ต้วนหยางเฟยเดินออกมาจากบ้านหยวนก็มุ่งตรงขึ้นเขาเพื่อจะไปดูกับดักสัตว์ที่วางไว้ เมื่อมาถึงพบว่ามีไก่ป่าอยู่ในนั้นหนึ่งตัว ใบหน้าของเขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ไม่เสียเที่ยวแล้ว เอาไปให้อันอันดีกว่า” ชายหนุ่มเอาไก่ออกมาแล้ววางกับดักไว้เหมือนเดิม คิดว่าเย็นนี้จะกลับมาดูอีกครั้ง
“โชคดีแล้วนะหยางเฟย วันนี้มีไก่ป่าตัวใหญ่ไว้ทำอาหารแล้ว” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างยินดีขณะที่กำลังนั่งเก็บหญ้าให้วัวตามหน้าที่ของตัวเองอยู่ไม่ไกลกัน
ซึ่งข้างเธอมีหางอี๋หรู่นั่งอยู่ด้วย เมื่อได้ยินว่าน้องสามีได้ไก่ป่าไปทำอาหารจึงยิ้มอย่างดีใจ “วันนี้ลาบปากแล้วสิ เอาไก่มาให้ฉันสิ ฉันจะเอากลับบ้าน”
พูดจบสะใภ้รองบ้านต้วนจึงเดินเข้ามาหาน้องชายของสามีแล้วยื่นมือเพื่อขอไก่ตัวนั้น สายตาที่มองไก่ดูละโมบไม่น้อยเลย
“พี่สะใภ้เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นี่คืออาหารของบ้านผม ตอนนี้ผมแยกบ้านและย้ายบ้านแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านต้วนเลย” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเย็นชา สายตาที่มองพี่สะใภ้รองไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก
เรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เขาไม่รู้ เพราะก่อนที่จะแต่งงานพี่สะใภ้คนนี้มักจะพูดกับแม่เขาบ่อยครั้งเรื่องที่จะหาภรรยาให้เขา แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดทำให้ต้องแต่งงานกับหยวนอันอันเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วสักวันแม่คงโอนอ่อนตามพี่สะใภ้แน่นอน
คิดถึงเรื่องนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มคิดในใจว่า ‘เรื่องแต่งงานไม่ควรให้พี่สะใภ้มายุ่ง’
พอได้ยินน้องสามีพูดหักหน้าตัวเองต่อคนมากมาย ก็เกิดความไม่พอใจ คิดว่าตัวเองเป็นพี่สะใภ้จึงทำตัวข่มเขา “ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ แล้วบ้านต้วนก็บ้านพ่อแม่เธอนะหยางเฟย หรือว่าแต่งงานแล้วจะไม่สนใจบ้านต้วน”
“ผมจะสนใจหรือจะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างไรพี่สะใภ้รองไม่ต้องมายุ่งหรอก เรื่องครอบครัวผม ผมจัดการเองได้ และไก่ตัวที่หามาได้ ผมจะเอาไปให้ภรรยา พี่สะใภ้ไม่เกี่ยว!”
ต้วนหยางเฟยไม่สนใจหรอกว่าพี่สะใภ้จะไปบอกกับบ้าน
ต้วนอย่างไร ตอนนี้เขาแยกบ้านแล้ว อาหารที่หาได้จึงไม่จำเป็นต้องเอากลับบ้านต้วนอีก เพราะบ้านนั้นยังมีพี่ชายทั้งสองคนอยู่และเรื่องนี้พ่อกับแม่ก็บอกเองว่าให้ดูแลครอบครัวตัวเองให้ดี
“นี่...” เมื่อเถียงไม่ได้ก็กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ เรื่องที่น้องชายของสามีแยกบ้านนั้นทุกคนล้วนรู้ดีรวมถึงเธอเอง
เมื่อต้วนหยางเฟยพูดแบบนี้ออกมาเธอจึงเถียงต่อไม่ได้อีกส่วนต้วนหยางเฟยเดินกลับบ้านทันทีเพราะไม่อยากโต้เถียงกับสตรี และรีบไปเชือดไก่ให้ภรรยาเพื่อที่เธอจะได้ทำอาหาร
ชาวบ้านดูเหตุการณ์จนจบต่างก็หลุดขำออกมา คิดว่าการที่ต้วนหยางเฟยแต่งกับหยวนอันอันนั้น เขาอาจจะไม่โดนบังคับก็ได้ ดูแล้วเขาใส่ใจภรรยาตัวเองไม่น้อยเลย ถึงขั้นยอมมีเรื่องกับพี่สะใภ้ตัวเอง
ส่วนทางด้านหยวนอันอัน เธออยากจะเอาอาหารออกมาจากมิติ แต่เพราะกลัวย่าและสามีสงสัยจึงห้ามใจตัวเองทั้งที่อยากจะให้ทั้งสองคนได้กินเนื้อ
ตอนนี้เธอจึงก่อไฟหุงข้าว แล้วก่อไฟอีกเตาเพื่อทำอาหาร อย่างแรกที่ทำคือผัดผักกาดใส่ไข่ แต่เมื่อมองโถน้ำมันและเครื่องปรุงดูเหมือนว่าจะเหลือน้อยแล้ว
