Share

บทที่ 5 หยิกมาหยิกกลับ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-14 12:04:01

เมื่อสะสางเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสร็จเรียบร้อย คนทั้งสองก็รีบเดินทางเข้าวังหลวงอย่างรวดเร็ว ยามนี้เสด็จพ่ออยู่ที่ตำหนักคุุนหนิง ซึ่งเป็นตำหนักของสวีฮองเฮามารดาของหลี่เหว่ย เมื่อย่างก้าวเข้ามาในวังหลวงแห่งนี้จางลู่หลินก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทุกๆที่ในวังหลวงล้วนงดงามราวแดนสวรรค์ ดอกไม้นานาพรรณถูกประดับตกแต่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งบริเวณ ตำหนักที่ทำมาจากทองคำดูหรูหราโอ่อ่า แคว้นหนานฉีร่ำรวยสมคำล่ำลือจริงๆ

"เชิญองค์ชายใหญ่และพระชายาเอกด้านในพ่ะย่ะค่ะ"

กงกงเอ่ยกับหลี่เหว่ยและจางลู่หลินอย่างนอบน้อม นางจำได้ว่ากงกงผู้นี้คือคนเดียวกันกับที่ไปพบนางที่จวนตระกูลจางก่อนวันแต่งงาน นางยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร และเดินเข้าไปในตำหนักคุนหนิงพร้อมกับหลี่เหว่ย

ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนและสวีฮองเอาที่กำลังนั่งสนทนาเรื่องสัพเพเหระกันอยู่ เมื่อได้ยินว่าบุตรชายและลูกสะใภ้มาถึงแล้วก็รีบหันไปมอง

"พวกเจ้ามาแล้วหรือ ไหนเล่าลูกสะใภ้ของข้า มาให้แม่สามีได้มองหน้าเจ้าชัดๆ เสียดายที่วันนั้นข้าล้มป่วยจึงไม่อาจไปร่วมงานแต่งได้"

สวีฮองเฮาเอ่ยอย่างอ่อนโยน เพราะวันแต่งงานของหลี่เหว่ยและจางลู่หลินนางเกิดล้มป่วยกระทันหันทำให้ไม่ได้พบเจอหน้าลูกสะใภ้ วันนี้ได้พบหน้า ย่อมเป็นเรื่องดีที่จะได้ทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ของตน

จางลู่หลินเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อแม่สามี ทันทีที่ได้เห็นพวกเขาก็ทำเอาดวงตาของนางแดงก่ำหญิงสาวรู้สึกว่าภาพตรงหน้าราวกับฝันไป

คุณพ่อคุณแม่ของนาง!

เหตุใดฮ่องเต้หลี่เจี้ยนและสวีฮองเฮาถึงมีใบหน้าเหมือนกับพ่อแม่ของนางในชาติปัจจุบันที่นางจากมาไม่มีผิดเพี้ยน

หลี่เหว่ยที่เห็นว่าอยู่ๆจางลู่หลินก็เงียบงันไป อีกทั้งดวงตาก็แดงก่ำและยังไม่ยอมทำความเคารพบิดามารดาของเขา ชายหนุ่มก็ลอบก่นด่านางในใจ ก่อนจะยื่นมือไปหยิกเอวของนางอย่างแรง จางลู่หลินพลันได้สติ นางรู้ตัวว่าตนเองทำตัวเสียมรรยาทแล้ว จึงร้อนรนรีบทำความเคารพทันที

"ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมรรยาทต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทและสวีฮองเฮาแล้ว"

ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนและสวีฮองเฮาหันมาสบตากันทันที ต่างฝ่ายต่างมองเห็นว่าตอนที่จางลู่หลินมองมาที่พวกตนเหมือนกับมีความดีใจและเสียใจปะปนอยู่ อีกทั้งในแววตาของเด็กสาวก็ยังมีทั้งความเคารพและรักใคร่อย่างสุดซึ้ง

สวีฮองเอาอยู่ในวังหลวงมานานย่อมมองออกว่าใครเสแสร้งหรือจริงใจ จางลู่หลินเหมือนจะเสแสร้งแต่ก็ไม่ใช่ แววตาของนางใสกระจ่างบริสุทธิ์ไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำเลยแม้แต่น้อย

