เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปจางไป่เจิงนำพากองทัพมาถึงจวนอ๋องตงไห่ เมื่อเห็นว่าจวนถูกล้อมไว้แน่นหนาจนมิอาจมีสิ่งใดเล็ดลอดออกไปได้ จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าหลี่หลงหลินจะหลบหนีออกจากเซิ่งเทียนได้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มยามราตรี เหล่าทหารต่างถือคบเพลิง แสงไฟจากคบเพลิงนับไม่ถ้วนลุกโชนส่องสว่างอยู่รายรอบนอกจวน ราวกับจะสาดแสงให้ท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่วเหล่าทหารที่ล้อมจวนต่างโห่ร้องยินดี เฉลิมฉลองที่กองหนุนเดินทางมาถึงเพื่อสนับสนุน"ยอดเยี่ยม! เมื่อมีแม่ทัพจางมาสมทบ ย่อมสามารถยึดจวนนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน!" "เพียงกองทัพตระกูลซูเล็กๆ จะเป็นคู่ต่อกรของแม่ทัพจางได้อย่างไร? นั่นคือกองทัพอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ยเชียวนะ! เป็นกองทัพที่แม้แต่ทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ยังสามารถเอาชนะได้!"เหล่าทหารตระกูลซูสีหน้าเคร่งขรึม ผู้ใดเลยจะคาดคิดว่าวันหนึ่งคมอาวุธในมือของตนจะต้องชี้ไปยังเหล่าทหารของจางไป่เจิง ต้องทราบว่า ครั้งที่อยู่ในเมืองหลวง กองทัพทั้งสองฝ่ายล้วนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งนัก ถึงกระนั้น เหล่าทหารตระกูลซูก็มิได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย ทุกนายยังคงสวมเกราะถืออาวุธมั่น ดวงตามีประกายไฟลุกโชน
จางไป่เจิงพยักหน้า เห็นด้วยว่าถ้อยคำของหลู่จงหมิงนั้นมีเหตุผลทว่าในใจของเขาก็ยังคงยากจะทำใจเชื่อได้ลงหลู่จงหมิงเอ่ยขึ้น “เหล่าราษฎรที่สวมชุดขาวหยาบไว้ทุกข์เหล่านี้ ล้วนมาส่งเสด็จฝ่าบาทด้วยความสมัครใจ...”“ตรงใจกลาง คือหีบพระบรมศพของฝ่าบาท...”จางไป่เจิงชะงักงันไปครู่หนึ่ง ทอดสายตามองไปยังหีบพระบรมศพ ณ ใจกลางกลุ่มคน ในห้วงเวลานั้นจิตใจพลันเหม่อลอยตรากตรำกรำศึกมาหลายสิบปี ตนเองยังไม่ได้ทดแทนคุณช่วยชีวิตของฮ่องเต้หวู่ เมื่อครั้งอดีตที่เคยจับกระบี่ขึ้นอาชา สาบานว่าจะทวงคืนแผ่นดินต้าเซี่ย สร้างความรุ่งเรืองมั่นคง แต่บัดนี้กลับต้องพรากจากกันชั่วนิรันดร์หยาดน้ำตาขุ่นสองสายพลันไหลรินจากดวงตาของจางไป่เจิงอย่างเงียบงันบุรุษไม่อาจหลั่งน้ำตาโดยง่าย เพียงแต่ยังไม่ถึงคราที่ใจสลาย!หลู่จงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านแม่ทัพจาง โปรดระงับความโศกเศร้า...”จางไป่เจิงไม่ได้สนใจ แต่กลับถอดหมวกเกราะออก แล้วค่อยๆ เยื้องย่างไปยังหีบพระบรมศพเหล่าราษฎรเมื่อเห็นจางไป่เจิงเดินมา ต่างก็พากันลุกขึ้นยืน เปิดเป็นช่องทางกว้างขวางให้เขา ซึ่งทอดยาวตรงไปยังหีบพระบรมศพที่ตั้งอยู่ใจกลางเบื้องหน้าหีบ
