Home / รักโบราณ / หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง / หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นบ้า

Share

หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นบ้า

Author: l3oonm@
last update Huling Na-update: 2025-09-23 22:03:46

หลิงเฟิ่งลอบมองไปทางครัวว่านางจูซื่อใกล้ออกมายัง เมื่อเห็นว่านางยังคงวุ่นวายจัดอาหารใส่ชาม หลิงเฟิ่งจึงได้รีบใช้นิ้วจิ้มเกลือแล้วถูฟันของนางทันที

“เสร็จกันหรือยัง” นางจูจื่อเดินเข้ามาดูทั้งสองที่ช่วยกันล้างหน้าอยู่

พรืดดดดด หลิงเฟิ่งกำลังกลั้วน้ำอยู่ในปาก ตกใจเสียงของนางจูซื่อที่เอ่ยถามอยู่ด้านข้าง จึงได้พ่นน้ำออกมา โดนใบหน้าของชุยหยุนเต็มๆ

“ฮ่า ฮ่า” นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ยิ่งเห็นเขาลูบน้ำออกจากใบหน้า นางก็ยิ่งหัวเราะเพิ่มขึ้นอีก

“ตายแล้ว เฟิ่งเออร์เล่นเช่นนี้ไม่ได้” จูซื่อรีบเดินเข้ามาดึงแก้วออกจากมือของหลิงเฟิ่ง แล้วดึงผ้าที่มือของชุยหยุนไปเช็ดใบหน้าของหลิงเฟิ่งอีกครั้ง พร้อมทั้งสอนนางไปด้วย

“อาหยุน อย่าได้โกรธเคืองเฟิ่งเออร์นางเลย นางมิรู้ความ เจ้ารีบล้างหน้าเสีย ประเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด” หลิงเฟิ่งที่ถูกจูซื่อลากไปที่ห้องครัว นางยังอดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้

ชุยหยุนได้แต่กัดฟันแน่นมองตามแผ่นหลังที่สั่นสะท้านจากการกลั้นเสียงหัวเราะของนางไปอย่างไม่สบอารมณ์ นางไม่รู้ความอันใด นางรู้ทุกสิ่งเป็นอย่างดี

ระหว่างที่นั่งกินอาหาร หลิงเฟิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของชุยหยุนเลย นางกลัวว่าจะหลุดหัวเราะออกมาอีก

"ต่อไปเจ้าไม่ต้องช่วยนางล้างหน้าแล้ว แม่จะทำเอง” จูซื่อเห็นสายตาของบุตรชายที่จ้องมองหลิงเฟิ่งเขม็งจึงได้เอ่ยออกมา

“ไม่เป็นอันใดขอรับ ครั้งหน้านางคงไม่กล้าแล้ว หากข้าช่วยเหลือสิ่งใดท่านได้ ข้าก็อยากจะช่วย ท่านแม่เหนื่อยเพราะข้ามานานเหลือเกิน”

มือที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากของหลิงเฟิ่งชะงักนิ่ง ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมามองสองแม่ลูก นางจูซื่อดูแก่ชรากว่าวัยของนางมากจริงๆ เมื่อนางต้องเลี้ยงดูบุตรชายเพียงลำพัง หลังจากที่เสียสามีในสนามรบเมื่อหลายปีก่อน

ชุยหยุนที่ป่วยมาตั้งแต่เล็ก จึงไม่อาจจะแบ่งเบางานหนักเบาจากผู้เป็นมารดาได้เลย

“เจ้าหายดีแล้วจริงรึ” นางเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ แต่ใบหน้าของบุตรชายก็ดูดีขึ้นมาจริงๆ

“ข้าดีขึ้นแล้วขอรับ เอ่อ...ท่านแม่ ท่านยังพอมีเงินเหลืออยู่หรือไม่ขอรับ คือว่า...เตียงในห้องข้ามันคับแคบยิ่งนัก” เขาเอ่ยเสียงเบาอย่างละอายใจ

“อีกสองสามวันแม่ปักผ้าเสร็จจะเปลี่ยนให้เจ้า ตอนนี้ก็ให้เฟิ่งเออร์นางย้ายมานอนกับแม่ก่อนก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องขอรับ นางเป็นตัวนำโชคช่วยให้ร่างกายของข้าดีขึ้น หากนางอยู่ใกล้ข้าไม่แน่ว่า...ข้าอาจจะหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ก็ได้ขอรับท่านแม่”