สวีฮองเฮายิ้มให้จางลู่หลินอย่างอ่อนโยน นางเดินลงมาจากที่นั่งและจับมือจางลู่หลินอย่างเป็นกันเอง หลี่เหว่ยลอบเบ้ปาก นึกอยากจะให้นางถูกมารดาของเขาก่นด่าสักยกหนึ่ง แต่กลับไม่เป็นไปตามแผน

นางแสดงละครทำเป็นสตรีบอบบางได้อย่างหน้าไม่อาย!

"เด็กดี เจ้าไม่ต้องมากพิธี ต่อไปนี้เรียกข้าว่าเสด็จแม่ดีหรือไม่"

เมื่อได้มองเห็นสวีฮองเฮาในระยะประชิดเช่นนี้ จางลู่หลินก็ดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ สวีฮองเฮามีใบหน้าเหมือนมารดาของนางมากจริงๆ

 สวีฮองเฮาหันไปยิ้มให้สามีของตนพร้อมกับเอ่ยอย่างมีความสุข

"ดูลูกสะใภ้ของเราสิ นางดีใจจนร้องไห้แล้ว ไหนให้แม่สามีช่วยเช็ดน้ำตาให้เจ้าเถอะ"

สวีฮองเฮายื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้จางลู่หลิน ทำเอานางดีใจจนอยากโผเข้าไปกอดสตรีตรงหน้าให้แน่นๆ

"ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่ หม่อมฉันเสียมรรยาททำขายหน้าแล้ว เพราะว่าหม่อมฉันกำพร้ามารดามาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อได้ยินพระองค์อนุญาตให้ทรงเรียกเสด็จแม่ จึงดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพคะ"

"ไม่ต้องร้อง คิดเสียว่าข้าและฝ่าบาท คือบิดามารดาที่แท้จริงของเจ้าเถอะ"

"ขอบพระทัยเพคะ"

จางลู่หลินพยักหน้าด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก หลี่เหว่ยกำมือแน่น ผิดแผนไปหมด กลับกลายเป็นว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่กลับเอ็นดูนางมากกว่าเขาเสียอีก!

การมาเยือนวังหลวงครั้งนี้ทำให้จางลู่หลินสุขใจยิ่งนัก ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนและสวีฮองเฮาดีกับนางเป็นอย่างมาก นางและแม่สามีสนทนากันได้อย่างถูกคอ สวีฮองเฮาถึงกับบอกว่าให้นางเข้าวังหลวงมาสนทนากันบ่อยๆ นางเองก็รับปากอย่างเต็มใจ

ด้านหลี่เหว่ยนั้นก่อนกลับเสด็จแม่ให้เขารั้งอยู่ในตำหนักก่อน ชายหนุ่มบอกให้จางลู่หลินไปรอที่หน้าตำหนักแล้วเขาจะรีบตามไป

เมื่ออยู่กันตามลำพังสามคนพ่อแม่ลูกท่าทีอ่อนโยนของสวีฮองเฮาก็พลันหายไปทันที นางเดินเข้ามาก่อนจะใช้กำปั้นทุบเข้าไปที่กลางหลังของบุตรชายอย่างเต็มแรง หลี่เหว่ยเบิกตากว้างจ้องมองมารดาของตนด้วยความตกใจ

"เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงมาทุบตีลูกเล่า"

"ยังมีหน้ามาพูด ข้าเห็นนะว่าเจ้าแอบหยิกเอวนาง หลี่เหว่ยเจ้าทุบตีนางอย่างนั้นหรือ นางน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนั้นเจ้าก็ยังรังแกนางได้ลงคอ"

"น่าเอ็นดูหรือ เสด็จแม่ นางเสแสร้งต่างหาก นิสัยของนางแท้จริงไม่น่าคบหา ท่านไม่รู้อันใด นางพ่นสุราใส่หน้าลูกในคืนเข้าหอด้วย"

"สมน้ำหน้า อยู่ดีดีนางจะพ่นสุราใส่หน้าเจ้าโดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไรกัน เพราะเจ้าทำตนเองต่างหาก ไม่รู้ล่ะ ลูกสะใภ้ผู้นี้ข้าถูกชะตากับนางมาก หากเจ้ารังแกนาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน"

"เสด็จแม่ ลูกใช่บุตรของท่านหรือไม่ หรือว่าท่านเก็บลูกมาเลี้ยงกันแน่!"