ณ เวลานี้หลังจางไป่เจิงได้รับคำสั่งทหารแล้วก็ออกจากเมืองหลวง นำทหารทั้งหมดเดินทางฝ่าหมู่ดาว ไม่หยุดพักทั้งวันคืน เร่งเดินทางมายังเขตตงไห่หลายวันต่อมาเขตตงไห่ ที่ศาลาสิบลี้กองทัพใหญ่เดินทางมา ฝุ่นควันตลบอบอวลอยู่ทางด้านหลังจางไป่เจิงสวมชุดเกราะ ขี่ม้านำทัพอยู่ด้านหน้า ควบม้าถืออาวุธ รัศมีน่าเกรงขามจางไป่เจิงเงยหน้าทอดสายตามองไป ดวงอาทิตย์ดุจโลหิต แดงก่ำไปทั้งผืนฟ้าชุดเกราะเปื้อนคราบศึกสะท้อนสีแดงโลหิตของท้องฟ้า คล้ายกองทัพที่ผ่านการนองเลือดมารองแม่ทัพรีบมาหยุดข้างกายจางไป่เจิง “แม่ทัพจาง ข้าน้อยล่วงหน้าไปดูเส้นทางมาแล้ว อีกสิบลี้ก็คือเขตตงไห่ แต่นอกประตูเมืองมีราษฎร์จำนวนมากรวมตัวกัน สวมใส่ผ้าป่านไว้ทุกข์ ยังมีโลงศพตั้งอยู่อีกด้วยขอรับ”จางไป่เจิงขมวดคิ้ว พูดเสียงเคร่งขรึม “ไปสืบสถานการณ์ข้างหน้า!”พูดไป ทหารทุกคนก็รีบตามจางไป่เจิงเร่งเดินทางไปเขตตงไห่เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปจางไป่เจิงมาถึงนอกประตูเมืองตงไห่ท่ามกลางแสงแดด โลงศพไม้หนานมู่เนื้อทองงดงามตั้งอยู่กลางถนนราษฎร์ทุกคนสวมผ้าป่านขวางทางจางไป่เจิงเหล่าราษฎร์เห็นจางไป่เจิงก็ร้องไห้หนัก ดังสั่นสะเทือนเลื่อนล
เจ้าบ้านสกุลโจวชะงักไป เผยสีหน้าสงสัย “พระเชษฐภาดา หากปล่อยให้จางไป่เจิงสืบต่อไป เรื่องฮ่องเต้หวู่สิ้นพระชนม์ย่อมหนีไม่พ้นพวกเรา!”หลู่จงหมิงพูดยิ้มๆ “เจ้าบ้านทุกท่านไม่ต้องกังวล บัดนี้สำคัญที่สุดไม่ใช่ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์เยี่ยงไร แต่สิ้นพระชนม์ไปแล้วจริงๆ ต่างหาก”เจ้าบ้านสกุลโจวพูดเสียงเคร่งขรึม “พระเชษฐภาดา หรือว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้วจริงๆ...?”จนถึงตอนนี้ เจ้าบ้านหลายท่านยังสงสัยต่อการตายของฮ่องเต้หวู่ คิดว่าไม่เป็นความจริง อย่างไรเสีย ฮ่องเต้หวู่ก็เป็นฮ่องเต้ พูดว่าสิ้นพระชนม์ก็สิ้นพระชนม์แล้วกระนั้น?สายตาหลู่จงหมิงกวาดมองเจ้าบ้านหลายท่าน “หรือพวกเจ้าคิดว่านี่เป็นอุบายของหลี่หลงหลิน เขาหลอกลวงพวกเราอยู่เบื้องหลังกระนั้น?”เหล่าเจ้าบ้านพยักหน้าหลู่จงหมิงหัวเราะลั่นออกมา “น่าขัน เขาหลี่หลงหลินต่อให้กล้ามากเพียงใด ก็ไม่กล้าออกอุบายเช่นนี้! นับตั้งแต่โบราณมาเรื่องฮ่องเต้สิ้นพระชนม์เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง ชนิดที่ว่ายังต้องผลัดเปลี่ยนราชสำนักอีกด้วย ไม่อาจดูเบาได้ ย่อมไม่ปล่อยให้แสดงละคร หากไม่ระวังอำนาจในราชสำนักก็จะล่มสลายได้! หากเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาหลี่หลงหลินจะสามารถรับผ
ข่าวจางไป่เจิงยกทัพไปตงไห่เผยแพร่ออกไป ทำให้เหล่าตระกูลชนชั้นสูงกระวนกระวาย แปดตระกูลใหญ่ล้วนกังวลภัยจะมาถึงตัวแปดตระกูลใหญ่อยู่ที่ตงไห่มานานนับร้อยปี ทรัพยากรของตงไห่ถูกจัดสรรปันส่วนจนหมดเกลี้ยงตั้งนานแล้ว แต่ละตระกูลต่างกุมชะตาชีวิตของตงไห่ไว้ในกำมือทำเกลือ ทอผ้า ตีดาบ ถลุงแร่...อำนาจของแปดตระกูลใหญ่ซับซ้อน หยั่งรากลึกอย่างมั่นคงครั้งนี้จางไป่เจิงยกทัพมาตงไห่ เกี่ยวพันถึงสถานการณ์ในภายภาคหน้าของตงไห่ ไปจนถึงอนาคตของแปดตระกูลใหญ่ ดังนั้นเจ้าบ้านทุกคนจึงไม่กล้ารอช้า พากันมาปรึกษาสถานการณ์กับหลู่จงหมิงจวนพระเชษฐภาดาหลู่จงหมิงเห็นเจ้าบ้านทุกคน อารมณ์ดีอย่างมาก เสียงหัวเราะอารมณ์ดีดังก้องไปทั้งโถง “ไม่ได้พบเจ้าบ้านทุกท่านนานมากแล้ว สบายดีหรือไม่! ช่วงนี้มีงานติดพัน ไม่สามารถรับรองดูแลทุกท่านได้ เสียมารยาทต้อนรับ หวังว่าจะให้อภัย”เจ้าบ้านทั้งหมดสวมใส่ชุดหรูหรานั่งล้อมอยู่ภายในหอประชุม สีหน้าแข็งทื่อดุจเหล็ก กระวนกระวายหวาดกลัว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเจ้าบ้านสกุลโจวผู้เป็นหัวหน้าค่อยๆ ลุกขึ้น “พระเชษฐภาดา วันนี้พวกเราเจ้าบ้านแปดท่านมารวมตัวกันไม่มีอารมณ์พูดล้อเล่นอยู่ที่นี่
