สือลี่ผิงแสร้งตกใจ นางรีบยอบกายลงบนพื้น "ใต้เท้า ท่านโมโหสิ่งใดหรือเจ้าคะ หรือข้างามไม่ถูกใจท่าน"
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอีกหน ทุกคนต่างพร้อมใจกันสะดุ้งโหยง สือจินรุ่ยเร่งยืนขึ้น ตวัดสายตามองฮูหยินตน นางรีบหลุบดวงตาไม่กล้าสู้หน้าผู้เป็นสามี พลางค้อนควักให้กับสือลี่ผิง แต่ไหนเลยสือลี่ผิงจะคิดใส่ใจ อยากเดินหมากสลับตัวหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก
"ตะ...ใต้เท้าลู่ ท่านใจเย็น ๆ ก่อน แท้จริงหน้าตาของอี้หนานไม่ใช่เช่นนี้ นางคงป่วย" สือจินรุ่ยเร่งแก้ตัว
"ป่วยหรือ อัปลักษณ์เพียงนี้ แล้วภาพนี้เล่ามิใช่นางรึ!" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกภาพวาดสาวงามขึ้น
ทันทีที่สือเสี่ยวเย่เห็นภาพเบื้องหน้า ดวงตาพลันเบิกกว้าง นางยกมือทาบอกแทบเกิดลมจับหงายตึง นั่นคือภาพวาดของสืออี้หนานจริง ไยจึงไปอยู่กับใต้เท้าลู่ได้กัน หรือเมื่อครู่เป็นสิ่งที่สือลี่ผิงขว้างมันลงไป
"ลี่ผิง!...เอ่อ...อี้หนาน ใบหน้าของเจ้าไยจึงบวมเจ่อปานนั้น" สือจินรุ่ยเอ่ยเสียงแข็ง
สือลี่ผิงแหงนหน้าขึ้น สภาพใบหน้าของนางแทบดูไม่จืด ปากบวมแก้มปูดไปทุกสัดส่วน ยิ่งมองก็ยิ่งไม่น่าอภิรมย์ สือลี่ผิงขยับปากบวมเจ่ออู้อี้ "ท่านพ่อ หน้าตาของข้าก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วนะเจ้าคะ ดูเหมือนว่าชาวบ้านเข้าใจผิดกันไปเอง ข้าก็ว่าข้างามออกนะเจ้าคะ"
สือลี่ผิงลอบยิ้มในใจ นี่เป็นสูตรโอสถเปลี่ยนโฉมซึ่งนางคิดค้นขึ้นเองอย่างคึกคะนองเพื่อเอาตัวรอดจากผู้ชายมักมาก คาดไม่ถึงว่ายังไม่ตกเป็นอนุใครก็ได้ใช้ประโยชน์เสียแล้ว
ลู่เยี่ยนฮ่าวยกมือคลึงขมับ "ใต้เท้าสือ นี่หรือบุตรสาวคนงามของท่าน แล้วอีกคนอยู่ที่ใด!?"
"เอ่อ...ใต้เท้า ใต้เท้าใจเย็นนะเจ้าคะ ดะ...เดิมทีนางสะสวยหาใครเปรียบ ทว่า..."
"ไม่มีทว่าใด ๆ ทั้งสิ้น หากวันนี้ข้าไม่พบหน้าของลูกสาวพวกท่านทั้งสองพร้อมกัน ตระกูลสือก็เตรียมไร้ที่ซุกหัวนอน"
สือจินรุ่ยถึงกับหน้าเสีย ในเมื่อเรื่องบานปลายใหญ่โตก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้แล้ว เรื่องที่ปิดบังคงต้องหารือเพื่อสารภาพกันอีกครา ตอนนี้จะด่าทอทุบตีสือลี่ผิงต่อหน้าผู้อื่นก็ไม่อาจทำได้ เขาจึงจำใจให้บ่าวไพร่ไปตามตัวของสืออี้หนานตัวจริงเข้ามา
"ไปตามลี่ผิงมา!"