"หุบปาก เจ้าน่ะเถียงเก่ง ได้นิสัยบิดาเจ้ามาทุกกระเบียดนิ้ว บัดซบทั้งพ่อทั้งลูก!"

ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนถึงกับสะดุ้งโหยง อันใดกันอยู่ดีดีก็มาลงที่เขาเสียได้ เพราะลูกเวรนั่นคนเดียวเลยเขาจึงถูกเมียด่าเช่นนี้!

เมื่อสั่งสอนบุตรชายจนสาแก่ใจแล้ว สวีฮองเฮาก็บอกให้หลี่เหว่ยรีบกลับจวนไปเสีย ระหว่างนั้นก็เรียกกงกงเข้ามาสอบถาม ได้ความว่าคืนเข้าหอหลี่เหว่ยและจางลู่หลินไม่ได้หลับนอนด้วยกัน กลับทะเลาะกันเสียใหญ่โต นางมีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะกำชับบางอย่างกับกงกงสองสามประโยค กงกงพยักหน้าก่อนจะรีบไปทำตามรับสั่งทันที

จางลู่หลินรออยู่นานในที่สุดหลี่เหว่ยก็ออกมาจากตำหนักคุนหนิงเสียที เมื่อมาถึงเขาก็มองหน้าอย่างเย็นชา จางลู่หลินคร้านจะใส่ใจ นางเริ่มชินชากับหน้าตาไม่รับแขกของเขาเสียแล้ว จึงไม่อยากจะถือสาอันใดให้มากความ

"พี่ใหญ่ พี่สะใภ้!"

จางลู่หลินหันไปมองตามเสียง และได้พบกับบุรุษและสตรีน้อยที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกนาง พวกเขาคือน้องสาวและน้องชายของหลี่เหว่ย วันแต่งงานนางเห็นพวกเขามาร่วมงานแต่นางไม่ได้สนทนาอันใดกับพวกเขาเพราะถูกส่งตัวเข้าห้องหอเสียก่อน

หลี่เหว่ยปรายตามองหลี่ผิงและหลี่ฮวา น้องฝาแฝดของเขาอย่างรำคาญ 

"พวกเจ้าไสหัวมาขอเงินเสด็จพ่ออีกแล้วหรือ"

องค์ชายรองหลี่ผิงหันไปสบตากับหลี่ฮวาทันที พวกเขารู้ดีว่าพี่ใหญ่ปากเสียจนเป็นนิสัยจึงไม่ได้ถือสาหาแม้แต่น้อย

"พี่ใหญ่ ไว้มีเวลาข้าสองคนจะไปเยี่ยมท่านที่จวน ก่อนหน้านี้เสด็จแม่บอกว่าให้ข้าไปสนทนาเป็นเพื่อนพี่สะใภ้เพคะ พี่สะใภ้ ข้าพบท่านในงานแต่งวันนั้นแต่ไม่ได้เข้าไปสนทนาด้วย ท่านอย่าได้เมินเฉยต่อข้าเชียวนะ"

หลี่ฮวาเอ่ยจบก็ยิ้มให้จางลู่หลินอย่างเป็นมิตร จางลู่หลินยิ้มตอบนางเช่นเดียวกัน เพราะวันแต่งงานวุ่นวายมากนัก จึงไม่ได้สนทนาอันใดกันมาก

“ได้สิน้องสาว ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่จวนนะ”

“เพคะ พี่ใหญ่ท่านช่างเลือกพี่สะใภ้ได้ถูกใจข้านัก ข้าชอบนางมาก”