ฮองเฮาหลินไม่เคยสูญเสียการควบคุมตนเองเช่นนี้มาก่อน ไม่มีท่วงท่าสง่างามเหมือนเมื่อครู่อีกหม่ายงก้มหน้าน้อยๆ พูดว่า “เพราะรัชทายาท ฝ่าบาทจึง...”จู่ๆ ทั้งตำหนักก็เงียบงัน ได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกฮองเฮาหลินอึ้งงันอยู่กับที่ ใบหน้าแข็งทื่อนางเองก็ทอดสายตามองหม่ายง พูดเสียงเคร่งขรึม “เจ้าหมายความว่าความตายของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับองค์ชาย?”หม่ายงรีบหมอบลง คุกเข่าบนพื้น “ฮองเฮา กระหม่อมก็แค่แจ้งพระองค์ตามข่าวที่ได้รับมาจากตงไห่ ไม่กล้าใส่สีตีไข่เลยแม้แต่น้อย รายงานตามสัตย์จริงพ่ะย่ะค่ะ!”หม่ายงย่อมรู้ว่าฮองเฮาหลินเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดหลี่หลงหลินพูดว่าลูกชายนางอกตัญญูเนรคุณต่อหน้ามารดา นั่นเท่ากับกำลังพุ่งชนกำแพงฮองเฮาหลินมองจางไป่เจิง เอ่ยถาม “แม่ทัพจาง ท่านเป็นคนสนิทของฝ่าบาท! ท่านบอกข้า ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่! เจ้ารู้จักองค์ชาย เขาไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้!”พูดไป ฮองเฮาหลินเกือบล้มลงกับพื้นโชคดีจางไป่เจิงมือไม้ว่องไว ประคองฮองเฮาหลินที่เกือบหมดสติไปเอาไว้ได้ฮองเฮาหลินพูดเสียงสั่น “เจ้าบอกข้า ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!”จางไป่เจิงส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วพูดว่า “ฮองเฮ
หลู่จงหมิงเริ่มจินตนาการตนเองสวมชุดมังกร ท่าทางกำลังนั่งอยู่ในท้องพระโรง ออกคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายบัดนี้ฮ่องเต้หวู่สิ้นพระชนม์ภายในจวนอ๋องตงไห่ หลี่หลงหลินกระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ล้างมลทินไม่สะอาด ยิ่งไปกว่านั้นขุนนางในราชสำนักก็ไม่มีวันปล่อยหลี่หลงหลินไปอย่างง่ายดายจะต้องทำให้เขาชดใช้อย่างสาสมบัดนี้ขอเพียงหาทางกำจัดหลี่หลงหลิน จากนั้นราชสำนักก็จะไม่ต่อต้านตนตนเองพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ย่อมสามารถครองตำแหน่งฮ่องเต้ที่ได้รับความเคารพจากทุกคน กลายเป็นกษัตริย์ของแคว้น!ความฝันอันงดงามที่หลู่จงหมิงวาดไว้ใกล้จะกลายเป็นจริงแล้ว รู้สึกมีความสุขภายในใจอย่างยากจะควบคุมได้หลู่จงหมิงตะเบ็งเสียง “เด็กๆ! รีบส่งม้าเร็วฟาดแส้ ส่งจดหมายลับเร่งด่วนแปดร้อยลี้ของข้าไปแจ้งเจ้ากรมคลังหม่ายงเรื่องฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว!”“รัชทายาทหลี่หลงหลินล่วงเกินเบื้องสูง ปลงพระชนม์โอรสสวรรค์ สมควรตาย! ขอให้ราชสำนักส่งทหารมาในทันที จับกุมหลี่หลงหลิน เพื่อปลอบโยนวิญญาณของฮ่องเต้หวู่บนสวรรค์! หากเด็กคนนี้ไม่ยอมออกมา ก็จะเป็นการทำลายความน่าเกรงขามของเชื้อพระวงศ์ต้าเซี่ยข้า!”สีหน้าหลู่จงหมิงแดงเรื่อ ข่มความดีใ