"ท่านพี่!" สือเสี่ยวเย่ถึงกับเบิกตากว้าง
หากนางตามตัวลูกสาวคนโตของตนมา คาดว่าคงไม่อาจหลีกพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้แล้ว เดิมทีให้ลูกสาวทั้งสองสลับชื่อกันก็ยุ่งยากพออยู่แล้ว นางควรทำเช่นไรดีเล่า
"ข้าบอกให้เจ้าไปตามลี่ผิงมา" สือจินรุ่ยกัดฟันกรอด
"จะ...เจ้าค่ะ" สือเสี่ยวเย่หน้าถอดสี นางตั้งท่าเดินจากไปทว่าใต้เท้าลู่กลับปรามไว้เสียก่อน
"เดี๋ยว...ฮูหยินใหญ่สือ ท่านไม่ต้องไป เกรงว่าหากท่านไป ลูกสาวของท่านคงกลายเป็นตัวประหลาดไปอีกราย ข้าอยากเห็นใบหน้าของนางที่ไม่ต่างจากภาพวาดใบนี้"
สือเสี่ยวเย่ชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวกายเนิบนาบด้วยหัวใจไหวระทึก ผู้เป็นสามีทำได้เพียงทอดถอนใจ เขาพยักหน้าให้สาวรับใช้ไปตามคุณหนูใหญ่ซึ่งผันตัวเองมาเป็นคุณหนูรองเดี๋ยวนั้น
สือจินรุ่ยเป็นพวกเห็นแก่เงิน ต่อให้ต้องแลกบุตรสาวคนโปรดกับอำนาจและทรัพย์สมบัติไปสักคนเขาย่อมไม่อนาทรร้อนใจใดอยู่แล้ว ในเมื่อทุกอย่างจวนตัว แผนการพังไม่เป็นท่า ก็ควรต้องปล่อยเรือตามน้ำ หลังจากนั้นค่อยกลับมาคิดบัญชีกับลูกสาวคนรองตัวดีอีกครา
.
.
"อะไรนะ ท่านแม่ให้มาตามข้าไปพบตาแก่นั่นรึ มิใช่ว่าลี่ผิงมันออกหน้าแทนข้าแล้วหรือไร ข้าไม่ไป!" สืออี้หนานโวยลั่น นางขว้างปาข้าวของไม่พอใจยกใหญ่
มารดาของนางกำชับเองไม่ใช่หรือว่าห้ามออกจากห้อง ซ้ำหากผู้ใดถามให้นางเปลี่ยนนามเป็นสือลี่ผิง นางรังเกียจชื่อนี้เป็นที่สุด ทว่าเพื่อเอาตัวรอดจากตาแก่ตัณหากลับ และส่งตัวน้องสาวต่างมารดาไปแทนนาง สืออี้หนานจึงจำยอมก้มหน้าใช้นามว่าลี่ผิง ทว่าตอนนี้นางกลับได้ยินคำว่าต้องออกไปพบใต้เท้าลู่เช่นเดียวกับน้องสาวของตน ความโมโหเดือดดาลจึงปะทุขึ้นเป็นริ้ว ๆ
"คุณหนูใหญ่ อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างนายท่านกำชับมาว่าหากท่านไม่ไป เกรงว่าตระกูลสือคงไม่มีที่ให้ เอ่อ...ให้ซุกหัวนอนแล้ว" สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยด้วยอาการประหม่า สีหน้าของนางหวั่นวิตกถึงขีดสุด
สืออี้หนานกรีดร้องลั่นห้อง ขว้างปาข้าวของราวคนเสียสติ ตลับแป้งลอยกระแทกเข้าหน้าผากสาวใช้อย่างจัง
โอ๊ย!
ร่างผอมบางทิ้งกายลงโขกศีรษะทั้งที่โลหิตเริ่มไหลปริ่มออกมาด้วยความขลาดเกรง "คะ...คุณหนูอภัยข้าน้อยด้วย ข้าเพียงทำตามคำสั่งของฮูหยินและนายท่านเท่านั้น"
สืออี้หนานหันขวับ พลางกัดฟันกรอด "ทำตามคำสั่งหรือ หากท่านพ่อข้าสั่งให้เจ้าไปตายเจ้าจะไปหรือไม่!"
