ยี่หวาหลบตาเขา และพยายามฝ่าวงล้อมอ้อมแขนของเขา แต่มันไม่ได้ผล หมอติณณ์ไม่ขยับแขน และยังดันตัวเองเข้ามาจนชิดเธออีกด้วย
“คุณหมอคะ นี่คุณจะทำอะไร ถ้าคุณเข้ามาอีกนิดเดียว ฉันจะตะโกน”
“ก็เอาสิ อยากจะรู้เหมือนกันว่า ตะโกนจนคอแตก จะมีใครกล้ามาช่วย”
“เอามือถือฉันคืนมา”
“ไม่คืนจนกว่าเราจะคุยกันดี ๆ”
“เราไม่มีอะไรจะคุยกัน หลีกไป”
“หวาไม่มี แต่พี่มีแน่ ทางที่ดีอยู่เฉย ๆ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าพี่ไม่เกรงใจ”
เพีี๊ยะ!
สายตาเล้าโลมของเขา ทำให้ยี่หวาโกรธจนขาดสติ เธอฟาดฝ่ามือไปที่หน้าหล่อ ๆ ของเขาเต็มแรง
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉัน เรื่องระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว อย่ามาถามหาหรือรื้อฟื้นอะไรอีก สำหรับฉัน คุณตายไปนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ตอนนี้ก็อย่าเจอกันอีกเลย”
“คิดว่าตัวเองเจ็บอยู่คนเดียวงั้นเหรอยี่หวา ทำไมถึงเป็นคนใจร้ายได้แบบนี้”
ยี่หวานิ่งไป เมื่อหมอติณณ์พูดด้วยเสียงที่สั่นเครืออกมา เขากำหมัดแน่น เธอหันไปมองเขาตรง ๆ เป็นครั้งแรก ถึงได้เห็นดวงตาที่แดงก่ำนั้นอีกครั้ง
“พี่รู้ตัวว่าทำผิด หลายครั้งที่ไม่เคยรักษาคำพูด ไม่รักษาสัญญา และไม่เห็นความสำคัญของหวา แต่การจากไปเงียบ ๆ โดยไม่บอกเหตุผล ไม่มีคำลา ไม่รับสาย และปิดกั้นทุกทางอย่างที่หวาทำ ไม่คิดว่ามันใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ”
ยี่หวาถอยออกมา เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เรื่องระหว่างเธอและเขา มันจบไปนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ ชีวิตของเธอก็กำลังจะไปได้ดี เธอสนุกกับการทำงาน ไม่อยากจะสะดุดเพราะเรื่องแบบนี้อีก
“คุณหมอคะ เรื่องทุกอย่างมันก็ผ่านมานานแล้วนะคะ ฉันเดินก้าวข้ามจุดนั้นมานานแล้ว คุณเองก็น่าจะลืมฉันไปได้แล้ว”
“ลืมเหรอ พูดง่ายนี่ยี่หวา ง่ายเกินไปหรือเปล่า ให้พี่ลืมทั้ง ๆ ที่… มีอะไรตั้งหลายอย่างที่ยังไม่ได้พูด แม้แต่คำขอโทษ ก็ไม่อยากฟังแล้วเหรอ”
ยี่หวาหลับตาลง ตอนนี้เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก และไม่มีทางลืมความเจ็บปวดในครั้งนั้น กว่าจะผ่านมาได้ มันทรมานเหมือนชีวิตถูกฉีกขาด และแยกออกเป็นส่วน ๆ กว่าจะค่อย ๆ เก็บชิ้นส่วนพวกนั้น ต่อกลับเข้ามาใหม่ ใช้เวลาเกือบห้าปี มันกำลังจะดีอยู่แล้ว แต่ทำไม… เขาต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก
“คุณหมอคะ เรื่องมันผ่านมานานแล้วค่ะ ฉันไม่ติดใจอะไรอีกแล้ว ทั้งความรู้สึกผิด หรือคำขอโทษ ก็ไม่อยากฟัง ชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า ขอให้คุณโชคดีนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน! ถ้าพี่ไม่อยากลืมล่ะ ยี่หวา…. ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม”
ยี่หวาเดินออกมา และหยุดยืน เธอก้าวขาแทบไม่ออก ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ยินคำพูดนี้ จากคนที่เธอพยายามจะลืมมาตลอดห้าปีเต็ม
“ขอโทษค่ะคุณหมอ จากนี้ไปเราไม่ควรเจอกันอีกจะดีกว่า ฉันขอมือถือคืนด้วยค่ะ”
