“ฉันรีบร้อนอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทนั้นน่ะสิ ถ้าเขามีความสามารถได้ครึ่งหนึ่งของหลินเฟิง ฉันก็มีหน้าไปสู่ขอให้”หลี่เหวินเชาพูดอย่างไม่พอใจ: “คุณปู่ ในสายตาของคุณ ผมเทียบหลินเฟิงไม่ได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ?”“ฉันดูแล้วคุณปู่สมองเลอะเลือนแล้ว หน้าของหลานสาวคุณถูกคนเอามีดกรีดจนเป็นแบบนั้นแล้ว ไม่ใช่เพราะหลินเฟิงเหรอ” จางกุ้ยหลานก็ไม่พอใจคุณปู่ขมวดคิ้วพูด: “เรื่องนี้ทำไมถึงโทษหลินเฟิงได้ล่ะ? อีกอย่างหลินเฟิงไหว้หวานสำนักไป๋เกาให้ทำยารักษาฮุ่ยหรานแล้วไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าฮ่าฮ่า......”จางกุ้ยหลานหัวเราะเสียงดัง: “คุณคิดอะไรอยู่น่ะ? หลินเฟิงมีคุณสมบัติอะไรให้จางเต๋อหลินทำยาให้?”“งั้นจางเต๋อหลินรู้ได้อย่างไรว่าฮุ่ยหรานได้รับบาดเจ็บ? หรือเป็นเพราะพวกเธอไปบอกจางเต๋อหลินเหรอ?”คุณปู่เชื่อมั่นว่าเบื้อหลังเรื่องนี้ ต้องเป็นเพราะหลินเฟิงได้ออกแรงแล้วจางกุ้ยหลานสองมือกอดอกพูดเย้ยหยัน: “นั่นเป็นเพราะเลี่ยวกั๋วต้งเพื่อนเก่าสมัยเรียนของฉันโทรศัพท์ไปหาจางเต๋อหลิน เขาถึงได้รับปากรักษาให้ฮุ่ยหราน”“เลี่ยวกั๋วต้ง ใครกัน?” คุณปู่ขมวดคิ้วถามจางกุ้ยหลานพูดอย่างภาคภูมิใจ: “เพื่อนเก่าของฉันคนหนึ่ง ต
หลี่ฮุ่ยหรานมีความมั่นใจกลับมาเหมือนกับในอดีตทันที รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง“พี่......ตอนนี้พี่เปลี่ยนไปสวยกว่าเมื่อก่อนอีก” หลี่เหวินเชาอดชื่นชมไม่ได้“จิ๊จิ๊ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกสาวของจางกุ้ยหลาน สวยหยาดเยิ้มโดยธรรมชาติ นี่ไม่สวยกว่านังจิ้งจอกถังหว่านคนนั้นเยอะเลยเหรอ” จางกุ้ยหลานพูดอย่างถือดีเลี่ยวกั๋วต้งที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าติดต่อกัน: “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ตอนที่คุณเป็นสาวเป็นถึงดาวโรงเรียนเชียวนะ ฮุ่ยหรานไม่มีทางแย่อยู่แล้ว”ในใจของเขาอดตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ในวิชาการแพทย์ของจางเต๋อหลินไม่ได้ และก็ยิ่งตกตะลึงกับความสวยของหลี่ฮุ่ยหรานน่าเสียดายที่ตัวเองไม่ได้เป็นวัยรุ่นอีกต่อไปแต่ว่า......ก็ไม่บอกสักหน่อยว่าโคแก่กินหญ้าอ่อนไม่ได้นี่นา!จางกุ้ยหลานสะกิดลูกสาวที่ดื่มด่ำอยู่กับความสวยงาม: “ฮุ่ยหราน ลูกยังไม่รีบขอบคุณคุณลุงเลี่ยวอีก”“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลุงเลี่ยวไหว้วานเส้นสายไปหาจางเต๋อหลิน หน้าของลูกไม่รู้ว่าจะหายดีตอนไหนด้วยซ้ำ”หลี่ฮุ่ยหรานโค้งคำนับและพูดขอบคุณ: “ขอบคุณค่ะลุงเลี่ยว”“จ้า ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ......เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง”เลี