หลี่เหว่ยพยักหน้าอย่างขอไปที แล้วจึงหันมาเอ่ยกับหลี่ผิง

"หลี่ผิง ข้าได้ยินว่าเจ้าหนีเรียนอีกแล้วหรือ ท่านอาจารย์บอกว่าเจ้าหนีเรียนไปกัดจิ้งหรีด"

หลี่ผิงยิ้มตาหยีพร้อมกับพยักหน้ายอมรับโดยไม่รู้สึกสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย

"ใช่แล้ว เจอพี่ใหญ่ก็ดีเลย เงินข้าหมดแล้ว ไม่กล้าขอเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ รบกวนขอยืมท่านสักหน่อยได้หรือไม่"

เดิมทีจางลู่หลินคิดว่าหลี่เหว่ยคงจะด่าน้องชายเปิดเปิง เพราะท่าทีของเขาที่มีต่อน้องทั้งสองออกจะเย็นชาไปสักหน่อย แต่ที่ไหนได้เขากลับล่วงหยิบตั๋วเงินมอบให้กับหลี่ผิงอย่างว่าง่าย ซ้ำยังตักเตือนน้องชายไปหลายประโยค นางหรี่ตามองเขาด้วยความสงสัย ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนกับน้องสาวน้องชายทั้งสองมากถึงเพียงนี้

เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ต้องสนทนากันแล้ว หลี่ผิงและหลี่ฮวาก็ขอตัวจากไปทันที

หลี่เหว่ยคล้ายรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของจางลู่หลิน ชายหนุ่มจึงหันมาเอ่ยกับนางอย่างไม่พอใจ

"รีบกลับจวนสิ ยืนบื้ออยู่ทำไม"

จางลู่หลินพยักหน้าและเดินมาที่รถม้าพร้อมกับเขา เมื่อเข้ามานั่งในรถม้า จางลู่หลินก็ยื่นมือของตนมาหยิกเอวของหลี่เหว่ยอย่างเต็มแรงจนเขาแหกปากร้องลั่น

"เจ้าทำอันใด!"

"เมื่อครู่ท่านหยิกข้า ข้ายังไม่ได้เอาคืน ตอนนี้ได้เอาคืนแล้วถือว่าหายกัน"

จางลู่หลินไม่สนใจเขาอีก หลี่เหว่ยโมโหมากแต่ทำสิ่งใดไม่ได้ เขาจะทุบตีนางในรถม้าก็คงจะไม่เหมาะ ทำได้เพียงเอ่ยวาจาเหน็บแนมเรื่องที่นางแสร้งทำเป็นคนดีต่อหน้าบิดามารดาของเขา แต่จางลู่หลินทำราวกับเขาไม่มีตัวตน ไม่สนใจเขาสักนิด หลี่เหว่ยจึงเงียบปากไปเอง

เมื่อกลับมาถึงจวนได้ไม่นาน เขาก็พบว่ามีคนจากในวังนำของมามอบให้ที่จวน ล้วนเป็นของที่เสด็จแม่จัดเตรียมให้และกำชับว่าให้เขาและจางลู่หลินกินให้หมดเพราะเป็นอาหารมงคลที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องกินร่วมกันหลังจากแต่งงานได้หนึ่งคืน เขาสั่งให้คนไปเรียกจางลู่หลินมาที่โถงใหญ่ จะได้รีบกินให้เสร็จๆและแยกย้ายกันไป

"นี่คือสุราดอกซิ่งจากในวังหลวง รสชาติดีมาก พระชายาเอกท่านลองชิมดูพ่ะย่ะค่ะ"

กงกงเอ่ยอย่างนอบน้อม จางลู่หลินพยักหน้าและยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอกพบว่าสุราดอกซิ่งของในวังหลวงรสชาติเยี่ยมยอดสมคำร่ำลือจริงๆ หลี่เหว่ยก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดเช่นเดียวกัน เมื่อกินอิ่มแล้ว เขาก็คิดจะไล่จางลู่หลินให้กลับเรือนไปเสีย แต่คนทั้งสองยังไม่ทันจะได้แยกย้ายก็พบว่ากงกงที่เดินออกไปด้านนอกได้สั่งให้คนปิดล็อคประตูห้องจากทางด้านนอกและขังพวกเขาเอาไว้ในห้องตามลำพัง

จางลู่หลินตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ส่วนหลี่เหว่ยก็มีโทสะไม่ต่างกัน

"บังอาจนัก เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ผู้ใดใช้ให้พวกเจ้ามาปิดประตูขังข้าเอาไว้เช่นนี้ หากข้าออกไปได้ พวกเจ้าตายแน่!"

"ขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะองค์ชายใหญ่ นี่เป็นรับสั่งของสวีฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ"

เสด็จแม่อย่างนั้นหรือ!

หลี่เหว่ยสบถออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับหันมามองจางลู่หลินที่นั่งอยู่คราหนึ่ง เขาเห็นเพียงนางนั่งก้มหน้านิ่ง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินเข้าไปหานาง

"นี่เจ้า! นั่งโง่อยู่ทำไมกัน มาช่วยข้าหาทางเปิดประตูสิ!"

จางลู่หลินไม่ตอบ นางเอาแต่นั่งเงียบ หลี่เหว่ยหมดความอดทนแล้วจึงกระชากตัวนางขึ้นมา แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของนางชัดๆเขาก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้บนแก้มของนางมีหยดน้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรู ดูงดงามและน่าสงสารราวกับดอกหลีฮัวต้องฝน ชายหนุ่มพลันชะงักไป นี่เขาดึงนางแรงไปอย่างนั้นหรือ

"เจ้าร้องไห้ทำไมกัน"

จางลู่หลินไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากดื่มสุราไปนางก็รู้สึกร้อนมาก ร้อนจนแทบทนไม่ไหว นางคิดเรื่องต่างๆมากมายในหัว ทั้งเรื่องพ่อและแม่ของตน นางคิดถึงบ้าน คิดถึงโลกที่นางจากมา คิดถึงเหลือเกิน ยิ่งดื่มสุราจนเมามายก็ยิ่งทำให้นางคิดถึงพวกเขาเหล่านั้นจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ สุราดีเช่นนี้หากได้ดื่มกับพ่อแม่ในโลกปัจจุบันคงจะดีเหลือเกิน นางมาอยู่ที่นี่รู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนัก

"ลู่หลิน ข้ายังไม่ได้ตีเจ้าเลยนะ เจ้าร้องหาบิดาเจ้าหรือ!"

จางลู่หลินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหลี่เหว่ย พร้อมกับมองหน้าเขาเนิ่นนาน อยู่ๆหลี่เหว่ยก็รู้สึกว่าวันนี้นางดูงดงามกว่าทุกวัน อีกทั้งยังน่าทะนุถนอมเป็นอย่างมากอีกด้วย

เขาพยายามไล่ความคิดบ้าๆนี่ออกจากหัว ไม่รู้เพราะเหตุใดอยู่ๆร่างกายก็ร้อนลุ่มขึ้นมาเสียดื้อๆ เขายื่นมือไปเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของนางอย่างไม่รู้ตัว คนทั้งสองสบตากันเนิ่นนานราวกับถูกตรึงเอาไว้

ยิ่งพยายามหักห้ามใจ ก็เหมือนกับไฟในร่างกายยิ่งโหมกระหน่ำมากกว่าเดิม ท้ายที่ี่สุดก็ไม่อาจเอาชนะความต้องการได้ หลี่เหว่ยดึงร่างบางของจางลู่หลินเข้ามากอดเอาไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบนางอย่างดูดดื่ม หญิงสาวในอ้อมกอดมีท่าทีทางขัดขืนเล็กน้อย แต่ไม่นานร่างบางระหงก็อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา

เสียงครางหอบกระเซ่าดังลอดออกมาจากห้องจนเกือบถึงรุ่งสาง กงกงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พรูลมหายใจออกมา ก่อนจะรีบกลับวังหลวงไปรายงานความเป็นไปให้สวีฮองเฮาทรงทราบในทันที 