หลู่จงหมิงตะคอก “หลี่หลงหลิน! เจ้าบังอาจล่วงเกินเบื้องสูง อวดดีถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าขังฝ่าบาทไว้ในจวนอ๋องกระนั้น หรือเจ้าจะวางแผนก่อกบฏ? เจ้าจงรีบมอบตัวฝ่าบาทออกมา ยังสามารถละเว้นโทษตายของเจ้าได้!”หลู่จงหมิงร้องตะโกนอยู่นอกจวนอ๋องหลายชั่วยามแล้วประตูใหญ่จวนอ๋องปิดสนิท ไม่มีความเคลื่อนไหว อีกทั้งยังไม่เห็นคนของฮ่องเต้หวู่หลู่จงหมิงขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเพียงว่าอยู่ต่อหน้ากองทัพใหญ่ ตนเองเสียหน้าไปจนหมดสิ้นหลู่จงหมิงตะคอก “เหลวไหลไร้สาระ! ไม่เห็นข้าหลู่จงหมิงอยู่ในสายตาจริงๆ! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะบุกเข้าจวนอ๋องของพวกเจ้าในทันที!”รองแม่ทัพพูดเสียงเคร่งขรึม “พระเชษฐภาดา จะดูเบากองทัพสกุลซูไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจวนอ๋องปกป้องง่ายโจมตียาก หากลงมือขึ้นมาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ”หลู่จงหมิงสบถเสียงเย็น “ต่อให้เป็นเช่นนี้ ข้าก็จะถ่วงเวลากับเจ้าต่อไป ข้ามีเวลา ข้ากลับอยากเห็นว่าธัญพืชภายในจวนอ๋องของเจ้ายังยื้อต่อไปได้อีกนานมากเพียงใด รอจนกระทั่งธัญพืชหมดเกลี้ยงแล้ว ดูว่าเจ้าจะทำเยี่ยงไร!”“ถ่ายทอดคำสั่งข้า! ส่งทหารติดอาวุธมาเฝ้าทางเข้าออก ต่อให้เป็นแมลงวันก็อย่าคิดจะบินเข้าไป!”ทห
ซูเฟิ่งหลิงพูดเสียงเคร่งขรึม “องค์ชาย หากไม่ได้จริงๆ ก็ให้ข้าพาทหารออกไปต่อสู้กับพวกเขา ด้วยความกล้าหาญของกองทัพสกุลซู ต่อสู้กับอันธพาลอย่างพวกเขาเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่เพียงพอให้เอ่ยถึง!”หลี่หลงหลินพยักหน้าเบาๆ เงียบงันครู่หนึ่ง “ตอนนี้หลู่จงหมิงกำเริบเสิบสานต้องการตัวคน จะต้องมั่นใจว่าฝ่าบาทถูกธนูยิ่งได้รับบาดเจ็บแน่ สถานการณ์เร่งด่วนอย่างมาก”“ไม่สู้วางแผนซ้อนแผนเขา จะได้ให้ข้าเห็นว่าตกลงใครเป็นผู้บงการหลู่จงหมิงอยู่เบื้องหลัง ตกลงจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่!”หลี่หลงหลินมาถึงเมืองตงไห่ก็พบว่าจะเมินข้ามความสามารถของหลู่จงหมิงไม่ได้หลี่หลงหลินพูดเสียงเครียด “เสด็จพ่อ อิงตามการมองของลูก หลู่จงหมิงกล้ากำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ไม่เพียงเพราะฐานะพระเชษฐภาดาของเขา สำคัญที่สุดคือในมือของหลู่จงหมิงมีทรัพยากรส่วนมากของตงไห่ มีผลประโยชน์ให้แสวงหา”“บัดนี้หลู่จงหมิงจนตรอก ก็เพราะที่ดินศักดินาของสกุลหลู่ในตงไห่ถูกลูกจัดสรรให้ราษฎร์หมดแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจเช่นนี้ออกมา เกิดความคิดสังหารเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า สีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึมลง “เหตุใดเราคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้หลู่จงหมิงจะกล้าถึงเพียงนี