หลิงเฟิ่งที่กำลังดีใจ ที่นางจะได้ไม่ต้องทนนอนเบียดกับชุยหยุน แต่ก็ถูกเขาขัดขวางเอาไว้เสียก่อน นางจึงหันไปมองเขาอย่างรวดเร็ว

“เห็นหรือไม่ ท่านแม่ เฟิ่งเออร์ก็คงต้องการร่วมห้องกับข้าเช่นกัน โอ๊ยยย” ชุยหยุนกำลังยกยิ้มเยาะหลิงเฟิ่งที่ได้เอาคืนนางที่พ่นน้ำใส่หน้าเขา ก็ต้องร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกหลิงเฟิ่งเตะที่ขาอย่างแรง

“อาหยุน เจ้าเจ็บที่ใด เป็นอันใดขึ้นมาอีก” จูซื่อรีบลุกขึ้นมาดูบุตรชาย คิดว่าอาการเจ็บป่วยของเขากำเริบขึ้นมาอีกแล้ว

“ไม่ ไม่มีอันใดขอรับ ข้าเพียงโดนแมลงกัดเท่านั้น” เขากัดฟันแน่น มองหลิงเฟิ่งที่กลับไปเป็นบ้าอีกครั้งแล้ว

“ไหน ให้แม่ดูหน่อย”

“หายแล้วท่านแม่ แค่โดนแมลงกัดท่านอย่าได้กังวล รีบกินข้าวต่อเถิดขอรับ ท่านยังต้องไปที่เรือนตระกูลหลี่อีก”

“ใช่ ๆ เกือบลืมไป แล้วหนังสือตัดขาด ต่อไปเฟิ่งเออร์นางจะใช้แซ่มารดาของนางรึ”

หลิงเฟิ่งก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท นางส่งสายตาให้ชุยหยุน เพื่อให้เขาแยกพานางไปคุยเรื่องแซ่ของนางก่อน

“ข้าจะตั้งแซ่ให้นางใหม่ขอรับท่านแม่”

“ได้ที่ไหนกัน มันต้องใช้เงินเยอะ หากจะตั้งแซ่ใหม่ เหตุใดเจ้าไม่ให้นางไปใช้แซ่เดิมของมารดานางเล่า” จูซื่อมองตำหนิบุตรชายที่ทำเรื่องให้ยุ่งยากขึ้น

“เช่นนั้น ท่านแม่ขอเพียงหนังสือตัดขาดมาเสียก่อน เรื่องแซ่นางค่อยว่ากันอีกครั้งเถิดขอรับ”

“ตามใจ” จูซื่อไม่อยากขัดใจบุตรชาย นางจึงได้แต่พยักหน้ารับ

ด้วยเห็นว่าหลิงเฟิ่งสติไม่สมประกอบ ต่อให้นางมีแซ่หรือไม่ก็คงไม่ได้ออกไปที่ใด นอกจากอยู่ภายในหมู่บ้านเท่านั้น

เมื่อกินข้าวอิ่มเรียบร้อย ชุยหยุนที่ไม่ได้ช่วยงานมารดามานาน ก็เก็บชามไปล้างเอง แต่พอนางจูซื่อออกจากเรือนไปที่เรือนตระกูลหลี่ ชุยหยุนก็ยกหน้าที่ต่อให้หลิงเฟิ่งทันที

“เจ้าไปล้าง โทษฐานที่พ่นน้ำใส่หน้าข้า”

“ฮ่า ฮ่า ยังโกรธอยู่อีกรึ หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นบ้า” หลิงเฟิ่งมองเขาอย่างหยอกล้อ

“หึ” เขาเดินหนีเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้หลิงเฟิ่งหัวเราะไล่ตามหลังมาอย่างหัวเสีย

หลิงเฟิ่งนางจัดการล้างชามจนเรียบร้อย ก็คิดจะอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย แต่เมื่อเข้าไปในห้องของชุยหยุน นางก็เพิ่งจะได้รู้ว่า มิได้มีข้าวของติดตัวมาด้วยเลย

“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนเลย ท่านช่วยพาข้ากลับไปเอาของได้หรือไม่”

“อืม” ชุยหยุนกำลังเดินนำออกไปจากห้อง แต่ถูกมือของหลิงเฟิ่งดึงเอาไว้ก่อน

“หากออกไปเช่นนี้ ชาวบ้านก็ได้รู้กันพอดี ว่าท่านหายป่วยแล้ว ตามข้ามา” นางดึงเขาไปที่ห้องครัว

ชุยหยุนยืนมองการกระทำของนางอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ว่าอันใด