‘คงต้องเข้าเมืองไปซื้อของเสียแล้ว’ หญิงสาวได้แต่คิดในใจ อย่างน้อยเธอก็หาเรื่องเข้าเมืองได้แล้ว
ขณะที่ทำอาหารอย่างแรกเสร็จแล้ว ต้วนหยางเฟยก็กลับมาพร้อมกับไก่ป่าหนึ่งตัว ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“พี่ได้ไก่มาด้วย เอามาค่ะฉันจะไปทำความสะอาดก่อน” หญิงสาวยื่มมือออกมา การเชือดไก่และถอนขนทำความสะอาดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ เพราะชาติที่แล้วหากไม่ทำก็จะถูกทุบตี
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมทำเอง คุณรอสักหน่อยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับมา เรื่องเชือดและทำความสะอาดและถอนขนไก่สำหรับผู้ชายอย่างเขาคือเรื่องปกติมาก
“พี่หยางเฟย พี่เลิกแทนตัวว่าผมและเรียกฉันว่าคุณได้ไหม แม้ว่าพี่จะไม่มีความรักให้กัน แต่เวลานี้เราสองคนคือสามีภรรยา อย่างน้อยควรจะพูดแบบสนิทสนมกันสักหน่อยเถอะนะคะ”
เธอไม่อยากห่างเหินกับเขาจนเกินไป ถ้าคนเป็นสามียังแทนตัวว่าผมและเรียกเธอว่าคุณอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไรจะสนิทกันล่ะ
“อืม เดี๋ยวพี่ไปจัดการไก่ตัวนี้เอง อันอันรอก่อนนะ”
พูดจบก็เดินออกมาหลังบ้านเพื่อจัดการชำแหละไก่ที่เอามา
บทส่งท้าย ครอบครับอบอุ่น (จบ)เมื่อได้ยินสิ่งที่หลานสาวบอก หญิงชราก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี แม้จะไม่ได้อยากรบกวนหยวนอันอันหรือตระกูลฟาง แต่ก็ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนกัน“ถ้าอย่างนั้นย่าก็สบายใจ แต่สิ่งพวกนี้ไม่ได้ทำให้หลานอึดอัดใช่ไหม” นางจับมือหลานสาวมากุมไว้แล้วตบเบา ๆ ยังขอบคุณ“ไม่อึดอัดอะไรเลยค่ะ ฉันเองก็อยากจะช่วยเหลือพวกเขาเหมือนกัน ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ความจริงแล้วฉันอยากให้เขาย้ายไปอยู่ในเมืองด้วยซ้ำ แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะทุกคนมีบ้านอยู่ที่นี่”“นั่นสิ ช่วยได้เท่าที่ช่วยก็แล้วกัน”สองย่าหลานสบตาให้กันพร้อมกับยิ้มออกมา ก่อนจะพากันเดินไปที่บ้านต้วนเพื่อดูว่าทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จแล้วหรือยังส่วนต้วนหยางเฟย แม้ว่าทุกคนจะยังไม่ได้ย้ายเข้ามาในเมือง แต่ชายหนุ่มก็ต้องมาทำงานกับพี่ชายของภรรยาแล้ว นับว่าเป็นงานที่หนักหนาพอสมควรเนื่องจากเขาไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับกิจการร้านค้าที่ใหญ่อย่างนี้มาก เคยทำก็แค่ขายของในตลาดมืดและส่งสินค้าให้ลูกค้าประจำบ้านเท่านั้น“เป็นอย่างไรบ้าง พอทำไหวไหม” ฟางอี้โตวเดินเข้ามาแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม ความจริงแล้วสองสามวันที่ผ่านมาน้องเขยคนนี้ก็ทำ
จุบจบของคุณหนูฟาง (ตัวปลอม)สองสามีภรรยาได้แต่กุมมือกันแน่น หยวนอันอันตั้งใจจะพาต้วนหยางเฟยเข้าไปในมิติ แต่ในขณะที่กำลังจะพาเขาไป ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับสวนเข้ามา พร้อมกับมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ“พบกันอีกแล้วนะหยวนอันอัน” ฟางหยูซิวยิ้มอย่างชั่วร้าย รู้สึกพึงพอใจที่แผนการของเธอกำลังจะสำเร็จ“อย่าบอกนะว่านี่คนของคุณหนู” หยวนอันอันแสร้งถามออกมา ทั้งที่มั่นใจแล้วว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พวกนี้เป็นคนของฟางหยูซิว“รู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ” เธอเดินมาดร้ายให้เข้ามาหา