หมอติณณ์ยืนมองเธอนิ่ง สายตาของเธอในตอนนี้ที่มองเขา ไม่เหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนแล้วจริง ๆ เธอไม่ใช่ยี่หวาของเขา ที่คอยเป็นห่วง ดูแลเวลาเขาป่วย คอยเอาใจเวลาที่โกรธ และอ้อนอยู่ข้าง ๆ เวลาอยากให้นอนกอด มือหนาล้วงเข้าไปหยิบมือถือของเธอออกมา และยื่นคืนให้เจ้าของ
“ขอบคุณค่ะ”
“ยี่หวา”
เขายังไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ ระหว่างที่เธอจับมือถือ ที่อยู่ในมือเขาอย่างละครึ่ง นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่เขาจะพูดออกไป
“ถ้าหวาลืมไปแล้วจริง ๆ พี่จะไม่ว่าอะไร แต่จากนี้ไป ถ้าพี่ขอใช้โอกาสนี้ จีบหวาใหม่อีกครั้ง จะได้ไหม”
“คุณหมอจะทำไปเพื่ออะไรคะ เพื่อให้เรื่องราวมันวนกลับมาเหมือนเดิมเหรอคะ อย่าดีกว่าค่ะ เสียเวลาเปล่า”
“ต้องการยี่หวายังไงล่ะ ไม่รู้เหรอว่าตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา พี่รู้สึกยังไง ทรมานแค่ไหน กว่าจะผ่านมาได้ คิดว่าตัวเองเจ็บอยู่คนเดียวเหรอ”
ยี่หวาฉวยโอกาสนี้ ดึงมือถือของตัวเองกลับมา เธอมองเขาอีกครั้ง สายตาไม่ได้ลดละความโกรธลงไปเลยสักนิด
“คุณหมอคงไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงขนาดนั้น ถ้าอยากจะหาแฟนสักคน ฉันเชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก เราอย่าเริ่มในสิ่งที่รู้ปลายทางดีอยู่แล้วเลยค่ะ”
“ไม่มีทาง! พี่มั่นใจว่า ครั้งนี้มันจะไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมอีก ยี่หวา…”
“ขอโทษนะคะคุณหมอ ถึงคุณอยากจะพูดแบบนั้น แต่ว่าฉัน… มีแฟนแล้วค่ะ เรื่องระหว่างเรา มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
ยี่หวาหันไปบอกเขา เพื่อตัดบททันที เธอไม่อยากให้ความหวังเขา ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองคาดหวังอีกครั้ง และยังไม่พร้อมที่จะเจ็บปวดแบบเดิมอีก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ที่ดูสิ้นหวัง หมดแรง ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ แต่เธอต้องใจแข็ง เพื่อตัวและหัวใจของตัวเอง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณหมอ ยินดีที่ได้พบกัน… อีกครั้งนะคะ”
เธอเดินออกไปจากห้องแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่า ยี่หวาเองก็รีบเดินออกไป พร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย เขาทรุดตัวนั่งอยู่ที่เดิม และนั่งทบทวนเรื่องราวเมื่อเกือบห้าปีก่อน ในวันนั้นที่เขาทะเลาะกับเธอที่โรงพยาบาล เพื่อน ๆ ของเขาไปที่ห้องอาจารย์ ทำงานจนเสร็จ สุดท้ายเพื่อน ๆ ก็เอาเค้กวันเกิด ออกมาฉลองให้เขา
นั่นเป็นการฉลองครั้งสุดท้าย ก่อนเรียนจบกับเพื่อน ๆ เมื่อกลับมาที่ห้อง ที่เขาอยู่กับเธอ ก็เจอแต่ห้องที่ว่างเปล่า แต่ในห้องมีทั้งลูกโป่ง ไฟประดับ และดอกไม้ พร้อมกับของขวัญวันเกิด ซึ่งเป็นนาฬิกา ที่เธอทิ้งเอาไว้ให้ ซึ่งเขายังคงใส่อยู่ทุกวัน ตั๋วหนังที่ถูกฉีกทิ้ง และการ์ดวันเกิดที่เธอเขียนให้