“เจ้า!!!” เขาตกตะลึงนิ่งค้างไป เมื่อหลิงเฟิ่งกอบขี้เถ้าขึ้นมาถูใบหน้าของเขา

“อืม...ค่อยดูเหมือนคนใกล้ตายหน่อย” ใบหน้าของชุยหยุนถูกสีของขี้เถ้า ทำให้ทั้งดำ ทั้งซีดขาว ราวกับว่าเป็นคนตายเช่นที่หลิงเฟิ่งนางว่าเลย

“ข้าไม่ไปแล้ว เจ้าไปเองเลย” เขาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่สีของขี้เถ้าก็ปิดไม่มิด

“ข้าช่วยท่านอยู่ ไม่เห็นต้องโกรธเพียงนี้ ไม่ไปก็ไม่ต้องไป ข้าไปเองได้” หลิงเฟิ่งยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูเรือน

แต่พอนางจะปิดประตูเรือน ก็ถูกมือหนาของชุยหยุนจับเอาไว้ พร้อมทั้งจูงพาเดินไปที่เรือนตระกูลหลี่

“ไหนบอกไม่มาอย่างไรเล่า” นางกระซิบถามเขาอย่างหยอกล้อ

“พูดมาก” เขาลากนางให้เดินเร็วขึ้น

“เดินช้าๆ ท่านอย่าลืมว่าท่านกำลังป่วยอยู่” ฝีเท้าของชุยหยุนผ่อนความเร็วลง

ชาวบ้านที่พวกเขาเดินผ่านได้แต่มองมาทางทั้งสองอย่างเห็นใจ บางคนก็ขบขันที่คนหนึ่งใกล้ตาย อีกคนก็เสียสติ หลิงเฟิ่งอดเห็นใจชุยหยุนไม่ได้ ที่เขาต้องมาแสดงงิ้วร่วมไปกับนางด้วย

“นังบ้า หลิงเฟิ่ง”

“หลิงเฟิ่งหญิงบ้า”

“ศพเดินได้”

“พี่หยุนพาเจ้าสาวบ้าออกมาเดินเล่น ฮ่า ฮ่า”

เสียงเด็กน้อยวิ่งห้อมล้อมคนทั้งสอง พร้อมทั้งตะโกนด่าทอกันอย่างสนุกสนาน

“พ่อแม่ ไม่สั่งสอน ข้าจะสอนเอง” นางพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะสลัดมือของชุยหยุนทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปหากลุ่มเด็กที่กำลังล้อเลียนนางกับชุยหยุนอยู่

“แฮร่ แฮร่...” หลิงเฟิ่งชูมือขึ้นมาทั้งสองข้าง ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง แล้ววิ่งเข้าใส่กลุ่มเด็กๆ จนแตกกระเจิง

“ฮ่า ฮ่า แฮร่...” นางไล่ตามไปไม่ไกลก็หยุดลงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะตะโกนไล่หลังไปอีกครั้ง

“เฟิ่งเออร์ มานี่” ชุยหยุนขบขันก็ขบขัน โมโหก็โมโห ที่นางทำตัวราวกับหญิงเสียสติจริงๆ

“แฮร่” นางมาหยุดหลอกตรงหน้าชุยหยุน

“พอแล้ว ไปกันหมดแล้ว” เขาดึงมือของนางมาจูงเดินต่อ “เจ้าไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย” เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา

“ก็ข้าเป็นหญิงบ้า ก็ควรทำให้เหมือนเสียหน่อย” นางกลับไปเลื่อนลอย สนใจท้องฟ้า ยอดไม้ แต่ปากก็เอ่ยตอบโต้เขากลับไปด้วย

“แล้วเมื่อใดเจ้าถึงจะเลิกทำ” เขาหันมามองนางอย่างชื่นชม หากไม่รู้ว่าสิ่งที่นางทำอยู่เป็นเพียงการแสดงก็คงเชื่อว่านางบ้าจริงๆ

“เมื่อ...ข้าออกไปจากที่หมู่บ้านนี้” หากได้ออกไป นางก็ได้เลิกแกล้งบ้าเสียที

“อืม” เขาตอบรับเบาๆ ทั้งยังเชื่อว่า คนฉลาดเช่นนางอีกไม่นานคงได้ออกไปจากหมู่บ้านหู่เซิงเป็นแน่