หลินเฟิงกระแอมเสียงเบา: “ผมกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณ แน่นอนว่าจะต้องปกป้องคุณ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้”“คุณเนี่ยนะปากแข็งมากจริง ๆ” ถังหวั่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดขึ้นไม่นานนัก หลินเฟิงลงมาถึงชั้นล่าง ถังหว่านกับฉินอิ๋งได้รอเป็นเวลานานเมื่อขึ้นรถ ถังหว่านก็ยิ้มพูด: “คุณว่าวันนี้หลี่ฮุ่ยหรานจะมาไหมนะ?”หลินเฟิงคำนวณเวลา เมื่อวานหลี่ฮุ่ยหรานน่าจะได้รับยาของตัวเองแล้วใบหน้าของเธอน่าจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว“น่าจะไปมั้ง”ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงไซต์งานที่รกร้างตรงเขตซีเฉิงรอบด้านมีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่เต็มไปหมด บนพื้นยังปูพรมแดงอีกด้วยเถ้าแก่หลายคนในเมืองเจียงโจวก็มาร่วมครึกครื้นที่รกร้างแห่งนี้ จึงคึกคักขึ้นมาหลังจากถังหว่านจอดรถก็มองหลินเฟิงผ่านกระจกมองหลังแล้วถามขึ้น: “อีกเดี๋ยวฉันจะไปคบค้าสมาคมกับเถ้าแก่คนอื่น ๆ หน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม?”“ช่างเถอะ ผมไม่ชอบพูดคุยเรื่อยเปื่อย ให้ฉินอิ๋งไปกับคุณเถอะ มีเรื่องอะไรคุณค่อยเรียกผม”ถังหว่านพยักหน้า: “ได้ งั้นคุณเดินเล่นตามสบาย มีอะไรฉันจะติดต่อคุณ”หลินเฟิงพยักหน้าเมื่อถังหว่านลงจากรถก็ถูกเถ้าแก่จำนวนหลายค
แน่นอนว่าหวางเส้าหลงไม่เชื่อที่จางกุ้ยหลานพูด และคิดว่าเธอก็แค่คุยโวโอ้อวดโบกไม้โบกมืออย่างทนไม่ไหว: “พอแล้วๆ อย่ามาทำให้ผมชักช้าอยู่ตรงนี้”พูดจบก็โอบเอวแฟนสาวหุ่นนางแบบเดินจากไปจางฮุ้ยหลานยังอยากจะแก้ตัวอีกสักหน่อย และหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา: “เขาขี้เกียจสนใจคุณ แต่คุณยังจะเสนอหน้าทำดีกับเขาอีก”“นายเงียบไปเลยนะ นี่มันเกี่ยวอะไรกับนาย?”จางฮุ่ยหลานถลึงตาดุใส่เขาถังหว่านในเวลาก็ถือไมโครโฟนเดินขึ้นมากลางเวทีใบหน้าเผยรอยยิ้มด้วยความเป็นอาชีพ: “วันนี้เป็นพิธีตัดริบบิ้นเปิดโครงการซีเฉิง ก่อนอื่นฉันอยากแนะนำพาร์ตเนอร์ของฉันสักหน่อยค่ะ...”“ประธานกรรมการของหลี่ซื่อกรุ๊ป คุณหลี่ฮุ่ยหราน...”ถังหว่านพูดจบเสียงปรบมือด้านล่างเวทีก็ดังกึกก้องขึ้นในทันทีเห็นเพียงหลี่ฮุ่ยหรานสวมกระโปรงยาวสีฟ้า และเดินจับชายกระโปรงเดินขึ้นไปอย่างช้าๆหวางเส้าหลงปรบมือแบบส่งไปที แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้ารูปไข่สวยไร้ที่ติของหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนกรามแทบค้างดวงตาคู่นั้นจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความที่ไม่ยากจะเชื่อ“นี่...นี่แม่งเป็นไปได้ไง?”เขาเห็นกับตาว่าแผลเป็นจากคมมีดบนหน้