แล้วยืนนำหน้าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ โดยมีแม่นมคอยเกาะติดอยู่ด้วย“เราสองคนไม่ได้เป็นศัตรูกัน อีกอย่างก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ทำไมคุณถึงคิดจะเอาชีวิตฉันล่ะ” หยวนอันอันยังคงแกล้งถาม“ใครใช้ให้แกเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ที่หายไปละ ถ้าไม่มีแกสักคนตำแหน่งคุณหนูฟางก็ยังคงเป็นของฉัน และทรัพย์สมบัติที่มี ก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน” ฟางหยูซิวดวงตาวาวโรจน์ เธอไม่พอใจอย่างมากที่ผลออกมาว่าอยู่นั้นเป็นลูกของตระกูลฟาง“แต่คุณอยู่กับตระกูลฟางมาตั้งนานแล้ว นายท่านและนายหญิงฟางก็ดูจะรักคุณมาก ต่อให้ผลตรวจจะเป็นอย่างที่คุณบอก แล้วคุณถามฉันสักคำหรือ
ความจริงปรากฎหยวนอันอันไม่สนใจว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ในเมื่อนายท่านฟางทำในสิ่งที่ขอร้องแล้ว เธอและต้วนหยางเฟยเลยมาหาซื้อตึกโดยใช้เส้นสายของนายท่านฟางที่ช่วยเหลือ จึงทำให้ทั้งสองคนมีร้านค้าแล้วในตอนนี้วันนี้จึงตัดสินใจพาทุกคนออกมาโดยการเช่าเกวียนของหมู่บ้านเพราะย่าหยวนเองก็มาด้วย“ร้านนี้แพงไหมสะใภ้สาม” แม่สามีอย่างเหอซือเฉิงถาม“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะแม่ นี่คือร้านที่ฉันต้องการให้พี่ใหญ่กับพี่รองมาช่วยค้าขาย ส่วนฉันกับพี่หยางเฟยจะเป็นคนไปรับสินค้ามาเอง แล้วอีกอย่างฉันคิดว่าพวกเครื่องสานทุกชนิดจะรับมาจากชาวบ้าน อย่างไรรบกวนพ่อบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านให้หน่อยได้ไหมคะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นรายได้ของชาวบ้านที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากรออาหารจากกองพลน้อย”หยวนอันอันตอบกลับ เธอคิดว่าร้านนี้ไม่ควรจะขายแค่อาหารและวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว เลยตัดสินใจให้พ่อสามีไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน เกี่ยวกับเครื่องสานที่ชาวบ้านมักจะทำกันไว้ใช้เอง ให้เอามาฝากขายที่ร้านของเธอ“ดีเลย เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อจะไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านเอง”ต้วนเริ่นชวนตอบรับอย่างยินดี อย่างน้อยการค้าของลูกชายและลูกสะใภ้ยังช่วยเหลือชาวบ้านได้ นั่นเพราะคนชรา
วางแผนกำจัดให้พ้นทางเมื่อเจ้าหน้าที่พาหญิงสาวทั้งสามคนไปแล้ว หยวนอันอันจึงเริ่มมีสติขึ้นมา เพราะถ้าหากเธอตื่นมาก่อนหน้านี้ ซูน่านเผิงคงไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแน่“อันอันน้องฟื้นแล้ว รู้สึกปวดตรงไหนหรือไม่” ต้วนหยางเฟยรีบถามอย่างร้อนใจ เพราะต้องการให้ดูสมจริงมากที่สุด“นั่นสิหลานย่า ย่ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีหลานอยู่กับย่าอีกแล้ว” หญิงชรารีบถามอย่างร้อนใจเหมือนกันทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ พอเห็นว่าหยวนอันอันมีสติและฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนที่ไม่ค่อยชอบเธอก็ตาม แต่ก็ไม่อยากให้ต้องมาตายเพราะถูกวางยาพิษจากลูกสาวบ้านซู“เกิดอะไรขึ้นคะพี่ เมื่อครู่นี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ฟื้นขึ้นมา” เธอพูดออกมาเสียงเบา แต่ก็ขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับสามีโดยที่คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น “เธออย่ามัวแต่พูดอยู่เลยสะใภ้สาม สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ของเธอก็คือควรกลับเข้าไปพักผ่อน แล้วดูว่าร่างกายมีตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า ฉันจะได้ให้เจ้าสามพาเธอไปรักษาในเมืองอย่างทันท่วงที” เหอซือเฉิงกลัวว่าสะใภ้คนนี้จะเป็นอันตราย เลยอยากให้เขาไปพักผ่อนเสียก่อน แต่พอ นึกได