“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ติณณ์ของยี่หวา รักพี่ติณณ์ที่สุดเลย ขอให้พี่ติณณ์มีความสุขมาก ๆ รักยี่หวาทุกวัน ขอให้พี่ประสบความสำเร็จกับทุกสิ่งที่เลือก ยี่หวาเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะคะ รัก… ยี่หวา”
แต่ในการ์ดที่มีรอยน้ำตา กลับมีข้อความที่ถูกเขียนใหม่อยู่ข้างล่าง เป็นคำสั้น ๆ ที่ทำให้เขาหมดแรงไปในทันที
“วันนี้หวาคงอยู่ข้างพี่ไม่ได้แล้ว เราเลิกกันเถอะค่ะ ขอให้โชคดีกับเส้นทางที่พี่เลือกนะคะ ลาก่อนค่ะ.... พี่ติณณ์”
ยี่หวาหาผ้าห่มออกมาห่มให้เขา คนตัวโตไม่เหมาะกับโซฟาเอาเสียเลย แต่เธอเห็นว่าเขานอนหลับสนิท ก็เลยไม่อยากกวน“งานของพวกคุณหมอ คงจะหนักมากจริง ๆ สินะ เพลียจนหมดสภาพขนาดนี้ มีเวลานอนกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”ยี่หวายืนมองดูติณณ์ภพ และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าห้องไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เธอเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน เธอเบาแอร์ข้างนอกให้เขาแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะหนาว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด แต่คงไม่ดีแน่ ถ้ามีผู้ชายนอนอยู่ในห้องสาวโสดแบบนี้ “เอายังไงดีล่ะ ปลุกเขา หรือว่าไม่ปลุกดี”ยี่หวานั่งคิดอยู่ในห้อง แต่เห็นหมอติณณ์หลับสนิทเพราะความอ่อนเพลีย ก็ไม่อยากให้เขาขับรถกลับไปจริง ๆ ในใจของเธอยังเป็นห่วงเขาอยู่ แต่ก็ไม่อยากยอมรับ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ คงได้ใจอ่อนให้เขาอีกครั้งแน่ ๆ“ช่างมันเถอะ แค่คืนเดียวเอง ไม่เป็นอะไรหรอกน่า พรุ่งนี้ตื่นมา เผลอ ๆ เขาก็กลับไปแล้ว”ยี่หวาตัดสินใจข่มตาให้หลับ ซึ่งทำได้ยากมาก เพราะรู้ว่าใครยังนอนอยู่ข้างนอก แม้จะมีประตูกั้น แต่เธอยังไม่ลืมอ้อมกอดเพียงชั่วครู่ ที่ถูกเขากอดเมื่อกี้นี้“พอได้แล้ว นอน ๆ ๆ อย่าเพ้อเจ้อ โอ๊ย!!!”ส่วนคนที่นอนอยู่ข้างนอก ก็ได้แต่ยืนพิงประตู
“คุณหมอคะ นี่มัน…”“เมื่อกี้ผมแอบเห็นนะ มีบางคนแอบไม่พอใจ ตอนที่มีนาขอเบอร์ผม อย่าโกหก”“ไม่ใช่ซะหน่อย ก็แค่…”“ไม่รีบขึ้นไปตอนนี้ เดี๋ยวจะดึกนะครับ”ยี่หวาจำใจต้องพาเขาขึ้นห้องมาด้วย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอติณณ์ จะรุกหนักกว่าตอนที่เธอจีบเขาด้วยซ้ำไป ตอนนั้นเธอก็คิดว่าตัวเองหน้าด้านสุด ๆ แล้วนะ แต่มาดูตอนนี้แล้ว เธอสู้หมอติณณ์ไม่ได้เลย“เข้ามาก่อนสิคะ”เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องชุดสุดหรู ซึ่งคิดว่าราคาน่าจะแพงเอาเรื่อง เพราะห้องของยี่หวาแม้ว่าจะเล็กกว่าที่เขาอยู่ แต่แยกสัดส่วนชัดเจน มีห้องครัวแยก และห้องนั่งเล่น ดูแล้วห้องน้ำน่าจะมีสองห้อง เพราะเห็นมีห้องนอนแยกอยู่อีกทาง“ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”"เชิญค่ะ"เธอเปิดไฟให้เขา และเดินเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องน้ำปิด ก็รีบมานั่งที่โซฟาเพื่อสงบอารมณ์“ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่แวะมาเข้าห้องน้ำ”ยี่หวาพยายามไม่ตื่นเต้น เมื่อหมอติณณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ยื่นน้ำมาให้เขา“ดื่มน้ำก่อนไหมคะ”“ขอบคุณมากนะ ห้องของคุณ… น่ารักมาก เหมาะกับคุณมากเลย”"เอ่อ นี่คุณหมอคะ ทำไมเดินสำรวจห้องคนอื่นแบบนี้ล่ะ"เธอเดินตามเขาแทบไม่ทัน เพราะคิดว่าจะยื่นขว