นับตั้งแต่ที่ไดนาสตี้บาร์ครั้งก่อน ทำให้รู้จักหน้าคร่าตาของหวางเส้าหลงเธอก็รังเกียจหวางเส้าหลงมากเหมือนกันแม้หลินเฟิงจะเป็นคนไร้ประโยชน์ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่เหมือนหวางเส้าหลงที่จอมปลอมขนาดนั้นตัวเธอเองมองคนผิดไปแล้วจริงๆหวางเส้าหลงรู้ว่าหลี่ฮุ้ยหรานยังโกรธอยู่จึงหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดขึ้น: “ฮุ้ยหราน ที่ผ่านมาผมไม่ดีเอง ผมไม่ควรเอาดีเข้าตัวเลย”“ผมรับรองว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกเป็นอันขาด คุณให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ”หลี่ฮุ้ยหรานหัวเราะด้วยเย็นชา: “โอกาสอะไร? ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทอะไรกันไม่ใช่เหรอ?”หวางเส้าหลงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง หลี่ฮุ้ยหรานในเวลานี้ไม่คิดจะคืนดีกับเขาแล้วมองดูหลี่ฮุ้ยหรานหายไปท่ามกลางฝูงชนหวางเส้าหลงโกรธจนกัดฟันกรอดและกำหมัดแน่น ในใจก็ด่าขึ้นว่า: “เดี๋ยวได้เจอดีแน่ หลี่ฮุ้ยหราน”“ฉันช่วยให้มึงได้ร่วมมือกับตระกูลถัง ไม่คิดเลยว่ามึงแม่งยังกล้าถีบส่งฉัน”“ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้แกได้ชดใช้”หลินเฟิงนั่งอาบแดดอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ด้านล่างเวทีหลี่ฮุ้ยหรานในเวลานี้ได้เดินมาจากทางด้านหลังของเขา และนั่งลงข้างๆ เขาหลินเฟิงลืมตาขึ้นอย่า
หลินเฟิงได้ยินประโยคนี้ก็ขมวดคิ้วในทันทีสู่ขอ และยังจะเป็นดองกับจางเต๋อหลินด้วยเนี่ยนะ? เหมือนจางเต๋อหลินจะมีหลานสาวที่มีอายุพอจะแต่งงานได้แค่คนเดียวด้วยสิคงไม่ใช่จางเจียหนิงหรอกนะ?เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มเบาๆ แล้วพูดขึ้น: “เหวินเชาวางใจเถอะนะ ลุงไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย”“ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นพ่อสื่อให้กับหนู ยังจะช่วยแนะนำงานให้กับหนูด้วย”เดิมทีเขาไม่อยากที่จะรับปากเรื่องนี้เลย แต่เมื่อคืนวานเขาคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบขึ้นได้ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้กับหลี่เหวินเชา แถมยังทำให้หลี่เหวินเชาได้มีงานที่ไม่เลวงานหนึ่งทำหลี่เหวินเชาทำหน้าสีตกตะลึง: “ยังช่วยผม...หางานด้วยงั้นเหรอครับ?“งานอะไรเหรอครับ?” เขาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจส่วนตัวเขาไม่คิดที่จะอยากทำงานเลยสักนิด หากจะต้องทำงานไม่สู้ใช้ชีวิตไปกับวันกับพี่สาวของตัวเองอยู่อย่างนั้นดีกว่าเลี่ยวกั๋วต้งยิ้มพร้อมพูดขึ้น: “ทำงานให้กับคุณหนูถัง”“ซืด...ทำงานเป็นลูกน้องของถังหว่านงั้นเหรอ?” จางกุ้ยหลานตกใจได้ทำงานอยู่ข้างกายของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง นั่นเป็นงานที่ใครหลายคนใฝ่หาและใช่ว่าจะได้มา“กั๋วต้ง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งขนา
“พวกเขามาแก้แค้น?”ถังหว่านส่ายหัว: “ไม่แน่ใจ...