จุดจบของคนคิดร้ายหางอี๋หรู่ได้ยินสิ่งที่น้องสามีถามก็เกิดความหวาดกลัว นั่นเพราะว่าพอเธอเอาขนมมาจากหลานสาวก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที เลยไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ขนมที่ผสมยาถ่าย หยวนอันอันถึงได้สลบไปแบบนี้“เกิดอะไรขึ้นกับอันอัน ตายแล้ว! ทำไมอันอันเธอถึงได้ไปนอนอย่างนั้นล่ะ” ซือเหนียงได้ยินเสียงโวยวายขณะที่กำลังจัดเรียงฟืนเข้าที่เลยออกมาดู และพอเห็นหยวนอันอันนอนสลบอยู่ เลยตกใจแทบสิ้นสติ ซึ่งขณะนั้นเอง ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างก็หยุดมอง และส่งเสียงพูดคุยซุบซิบกันไม่หยุด“เรื่องนี้คงต้องถามพี่สะใภ้รองครับ เพราะเธอคือคนที่เอาขนมกล่องนี้มาให้อันอันกิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและนี้สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านและซือเหนียงไม่น้อย นั่นก็เพราะว่าไม่เคยมีใครเห็นต้วนหยางเฟยเป็นแบบนี้มาก่อนคราวนี้ทุกคนจึงหันไปทางหางอี๋หรู่กันอย่างพร้อมเพรียง และกดดันเธอเพื่อขอคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ฉันก็แค่เอาขนมมาให้สะใภ้สามกินก็เท่านั้นเอง ทุกคนจะมามองฉันแบบนั้นไม่ได้นะ” เธอตอบกลับอย่างร้อนรน ตอนนี้ในสมองนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยวนอันอันตอนนี้ชาวบ้านไม่มีใค
โดนหลอกใช้จี้เจียซีเดินกลับมาบ้านด้วยใจที่โกรธเคือง แต่เพราะเรื่องนี้ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องมากเลยไม่กล้าที่จะบอกทุกคนในบ้าน แต่กับแม่สามี เรื่องนี้เธอคิดว่าควรจะบอก อย่างไรหากเกิดเรื่องไม่ดีเข้า แม้สามีจะได้จัดการเรื่องนี้อย่างทันท่วงที“อ้าวทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะสะใภ้ใหญ่” เหอซือเฉิงเห็นว่าสะใภ้ใหญ่กลับมาเร็วกว่าปกติก็เกิดความแปลกใจ“พอดีวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอกแม่ เราเข้าบ้านเถอะ เรื่องนี้ไม่ควรให้ใครได้ยิน” เธอรีบบอกพร้อมกับมองซ้ายขวาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้าก่อนจะจูงมือแม่สามีเข้าบ้านแล้วบอกให้ลูกกับหลานนั่งเล่นกันเองไปก่อนพอเข้ามาในบ้านแล้ว จี้เจียซีจึงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดและไม่มีคำไหนตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว“เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันจะดูสิว่าสะใภ้รองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม หากหล่อนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยฉันจะให้หย่ากับเจ้ารองเสีย แล้วส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการเสียเลย” เหอซือเฉิงพูดอย่างเจ็บใจและโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้“ฉันเองก็โกรธไม่ต่างกัน ไม่คิดว่าลูกสาวบ้านซูกับหลานสาวของน้องสะใภ้รองจะมีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์