"คะ...คุณหนู ท่านระงับอารมณ์เถิดเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรในสัญญาก็แจ้งเอาไว้ว่าต้องเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูล ตอนนี้ท่านเปลี่ยนตัวตนกับคุณหนูรองเรียบร้อย ออกไปก่อนแล้วต่อรองในภายหลังดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ" เสียงเล็กตะล่อมหว่านล้อมเพื่อหมายเอาชีวิตรอด
สืออี้หนานพยายามระงับสติอารมณ์ นางทรุดตัวนั่งหน้าคันฉ่องสีอำพัน นัยน์ตาคู่งามเดือดพล่านประดุจดั่งหุบเขาลาวา ฝ่ามือเล็กกำหมัดแน่นจนไหล่สั่นสะท้าน พลางกล่าวลอดไรฟัน "ทำไมจำต้องเป็นข้า สือลี่ผิง ไยเจ้าไม่ตาย ๆ ไปซะ!"
.
.
"นายน้อย ตอนนี้ตระกูลสือติดหนี้ทว่าไม่มีปัญญาจ่าย นายท่านทำสัญญาเอาไว้หากไม่อาจใช้หนี้ตามกำหนด จำต้องส่งคุณหนูใหญ่ของตระกูลสือเข้ามาเป็นอนุของท่าน ขอรับ!"
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลากัดฟันเสียจนเส้นเลือดบนขมับปูดโปน ทันทีที่ได้ยินเสียงรายงานจากผู้ติดตามคนสนิท มือที่เช็ดมีดสั้นอยู่พลันชะงักลงเดี๋ยวนั้น นัยน์ตาคมกริบสะท้อนความกรุ่นโกรธออกมาอย่างปิดไม่มิด "ตาแก่นั่นยังไม่เลิกตัณหากลับอีกหรือ มีอนุตั้งเท่าใดแล้ว ต้องให้ท่านแม่ข้าตรอมใจตายก่อนหรืออย่างไร"
มือแกร่งปักมีดลงบนโต๊ะเสียงดังปัก ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ลู่อี้ฝานคือบุตรชายที่กำเนิดจากฮูหยินใหญ่ของตระกูลลู่ เขาเกลียดการกลับจวนสกุลลู่เป็นที่สุด เนื่องจากกลับคราใด เป็นต้องพบว่าบิดาของตนมัวกกกอดสตรีเหล่านั้นไม่เว้นแต่ละวัน ราวมารราคะเข้าสิง ทันทีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพร เขาจึงไม่เคยย่างกรายเข้าเหยียบจวนสกุลลู่อีกเลย เว้นเพียงการใช้ทางลัดแวะเวียนไปเยี่ยมมารดาอันเป็นที่รักก็เท่านั้น
"นายน้อย ครั้งนี้ท่านจะทำเช่นไรขอรับ"
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เสียงทุ้มเอ่ยหยามหยันชิงชัง "สกุลสือนี่ก็ช่างปะไร ขายลูกสาวกินไม่อายบ้างหรือ คุณหนูใหญ่นามว่าอะไร"
"นางมีนามว่า สืออี้หนานขอรับ"
ลู่อี้ฝานเดาะลิ้นในปากเล่น หนนี้เขาอยากดัดนิสัยตาแก่ตัณหากลับสักครั้ง "เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้องตรวจสอบเสียหน่อย ว่านางเป็นเช่นไร ไยตาแก่อยากได้นักอยากได้หนาจนหนี้เท่าผืนฟ้าก็แทบประเคนเกือบหมด"
"นายน้อย ท่านจะทำเช่นนี้จริงหรือขอรับ"
ลู่อี้ฝานเป็นถึงหัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ทว่าเวลานี้เขากำลังจะทำผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายโดยพลการ หากเบื้องบนทราบเข้า ตำแหน่งของเขาต้องสั่นคลอนแน่