เจอหน้าเดี๋ยวก็รู้เอง”ฝ่ายตรงข้ามมีเป้าหมายอะไรกันแน่ยังไม่แน่ใจนักแต่แน่นอนว่าถังหว่านจะประหม่าไม่ได้จึงต้องพาหลินเฟิงและฉินอิ๋งไปเจรจาด้วยหลินเฟิงและฉินอิ๋งเดินตามหังถังหว่านอย่างเงียบๆทั้งสามคนเดินมาถึงสุดทางเดิน ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องรับรองที่เหลืองอร่ามแวววาวชายวัยกลางคนสวมสูทกำลังเล่นจอกเหล้าอยู่ภายในห้องด้านหลังของเขามีชายสามคนยืนอยู่ โดยเป็นชายชราผมหงอกสวมเสื้อคลุมยาวคนหนึ่งและชายหนุ่มหุ่นล่ำอีกสองคนทั้งสามวางมาดไม่ธรรมดา แววตาคมกริบ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นบอดี้การ์ดชายวัยกลางคนนั่นพอเห็นถังหว่านเดินเข้ามา ชายคนนั้นก็วางจอกเหล้าที่อยู่ในมือลงแล้วเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรออกมา: “คุณหนูถัง ช่างให้ผมรอนานมากเลยนะ”ถังหว่านนั่งลงตรงข้ามกับชายคนนั้นแล้วยิ้มเบาๆ: “คุณเซี่ยงคะ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ เมื่อครู่มีพิธีตัดริบบิ้นโครงการที่ก่อตั้งใหม่ก็เลยมาสายนิดหน่อยค่ะ”ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คือเซี่ยงตงเซิง ปู่รองของตระกูลเซี่ยงโดยปกติจะรับผิดชอบจัดการธุระต่างๆ ทั้งหมดของตระกูลเซี่ยงเซี่ยงตงเซิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
ฉินอิ๋งส่งสายตาให้กับหลินเฟิงในทันทีเธอลังเลเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งถ้าไม่ตอบตกลงก็จะดูเหมือนกับว่าตัวเองนั้นขี้ขลาด และทำให้พี่หว่านเอ๋อรต้องหายหน้าถ้าตอบตกลงก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายอะไรพี่หลินแสดงท่าทีว่ายังไงก็ได้ และก็ถือว่าตอบตกลงแล้วมันจะทำไม“ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าไป๋อยากจะประลองยังไง?”ไป๋จินเต๋อยิ้มแล้วพูดขึ้น: “คนแก่อย่างผมอายุอานามปูนี้แล้วร่างกายก็ถดถอย สู้คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณไม่ได้แล้ว”“ให้ลูกศิษย์ของผมสองคนนี้ไปประลองฝีมือกับพวกคุณจะดีกว่าไหม?”หลินเฟิงหรี่ตาลงผู้เฒ่าคนนี้ลมปราณล้ำลึก ลมปราณภายในก็มั่นคง ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าลูกศิษย์ทั้งสองกี่เท่าคิดไม่ถึงว่าจะถ่อมตัวแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่คิดจะลงมือจริงๆ นะครั้งนี้น่าจะเป็นแค่การลองเชิง“ได้สิ งั้นวันนี้เรามารู้จักกันด้วยการประลองยุทธ”ไป๋จินเต๋อหันไปมองลูกศิษย์ทั้งสองคนของตัวเอง: “เทียนซิง ตี้ส้า พวกนายสองคนใครจะประลองก่อนดี?”ฉินอิ๋งก้าวออกมาก่อนเลยพร้อมกับพูดว่า: “ก็ไม่ทำเป็นต้องให้คุณหลินต้องลงมือหรอกค่ะ ให้ฉันเป็นคนที่จะประลองกับพวกเขาทั้งสองคนเองค่ะ”“พวกคุณทั้งสองคนก็เข้ามาพร้อมกันเถอะค่ะ”หลิ
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถตู้ไม่น้อยกว่าสิบคันจอดที่บริเวณด้านนอกคฤหาสน์กองกำลังของทั้งสองฝ่ายรวมเข้าด้วยกันคนหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดสูทสีดำและแว่นตากันแดด ;และอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทรงผมเกินจริง เช่นสีแดง เหลือง น้ำเงินและเขียว ที่มองดูแล้วราวกับอันธพาลข้างถนน“ใครกล้าตีเจี๋ยเจี๋ยน้อยของฉันกัน!”