สวีฮองเฮาเมื่อได้ยินว่าแผนการราบรื่นไร้กังวล อีกทั้งบุตรชายและลูกสะใภ้ก็ได้เข้าหอด้วยกันเสียทีนางก็วางใจลงได้แล้ว

หึ! บุตรชายตัวดี ให้เข้าหอดีดีไม่ชอบ ชอบให้ใช้ยาปลุกกำหนัด มันน่านัก!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนจบ

    หลังจากดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงกลางดึก หลี่เหวยกลับมายังที่พักของตน ก่อนจะพบว่ายามนี้จางลู่หลินยังคงไม่เข้านอน หญิงสาวเอาแต่มองดวงจันทร์ที่ด้านนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่วูบไหว เขาที่เริ่มมึนเมาเล็กน้อย ตรงเข้าไปกอดนางจากทางด้านหลัง ก่อนจะซบใบหน้าลงไปที่ซอกคอขาวเนียนของนาง พลางเอ่ยถาม"พระจันทร์น่ามองตรงที่ใดกัน ข้ายังน่ามองกว่าตั้งเยอะ"จางลู่หลินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง "หลงตนเองเกินไปแล้ว"หลี่เหว่ยหันตัวนางให้กลับมามองเขา จางลู่หลินมองสบตากับบุรุษตรงหน้าเล็กน้อย"จางลู่หลิน เจ้ามันน่ารังเกียจ น่ารังเกียจยิ่งกว่าผู้ใด"เพียงเขาเอ่ยปากพูดก็เอาแต่พ่นวาจาเหน็บแนมนางจนนางคร้านที่จะถกเถียงกับเขาแล้ว หญิงสาวยื่นสองมือไปประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ และพินิจมองอย่างชื่นชม"หลี่เหว่ย ข้าว่า ข้าคงชอบท่านเข้าแล้วล่ะ ไม่สิ อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ชอบเท่านั้นแต่ข้าหลงรักท่านแล้วต่างหาก"หลี่เหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นแววตาก็ทอประกายวูบไหว เขาไม่ได้เมามายถึงขนาดขาดสติ ย่อมฟังวาจาที่นางกล่าวออกมาได้อยางชัดเจนแจ่มแจ้ง ใจของเขาเต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าค

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนที่ 31 ชัยชนะ

    เมื่อสงครามจบลง หลี่เหว่ยได้สั่งให้ฝังศพเหล่าทหารกล้าเอาไว้ที่ริมแม่น้ำซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดในชายแดน อีกทั้งยังเทสุราลงบนพื้นเป็นการไว้อาลัยให้กับพวกเขาที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาจนได้รับชัยชนะหลายบ้านที่บุตรชายกลับมาอย่างปลอดภัยล้วนดีใจเป็นอย่างมาก แต่บ้านที่ต้องสูญเสียบุตรชายในสนามรบต่างเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หลี่เหว่ยเองก็ปลอบประโลมพวกเขาเป็นอย่างดีเมื่อได้เห็นว่าเขาอ่อนโยนกับเหล่าชาวบ้านเช่นนี้ จางลู่หลินก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เขาเอาใจใส่ราษฎรเป็นอย่างดี เรื่องเล็กๆน้อยๆล้วนคิดอ่านอย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ที่หลี่หรงลอบนำกองกำลังทหารออกไปได้ และจัดการเผาทำลายหมู่บ้านหลานฮวา โชคดีที่หลีเหว่ยส่งคนเฝ้าจับตาดูมานานจึงช่วยเหล่าชาวบ้านออกมาได้ ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองหนานหลิงและปลอดภัยดี เฟิ่งเฉวียนก็ให้การดูแลพวกเขาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเมื่อได้รับชัยชนะ แน่นอนว่าย่อมต้องมีการเฉลิมฉลอง เหล่าชาวบ้านในชายแดนชำนาญการล่าสัตว์และใช้เหยี่ยว อาหารที่นำมาเลี้ยงฉลองจึงมีแต่อาหารที่ชาวบ้านกินกันเป็นประจำ แต่หลี่เหว่ยกลับไม่ได้รังเกียจ เขาร่วมดื่มกินกับเหล่าทหารอย่