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ให้สืบเรื่องของหญิงบ้า

    “อาหยุน เจ้าว่าข้าทำนาดีหรือไม่” ลุงกู้เอ่ยขอความเห็นจากชุยหยุนตัวเขาเป็นนายพรานมาทั้งชีวิต หากจะเลิกอาชีพนายพรานหลังจากแต่งกับจูซื่อ จะให้อยู่ที่เรือนเฉยๆ ก็เห็นจะน่าเบื่อเกินไป“หากท่านอยากทำข้าเองก็ไม่ขัดขอรับ”ลุงกู้จึงได้ขอซื้อที่นาเพิ่มอีกยี่สิบหมู่ ที่นาราคาสิบตำลึงเงิน เงินส่วนนี้ลุงกู้เป็นผู้จ่ายเอง หากต่อไปมีบุตรจะได้ยกให้เป็นมรดกของเขาต่อไป แต่หากไม่มีอย่างไรก็ต้องเป็นของชุยหยุน ในเมื่อรักแม่ก็ต้องรักลูกด้วย ข้อนี้ลุงกู้เข้าใจดีที่เรือนของหัวหน้าหมู่บ้านมิได้ครึกครื้นแค่เรือนเดียว ค่ำนี้คนตระกูลหลี่ทั้งสามกำลังฉลองงานใหม่ของหลี่เฉียงและหลี่ซวงอยู่“เพียงแค่สอบถามเรื่องนังบ้า คุณชายเสิ่นก็มอบเงินให้เจ้าสิบตำลึงเงินแล้วรึ” หลี่กวนไม่อยากจะเชื่อ ว่าเสิ่นฉงหานจะยอมจ่ายเพียงแค่อยากรู้เรื่องราวของหลิงเฟิ่ง“ใช่แล้ว พอรู้ว่าข้าเป็นพี่ชายของนังบ้า ก็พูดดีกับข้าเลยท่านพ่อ” หลี่ซวงกัดเนื้อไก่คำโต พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างพอใจ“แล้วบอกหรือไม่ ว่าสนใจนางเรื่องใด”“ไม่ แต่ดูเหมือนคุณชายเสิ่นไม่เชื่อว่านังบ้าเสียสติจริง”เรื่องนี้ทำให้สองพี่น้องตระกูลหลี่แปลกใจไม่น้อย เมื่อเสิ่นฉงหาน

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ซื้อที่ดินสร้างเรือน

    เมื่อก่อนหลิงเฟิ่งนางไม่มีส่วนใดที่น่ามองเลย แต่เมื่อได้มาอยู่ที่เรือนตระกูลซ่ง ไม่ว่านางจะพูดหรือเดินก็ล้วนแต่น่าชมไปเสียทุกอย่าง ทั้งรูปร่างและใบหน้าของนางก็เริ่มเปลี่ยนไปมากเสียกว่าตอนที่อยู่ที่เรือนตระกูลหลี่เสียอีก“เหอะ เมียเจ้าที่เจ้าต้องการ ข้าจะไปหามาจากที่ใด ใบหน้าของเจ้ารูปงามมากนักรึ ถึงต้องการมีเมียสวย ฉลาด เจ้าไปเรียนที่สำนักศึกษาพร้อมกับอาหยุนเลย เผื่อจะมีคุณหนูจวนใดมามองเจ้าบ้าง” ป้าเหลียนถลึงตามองบุตรชาย“ความคิดของแม่เจ้าดีไม่น้อย อาไฉ ตอนนี้เจ้าก็มีเงินทองไม่น้อยแล้ว ไปเรียนกับข้าดีหรือไม่ หากสอบขุนนางไม่ได้ อย่างน้อยเจ้าก็มีความรู้ติดตัว คิดจะทำการค้าก็จะไม่เสียเปรียบ”“แต่ข้าหัวไม่ดี”“เจ้ายังมิเคยเรียบจริงจังจะรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าหัวไม่ดีจริงหรือไม่ ข้าจะสอนเจ้าเสียก่อน หากเจ้าไม่ชอบก็ค่อยว่ากัน”“ข้าจะลองดู”ทั้งหมดพูดคุยกันอีกเพียงเล็กน้อย ส่วนมากก็เป็นเรื่องที่จะสร้างเรือนใหม่และซื้อที่ดินเพิ่ม ก่อนจะแยกย้ายกันกลับเรือนของตนไป“นายช่างกวนจะซื้อแบบร่างรึขอรับ”“ใช่แล้ว ตอนเย็นคงจะมาพบเจ้า แม่บอกให้รอเจ้ากลับมาเสียก่อน”“ข้าไม่มีความคิดที่จะขาย หากเขาอยากได้ก็ใ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ใบรับรองการเป็นสามีภรรยา