หญิงวัยกลางคนที่มีมาดไม่น้อยลงจากรถหรูคันหนึ่ง เธอสวมเสื้อกั๊กขนมิ้งค์ พร้อมกับชุดเดรสสีดำที่ประดับด้วยเพชรแต่เพราะว่าเธออ้วนเกินไป ชุดเดรสสีดำตัวนี้ก็เลยเหมือนกับหมูอ้วนที่ใส่ถุงน่องที่คนธรรมดาทั่วไปแค่มองดูก็รู้สึกเบื่อหน่ายจนกินข้าวไม่ลงหัวหน้ากลุ่มอันธพาลอีกคนที่แต่งทรงผมเกินจริง ก็โบกเหล็กที่อยู่ในมือไปมา แล้วตะโกนว่าใครกล้าแตะต้องตัวผู้จัดการในสถานที่นี้ของพวกเขา“เป็นเขา!”เมื่อสวี่เจี๋ยเห็นทั้งสองคนมาเร็วขนาดนี้ แถมยังพาคนมามากขนาดนี้ทันใดนั้นก็ตกตะลึงทันทีเขารีบไปต้อนรับ และชี้ไปทางหลินเฟิงที่กำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ไกล ๆ“เอ๊ะ?”หญิงอ้วนคนนั้นเห็นหลินเฟิง ก็มองตั้งแต่หัวจรดเท้า จู่ ๆแววตาก็สว่างวาบขึ้นมาทันทีถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหน้าตาไม่ค่อยดีนักแต่กลับมีนิส
หลินเฟิงที่ไม่ได้เตรียมตัวที่จะถูกสาดน้ำใส่ในตอนแรกรู้สึกสับสนเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่ยั่วยุของไอ้หนุ่มคนนี้ ก็โกรธขึ้นมาทันที “อยากตายเหรอ?”หลินเฟิงค่อย ๆเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายสวี่เจี๋ยที่ถูกหลินเฟิงทำให้ตกใจกลัว แต่ไม่นานก็กลับมาสงบเยือกเย็นเหมือนเดิม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยว่า :“โอ๊ย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ไอ้หนุ่มอย่างคุณยังเก่งเรื่องที่ทำให้คนอื่นตกใจกลัวอีกด้วย บอกผมมาสิ ว่าอันธพาลอย่างคุณมาจากที่ไหน?”“อันธพาลที่ไหน?หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจที่จะสุภาพกับชายหนุ่มคนนี้อีก ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเขา แล้วกระแทกเขาทั้งร่างลงบนโต๊ะเสียงโต๊ะแตกหักกระจายดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบทันที“เอ๊ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เอ๊ะ? นั้นไม่ใช่สวี่เจี๋ยหรอกเหรอ? พระเจ้า สวี่เจี๋ย ถูกคนตีงั้นเหรอ?”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่จ้องมองมาจากรอบด้านแล้ว สวี่เจี๋ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดในตอนนี้ ก็คุกเข่าลงอย่างมึนงงเล็กน้อยที่เท้าของหลินเฟิง ไอ้หนุ่มคนนี้จะพูดว่าลงมือ ก็ลงมือเลยอย่างนั้นเหรอ?“ผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย ออกไปให้พ้นซะ”หลินเฟิงลูบผ
อย่างไรก็ตามขณะที่จางกุ้ยหลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีหญิงวัยกลางคนหลาย ๆคนที่อยู่ไกล ๆเอ่ยเรียกชื่อของสวี่เจี๋ยขึ้นมา“พี่จาง คุณไม่ต้องรีบร้อน ฉันจะมาเดี๋ยวนี้”หลังจากที่ทักทายกันแล้ว สวี่เจี๋ยก็พยักหน้าและยิ้มให้กับจางกุ้ยหลานและลูกสาวพร้อมกับพูดว่า :“สาวสวยทั้งสอง ต้องขอโทษด้วยที่ฉันต้องขอตัวก่อน”และสุดท้ายก่อนที่แยกจากไป เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเป่าผิวปากไปทางหลี่ฮุ่ยหราน“หึหึ สวี่เฉิงเฮ่าคุณช่างมีลูกชายที่ดีจริง ๆ”จางกุ้ยหลานมองไปทางซู่เจี่ยที่แยกจากไป โดยไม่ลืมที่จะหยอกล้อสวี่เฉิงเฮ่า“หึหึ ไอ้หนุ่มหน้าโง่นั่น