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 30 สงคราม

    เมื่อแผนการถูกเปิดเผย แน่นอนว่าหรงหวาที่เป็นท่านหญิงผู้มาจากแคว้นฉานซี รวมถึงคนของแคว้นฉานซีทั้งหมดต้องถูกจับตัวมาขังเอาไว้เพื่อรอการไต่สวนเว้นแต่อาซาน ที่หลี่เหวยพาเขาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของตนและบอกความจริงทุกอย่างจนกระจ่างแจ้ง ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนยามนี้ล้มป่วยหนักจึงยกมอบเรื่องราวทุกอย่างให้หลี่เหว่ยเป็นคนจัดการ หลี่เหว่ยจึงเสนอความเห็นว่าจะให้อาซานร่วมรบกับแคว้นฉานซี เขาจะทำได้หรือไม่ที่ต้องสู้รบกับแคว้นบ้านเกิดของตน อาซานกลับรับปากโดยไม่ลังเล เขาบอกเพียงว่าขอเพียงหลี่เหว่ยไม่ทำร้ายราฎรผู้บริสุทธิ์ของแคว้นฉานซีเขาก็ยินดีร่วมรบ ส่วนท่านอ๋องและขุนนางชั่วทั้งหลายก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถิดหลี่เหว่ยนับถือในความเด็ดเดี่ยวของอาซาน นับว่าคนผู้นี้ยังมีสติปัญญารู้คิดว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาว หลี่เหว่ยก็ได้ทราบข่าวที่ส่งมาจากมู่กุ้ยเหมยที่อยู่ชายแดนว่า หลี่หรงนำกองทัพของตนเข้าร่วมกับแคว้นฉานซี บุกโจมตีชายแดนแคว้นหนานฉีอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ทหารล้มตายไปไม่น้อย ยามนี้นางพยายามต้านอย่างสุดกำลัง ขอให้เขาส่งกำลังเสริมมาช่วยนางโดยด่วนฮ่องเต้หลี่เจี้ยนมีราชโองการให้หลี่เหว่ยยนำกองทัพไปปราบ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 29 จุดจบคนชั่ว

    "ว่าอย่างไรนะ คนหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ หายไปได้เช่นไรกัน!"หรงหวาที่ได้ยินองค์รักษ์ลับเข้ามารายงานว่าบิดามารดาของอาซานได้หายออกไปจากจวนของแม่ทัพใหญ่มู่แล้วนางก็กำมือแน่น อีกทั้งยังลอบก่นด่าคนตระกูลมู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้งก่อนหน้านี้ตอนที่เดินทางมาแคว้นหนานฉีชินอ๋องหลี่หรงลูกพี่ลูกน้องของนางที่เกิดจากน้องสาวของท่านพ่อ ได้ฝากฝังนางให้แม่ทัพใหญ่มู่คอยดูแล นางจึงส่งบิดามารดาของอาซานไปคุมขังเอาไว้ที่ห้องใต้ดินของจวนตระกูลมู่ อีกทั้งยังให้แม่ทัพใหญ่มู่ทรมานคนตามที่นางสั่ง แม่ทัพใหญ่มู่เป็นคนของชินอ๋องหลี่หรง และเขาเองก็ร่วมมือกับแคว้นฉานซีต้องการจะโค่นล่มแคว้นหนานฉีเช่นเดียวกัน ความแค้นหนหลังของแม่ทัพใหญ่มู่และฮ่องเต้หลี่เจี้ยนนั้นนางไม่ได้ทราบรายละเอียดมากเท่าใดนัก แต่ก็นับว่าดีไม่น้อยที่มีคนหนุนหลังคอยช่วยเหลือแคว้นฉานซีของนาง ซ้ำยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มากฝีมือแห่งแคว้นเสียด้วยแต่ยามนี้คนกลับหายไป ไม่เพียงเท่านั้น เหล่านักโทษที่ถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดินของจวนตระกูลมู่ก็หายไปด้วยเช่นกัน หากเรื่องราวนี้รู้ถึงหูของฮ่องเต้หลี่เจี้ยนเกรงว่าแม้แต่นางก็อาจจะไม่รอดที่สำคัญ ยามนี้ไม่มีบิดามารดาขอ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 28 เอาใจภรรยาอีกหน