    เมื่อก่อนตอนเสียสติ นางก็ไม่เคยนึกรังเกียจที่มีหลิงเฟิ่งเป็นลูกสะใภ้ แต่พอนางหายดี ความสามารถของนาง ทั้งสิ่งของที่นางสามารถนำออกมาจากความว่างเปล่าได้ ยิ่งทำให้นางอยากจะขอบคุณสวรรค์วันละสามเวลาหลังอาหาร“หื้ม...แบบร่างของข้าน่าสนใจเพียงนั้นเลยรึเจ้าคะ”นางมิได้ร่างแบบที่แปลกประหลาดแต่อย่างใด นางเพียงแค่เพิ่มระเบียงหลังห้องที่สามารถนั่งอ่านตำรา หรือนั่งพูดคุยกันได้เพิ่มขึ้นมา ทั้งเรื่องห้องน้ำที่แบ่งพื้นที่เปียกกับพื้นที่แห้งชัดเจน จวนใหญ่ก็คงมีเช่นนี้ นางคิดว่าไม่ใช่เรื่องประหลาด“ใช่แล้ว นายช่างกวนไม่เคยเห็นเรือนที่เจ้าร่างมาก่อน ทั้งประตูที่ทำเป็นแบบเลื่อนได้ ข้าก็พูดไม่รู้เรื่อง เจ้าออกไปพูดเองดีกว่า หากอาหยุนจะตำหนิเจ้า ข้าจะจัดการเอง” จูซื่อดึงมือหลิงเฟิ่งออกไปพบนายช่างทันที“ประเดี๋ยวท่านแม่...ท่านลืมไปแล้วรึ ว่าชาวบ้านยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องที่ข้าหายดีแล้ว”“ตายจริง ข้าเกือบลืมไป ข้าจะออกไปพูดใหม่ ว่าอาหยุนเป็นคนร่าง เจ้ากลับเข้าไปอยู่ในห้องเถิด” จูซื่อนึกอยากจะตบปากตัวเองเสียหลายๆ ที นางจำต้องเดินไปพบนายช่างกวนเพื่อบอกให้เขามาพบชุยหยุนอีกครั้งในตอนเย็นชุยหยุนที่เข้าเมืองไปพร้อม

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   สร้างสามห้องพอ

    “ท่านแม่ เฟิ่งเออร์ ข้าใคร่ครวญเรื่องนี้ดีแล้ว อีกอย่างข้าไม่ใจบุรุษใจโลเล ที่พบเห็นสตรีอื่นก็จะเปลี่ยนใจได้ง่าย ในเมื่อข้าหายดีก็เป็นเพราะนาง มีเงินมากมายก็เป็นเพราะนาง แล้วจะมีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ต้องการใช้ชีวิตกับนาง”หลิงเฟิ่งยังเม้นปากแน่น นางพอจะเชื่อว่าตระกูลซ่งรักนางจากใจจริง แต่นางยังไม่มั่นใจที่จะใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยากับชุยหยุน“ไว้ท่านกลับเข้าไปเรียนอีกครั้ง แล้วสอบผ่านซิ่วไฉได้ หากยังต้องการสร้างครอบครัวกับข้าจริง ข้าจะไม่ปฏิเสธท่านแล้ว แต่หากพบเจอคนที่ท่านต้องการใช้ชีวิตมากกว่าข้า อย่างไรข้าก็ยังเป็นน้องสาวของท่านได้”“เช่นนั้นก็ว่ากันตามนี้ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เจ้ายังต้องเดินทางเข้าเมืองแต่เช้า เครื่องนอนก็ยังมิได้เปลี่ยน”จูซื่อเอ่ยยุติการสนทนาที่ดูท่าหากพูดกันต่ออย่างไรก็คงไม่จบในคืนนี้ หลิงเฟิ่งจึงได้ลุกขึ้นไปช่วยจูซื่อเปลี่ยนเครื่องนอนในห้องของนาง ก่อนจะกลับไปเปลี่ยนเครื่องนอนที่ห้องของตนเอง“ท่านว่า...ข้าไปนอนห้องท่านแม่ดีหรือไม่”หลิงเฟิ่งมองเตียงที่มีผ้าห่ม หมอน เพิ่มเข้ามาแล้ว หากขึ้นไปนอนสองคนก็ดูจะอึดอัดไม่น้อยเลย“ไม่ต้อง ใช้ผ้าห่มผืนเดียวก็พอ” ชุยหยุนเก็บผ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   หลี่ซวงสร้างเรื่อง