ไม่มีความสามารถอย่างอื่นเลย เก่งแต่เรื่องใช้ปากพูดนั้นแหละ”หลังจากที่พูดจบ สวี่เฉิงเฮ่าก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน แล้วถามหยั่งเชิงว่า :“เป็นอย่างไรบ้างล่ะฮุ่ยหราน ไม่ว่าจะพูดยังไงลูกชายของผมก็เป็นถึงผู้จัดการระดับภูมิภาคเลยนะ”“ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของอดีตสามีของคุณกับคุณก็ตาม แต่จากที่ผมได้ยินสิ่งที่แม่คุณบอกมา ก็รู้สึกว่าอดีตสามีคนนี้ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือเลยนะ”“ใช่แล้วฮุ่ยหราน ลูกดูสิว่าสวี่เจี๋ยพูดเก่งแค่ไหน ไม่เหมือนกับหลินเฟิง ที่จะหาเรื่องแม่เท
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว!”สวี่เฉิงเฮ่ารีบโบกมือไปมา พร้อมกับพูดว่า :“ผมกำลังพูดลูกชายของผม ลูกชายของผมตอนนี้อายุก็น่าจะใกล้เคียงกับฮุ่ยหราน แถมยังทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่อีกด้วย อนาคตไร้ขีดจำกัด”ในขณะที่พูดแบบนี้ออกมา สวี่เฉิงเฮ่าก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียดายเงียบ ๆถ้าการคัดค้านของแม่ลูกคู่นี้ ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้เขาก็อยากลองดูสักตั้งในเมื่อหลี่ฮุ่ยหรานก็เติบโตมาสวยจริง ๆเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศมังกรและเพราะว่าอยู่ในตำแหน่งสูง บรรยากาศรอบตัวก็เลยทั้งเย็นชาและมืดมนผู้ชายแทบจะทุกคน ต่างก็ต้องการที่จะเอาชนะหญิงสาวผู้เย็นชาแบบนี้จากใจจริงแม้ว่าอายุจะแตกต่างกันมากก็ตามไอ้แก่คนนี้ก็มีความคิดอย่างอื่นเหมือนกันหลังจากได้ยินสวี่เฉิงเฮ่าอธิบาย ท่าทางของจางกุ้ยหลานก็ดีขึ้นไม่น้อย ในตอนที่จางกุ้ยหลานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลี่ฮุ่ยหรานก็ปฏิเสธขึ้นมาทันที“ลุงเฉิงเฮ่า ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ถึงแม้ฉันกับหลินเฟิงจะหย่ากันแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ยังดีกันมาก และพวกเราก็จะแต่งงานกันใหม่เร็ว ๆนี้อีกครั้ง”เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฮุ่ยหราน สวี่เ
เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเฝิงอวี้อู่ก็พอจะเข้าใจ ดังนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า :“งั้นอาจารย์ ผมขอเข้าไปก่อน หากตระกูลชางยังกล้าห้ามคุณอีก คุณเรียกผมได้เลยนะ”“ได้”หลังจากที่มองส่งเฝิงอวี้อู่เข้าไปในหอประชุม รวมถึงคนสำคัญและคนดังมากมายจากทั้งเมืองหนิงโจว ที่รวมตัวกันอยู่รอบตัวเขาแยกจากไป หลินเฟิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีคนที่สนใจตัวเองน้อยลงแล้วเพราะอย่างนั้นเขาจึงเดินไปหยิบอาหารจากโต๊ะบุพเฟ่ต์ที่ด้านนอกของหอประชุมมานั่งกินคนเดียวในมุมหนึ่งแล้วตอนนี้ก็รอแค่จ้าวเทียนหวาและเสื้อสูทตัวใหม่ของตัวเองมาเท่านั้นและภายในหอประชุมภายในหอประชุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยตระกูลร่ำรวยและนักธุรกิจที่มาจากทั่วเมืองหนิงโจวพิธีแต่งงานยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ เพราะอย่างนั้นคนเหล่านี้จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มสองสามคนเพื่อที่จะสนทนาด้วยกัน“ชุดนี้สวยมาก ฮุ่ยหรานสวมแล้วดูเหมาะสมอย่างมาก!”