หมอติณณ์หันมากระซิบ และโอบเอวเธอเข้ามาจนชิด ก่อนจะตอบเพื่อน ๆ ไป“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันวันหลังนะ วันนี้ต้องรีบไปส่งยี่หวากลับบ้านก่อน วันนี้ทำงานเหนื่อย ต้องรีบพากลับไปพักผ่อนน่ะ”“ว้าว…. สุดยอดไปเลยหมอติณณ์ ได้เลยเอาไว้โทรคุยกัน จริงสินายเปลี่ยนเบอร์แล้วนี่ เอาเบอร์มาหน่อยสิ”"ได้สิ หวารอพี่เดี๋ยวนะ"“ค่ะ”เธอทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของมีนา ก็เริ่มอยากจะเอาคืน เพราะรู้ว่า มีนาเคยชอบหมอติณณ์มาตั้งแต่สมัยเรียน และพยายามแทรกเข้ามาระหว่างเธอกับติณณ์เสมอ แต่หมอติณณ์ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ และเคยปฏิเสธไปแล้วถึงสองครั้ง“เอาไว้ค่อยนัดเจอกันนะ”“ติณณ์กลับมาคบกับรุ่นน้องคนนี้เหรอ”“มีนา! ไม่เอาน่า นี่มันเรื่องส่วนตัวของหมอติณณ์ ไอ้ตงกับวรุณรออยู่ข้างในแล้วนะ”“แลกเบอร์กับเราด้วยสิหมอติณณ์”มีนายื่นมือถือมาให้เขา ยี่หวาสะบัดไหล่ออกจากเขาเบา ๆ แต่หมอติณณ์ก็รีบคว้าเธอเข้ามาอีกครั้ง แม้แต่หมอเจย์ ก็เห็นถึงอาการที่หมอติณณ์แสดงความเป็นเจ้าของ โดยไม่สนใจมีนาเลย “ไม่เป็นไรหรอกมีนา เอาไว้ผมติดต่อเจย์ไป แล้วค่อยเจอกันก็ได้ ไปก่อนนะเจย์ แล้วเจอกัน”“ได้สิแล้วเจอกัน เอาไว้พาน้องยี่หวา มาทานข้าวด้วยกันด
เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ และตัดสินใจตามมาที่นี่ และสังเกตเห็นว่า เธอสั่งกาแฟมานั่งดื่มไปสองแก้ว ระหว่างที่รอคู่ดูตัว ก็นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอทานข้าวเถอะค่ะ”“หายเผ็ดแล้วใช่ไหม เปลี่ยนกินอย่างอื่นมั้ย”“ก็ได้ค่ะ”ทั้งสองคนนั่งทานข้าวกันต่อเงียบ ๆ หมอติณณ์ไม่อยากจะเร่งรัดเธอ เพราะกลัวว่า นอกจากยี่หวาจะไม่ใจอ่อนแล้ว จะกลายเป็นว่า เธอจะเกลียดเขาแทน ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทานข้าว บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ยี่หวาไม่คิดเลยว่า หมอติณณ์จะเอาใจใส่เธอ บางทีอาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนด้วยซ้ำไป“กินของหวานแก้เผ็ดสักหน่อยนะ เอาลูกตาลลอยแก้วสองที่ครับ”“คุณหมอชอบกินของหวานด้วยเหรอคะ”“เมื่อก่อนไม่ได้ชอบหรอก แต่เพราะต้องคอยกิน เวลาใครบางคนกินไม่หมด ก็เลยกลายเป็นชอบไปแล้วน่ะ”“เปล่าเสียหน่อย ก็แค่อยากให้ลองชิมเท่านั้นเอง”“ยอมรับเหรอว่า กินไม่หมดจริง ๆ”“ก็…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ตอนนั้นกับตอนนี้ เหมือนกันที่ไหนล่ะคะ”“ก็ได้ งั้นคราวนี้กินให้หมดล่ะ”ยี่หวาเผยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หมอติณณ์ได้แต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นเธอยิ้มออกมา เขาคิดถึงเธอมากจริง ๆ และไม่เคยลืมได้เลย เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ที่ยี่หว
