ภาพของคู่บ่าวสาวที่กล่าวขอบคุณบนเวที ตัดเค้กแต่งงานและโยนช่อดอกไม้ ทำให้เธอเผลอยิ้มตามไปด้วย และแอบคิดตาม ครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยวาดฝันเอาไว้ ว่าสักวันจะมีงานแต่งที่มีความสุขแบบนี้ แต่ความฝันก็เป็นได้แค่ฝัน....“ยี่หวา”“คะ”“คุณแม่ถามว่าหิวหรือเปล่า”“ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ เชิญตามสบายเลยค่ะ”“ดื่มน้ำผลไม้หน่อยดีกว่า”"ขอบคุณค่ะ หวาขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ"ยี่หวาลุกมาเข้าห้องน้ำอีกรอบ ครั้งนี้เธอเจอกับมีนา ซึ่งมางานนี้ด้วยเหมือนกัน เธอกำลังล้างมืออยู่ ยี่หวาที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เดินเข้ามาล้างมือเหมือนกัน“สวัสดีน้องยี่หวา”“สวัสดีค่ะ”“วันนี้มากับแฟนเหรอ เห็นเดินด้วยกันในงาน”เธอไม่ตอบเพราะคิดว่
สิบวันต่อมายี่หวาไม่ได้เจอกับหมอติณณ์อีกเลย หลังจากเรื่องในวันนั้น เธอโทรไปหาคณิต เพื่อบอกให้เขาไปรับเงินคืนจากที่ร้านอาหาร พร้อมกับขอโทษเขาอีกครั้ง“ไม่เป็นไร พี่ยังตกใจอยู่เลย ที่จู่ ๆ ผู้จัดการร้านก็โทรมาขอเลขที่บัญชีของพี่ เพื่อจะโอนเงินคืน”“ขอโทษด้วยนะคะ วันนั้นคุณหมอติณณ์…”“พี่เสียมารยาทเองแหละ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ จริงสิวันเสาร์ที่จะถึงนี้ มีงานเลี้ยงที่โรงแรม ยี่หวาไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม”“งานเลี้ยงเหรอคะ”“ใช่ แม่พี่ก็ไปด้วย งานแต่งงานของลูกสาวเพื่อนคุณแม่น่ะ ถ้าพี่ไปกับคุณแม่ เดี๋ยวพี่ก็ถูกทิ้งอีก ว่าจะหาเพื่อนไปน่ะ จะได้ไม่เขิน”“เอ่อ ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันเสาร์เจอกันนะคะ”“ขอบใจนะยี่หวา”เธอรับปากเขาว่าจะออกงานด้วย ที่จริงก่อนหน้านี้ เธอได้รับความช่วยเหลือจากคณิตและสายใจ ซึ่งเป็นแม่ของเขาอยู่บ่อย ๆ ตอนที่พึ่งย้ายมาอยู่คนเดียว วันที่ย้ายของมาที่นี่ สายใจเจอกับเธอ และให้ลูกชายมาช่วยยกของ จากนั้นทั้งสองบ้าน ก็ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อย ๆวันเสาร์ โรงแรมหรู“วันนี้หนูยี่หวาสวยมากเลย ชุดสีแดงนี่ เหมาะกับหนูมาก ๆ”“ขอบคุณค่ะป้าสาย หวาไม่รู้ว่างานเขามีธีมด้วยหรือเปล่า ช่วงนี้ง
"เอ่อ แต่ว่า…"“ผมไม่สนว่าใครจะจ่ายให้ แต่ผมไม่ต้องการ ไปบอกผู้จัดการร้าน ให้มาคิดเงินเดี๋ยวนี้”“ครับ ๆ ผมจะรีบไปจัดการให้”“คุณหมอคะ ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้”“ไม่ต้องเหรอ! หวาอยากให้คนอื่นมาดูถูกพี่แบบนี้เหรอ”“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ปกติพี่ต้อม…”"เรียกเขาสนิทแบบนี้เลยเหรอ เขาชื่อคณิตไม่ใช่เหรอหวา"“เรื่องนั้น”“เงียบไปเถอะ ก่อนที่พี่จะทนไม่ไหวไปมากกว่านี้”ผู้จัดการร้าน เดินมาคิดเงินให้เขาใหม่อีกรอบ ติณณ์ภพจ่ายเงินให้ร้าน และแจ้งเขาให้จ่ายเงินคืนคณิตไป ผู้จัดการร้านได้แต่รับปากว่าจะจัดการทันทีเมื่อทุกอย่างจบแล้ว ติณณ์ภพก็พายี่หวาเดินออกมาจากร้านทันที ระหว่างทางกลับบ้าน เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ ยี่หวาเองก็ไม่พูดอะไรเหมือนกัน เธอไม่รู้เลยว่า ครั้งหน้าที่เจอกับคณิต ควรจะต้องพูดอะไรกับเขา ห้องของยี่หวา เมื่อเดินเข้าไปในห้องได้ หมอติณณ์ก็ดึงเธอเข้ามาในห้องทันที และรวบตัวของยี่หวาเข้ามากอด“หมอติณณ์! คุณจะทำอะไรคะ”“บอกพี่มานะหวา ไอ้คนนั้นมันจีบหวาเหรอ มันชอบหวาอยู่ใช่ไหม ไม่งั้นมันจะทำตัวแบบนี้เหรอ นี่มันตั้งใจหยามพี่ชัด ๆ เลย”“ปล่อยนะคะหมอ ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะ ถ้าคุณทำแบบนี้ คุณ…โอ๊ย!”เขาอุ้มเ