“ใช่ ใช่ ถ้าลูกสาวของฉันสวยอย่างนี้ก็ดีแล้ว”ในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานกำลังถือแก้วไวน์พร้อมกับมองตรง
“นี่...คุณชายเฝิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราพูด แต่เป็นคำพูดของคุณชายชาง เขา...”“เพียะ!”ไม่รอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอธิบายจบ เฝิงอวี้อู่ก็ตบไปที่หน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นเฝิงอวี้อู่ตบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นอย่างแรงจนริมฝีปากแตกมีเลือดออก และทรุดลงไปนั่งที่พื้น“ไอ้สารเลว!”เฝิงอวี้อู่กำหมัดแน่น แล้วตวาดด่าทอว่า :“ที่อาจารย์ของฉันมา ก็เพราะให้เกียรติพวกคุณ!”“ไอ้พวกสารเลวที่ดูถูกคนอื่น ไม่รู้หรือไงว่าฐานะอาจารย์ของฉันคืออะไร? ในสายตาของอาจารย์ของฉัน ตระกูลชางของพวกคุณก็ไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งนั้น!“แล้วพวกคุณยังจะมาจับอาจารย์ของฉันไปอีกงั้นเหรอ?”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฝิงอวี้อู่ก็โกรธจนหัวเราะออกมา“ เชื่อไหมว่า วันนี้ตระกูลเฝิงของฉันก็จะส่งคนมาที่จัดการตระกูลชางของพวกคุณเหมือนกัน?!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้นเหล่าคนดัง นักธุรกิจและลูกหลานเศรษฐีจากตระกูลใหญ่ในเมืองหนิงโจวต่างก็พากันตกตะลึงกันหมดพวกเขาอดไม่ได้ที่จะใช้สายตาของตัวเองมองไปทางหลินเฟิงคน ๆนี้มีเบื้องหลังอย่างไรกันแน่?สามารถทำให้ตระกูลเฝิงฆ่า
คำนับหลินเฟิงสามครั้งต่อหน้าคนทั้งหมด แล้วก็กลืนเม็ดยาสีเขียวสดด้วยสีหน้าขอบคุณเม็ดยาสีเขียวสดเพิ่งจะเข้าปาก มันก็เปลี่ยนเป็นลมหายใจสีเขียวบริสุทธิ์ แล้วไหลลงลำคอของเฝิงอวี้อู่“โผละ!”รูม่านตาของเฝิงอวี้อู่หดตัวลงทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจมหาศาลที่อยู่ในยาเม็ดนี้ได้ทันที ไม่รอให้เขาได้กลั่นมัน ก็ได้ยินเสียงแตกดังมาจากทุกส่วนของร่างกายของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงนี้ เฝิงอวี้อู่ไม่เพียงแต่จะไม่ตื่นตระหนก แต่กลับดีใจอย่างมากเพราะว่านี่คือเสียงที่สร้างกระดูกใหม่ และตันเถียนที่ซ่อมแซมจนขยายตัวออกแล้วท่ามกลางเสียงน้ำไหลที่มีเพียงเฝิงอวี้อู่เท่านั้นที่ได้ยิน ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตันเถียนหดตัวของตัวเองนั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยพลังชี่แท้จำนวนมากแถมพลังชี่แท้พวกนี้ยังเป็นของเหลวที่ไหลเวียนผ่านเส้นลมปราณไปทั่วร่างกายของเขา เพื่อชดเชยอวัยวะและร่างกายที่สูญเสียไป“นี่...ยาเม็ดนี้ ...จริง ๆแล้วยาเม็ดนี้ก็คือ.....”เฝิงอวี้อู่ตกตะลึงเมื่อกี้ยังรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษอยู่เลย สีหน้าก็ขาวซีดเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับมีสีชมพู แถมทั้งร่างกายก็รู้สึกเบาผิดปกติ จนแทบอยากจะกระโดดสูงหลาย ๆเมตร