"เจ้ากลัวหรือ ถึงอย่างไรสกุลสือก็เป็นพวกเห็นแก่เงิน ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือบุตรสาว นิสัยละโมบย่อมไม่ต่างกันหรอก"
นัยน์ตาคมคู่นั้นเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ไอสังหารเป็นประกายวาววับไร้ปรานี เขาเกลียดชังบรรดาอนุของบิดาตนทุกราย หนนี้เป็นสตรีคราวลูกเช่นนั้นหรือ ถึงขั้นทำให้ลู่เยี่ยนฮ่าวยกหนี้ก้อนมหาศาลให้ได้ นับว่าคงไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือสิท่า
"อี้ฝาน ลี่ผิง นี่คือสิ่งใดกันหรือ" ลู่อี้เหนียงยกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้น เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มู่หรานซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็พลอยทอดถอนใจไปตามกัน "เอ่อ..." สือลี่ผิงกล่าวอ้อมแอ้ม นางเอื้อมมือสะกิดลู่อี้ฝานเบา ๆ คนตัวสูงยืนตัวแข็งทื่อไม่ต่างกัน เขาเหลียวมองสือลี่ผิงเนิบนาบ สือลี่ผิงเอ่ยพลางขยิบตา "ทะ…ท่านบอกท่านแม่สิ" ฮูหยินทั้งสองเลิกคิ้วฉงน มองท่าทีหลุกหลิกของลูกรักพลางถอนหายใจโดยพร้อมเพรียง ลู่อี้เหนียง "อี้ฝาน เจ้าว่าอย่างไร" ลู่อี้ฝานกระแอมหนึ่งหนเพื่อรวบรวมความกล้า "ท่านแม่ ท่านแม่ยาย ที่จริงแล้ว สัญญานั่นเกิดจากความเข้าใจผิด เดิมทีข้าว่าจะทำลายมันทิ้ง แต่บังเอิญว่าหาไม่เจอขอรับ" "เข้าใจผิดหรือ เข้าใจผิดใดกัน ถึงขั้นต้องมีสัญญาว่าจ้างสามีภรรยา" ลู่อี้เหนียงขมวดคิ้วมุ่น "นั่นสิลี่ผิง ตกลงแล้วพวกเจ้าอยู่ด้วยกันมีความสุขหรือไม่ พวกข้าทั้งสองจะตายตาหลับได้อย่างไร ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ เหตุใดต้องเล่นละครตบตาคนแก่กันเล่า" มู่หรานหน้าเครียดขึ้นอีกหลายส่วน เดิมทีนางคิดว่าทั้งสองคงมีใจให้กันจึงรับปากตบแต่ง แต่เมื่อเรื่องมันกลายเป็นสัญญายุ่งเหยิง มีแม่คนใดต้องการฝืนใจลูกตนเองหรือ ใครบ
หลายคนต่างมารวมตัวกันที่หน้าห้องของคุณชายลู่หย่วน และสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าส่งผลให้สืออี้หนานขุ่นเคืองแทบแดดิ้น นางกัดฟันกรอดโพล่งเสียงดังอย่างนึกลืมตัว"เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!?"ลู่เยี่ยนฮ่าวหันขวับ "หมายความว่าอย่างไร"สาวใช้ของนางกระตุกชายเสื้อสืออี้หนานแผ่วเบา เมื่อรู้ตัวว่าตนเผลอเอ่ยสิ่งใดออกไปนางจึงส่งยิ้มแห้งขอดส่งให้เดี๋ยวนั้น "ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าแค่ตกใจที่เห็นพี่หญิงสามและคุณชาย...เอ่อ...""พอแล้ว!" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกมือขึ้นปรามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม"ท่านพ่อฟังลูกก่อน" ลู่หย่วนพยายามอธิบาย"เจ้าทั้งสองไม่ต้องพูดแล้ว ลู่หย่วนสตรีทั้งเมืองเจ้าต้องการผู้ใดพ่อล้วนไม่ขัด ทว่านางเป็นอนุของข้า เรื่องบัดสีเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกมือขึ้นกุมขมับอนุสาม "ท่านพี่ แต่ว่าเมื่อคืน...""เจ้าหุบปาก หญิงแพศยาเช่นเจ้าข้าเลี้ยงไว้ก็เสียข้าวสุก"อนุสามหุบปากลงเดี๋ยวนั้น ลู่หย่วนทำได้เพียงทอดถอนใจ ในเมื่อภาพทุกอย่างมันเด่นชัดเช่นนี้ต่อให้เอ่ยปฏิเสธไปก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ ซ้ำเ
รุ่งเช้าของวันถัดมาเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังสนั่นไปทั้งจวนสกุลลู่ ทว่าสือลี่ผิงและลู่อี้ฝานยังคงนอนตระกองกอดกันอยู่ไม่ห่าง เปลือกตาบางค่อย ๆ ขยับไหว ศีรษะของนางตอนนี้ชาหนึบไปเสียหมด สือลี่ผิงรู้สึกร้าวระบมไปทั้งตัว คิ้วเรียวเริ่มเคลื่อนเข้าหากันช้า ๆ เมื่อภาพบางอย่างสาดสะท้อนเข้ามายังมโนสำนึกเราฝันหรือ กำลังฝันเรื่องบัดสีใดกันร่างบอบบางขยับกายเนิบนาบ เมื่อรู้สึกประดุจมีบางสิ่งกำลังรั้งกายของตนเอาไว้ สือลี่ผิงจึงลดนัยน์ตาลงมองเนิบช้า ท่อนแขนแกร่งพาดอยู่บนเอวเปลือยเปล่าขะ...แขนใคร คงไม่ใช่...สือลี่ผิงช้อนดวงตาขึ้นด้วยหัวใจไหวระทึก นางหวังเพียงว่าเมื่อคืนสืออี้หนานทำไม่สำเร็จเป็นพอ เพียงแต่นางกำลังนอนอยู่ใต้อ้อมแขนของบุรุษหรือ เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่ความฝันนัยน์ตารูปหงส์กะพริบปริบ ๆ เมื่อสบประสานเข้ากับดวงตาคมปลาบเข้าพอดี"ตื่นแล้วหรือ" เสียงทุ้มเอ่ยถามสือลี่ผิงเบิกตากว้าง นางรีบหลุบดวงตาลงแล้วเบิกขึ้นอีกครั้งเรื่องจริงหรือลู่อี้ฝานขมวดคิ้ว "เป็นอะไรของเจ้า"
ลู่หย่วนรีบถลันกายเข้ามาในห้อง อนุสามเองก็เร่งตามเข้ามาเช่นเดียวกัน สบเข้ากับจังหวะที่สืออี้หนานกำลังสาละวนหยิบปล้องไม้ไผ่ขึ้น พลางยื่นให้สาวใช้คนสนิทของตนเป่ากลุ่มควันเข้ามาด้านใน โชคดีที่สือลี่ผิงรู้ตัวก่อน ทว่ากลุ่มควันเหล่านั้นกลับลอดผ่านผ้าคลุมซึ่งนางผูกเอาไว้ได้ ร่างบอบบางพยายามคลานไปหลบบริเวณใต้เตียงแค่ก แค่กทั้งอนุสามและลู่หย่วนต่างสำลักควันโขมงโฉงเฉงที่ลอยว่อนทั่วห้อง"นะ...นี่มันคือสิ่งใด" เสียงแหลมเล็กเอ่ยไปพลางปัดฝุ่นควันไปพลาง จู่ ๆ ร่างกายของพวกเขาเกิดร้อนรุ่มกะทันหันสือลี่ผิงเองก็ไม่ต่างทว่านางพยายามควบคุมสติของตนเอาไว้ สืออี้หนานมองร่างสูงของบุรุษและสตรีในห้องผ่านกลุ่มควันก็ให้ต้องเหยียดยิ้มพึงใจ ทั้งสองไม่อาจควบคุมความรู้สึกได้แล้ว ไฟกำหนัดกำลังพัดโหมอย่างบ้าคลั่งสือลี่ผิงเบิกตากว้างตะลึงลานยาปลุกกำหนัดตอนนี้สือลี่ผิงเองก็รู้สึกร้อนรุ่มไม่ต่างกัน เสียงจุมพิตจากคนบนเตียงดังขึ้นอย่างดูดดื่ม สืออี้หนานวางใจแล้วว่าแผนการของตนสำเร็จนางจึงผละกายจากไปด้วยสีหน้าสบายอารมณ์&nbs