“อะไรนะคะ เลี้ยงข้าวเหรอคะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”“คุณไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ผมเลี้ยงคุณเองก็ได้ ไหน ๆ ก็อยู่ที่ร้านแล้วนี่ จริงไหม นั่งก่อนสิ ผมหิวมากเลย”“นี่คุณ…”เขาพูดและดันเธอไปนั่งเก้าอี้ตัวในสุด และเขานั่งข้าง ๆ เพื่อไม่ให้เธอหนี ยี่หวาทำตัวไม่ถูก แต่วันนี้ที่จริงแล้ว เธอคงต้องขอบคุณเขาจริง ๆ ที่ช่วยเธอเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าศุภนัทจะตื๊อเก่งขนาดนั้น“อยากกินอะไรดีล่ะ ที่นี่มีอาหารที่คุณชอบกินหลายอย่างเลยนะ เลือกร้านได้ดีจริง ๆ”“ฉันไม่ได้เลือกเองหรอกค่ะ”“อ้องั้นเหรอ หรือว่าเราจะไปกินที่อื่นกันดีล่ะ”“ไม่ค่ะ คุณหมอทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่คะ”หมอติณณ์หันไปมองบริกร ที่กำลังจะเดินมารับออเดอร์ เขาจึงสั่งอาหารสองสามอย่างโดยที่ไม่ถามเธอ ยี่หวานั่งนิ่งไม่พูดอะไร เมื่อเขาสั่งเสร็จก็หันมามองเธออีกครั้ง“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าทำไปเพราะอะไร”ยี่หวาใจเต้นแรง เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มานานแล้ว และตอนนี้เขากำลังจะทำให้เธอ ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง“คุณหมอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ค่ะ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ยังไงก็กลับคืนไปไม่ได้”“ผมก็ไม่ได้บอกว่า สนใจเรื่องที่ผ่านมา ที่ผมต้องการคือตอนนี้ต่างหาก”“คุณต้องก
ยี่หวารู้สึกเหนื่อยมาก กับการที่แม่ของเธอ ชอบสรรหาคนมาดูตัวและจับคู่ให้เธอ ยี่หวาไม่อยากขัดใจแม่ ทุกครั้งเธอก็ไปตามนัด และปฏิเสธไปทุกคน ในใจของเธอยังไม่มีใครเข้ามาแทนที่เขาได้“ก็ได้ค่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ที่ไหนคะ ร้านอาหารในโรงแรม... ก็ได้ค่ะ ครั้งหน้าไม่ต้องนัดใครให้แล้วนะ แค่ทำงานก็เหนื่อยจะตายแล้ว”เธอเดินออกไปเพื่อเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปที่นัดหมายดูตัว ตามที่แม่ของเธอจัดการเอาไว้ให้ ไม่ไปก็คงจะทำให้แม่เสียหน้า ดังนั้นเธอจึงต้องไป และปฏิเสธให้จบ ๆ ไปร้านอาหาร“ง่่วงชะมัดเลย เมื่อไหร่จะมาเนี่ย กาแฟแก้วที่สองแล้วนะ”เธอนั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง คู่ดูตัวของเธอเหมือนว่าจะยังไม่มา “อีกสิบนาทีถ้าไม่มา ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ”ไม่นานหลังจากที่เธอพึมพำกับมือถือ เพราะนั่งไถฟีดข่าวไปเรื่อย ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ก็เดินเข้ามาหาเธอทันที“สวัสดีครับ คุณชื่อยี่หวาหรือเปล่า”“ใช่ค่ะ”เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคู่ดูตัวของเธอ เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ที่น่าจะอายุพอ ๆ กับหมอติณณ์ แต่สีหน้าดูเจ้าชู้มากกว่า เขายื่นมือมาให้เธอ“ผมชื่อศุภนัท จะเรียกว่า “นัท” ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"“ยินดีที่ได้รู้จ