    หากเขาได้รู้ตั้งแต่แรก คงยอมให้มารดาแต่งกับลุงกู้ไปนานแล้ว ตอนที่คิดว่าจะจบชีวิตลง ยังเป็นห่วงมารดาว่านางจะอยู่เพียงผู้เดียว“แม่...แม่” นางจูซื่อทั้งเขินอาย ทั้งไม่รู้จะหาคำใดมาพูดกับลูกชายดี นางจึงได้แต่อ้าปากและหุบปากลง“หากพวกท่านต้องการที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน ข้าเองก็ไม่มีสิ่งใดที่จะขัด ข้าขอท่านลุงเพียงเรื่องเดียว...อย่าทำให้ท่านแม่ข้าเสียใจก็พอ” ชุยหยุนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง“ได้ๆ ข้าไม่มีทางทำให้จูจูนางเสียใจเป็นอันขาด” ลุงกู้พยักหน้าอย่างรวดเร็วหลิงเฟิ่งได้แต่เบิกตากว้าง ถึงขั้นเรียกนามกันอย่างสนิทสนมเช่นนี้ คงดูใจกันมานานมากแล้วแน่ๆ“ข้าบอกพวกเจ้าแล้ว อาหยุนมิใช่คนไม่รู้ความหากพวกเจ้าบอกตั้งนาน ป่านนี้ก็มีลูกน้อยมาวิ่งเล่นแล้ว” ป้าจินเอ่ยเย้าออกมาหลิงเฟิ่งก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วย แม่สามีของนางยังไม่ถึงสี่สิบหนาว หากนางแข็งแรงมากพอเรื่องมีบุตรไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้“พวกข้ากลับก่อนดีกว่า พวกเจ้าก็ค่อยๆ คุยกันไป จะจัดงานมงคลเมื่อใดก็บอกข้าด้วยเล่า” ป้าเหลียนโบกมือลา ก่อนจะลากอาไฉที่มองคนนั้นทีคนนี้ทีกลับไปด้วยกันนางยังได้ยินเสียงอาไฉ ร้องตะโกนให้ป้าเหลียนไปหาสตรีมาแต่งเป็น

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   เรื่องที่ชุยหยุนไม่เคยรู้

    ชาวบ้านที่ออกมารอรับ เมื่อเห็นเกวียนวัวมิได้มีชุยหยุนและหลิงเฟิ่งลงมา ต่างก็รีบวิ่งตามเกวียนวัวที่เคลื่อนตัวไปทางเรือนตระกูลซ่งทันทีแม้ชาวบ้านคนอื่นจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะตามไป ชาวบ้านที่วิ่งตามคงฝากเจ้าของเกวียนวัวกับชุยหยุนซื้อของ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่ห่างไกลเมือง จนเป็นเรื่องชินตาอยู่แล้วหลิงเฟิ่งนางเอาเงินส่วนของพวกลุงกู้ออกมาใส่ไว้ในตะกร้าแล้ว พอมาถึงเรือนชุยหยุนก็ส่งสายตาบอกบุรุษทั้งสาม ว่าตั๋วเงินอยู่ในตะกร้า ก่อนจะจูงหลิงเฟิ่งที่กลับมาแกล้งบ้า เข้าไปพักเรือนก่อนป้าเหลียนกับป้าจิน ถูกสามีและบุตรชายดันตัวให้เข้าไปช่วยชุยหยุนประคองหลิงเฟิ่งไปส่งในเรือน พวกนางจึงได้รับเข้าไปทำหน้าที่แทนชุยหยุนทันที“เจ้าไปคุยกับชาวบ้านเถิด ข้าจะพาเฟิ่งเออร์ไปพักเอง” ชุยหยุนเข้าใจในคำพูดของป้าเหลียน เขาจึงปล่อยมือหลิงเฟิ่งแล้วเดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแทน“ห้องเจ้าแคบ ไปห้องข้าดีกว่า” จูซื่อเห็นว่าป้าเหลียนกับป้าจินจะตามหลิงเฟิ่งเข้าไปสอบถามความในห้อง จึงได้ขวางหน้าเอาไว้สตรีทั้งสี่คนอยู่ภายในห้องนอนของจูซื่อ ทั้งยังลงกลอนไว้อย่างแน่นหนาแล้วด้วย“พวกท่านรับปากข้าก่อน ห้ามร้องออกมา

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status