เจ้าของนัยน์ตาหงส์นั่งกวาดสายตาเศร้าสลดมองใบหน้าของตนผ่านคันช่องสีอำพัน ครึ่งหนึ่งของชีวิตสตรีควรฝากฝังไว้กับบุรุษอันเป็นที่รักมิใช่หรือ แล้วดูนางตอนนี้ เหตุใดต้องตบแต่งด้วยความไม่เต็มใจอยู่เรื่อย ดูเหมือนเวรกรรมที่กระทำเอาไว้คงยังชำระให้ตระกูลลู่ไม่หมดสิ้น นางจึงได้กลายมาเป็นสือลี่ผิงอีกคน หวนมาใช้หนี้แก่บุตรชายของลู่เยี่ยนฮ่าวแทนทุกอย่างกำลังอลหม่านตบตีกันเสียจนสับสน สือลี่ผิงกำลังหมกมุ่นครุ่นคิดจึงไม่ทันได้ยินเสียงที่เยื้องย่างเข้ามาด้านในเนิบนาบจนเมื่อสตรีร่างผอมบางประชิดกายของนาง พลางโน้มลงขนาบใบหู สือลี่ผิงจึงช้อนดวงตาขึ้น ทันทีที่พบว่าเป็นผู้ใด ดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง นางหันหลังขวับ"ท่านแม่!"สือลี่ผิงโผเข้ากอดเอวผู้เป็นมารดาเดี๋ยวนั้น น้ำเสียงสดใสระคนตื่นเต้นแฝงความลิงโลด ฝ่ามือผอมแกร็นค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้ศีรษะของบุตรสาวเชื่องช้า"ลี่ผิง อย่าเสียใจไปเลยนะ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นแม่เองที่ตัดสินใจแทนเจ้า"สือลี่ผิงขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจ พลางแหงนหน้าขึ้นมองมารดาของตน "ท่านแม่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ" 
สือลี่ผิงเพลิดเพลินกับการอาบน้ำชำระร่างกายจนหลงลืมไปว่าด้านในมีเพียงอาภรณ์ตัวบางเท่านั้น นางควรทำเช่นไรดี เรียกหาซือซือหรือ เกรงว่าตอนนี้ซือซือคงไม่อยู่ที่นี่สือลี่ผิงกวาดสายตาเมียงมองด้วยความระแวดระวัง นางเกรงว่าลู่อี้ฝานยังคงอยู่ด้านใน เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อเมื่อวางใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ย่างกรายเข้ามาเป็นแน่ นางจึงลุกขึ้นหยิบอาภรณ์ตัวบางสีขาวสวมทับลงบนเรือนร่างเปลือยเปล่า แล้วจึงย่องปลายเท้าออกจากฉากกั้นเนิบช้าสือลี่ผิงออกมาพบกับความว่างเปล่านางจึงระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าวางใจไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกหน เมื่อแผ่นหลังของนางชนเข้ากับบางสิ่งเจ้าของร่างสูงยืนชิดหลังของนาง เขาโน้มกายลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "กำลังมองหาสิ่งใดหรือ"สือลี่ผิงกระโดดโหยงทันควัน กายของนางร่วงแหมะลงไปนั่งบนเตียงเข้าพอดี "ทะ...ท่านกำลังเล่นพิเรนทร์ใด"คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง "เป็นอะไรไปเล่า ทำราวกับข้าน่ากลัวถึงเพียงนั้น""แล้วไม่น่ากลัวหรือไง บุรุษตระกูลลู่น่ากลัวทุกคน" สือลี่ผิงหายใจไม่ทั่วท้อง นางถึงขั้นลอบสูดลมหายใจลึกเข