    ด้านหลี่เหว่ยนั้นก็ได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เสด็จพ่อของตนฟัง รวมถึงบอกว่าคนที่ถูกจับมาจะสามารถเป็นพยานอย่างดีให้พวกเราได้ และแม่ทัพใหญ่มู่ก็ไม่อาจหนีรอดจากการจับกุมในครั้งนี้ไปได้ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนกัดฟันกรอด เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่มู่จะทรยศและหักหลังเขาเช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบด้วยกันมา ต่อสู่ฝ่าฟันทุกอย่างมาด้วยกัน แต่วันนี้กลับคิดทรยศหักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น"รักษาคนที่ถูกจับให้หายดี แล้วทำการไต่สวนพวกเขา หาหลักฐานให้ได้มากที่สุด อีกไม่นานพวกมันคงจะรู้ตัวแล้ว เราต้องรีบจัดการก่อนที่คนร้ายจะไหวตัวทัน""พ่ะย่ะค่ะ""ที่สำคัญ พ่อเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่มู่คงไม่อาจจะวางแผนการนี้ได้คนเดียว ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาเป็นแน่ เจ้าจงระวังเอาไว้ให้ดี""ลูกทราบแล้ว เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน"“อืม”เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วหลี่เหว่ยจึงกลับมาที่จวนของตน เขายังไม่ได้บอกเรื่องของอาซานให้เสด็จพ่อทรงทราบ เพราะเรื่องของแม่ทัพใหญ่มู่ก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว เรื่องอื่นเขายังจัดการด้วยตนเองได้ หากหรงหวายังไม่ยอมรามือจากน้องสาวของเขา เขาจะไม่เก็บนางเอาไว้ คงทำได้เพียงส่งศีรษะของนางกลับ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 27 ช่วยเหลือ

    มู่กุ้ยเหมยขมวดคิ้วมุ่น นางสบตากับหลี่เหว่ยอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย นางไม่ได้ทำสิ่งใดผิดย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเกรงกลัว แต่ที่นางแปลกใจก็คือ เหตุใดหลี่เหวยจึงมาอยู่ในจวนของนางได้ อีกทั้งยังมีองค์หญิงหลี่ฮวาที่ตามมาด้วยหลี่เหว่ยที่เห็นว่ามู่กุ้ยเหมยไม่เอ่ยตอบ ก็ตรงเข้ามาประชิดตัวนาง ก่อนจะยกมีดสั้นวางทาบลงบนลำคอขาวเนียนของมู่กุ้ยเหมยอย่างรวดเร็ว"ตอบมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้า ต่อให้เป็นคนที่ข้าฝึกฝนมาเองกับมือ ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการละเว้น"มู่กุ้ยเหมยที่ถูกหลี่เหว่ยข่มขู่กลับไม่โกธร นางรู้ดีว่ายามอยู่ในสถาณการณ์คับขัน หลี่เหว่ยก็จะเย็นชาเช่นนี้อยู่เสมอ นางรู้จักเขามานานหลายปี นิสัยของเขานางเข้าใจดีมู่กุ้ยเหมยรีบคุกเข่าลง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม"เดิมทีหม่อมฉันก็สงสัยในตัวบิดาตนเองเช่นกัน จึงเข้ามาตรวจดูในห้องตำรานี้ ไม่คาดคิดว่าจะพบห้องลับ และพบว่าเขาจับคนมาขังเอาไว้และทรมานคนเหล่านั้นอย่างทารุณเช่นนี้ องค์ชายใหญ่โปรดวางพระทัย ต่อให้ตัวต้องตาย กุ้ยเหมยก็ไม่มีทางทรยศบ้านเมืองเด็ดขาด หากพระองค์มาเพื่อช่วยคน เช่นนั้นก็รีบมือเถิดเพคะ หม่อมฉั

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status