ชายคนนี้รีบสลัดแขกทั้งหมดที่มารวมตัวกันอยู่รอบตัวเขาทิ้งทันที แม้แต่หุ้นส่วนทางธุรกิจ นักธุรกิจและคนดังของตระกูลเฝิงอีกมากมายเฝิงอวี้อู่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรต่อพวกเขา แล้วปล่อยพวกเขาเอาไว้โดยที่ไม่ได้สนใจเขารีบก้าวเข้าไปหาหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วพูดว่า :“อาจารย์ คุณมาที่เมืองหนิงโจวได้ยังไง? คุณมาเมืองหนิงโจวแล้ว ทำไมไม่บอกผมสักคำล่ะ?”ชายคนนี้ที่เรียกอาจารย์หลินเฟิงก็คือเฝิงอวี้อู่ คุณชายใหญ่ของตระกูลเฝิงแห่งเมืองหนิงโจว ที่เพิ่งฟื้นจากอาการป่วยหนักแถมยังเป็นเฝิงอวี้อู่ที่หยิ่งยโสอีกด้วยคาดไม่ถึงว่าจะคุกเข่าลงตรงหน้าชายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรด้วยความจริงใจแบบนี้ ทำให้เหล่าคนดังจากทุกวงการที่เข้ามาอยู่รอบ ๆเฝิงอวี้อู่ ต่างก็ค่อย ๆพากันหยุดและตื่นตะลึง ต้องรู้ว่า เฝิงอวี้อู่ที่ได้มาเป็นลูกศิษย์ของหลินเฟิงนั้น เรื่องนี้ตระกูลเฝิงไม่ได้เผยแพร่ออกไป และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าเฝิงอวี้อู่เรียกชายหนุ่มคนนี้ว่าอาจารย์ จู่ ๆผู้คนทั้งหมดก็ตกอยูในตะลึงไม่เพียงแค่นี้เฝิงไฉ่เซวียนและเฝิงไฉ่อิ๋ง สองสาวที่ติดตามเ
เดิมทีคิดว่าคราวนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้คืนดีกันแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้“ไอ้หนุ่ม ดูสิ แม่ยายของนายพูดขนาดนี้แล้ว นายก็ควรจะรีบไปนะ จะได้ไม่ต้องอับอายที่นี่”ไป๋ถงยิ้มอย่างดูถูกหลินเฟิงจากนั้น เขาก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานอีกครั้งด้วยแววตาที่หลงใหล ก่อนจะโน้มน้าวว่า :“คุณหลี่ฮุ่ยหราน คุณทั้งสวยและยอดเยี่ยมขนาดนี้ แล้วยังบริหารบริษัทใหญ่อย่างหลี่ซื่อกรุ๊ปอีก จะหาผู้ชายแบบไหนไม่ได้บ้าง?”“ทำไมถึงต้องไปหาคนขี้ขลาดแบบนี้ด้วย?”“หาผู้ชายแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเองเสียหน้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการพัฒนาและภาพลักษณ์ของหลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมดอีกด้วย ผมแนะนำให้คุณวางแผนไว้ล่วงหน้า” เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง แล้วเอาไปใส่ไว้ในมือของหลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพบุรุษว่า :“คุณหลี่ฮุ่ยหราน หากคุณต้องการอะไร สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา สำหรับหญิงสาวที่มีความสามารถและทักษะอย่างคุณ การที่ผมจะย้ายไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”พูดจบเขากับแม่ของเขาเมิ่งโหย่วฟาง ก็จากไปด้วยท่าทางของผู้ชนะเหลือเพียงแค่หลี่ฮุ